ตอนที่แล้วตอนที่ 17 : ทะลวงพลัง ขั้นก่อวิญญาณระดับกลาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19 : บ่มเพาะร่างกาย

ตอนที่ 18 : เตรียมการ


“ดาวิส ถ้าลูกมีวิญญาณที่แข็งแกร่งแล้วลูกก็จำเป็นต้องเป็นนักหลอมโอสถด้วย มิเช่นนั้นพรสวรรค์ที่สวรรค์ประทานให้คงสูญเปล่า”

แคลร์รบเร้าลูกชาย

“เอ๋?”

ดาวิสทำหน้างุนงงและอยากจะร้องไห้

‘นี่คนหลอมโอสถจากหม้อหลอมน่ะเหรอ? อ่านในนิยายก็ดูง่ายอยู่หรอก แต่ของจริงจะง่ายแบบนั้นรึเปล่า?’

แคลร์เห็นสีหน้าของเขาและพูดทันที

“อะไรกัน? เจ้ารู้ด้วยเหรอว่านักหลอมโอสถคืออะไร? เจ้ารู้ไหมว่าการบ่มเพาะด้วยโอสถน่ะง่ายแค่ไหน? เจ้ารู้ไหมว่านักหลอมโอสถได้รับความนับถือมากเพียงใดในทวีปมหาสมุทรแห่งนี้?”

“พอแล้ว พอแล้ว ท่านแม่ไม่ต้องอธิบายแล้ว…ให้ท่านพ่อสอนข้าก็พอ ดีไหม?”

ดาวิสรู้อยู่แล้วว่าพวกนักหลอมโอสถได้รับความนับถือในเรื่องใด เรื่องความขี้เหนียวยังไงล่ะ

แคลร์จ้องโลแกนในทันทีส่วนเขานั้นมองรอบ ๆ และเริ่มผิวปากราวกับไม่ได้ยินอะไรเลย

แคลร์พูดกับดาวิสด้วยใบหน้าที่แทบจะไม่เหลือรอยยิ้มแล้ว

“ดาวิส พ่อเจ้าน่ะเป็นผู้สืบบัลลังก์คนที่ห้าและไม่ได้สนใจอะไรนอกจากผู้หญิงกับการบ่มเพาะ เขาน่ะอวดดีและก็ไม่ได้ฝึกหลอมโอสถเลย เขาคือพ่อไม่ได้เรื่องที่สอนเจ้าหลอมโอสถไม่ได้นะ”

“แคลร์!!”

โลแกนหน้าแดงด้วยความอับอาย

นี่คือประวัติอันดำมืดที่เขาไม่อยากให้ใครรู้ ถ้าหากมีคนรู้ว่าเขาที่เป็นจักรพรรดิไม่รู้เรื่องรู้ราวในการหลอมโอสถก็คงจะถูกหัวเราะเยาะไปจนตาย

ดาวิสกลืนน้ำลายกับคำพูดเฉียบคมของแม่ที่บางครั้งก็ฆ่าคนได้

‘ช่างหัวบันทึกมรณะไปก่อน ข้าควรมีบันทึกท่านแม่มากกว่า!’

เมื่อเห็นสีหน้าอับอายแคลร์ก็รู้สึกว่านางพูดเกินไปและพูด

“เขาหยุดยุ่งกับสตรีอื่นก็เมื่อเริ่มหลงรักข้า อย่างน้อยพ่อเจ้าก็มีคุณธรรมในเรื่องนี้…”

โลแกนเริ่มที่จะรับได้และรักษาหน้าเอาไว้ได้แล้ว

“ไม่ต้องห่วง แม้ว่านักหลอมโอสถส่วนใหญ่จะได้รับความนับถือ แต่ก็เทียบกับจักรพรรดิแห่งอาณาจักรชั้นนภาอย่างข้าไม่ได้ และพรสวรรค์ของเจ้าก็สูงมากจนแม้แต่ข้ายังอิจฉา นักหลอมโอสถอาจจะหาทางรับเจ้าเป็นศิษย์โดยตรงด้วยซ้ำถ้ารู้ว่าวิญญาณเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน!”

