บทที่ 50: เร็วเข้าและยอมจำนน
บทที่ 50: เร็วเข้าและยอมจำนน
ซูไป่ลู่กลับมายังที่พักพร้อมกับความรู้สึกที่หลากหลาย
พลังของขอบเขตเทพนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการ
เมื่อเทียบกับลมพายุจากก่อนหน้านี้แล้ว “ศาสตร์ผนึกการเคลื่อนไหว” ที่เธอเพิ่งจะเผชิญมากับตัวเองนั้นก็น่ากลัวไม่แพ้กันเลย
เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าร่างกายของเธอจะสามารถถูกบังคับให้หยุดอยู่กับที่แบบนั้นได้ด้วย
“ขอบเขตเทพ มันมีขอบเขตเทพอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน!” ดวงตาของซูไป่ลู่เป็นประกายในขณะที่เธอตัดสินใจ “ถ้าคนอื่นสามารถเข้าถึงมันได้ งั้นทำไมข้าซูไป่ลู่ถึงจะทำบ้างไม่ได้?”
“แต่เริ่มเดิมที หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตประตูลึกล้ำและกลายมาเป็นปรมาจารย์ ความมุ่งมั่นตั้งใจของข้าก็หย่อนยานลงเล็กน้อย แต่หลังจากที่ข้ากลับไปยังสำนักในคราวนี้ ข้าก็จะเข้าสู่สันโดษและทะลวงไปสู่ขอบเขตเซียนเทียน!”
“ในช่วงชีวิตนี้ ข้าซูไป่ลู่จะต้องไปถึงขอบเขตเทพให้ได้!”
….
เฉียนคังกำลังตื่นตระหนก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นเมืองจูเหอเบื้องหน้าเขา เขารู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
ในฐานะผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของหลิวหลี่เต๋า และทูตพิเศษที่ถูกส่งมายังมณฑลจูเหอเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ เขาก็ไม่ควรจะมีความคิดเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่อธิบายอยู่ในรายงานนั้นก็ไร้สาระเกินไป
และไม่ว่ามันจะเป็นของจริงหรือของปลอม แต่มันก็ทำให้เฉียนคังรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเป็นอย่างมาก
แม้ด้วยพลังของมณฑลเล็กๆ แบบนั้น แต่พวกเขาก็ยังสามารถเอาชนะและมีชัยเหนือกองทัพที่แข็งแกร่งกว่า 50,000 นายได้!
สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร?
“ท่านผู้ว่าการบอกให้ข้าตรวจสอบเรื่องรายงานก่อนจึงจะไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับมณฑลจูเหอต่อ” เฉียนคังควบม้าของเขาและชะลอความเร็วลง เขาคิดกับตัวเองว่า “ความแข็งแกร่งของมณฑลจูเหอจะเป็นตัวตัดสินว่าลูกท้อของพวกเขาจะถูกเด็ดหรือไม่”
แม้ว่าหลิวหลี่เต๋าจะไม่ได้อธิบายเป้าหมายสุดท้ายของเขา แต่เขาก็กำชับไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าให้ตรวจสอบรายงานก่อนเท่านั้นและไม่ต้องตัดสินใจใดๆ และหลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว เขาก็จะต้องรีบกลับไปที่มณฑลลู่เพื่อรายงานในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังมีการระบุเป็นพิเศษว่าตราบใดที่มันไม่ได้เป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา เขาก็ควรจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะไม่ไปสร้างความขัดแย้งกับผู้คนจากมณฑลจูเหอ
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะดูว่าพวกเขากำลังติดต่อกับคนประเภทไหนอยู่
“ข้าหวังว่ารายงานนี้จะเป็นข่าวปลอมนะ” เฉียนคังตั้งความหวังในใจของเขา
ตราบใดที่รายงานนี้เป็นของปลอม เขาก็จะไม่ต้องกังวลอะไรมากหนัก
ในทางกลับกัน ถ้าสิ่งที่อยู่ในรายงานนั้นเป็นความจริง เขาก็คงจะจบไม่สวยอย่างแน่นอน
นี่เป็นเพราะหากผลงานของมณฑลจูเหอถูกผู้ว่าการหลิวปล้นในที่สุด ผู้ว่าการมณฑลจูเหอก็คงจะไม่ปล่อยเขาไปแน่
ไม่ว่าจะยังไง ผู้ว่าการมณฑลจูเหอก็ได้เอาชนะกองทัพทหารจำนวน 50,000 นายลงดะ และแม้ว่าเขาจะไม่กล้าต่อต้านหลิวหลี่เต๋าโดยตรงแต่ในฐานะผู้ว่าการ เขาก็ยังสามารถจัดการกับปลาซิวตัวเล็กๆ อย่างเขาได้อยู่ดี
และในเวลานั้น มันก็คงจะไม่ยากที่จะบอกว่าผู้ว่าการหลิวจะปกป้องเขาหรือไม่ มันจะเป็นอย่างไรถ้าอีกฝ่ายผลักไสเขาออกไปเพื่อเอาใจผู้ว่าการมณฑลจูเหอ?
