ตอนที่ 19 : บ่มเพาะร่างกาย
วันต่อมา
ดาวิสไปที่ลานฝึกในราชปราสาท มันเป็นสถานที่ที่ทายาทโดยตรงของจักรพรรดิเท่านั้นที่จะได้ใช้งาน ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่ามันว่างเปล่า
ตามปกติมันจะเต็มไปด้วยเจ้าหญิงและเจ้าชายที่พยายามเพิ่มพลังบ่มเพาะของตัวเอง แต่ตอนนี้ภาพเหล่านั้นิได้มีให้เห็นอีกแล้ว
เมื่อดาวิสมาถึงทางเข้า เขาเห็นชายวัยกลางคนที่ดูอายุราวสามสิบปีอยู่คนหนึ่ง ชายคนนี้กำลังมองทางอื่นและหันหน้ามาเจอดาวิสที่กำลังเดินเข้าหา
‘เฮนดริกสัน? เขาเป็นที่ปรึกษาไม่ใช่รึ? ตอนนี้เป็นอาจารย์ของข้าแล้วหรือ?’
ดาวิสใช้เนตรเทพมรณะมองอีกฝ่ายมาก่อนแล้ว เขาไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลหรือไม่ แต่มันก็ได้ผล
“ยินดีต้อนรับเจ้าชาย ข้าชื่อเฮนดริกสัน เป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิ และก็ยังเป็นที่ปรึกษากองทัพในยามสงครามด้วย จากนี้ไปข้าจะเป็นอาจารย์บ่มเพาะร่างกายให้ท่าน”
เฮนดริกสันโค้งคำนับเบา ๆ แนะนำตัว
“คุณเฮนดริกสัน จากนี้ไปฝากดูแลข้าด้วย”
ดาวิสทำท่าทางน่ารักราวกับว่าตื่นเต้นที่มีเขาเป็นอาจารย์จริง ๆ
“โอ้ ฝ่าบาท เรียกข้าว่าเฮนดริกสันก็พอแล้ว”
เฮนดริกสันไม่กล้าทำตัวอวดดี
ตระกูลราชวงศ์อาจมีกลอุบายมากมายเมื่อมีคนมากเกินไป แต่เขามั่นใจว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นในครอบครัวเล็ก ๆ เขายังรู้ด้วยว่าพวกเขาปกป้องกันและกันดีแค่ไหน
“ย่อมได้ คุ…เฮนดริกสัน”
ดาวิสจงใจพูดผิดและยิ้มอย่างน่ารัก
“ฮ่าฮ่า”
เฮนดริกสันหัวเราะเบา ๆ และถอนหายใจ
‘แล้วเหตุใดจักรพรรดิถึงให้ข้าฝึกเด็กข้าขวบล่ะ มิใช่ว่ามันเร็วเกินไปรึ? ต่อให้ข้าอยากปฏิเสธ องค์จักรพรรดิก็ไม่รับคำปฏิเสธเป็นแน่’
“เจ้าชายดาวิส ข้าได้ยินจากองค์จักรพรรดิว่าท่านฝึกร่างกายมาบ้างแล้ว ขอข้าดูร่างกายท่านหน่อย”
เฮนดริกสันปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาดูร่างกายของดาวิส จากนั้นก็เห็นตลับสมบัติชั้นนภาและจี้ และเขาก็พอจะเดาการใช้งานของตลับได้แต่ไม่รู้ว่าจี้มีไว้ทำอะไร
“หืม? ท่านฝึกร่างกายมาอย่างดี ตามข้ามา องค์ราชินีรอท่านอยู่ในห้องฝึกร่างกาย”
เฮนดริกสันเริ่มเดินไป
“หืม? ท่านแม่เหรอ? ได้เลย!”
ดาวิสเดินตาม
“คุ…เฮนดริกสัน ตอนนี้พลังบ่มเพาะทุกระบบอยู่ขั้นไหนเหรอ?”
ดาวิสถามด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“โอ้ ฝ่าบาท ไม่ได้ยิ่งใหญ่นักหรอกครัับ ในทั้งสามระบบ ข้าเชี่ยวชาญระบบบ่มเพาะร่างกาย ข้ามาถึงขั้นเงินระดับสุดยอดที่เป็นขั้นเปลี่ยนแปลงร่างกายระดับกลาง ส่วนวิญญาณก็อยู่ในขั้นวิญญาณอ่อนระดับต่ำ”
เฮนดริกสันอธิบายอย่างใจเย็นแม้ว่าเขาเองนั้นจะแอบภูมิใจก็ตาม
‘อะไรกัน? เนตรเทพมรณะของข้าบอกรายละเอียดของผู้บ่มเพาะขั้นวิญญาณอ่อนได้งั้นรึ?’
ดาวิสแอบทึ่ง เขาไม่กล้าใช้มันกับแม่และพ่อ เขาไม่แม้แต่กล้าใช้กับสาวใช้และข้ารับใช้เพราะวิตกว่าอาจจะมียอดฝีมือลับที่รับมอบหมายปกป้องคุ้มครองเขาอยู่
เขากลัวถ้าถ้ามีคนรู้ว่าเขากำลังแอบเจาะข้อมูลของใคร เขาจะต้องอธิบายสิ่งที่เขาไม่อยากพูดออกไป
เพราะอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าบันทึกมรณะเป็นเพียงความลับเดียวที่เขาไม่ควรเผย
“โอ้ เยี่ยมไปเลย! คุ…เฮนดริกสัน”
เฮนดริกสันขมวดคิ้ว เขาได้ยินแต่ดาวิสเรยกเขาว่า ‘คุ เฮนดริกสัน’ ทุกครั้งแต่เขาก็ทำได้แค่แอบอดทน
‘หรือว่าเราจะลองใช้บันทึกมรณะ ไม่ ไม่ ถ้าทำแบบนั้นเขาอาจจะตาย ฆ่าเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะได้ผลกับเขารึเปล่า บันทึกมรณะจะใช้ได้ผลกับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งกว่าเรามากไหมนะ?’