โลแกนอธิบายด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ

ในตอนนั้นเองเขาก็หรี่ตา

“ปัญหาก็คือ มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะเปิดเผยพรสวรรค์ของเจ้าต่อสาธารณะ เราเพิ่งจะรอดจากภัยพิบัติมาได้ และความเข้มแข็งโดยรวมของเราก็ลดต่ำลง ต่อให้เราจะเป็นอาณาจักรที่ทรงพลัง เราก็ต้องระวังให้มากพอที่จะไม่ตกหลุมอุบายผู้ใด เช่นการลอบสังหาร”

แคลร์ครุ่นคิดและพูดบ้าง

“เช่นนั้นเราควรจะเชิญนักหลอมโอสถระดับสูงที่เชื่อถือได้มาสอนดาวิสในราชปราสาท เราเชิญอย่างลับ ๆ ได้หลายช่องทาง แม้ว่าการเชิญจะล้มเหลว เขาก็จะแกะรอยเรากลับมาไม่ได้”

“แบบนั้นก็ได้”

โลแกนพยักหน้าฟังความเห็นของภรรยา

“หมายความว่าข้าจะออกไปเดินเล่นในเมืองหลวงไม่ได้งั้นเหรอ?”

ดาวิสไม่อยากจะเรียกบันทึกมรณะออกมาที่นี่เพราะพ่อแม่ของเขาอาจจะรู้ได้ ส่วนเหตุผลที่เขาไม่เอามันออกมาในหอไถ่ถอนก็เพราะว่าเขาคิดว่าที่นั่นถูกจับตาดูอยู่เช่นกัน

“แน่นอน เจ้าจะไม่ได้ออกไปนอกปราสาทซักก้าวเดียวถ้าไม่มีพ่อหรือแม่ไปกับเจ้า มันอันตรายเกินไป”

แคลร์ตำหนิ

“แม้ว่าเมืองหลวงจะเป็นบ้านของเราน่ะเหรอ?”

ดาวิสแสดงข้อกังขาออกไป

“ในเบื้องหน้า เมืองหลวงอาจดูสงบ แต่มีความอันตรายมากมายที่เกิดขึ้นโดยที่พวกเราไม่รู้ตัว”

โลแกนพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและพูดต่อ

“ตั้งแต่เกิดกบฏ พวกเราอ่อนแอลงอย่างมากซึ่งทำให้อาณาจักรอื่นส่งสายลับ นักฆ่า และอะไรทำนองนั้นเข้ามา บอกไม่ได้เลยว่าชาวเมืองซักคนที่เห็นอาจจะมีพลังบ่มเพาะมหาศาล และอาจเข้าหาเจ้าจากที่ใดที่หนึ่งเพื่อฆ่าเจ้าและตายตามเจ้าไป”

ดาวิสกลืนน้ำลาย

‘ข้าประมาทโลกใบนี้เกินไป’

แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่ามีคนปกป้องเขา เขาก็แค่คิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องปกติของราชวงศ์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นไม่มีการพยายามเอาชีวิตเขาเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายคิดว่าโลกนี้ปลอดภัย

“และข้าก็ยังรู้ว่าเจ้าอยู่ไหนเพราะข้าวางรอยวิญญาณไว้กับเจ้า”

“ตรงไหนกัน?”

ดาวิสตกใจในทันทีและตรวจสอบหาสิ่งแปลกปลอมในวิญญาณตัวเอง

สัญลักษณ์ที่เหมือนกับยันต์สีทองสว่างพุ่งออกจากวิญญาณโลแกนสู่วิญญาณดาวิส

“นี่ไง…”

โลแกนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะที่แคลร์หัวเราะ

ดาวิสรู้ว่าเขาโดนหลอกในตอนนี้ เขาจ้องมองพ่อและแอบสาบานว่าจะต้องแก้แค้นให้ได้

“ดาวิส แม่เองก็จะทำแบบนั้นนะ แม่จะได้ลงมือทันทีที่เกิดเรื่องฉุกเฉิน”

แคลร์พูดอย่างอ่อนหวาน

“ได้สิท่านแม่”

ดาวิสทำได้แค่ยอมแพ้

ถ้ามีคนวางรอยวิญญาณแล้วหนึ่ง จะมีสองคนก็ไม่ต่างกันมากนัก และถ้าเขาพูดอย่างอื่น พ่อและแม่อาจจะถอนรอยวิญญาณออก แต่มีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองจะสงสัยเขาแทน ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้นในช่วงนี้และในอนาคต