อย่างไรก็ตาม หากความแข็งแกร่งของมณฑลจูเหอแข็งแกร่งมาก และพวกเขาก็สามารถเอาชนะกองทัพที่แข็งแกร่งกว่า 50,000 นายได้ด้วยกำลังของพวกเขาเองจริงๆ มันก็จะมีค่าเท่ากับการบอกผู้ว่าการหลิวว่าเขาไม่สามารถเด็ดลูกท้อลูกนี้ได้…
และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถถูกตำหนิในเรื่องนี้ได้ แต่มันก็ยังอาจจะทำให้ผู้ว่าการหลิวไม่พอใจได้ แบบนี้แล้วอนาคตของเขาจะไม่พังพินาศเอาหรอ?
ไม่ว่าจะยังไง เขาก็จะต้องทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขุ่นเคืองอย่างแน่นอน
ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา…
“หากรายงานเป็นเรื่องจริง… แม้ว่าผู้ว่าการหลิวจะเมตตาข้ามาก และยอมให้ข้าใช้ม้าอันล้ำค่าของเขาในตอนนี้ แต่ข้าก็ยังไม่สามารถยอมรับจุดจบเช่นนั้นได้”
เฉียนคังมองไปที่ประตูเมืองที่ใกล้เข้ามา ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น “หากมณฑลจูเหอมีพลังมากพอที่จะเอาชนะกองทัพของโจรหยานที่แข็งแกร่งกว่า 50,000 นายได้จริง งั้นข้าเข้าร่วมกับเขาไม่ดีกว่าหรอ?”
ในฐานะผู้ช่วยของหลิวหลี่เต๋า เขาก็รู้สถานการณ์ของมณฑลลู่เป็นอย่างดี ต่อให้พวกเขาจะใช้กำลังทั้งหมดของพวกเขา แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะต้านทานกองทัพทหารจำนวน 50,000 นายของโจรหยานได้
ด้วยเหตุนี้เอง ถ้ามณฑลจูเหอพึ่งพาเพียงความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อเอาชนะกองทัพของโจรหยานจริงๆ งั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชนะมณฑลลู่ด้วย!
ในโลกที่โกลาหลวุ่นวายเช่นนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็ย่อมได้รับความเคารพ
เห็นได้ชัดว่าอนาคตของเขาจะดีกว่าแน่นอนถ้าเขาหันมาติดตามชายคนนี้แทน
“ท่านผู้ว่าการ ข้าขอโทษด้วย” เฉียนคังรู้สึกผิดในใจและคิดกับตัวเองว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ใครๆ ก็ไม่อยากอยู่ในโลกที่วุ่นวายเช่นนี้หรอก ข้าไม่มีทางเลือก!”
“แน่นอน ข้ายังคงหวังว่ารายงานนี้จะเป็นของปลอม จากนั้นเราก็จะได้แสร้งทำเป็นว่ามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เห้อ…”
….
หลิวหลี่เต๋ากังวลมากเกี่ยวกับเรื่องของมณฑลจูเหอ ด้วยเหตุนี้เอง ม้าของเฉียนคังจึงเป็นม้าที่เร็วที่สุดเป็นอันดับสองของมณฑลลู่
เขาเดินทางตลอดทั้งวันและคืน มันรวมเป็นระยะทางทั้งหมด 300 กิโลเมตร
และหลังจากที่เฉียนคังเข้ามาในเมือง เขาก็ไม่สามารถถามเกี่ยวกับสถานการณ์ได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงต้องค้นหาสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเพื่อสรุปสถานการณ์จากบทสนทนาของผู้คนในเมือง
และหลังจากได้พบกับเบาะแสเบื้องต้น เขาจึงจะได้รู้ว่าเขาควรจะเริ่มตรวจสอบจากตรงไหน
ด้วยวิธีนี้ มันก็จะไม่มีใครสงสัยในตัวเขามากนัก
อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าวันนี้ทุกคนดูเหมือนจะไปรวมตัวกันทางใต้ของเมือง
สิ่งนี้ทำให้เฉียนคังรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะหยุดเด็กหนุ่มร่างผอมที่ดูธรรมดาๆ แล้วถามว่า “น้องชาย พวกเจ้ากำลังไปไหนกันหรอ?”
ชายหนุ่มคนนั้นคือจ้าวกู่ตัน เขาเกาหัวและพูดด้วยความสับสน “ท่านไม่รู้จริงๆ หรอ? เมื่อวานนี้ท่านผู้ว่าการได้เรียกลมพายุมาที่หน้าประตูเมืองเพื่อทำลายกองทัพชาติชั่วของเจ้าหยานชาติหมา และตอนนี้ เขาก็กำลังจะทำการประหารหัวแม่ทัพชั่วหวังชุนในที่สาธารณะ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็สลัดแขนของเฉียนคังและรีบเดินตามฝูงชนไป
จ้าวกู่ตันมีความบาดหมางกับหวังชุนเป็นพิเศษ พ่อแม่พี่น้องของเขาทั้งหมดล้วนเสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของหวังชุน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่อยากจะพลาดฉากที่หวังชุนถูกตัดศีรษะ
“ห้ะ!” เฉียนคังอดไม่ได้ที่จะหลุดอุทานออกมา หัวใจของเขากำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง “หวังชุน? ผู้บัญชาการสูงสุดหวังชุน? น้องชายของราชาหยาน? ไม่ได้การ ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตา!”
เขารีบเดินตามและแฝงตัวเข้ากับฝูงชน ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงทางใต้ของเมือง
หวังชุนถูกล่ามไว้อยู่บนแท่นเวที
และแม้ว่าเขาจะยังไม่ถูกตัดศีรษะ แต่เขาก็ใกล้จะตายแล้ว
นี่เป็นเพราะเขาถูกล่ามไว้ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน และตลอดวันที่ผ่านมา สามัญชนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้เข้ามาขว้างไข่เน่าและปาผักใส่ศีรษะของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกทหารที่หยุดพวกเขาเอาไว้ ไข่เน่ากับผักก็คงจะถูกเปลี่ยนกลายเป็นก้อนหินเรียบร้อยแล้ว
“มันคือหวังชุนจริงๆ! นี่ นี่ ข้าควรจะทำยังไงดี?” เฉียนคังมองไปที่นักโทษที่กำลังจะตายและตกตะลึง เขาเคยเห็นภาพเหมือนของหวังชุนมาก่อน ดังนั้นเขาจึงจำอีกฝ่ายได้ในทันที
ระหว่างทาง เขาก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์การต่อสู้เมื่อวานนี้มาจากบทสนทนาของชาวเมืองโดยรอบ
อันที่จริง การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเพราะโชคหรืออะไร
นั่นเพราะตามคำบอกเล่า ผู้ว่าการมณฑลคนใหม่ของมณฑลจูเหอก็ได้สาดน้ำลงมาจากบนกำแพงเมือง และทันใดนั้นมันก็เกิดพายุที่รุนแรงขึ้น ฟ้าแลบและฟ้าร้องดังก้องในขณะที่เขาใช้พลังแห่งสวรรค์และปฐพีเพื่อเอาชนะกองทัพของโจรหยาน
ชาวเมืองทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวด้วยความมั่นใจ นั่นเพราะพวกเขาได้เห็นมันด้วยตาของพวกเขาเอง
และมันก็ยังเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน!