‘มนุษย์บนโลกมีระดับวิญญาณเท่ากันหมด บันทึกมรณะจึงทำงานกับคนพวกนั้น ถึงอย่างนั้นมันก็มีข้อจำกัดอยู่เต็มไปหมด กฎคงไม่เหมือนกันบนโลกใบนี้ จะต้องมีข้อจำกัดที่ต่างออกไปด้วยแน่’
ดาวิสรู้สึกปวดหัวอย่างหนักเมื่อคิดว่าจะทดลองกับคนเพื่อทดสอบพลังของมัน
‘ถ้างั้นก็หมายความว่า ข้าต้องไปใช้กับคนที่สมควรตายอยู่แล้ว ในคุกน่าจะใช้ทดลองได้ดี…’
ดาวิสฉีกยิ้มเมื่อคิดพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า
พวกเขามาถึงสถานที่ที่เรียกว่าห้องฝึกร่างกายในเวลาไม่นาน
นี่ไม่ใช่แค่สถานที่เดียวที่ใช้บ่มเพาะพลังในลานฝึก แต่ยังมีห้องอื่นอยู่อีกด้วย
ห้องฝึกร่างกายนั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์การฝึกมากมาย ดาวิสเห็นแม่รอเขาอย่างอดทน เขาเห็นรอยยิ้มของแม่และรีบเดินไปหานางทันที
“แม่เตรียมนี่ไว้ให้เจ้าแล้ว พื้นฐานร่างกายและพลังของเจ้าอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้บ่มเพาะคนอื่นในระดับเดียวกัน”
แคลร์ยิ้มและชี้ไปที่อ่างอาบน้ำไม้
“โอ้โห!”
ดาวิสแอบประทับใจ แต่เขาก็ต้องแกล้งทำตัวเป็นเด็กต่อหน้าคนอื่น
“ในอ่างอาบน้ำนั่น มีโอสถร่างทรราชชั้นนภาระดับต่ำเจือจางในวารีจิต ร่างกายเจ้าไม่แข็งแกร่งพอจะรับโอสถทั้งเม็ด ร่างเจ้าจะระเบิดเอาได้”
“ฝ่าบาท ขอข้าพูดได้หรือไม่?”
เฮนดริกสันถาม
“ได้เลย ที่ปรึกษา”
แคลร์พยักหน้า
“ไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือที่เจ้าชายจะบ่มเพาะร่างกาย? ถ้าเจ้าชายจิตใจบอบช้ำจนบ่มเพาะไม่ได้อีกล่ะ?”
เฮนดริกสันเพียงแค่กังวลว่าถ้าดาวิสตกอยู่ในอันตราย เขาจะต้องรับโทษแทน
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น พวกเราเชื่อใจลูกของเราสุดหัวใจ เขาจะต้องทำได้!”
แคลร์ประกาศอย่างมั่นใจ
เฮนดริกสันงุนงงและหันไปมองใบหน้าเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของดาวิส
‘พวกเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?’
“เช่นนั้นก็ย่อมได้ ฝ่าบาท เข้าไปในอ่างอาบน้ำและเริ่มบ่มเพาะเคล็ดร่างทรราชได้เลย เราจะเจือจางโอสถให้ท่านดื่มก็ได้ แต่เราอยากให้ร่างกายของท่านรับความเจ็บปวดที่น้อยกว่า เราอยากให้ท่านคุ้นเคยกับความเจ็บปวดเสียก่อน”
เฮนดริกสันกล่าว
ดาวิสยิ้มอย่างไร้เดียงสาและพยักหน้า เขาเข้าไปในอ่างอาบน้ำ เขารู้สึกเจ็บปวดทั้งร่างกายในทันทียกเว้นแต่ศีรษะ เขาเบิกตากว้างและรู้แล้วว่าการบ่มเพาะร่างกายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
ดาวิสเริ่มใช้เคล็ดร่างทรราชและอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสอยู่สองชั่วโมงก่อนที่จะปรับตัวได้มากขึ้น
แคลร์เข้าใกล้และป้อนโอสถเจือจางที่รุนแรงกว่าโอสถในอ่างอาบน้ำ ถ้าหากรูขุมขนเขาเปิด เขาจะดูดซับเนื้อโอสถที่เจือจางเข้าไปได้ แต่ตอนนี้มันกำลังจะสูญเปล่าแล้ว
ดาวิสรู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในกำลังลุกไหม้ ถึงอย่างนั้นเขาก็บ่มเพาะเคล็ดร่างทรราชต่อไปขณะที่กัดฟันแน่น เขาไหลเวียนพลังที่ดูดซับมาผ่านเส้นพลังในร่างกาย
ความรู้สึกเจ็บปวดของการบ่มเพาะร่างกายดำเนินต่อไปอีกสองชั่วโฒงจนกระทั่งมีเสียงเบา ๆ ดังมาจากร่างกายของเขา
*กร๊อบ!-*
ร่างกายของเขาเปล่งรังสีพลังสีน้ำตาลแดงออกมาขณะที่เขารู้สึกว่าพละกำลังของเขาทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด
การได้รู้สึกว่าพลังเอ่อล้นออกมาจากร่างทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถยกรถทั้งคันได้ด้วยมือเดียวถ้าเขาได้ลอง!
แคลร์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเขาสำเร็จขั้นทองแดงขณะที่เฮนดริกสันเองก็ตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเจ้าชายอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสของการบ่มเพาะร่างกายได้!