“หึหึ เจ้าโง่”

แคลร์ดีใจมากที่ดาวิสไม่ต่อต้านหรือจำกัดอะไรต่อนาง นางยังให้สมบัติป้องกันชั้นนภาระดับต่ำกับเขาและอยู่ในรูปแบบของตลับ

“ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าอยากบ่มเพาะร่างกายแล้ว”

ดาวิสประกาศอย่างจริงจัง

“ไม่ได้! เจ้าต้องทำให้การบ่มเพาะวิญญาณของเจ้าสงบลงก่อน”

“การบ่มเพาะวิญญาณของข้าสงบดีแล้วนี่”

ดาวิสตอบอย่างรวดเร็ว

“งั้นเจ้าก็ต้องรอให้ร่างกายเจ้าชินกับความเจ็บปวด”

“ท่านพ่อ ข้าชินกับความเจ็บปวดแล้วนะ”

ดาวิสยิ้มเยาะ

โลแกนตากระตุก

‘ถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะไม่ปล่อยหมัดเจาะสวรรค์แล้วทะยานขึ้นไปเลยหรือ?’

เขาถอนหายใจ

“ก็ได้ ข้าจะหาครูสอนการบ่มเพาะร่างกายให้เจ้าเอง และแคลร์จะเป็นคนจัดทรัพยากรที่ต้องใช้ในการทะลวงพลังให้”

“ท่านพ่อไม่สอนข้าหรอกรึ?”

ดาวิสถามอย่างจริงจัง

“ขอโทษนะดาวิส แต่พ่อไม่ได้มีเวลาสำหรับทุกเรื่องหรอก”

โลแกนทำหน้าลำบากใจ

“ข้าเข้าใจ”

ดาวิสรู้ว่าพ่อในฐานะจักรพรรดิมีหน้าที่การงานมหาศาลที่ต้องทำจนไม่มีเวลาให้เขา

“ท่านพ่อ แล้วการบ่มเพาะรวมแก่นแ…”

“ข้ารู้ ถ้าเจ้าบ่มเพาะร่างกายแล้วเมื่อไหร่ แคลร์จะช่วยบ่มเพาะรวมแก่นแท้ของเจ้า”

โลแกนหมดความอดทนกับเรื่องพิลึกแบบนี้มามากพอแล้ว

บ่มเพาะพลังรวดเร็วเช่นนี้ ลูกชายเดวิสของเขาจะประกาศสงครามกับสวรรค์หรืออย่างไร?

“หรือให้ข้าหาครูสอ…”

“ไม่ล่ะ ขอบคุณ…”

ดาวิสมีความสุขที่จะได้อยู่กับแม่ของเขามากกว่า

โลแกนหัวเราะ

“ฮ่าฮ่า เอาล่ะ ตอนนี้ข้าเริ่มจะยุ่งขึ้นแล้ว คนของข้าจะวิตกถ้าข้าหายตัวไปนาน ข้าต้องกลับไปแล้ว วันนี้เจ้ากับแคลร์พักไปก่อน อย่าให้แคลร์สอนอะไรเจ้ามากนักในวันนี้ ให้แม่พักมากกว่านี้ก่อนนะ”

“ข้ารู้ท่านพ่อ ข้าจะอยู่กับคลาร่าในห้องสมุดไปก่อน ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลท่านแม่เอง!”

โลแกนและแคลร์ยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของเขา

โลแกนจากไป โดยอุ้มแคลร์ท่าเจ้าหญิงไปที่ห้องด้วย

ดาวิสยิ้ม

‘บางทีวันนึง ข้าอาจจะได้อุ้มท่าเจ้าหญิงกับคนที่ชอบข้าก็ได้…’

เขายิ้มกว้างกับความคิดตัวเองและเดินไปที่ห้องสมุด

‘เฮ่อ ดูเหมือนแค่แอบออกจากปราสาทก็ทำไม่ได้แล้ว ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม! มากพอที่ท่านพ่อท่านแม่จะยอมให้ออกไป!’

เพลิงลุกโชนในดวงตาดาวิส

เขาเข้าใจว่าเขาเป็นแค่เด็กห้าขวบ แต่เขาก็อยากจะออกไปดูโลกภายนอก!

อย่างน้อยตอนนี้แค่ถนนใกล้ ๆ ราชปราสาทก็ได้…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด