ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 144 พยัคฆ์ร้าย งูพิษ และอีแร้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 146 สิ่งลวงตาในสังคมมนุษย์

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 145 เพลิงสีขาว


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 145 เพลิงสีขาว

แปลโดย iPAT  

เฉียนหรงจื่อเข้าใจหลี่ฉิงซานมากขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้ เขาอาจกล้าหาญและยึดมั่นในศีลธรรมแต่เขาไม่ใช่คนโง่ ทุกคนรู้ว่ามันเป็นความพยายามที่สูญเปล่าในการเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นหก อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานกลับไม่กลัว

ก่อนหน้านี้นางจงใจตรวจสอบเขาเพื่อยืนยันอีกครั้งว่าเขาไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆที่เขาสามารถพึ่งพา แล้วเขาพึ่งพาสิ่งใด?

ย้อนกลับไปบนเรือ เฉียนหรงหมิงไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของเตียวเฟยแต่เป็นหลี่ฉิงซาน เขามีวิธีซ่อนความแข็งแกร่ง

เป็นไปได้หรือไม่ที่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาจะเหนือกว่าจอมยุทธ์ขั้นสอง

นี่ทำให้เฉียนหรงจื่อนึกถึงบางสิ่ง การหายตัวไปอย่างลึกลับของจ้าวเหลียงฉิงและฟู่หรงอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นางรู้จักความแข็งแกร่งของเฉียนเยี่ยนเหนิงเป็นอย่างดี แม้หลี่ฉิงซานจะสามารถผ่านปราณดาบสองเล่มแต่ชายชรายังมียันต์ที่ทรงพลังจำนวนมากอยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติ แล้วเหตุใดเขาไม่ใช้มัน?

นางปิดเปลือกตาและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

เฉียนเยี่ยนเหนิงมองนางด้วยความโกรธแต่เขาไม่ได้เปิดปากด่าทอนาง เพราะเหตุใด? คางของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลแต่บาดแผลฉกรรจ์อยู่ที่หน้าอกซึ่งเป็นเหตุผลที่การโจมตีของนางสามารถทำร้ายเขา

เมื่อเฉียนเยี่ยนเหนิงปรากฏตัวขึ้น เขาแทบหมดลมหายใจแล้ว หลี่ฉิงซานอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ เขาเอาชนะเฉี่ยนเยี่ยนเหนิงในการเผชิญหน้าโดยตรง

สิ่งที่เป็นไปได้ก็คือหลี่ฉิงซานมีไพ่ตายที่ทรงพลังมากซึ่งเป็นเหตุผลที่เขากล้าทำตัวยโสและหยิ่งผยอง

นางนึกถึงบาดแผลของเฉียนเยี่ยนหนิงและรู้สึกว่าหลี่ฉิงซานอาจแข็งแกร่งกว่าที่เขาแสดงออก เขาขโมยกระเป๋าร้อยสมบัติ ทุบคาง และเจาะหน้าอกของชายชราในพริบตา หลังจากนั้นเขาก็ทำตัวเป็นนักแสดงเพื่อปกปิดความแข็งแกร่งของตน หากเป็นเช่นนั้น ทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผล การกระทำและคำพูดทั้งหมดของหลี่ฉิงซานก็สอดคล้องกัน

เขาทำตัวเหมือนหัวขโมยที่ขี้ขลาดแต่กลับฉลาดยิ่งกว่าราชา แน่นอนว่าหลี่ฉิงซานไม่เคยคิดว่าทุกสิ่งที่เขาทำจะถูกมองออกอย่างง่ายดาย

เฉียนหรงจื่อยังเห็นมากกว่านั้น พยัคฆ์ร้ายตัวนี้กำลังนอนอยู่ในป่าและรอให้อีแร้งโฉบลงมาจากท้องฟ้า ผู้ใดคือนักล่าและผู้ใดคือเหยื่อ เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด!

จ้าวจื่อป๋อเป็นคนกล้าแต่เขากลับมองไม่เห็นอันตรายที่ซ่อนอยู่ เขาไม่ต่างจากเฉียนเยี่ยนเหนิงที่ดูเหมือนเป็นคนฉลาดและมีประสบการณ์แต่แท้จริงพวกเขากลับประมาทและโง่เขลา อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ความผิดของคนทั้งสอง หลังจากทั้งหมดพวกเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดใช้สมอง

เห็นได้ชัดว่าเฉียนหรงจื่อไม่ใจดีพอที่จะเตือนจ้าวจื่อป๋อ มันเหมือนกับก่อนหน้า นางยังคงมีความสุขไม่ว่าฝ่ายใดจะเสียชีวิต สิ่งที่นางคาดหวังมากที่สุดคือให้พวกเขาตกตายไปพร้อมกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าหลี่ฉิงซานมีโอกาสชนะ ภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในความมืดน่ากลัวที่สุด นางเข้าใจสิ่งนี้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าหากนางใช้เรื่องนี้คุกคามหลี่ฉิงซานในเวลานี้ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน หากนางรายงานเรื่องนี้กับจ้าวจื่อป๋อ มันก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นบางทีนางอาจถูกฝังไปพร้อมกับหลี่ฉิงซาน ท้ายที่สุดคำเตือนของหลี่ฉิงซานก็ไม่ใช่เรื่องตลก

หากนางเดิมพันข้างหลี่ฉิงซาน เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการตายของจ้าวจื่อป๋อ?

นางพิจารณาความเป็นไปได้เหล่านี้อย่างจริงจัง การเป็นคนเจ้าเล่ห์ไม่ใช่เรื่องง่าย ในเวลาเดียวกันจิตใจที่เย็นชาของนางก็ละทิ้งสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศหรือความอัปยศอดสูไปหมดแล้ว ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์

ทันใดนั้นสายลมก็พัดขึ้นมาจากหลุมศพและปะทะใบหน้าของเฉียนหรงจื่อทำให้หัวใจของนางสั่นไหว นางสบถอย่างติดตลก “ไอ้ผีบ้า!” หลังจากนั้นนางก็เลิกคิดถึงเรื่องของหลี่ฉิงซาน นางมีเรื่องสำคัญต้องจัดการในตอนนี้

ถึงเวลาแล้วที่นางจะกลับไปเยี่ยนบ้าน

นางเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พ่อแม่พี่น้องของนางคงรอจนเบื่อแล้ว

หลังจากเฉียนหรงจื่อจากไป บางอย่างที่น่าตกใจก็เกิดขึ้นใต้พื้นดินในหลุมศพ

รอยแตกคล้ายใยแมงมุมขยายตัวออกไปก่อนจะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เปลวเพลิงสีโลหิตแผ่กระจายออกไปทุกทิศทางและกลืนกินซากศพทั้งหมด

ท่ามกลางความมืด ซากศพที่เน่าเปื่อยกลายเป็นส่วนหนึ่งของเปลวเพลิงที่บริสุทธิ์

โครงกระดูกนับพันร่วงลงสู่ก้มหลุมขณะที่เสี่ยวอันนั่งไขว้ขาอยู่กลางกองเพลิง

เสี่ยวอันชี้นิ้วลงไปทำให้เพลิงโลหิตกลายเป็นอสรพิษเลื้อยผ่านหัวกะโหลกที่ก้นหลุม

เพลิงโลหิตลุกไหม้ขึ้นในเบ้าตาที่ว่างเปล่าของหัวกะโหลกเหล่านั้น ต่อมาโครงกระดูกทั้งหมดก็เริ่มสั่นไหวก่อนจะบินขึ้นมารวมตัวกัน