อย่างไรก็ดี เมื่อได้ยินดังนี้ เฉียนคังก็รู้สึกสงสัยจริงๆ ว่าเขากำลังได้ยินอะไร
ทั้งหมดนี่มันไร้สาระเกินไป!
ข้าคิดว่าเขาจะเป็นแม่ทัพที่แกร่งสะท้านโลกา ข้าไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะเป็น... เซียน?!
ในขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้นเอง…
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีคนมาตบไหล่เขา
เฉียนคังหันกลับมาและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งตัวเป็นนายอำเภอกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา “เจ้าเป็นใคร?”
ใบหน้าของฮุ่ยฉีสงบนิ่งเหมือนกับเหล็กและหิน เขาพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “มากับข้า ท่านผู้ว่าการต้องการจะพบเจ้า”
“…” เฉียนคังตกตะลึงในทันที ตัวตนของเขาถูกเปิดโปงแล้วอย่างนั้นหรอ?
“ไม่ต้องแปลกใจ” เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ฮุ่ยฉีก็กล่าวอย่างใจเย็น “เจ้านายชาติชั่วของเจ้าไม่เพียงแต่จะส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อรวบรวมข้อมูลเท่านั้น แต่เขายังส่งอีกฝ่ายมาที่นี่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นก็ได้ถูกส่งไปยังสำนักงานเทศมณฑลของเราแล้วและเขาก็ขายเจ้าเรียบร้อยแล้ว”
“…” เฉียนคังตกตะลึง
ให้ตายเถอะ เขายังลังเลอยู่เลยว่าเขาจะมอบตัวดีหรือไม่ แต่ถึงอย่างงั้น มันก็กลับมีคนลงมือไปแล้ว??
ทำไมเขาถึงไม่สนใจจะรอต่ออีกสักนิดเลยกันล่ะ?!
“ไปกันเถอะ หรือว่าเจ้าต้องการจะให้ข้าจับเจ้าไปแทนดี?” ฮุ่ยฉีกล่าวด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร
“ไม่! ไม่จำเป็น! ข้าเดินเองได้! ข้าเดินเองได้!” เฉียนคังพยักหน้าและเดินตามอีกฝ่ายไปในทันที
ในขณะนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากแท่นเวทีด้านหลังเขา
“ไอ้เด็กเหลือขอปัญญาอ่อน ถ้าเจ้ากล้าฆ่าข้า เจ้าก็จะต้องตายอย่างน่าสยดสยอง! เมื่อพี่ชายของข้าบุกมาโจมตีเมืองบ้านี่เมื่อไหร่ เขาก็จะฝังพวกเจ้าทั้งเมืองร่วมกับข้าอย่างแน่นอน!”
ทันทีที่เขาพูดจบ—
กระบี่ของเพชฌฆาตก็ได้ฟันลงมาแล้ว มันตัดหัวของหวังชุนขาดอย่างง่ายดายราวกับเป็นเต้าหู้
ในชั่วพริบตา ชาวเมืองทั้งหมดก็ส่งเสียงโห่ร้องอย่างยินดีออกมา!
เฉียนคังอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง เขาเห็นเลือดสดพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับน้ำพุ มันทำให้เขากลัวมากจนสั่นสะท้านไปทั้งตัวและฝีเท้าของเขาก็เริ่มเร่งเร็วขึ้น
“ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว! ชีวิตของผู้ว่าการไม่มีอะไรเทียบได้กับของข้า!”