โครงกระดูกนับพันเต้นรำอยู่ท่ามกลางกองเพลิง เสียงฟันที่กระทบกันเหมือนเสียงร้องเพลง พวกมันล้อมรอบเสี่ยวอันราวกับกำลังทำพิธีบูชายัญอันยิ่งใหญ่

ตอนนี้เพลิงโลหิตสามารถผสานรวมกับโครงกระดูกขณะที่เสี่ยวอันสามารถควบคุมพวกมันได้ตามใจปรารถนา อย่างไรก็ตามโครงกระดูกที่อ่อนแอไม่สามารถเอาชนะจอมยุทธ์พลังปราณ

ท่ามกลางเพลิงสีเลือด เพลิงสีขาวซีดค่อยๆส่องสว่างขึ้น

ความสุขปรากฏขึ้นในรูเบ้าตาของเสี่ยวอัน นี่คือเปลวเพลิงที่พัมนาขึ้นอีกขั้น เพลิงสีขาว!

มันสามารถละลายกระดูกราวกับลูกกวาด

หลังจากไม่นานหัวกะโหลกก็ถูกหลอมกลายเป็นเหลวสีขาวซีดหยดลงกลางหน้าผากของเสี่ยวอัน

เขาเงยศีรษะขึ้นและยังหลอมกระดูกต่อไป

เพลิงสีขาวหลอมละลายกระดูกของเสี่ยวอันเช่นกัน

กระบวนการนี้เป็นขั้นตอนที่เจ็บปวด มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงหรือถูกเลื่อยเหล็กตัดเฉือนร่างกาย

เพียงชั่วครู่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดากลายเป็นคนบ้าหรือแม้แต่เสียชีวิต อย่างไรก็ตามเปลวไฟในเบ้าตาของเสี่ยวอันยังลุกโชติช่วง เขาไม่กลัว

เมื่อใดก็ตามที่ความเจ็บปวดหนักหนาจนเกินจะทน เขาจะนึกถึงคืนที่หิมะตกบนผาดาบน้ำแข็ง

หลี่ฉิงซานผลักเขาออกไปและบอกให้เขาซ่อนตัวก่อนจะปีนขึ้นสู่ผาดาบน้ำแข็งเพื่อเผชิญหน้ากับความตาย

เสี่ยวอันยืนอยู่ท่ามกลางสายลมและหิมะเพียงลำพังเป็นเวลานาน เขาไม่ได้ซ่อนตัวตามคำสั่งของหลี่ฉิงซานแต่ร่างกายของเขากลายเป็นแข็งทื่อ ความหนาวเย็นพุ่งเข้าไปในกระดูกของเขา เขาคิดด้วยความหวาดกลัวว่าหลี่ฉิงซานจะตายหรือไม่ หลังจากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงและรู้สึกเจ็บปวด

สุดท้ายเขายังติดตามไปและสามารถช่วยสนับสนุนหลี่ฉิงซานในช่วงเวลาสำคัญ เมื่อทุกอย่างจบลง เขาเฝ้ามองหลี่ฉิงซานคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่กัดฟันและกำหมัดแน่น

อิทธิพลของคืนนั้นส่งผลกระทบต่อเสี่ยวอันไม่น้อยไปกว่าหลี่ฉิงซาน

แล้วสิ่งที่เขาประสบอยู่ในเวลานี้จะเทียบกับความเจ็บปวดในเวลานั้นได้อย่างไร?

เปลวเพลิงสีขาวซีดห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์ มันชำระล้างสิ่งสกปรกและทำให้กระดูกของเขาบริสุทธิ์ขึ้น กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปราวกับไม่มีวันสิ้นสุด

ก่อนที่เขาจะได้รับร่างใหม่ เขาต้องทำให้แน่ใจว่าร่างใหม่ของเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะทำให้เขาสามารถติดตามหลี่ฉิงซาน

…..

หลี่ฉิงซานมาถึงจวนเจ้าเมืองและให้ฝ่ายหลังนำทรัพย์สินของเขาออกประมูล

เจ้าเมืองรู้สึกปลื้มใจมาก “ข้าคงไม่สามารถขายพวกมันทั้งหมดออกไปได้ในทันที”

หลี่ฉิงซานกล่าว “นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นแม้ท่านจะลดราคาลงเล็กน้อย มันก็ไม่เป็นไร ถือว่าข้ามอบผลประโยชน์ให้ชาวเมืองวายุบรรพกาล” เขาไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองมากนัก เดิมทีเขาคิดว่าจะโยนพวกมันเข้าไปในกองไฟ แต่นั่นอาจนำไปสู่ความวุ่นวายครั้งใหญ่ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาต้องทำเช่นนี้

เจ้าเมืองกล่าว “ท่านทำความดีไม่มีที่สิ้นสุด ข้าต้องขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านที่มีต่อชาวเมืองวายุบรรพกาล”

หลี่ฉิงซานยิ้ม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ “เพียงทำให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน” แม้จะไม่มีการแจ้งเตือน แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าเจ้าเมืองจะกล้าฉ้อโกงเขา อย่างมากที่สุดเขาก็จะหาประโยชน์เล็กๆน้อยๆจากเรื่องนี้เท่านั้น

เจ้าเมืองถาม “ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”

หลี่ฉิงซานกล่าวก่อนจะเดินจากไป “ข้าจะอยู่ในเมืองสักพัก อย่ารบกวนข้า”

เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉิงซานจะไม่พักในโรงเตี้ยมอีกต่อไป เขาเป็นเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ของเมือง ดังนั้นเขาจึงเลือกบ้านหลังเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ตระกูลเฉียนเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อน สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาสามารถมองเห็นหลุมศพได้จากที่นั่น

เขายืนอยู่ในลานบ้านและมองปลาคาร์พว่ายอยู่ในบ่อขณะคิดถึงเสี่ยวอัน

เขาตระหนักว่าเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์เป็นวิธีการบ่มเพาะที่น่าประทับใจ มันไม่ต้องพึ่งพาเม็ดยาใดๆเพื่อยกระดับและมันยังทรงพลังมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อมีข้อดีก็มีข้อเสีย เคล็ดวิชานี้ต้องการคนที่มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา นอกจากนั้นผู้ฝึกฝนยังต้องอดทนต่อความเจ็บปวด

เสี่ยวอันเป็นเพียงเด็กแต่เขาฉลาดและแข็งแกร่งมาก หลี่ฉิงซานไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องกังวลคืออนาคตของพวกเขา

หลังจากหลายปีผ่านไป ครอบครัวของเสี่ยวอันอาจเสียชีวิตไปแล้ว บางทีอาจมีเพียงหลุมฝังศพที่รอเด็กน้อยอยู่ หากเป็นเช่นนั้นหลี่ฉิงซานตั้งใจที่จะรับเลี้ยงเขา

หลี่ฉิงซานเกาศีรษะและหัวเราะ “ฮ่าฮ่า ความคิดของข้าช่างชั่วร้ายนัก”

ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไม่คิดมาก เขานั่งลงบนพื้นและโยนเม็ดยารวบรวมพลังปราณเข้าปาก ความขมและความฝาดที่แผ่ซ่านไปทั่วปากทำให้เขารู้สึกหัวโล่งขึ้น จากนั้นเขาก็เริ่มการบ่มเพาะ

แสงแดงส่องลงมาบนใบหน้าของเขา ขนตาของเขาสั่นก่อนที่เขาจะเปิดเปลือกตาขึ้น

ที่ขอบฟ้าทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์สีแดงค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างช้าๆแต่มั่นคง มันเปล่งแสงและมอบความอบอุ่นให้กับโลกใบนี้ หมอกสีขาวกระจายหายไป ทุ่งข้าวสาลีสีทองเคลื่อนที่ไปตามสายลมในยามเช้า