ตอนที่ 7: มิน่าล่ะ (อ่านฟรี)
เฉียวเหม่ยช่วยปู่ของเธอเข้าไปในบ้านและรินน้ำลงในถ้วยชาที่สะอาดวิบวับ
จากความทรงจำในอดีต ร่างกายของปู่ค่อยๆ หมดแรงและใกล้จะจากไป เธอจึงเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนในการแสดงความกตัญญูกตเวที
เฉียวเฉียงหยิบถ้วยชาขึ้นมา จ้องมองโต๊ะและพื้นที่สะอาดสะอ้านตรงหน้า
เฉียวเหม่ยรู้ว่าเป็นเพราะเธอเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เกินไป ทำให้ปู่ถึงกับไปไม่เป็นอยู่บ้าง
เจ้าของร่างเดิมไม่เคยทำหน้าดีๆ ต่อญาติผู้ใหญ่คนนี้เลย เธอมักจะกรีดร้องและตะโกนตลอดทั้งวัน ชักสีหน้าบึ้งตึงเป็นครั้งคราวราวกับว่าปู่เป็นศัตรูของเธอ
“ปู่ หนูโตแล้ว ที่ผ่านมาหนูอาจจะทำตัวไม่ดีไปบ้าง แต่ตอนนี้หนูอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง หนูหวังว่าทุกอย่างต่อจากนี้จะดีขึ้นกว่าเดิม” เฉียวเหม่ยมองไปที่ตาของปู่และพูดกับเขาด้วยความจริงใจ
“อา แน่นอน แน่นอน” เฉียวเฉียงน้ำตาซึม ก้มหน้าดื่มน้ำเพื่อปิดบังอารมณ์ของตัวเอง
“ดื่มช้าๆ เดี๋ยวสำลัก”
“อา ชื่นใจๆ ปู่ชื่นใจที่สุด”
เฉียวเฉียงดื่มน้ำและพยักหน้าหงึกๆ ด้วยความปลาบปลื้ม ทว่าก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “เขาล่ะ? เซี่ยเจ๋อไปไหน?”
“เขามีหน้าที่ต้องไปทำก็เลยกลับไปก่อนค่ะ”
“ว่าไงนะ! กลับไปทั้งอย่างนั้นเลยรึ? เขาไม่พูดอะไรเลยเรอะ?” ดวงตาของเฉียวเฉียงเบิกกว้างด้วยความตกใจและโมโห
“แล้วปู่จะให้เขาพูดอะไรล่ะคะ?” เฉียวเฉียงนั่งลงข้างๆ และพูดอย่างช้าๆ ว่า “เป็นเราที่ผิดเองในตอนแรก พวกเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เอาเรื่อง”
“แต่...แต่....” ผู้เป็นปู่มองหลานสาวที่มีใบหน้าดำคล้ำ จากนั้นก็นึกถึงเซี่ยเจ๋อแล้วก็นึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เซี่ยเจ๋อเป็นคนดี ไม่มีทางจะพูดว่าถูกหลานสาวของเขาเอาเปรียบ
“แต่ถ้าหลานไม่แต่งงานกับเขาแล้วจะอยู่อย่างไรในอนาคต? หลานทำกับข้าวไม่เป็นและไม่รู้เรื่องทำไร่ทำนา ที่เราอยู่บ้านหลังนี้ได้เพราะปู่ยังอยู่ ถ้าปู่ตาย ครอบครัวของเฉียวซวงจะต้องยึดบ้านหลังนี้แน่ ปู่กลัวว่าหลานจะถูกขายให้กับคนโง่!”
เฉียวซวงเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของเฉียวเฉียง แต่เฉียวซวงถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอื่นตั้งแต่เล็ก ดังนั้นเขาจึงไม่สนิทกับเฉียวเฉียง
ครอบครัวอุปถัมภ์เลี้ยงดูเฉียวซวงแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เฉียวซวงจึงคุ้นเคยกับการถูกกดขี่ข่มเหง เวลาผ่านไป ลูกชายของเฉียวซวงก็ยิ่งกักขฬะและไร้ศีลธรรมยิ่งกว่าคนเป็นพ่อ
ถ้าไม่ใช่เพราะเขายังอยู่ก็ไม่มีใครรู้ว่าครอบครัวนั้นจะทำอะไรบ้าง
เมื่อวันใดที่เขาจากไปแล้ว ครอบครัวของเฉียวซวงไม่มีทางปล่อยเฉียวเหม่ยไปแน่นอน บ้านและที่ดินนี้จะต้องกลายเป็นของพวกเขา
เอาแค่บ้านไปไม่เท่าไหร่หรอก กลัวแต่ว่าพวกเขาจะขายเฉียวเหม่ยไปอยู่พื้นที่ภูเขาที่มีแต่พวกคนโง่
“ปู่ได้ยินคนในหมู่บ้านซุบซิบกันว่าพวกเขากำลังมองหาสามีให้หลาน เป็นคนหลังเขา หากหลานยังไม่เจอใครที่สามารถพึ่งพาได้ ปู่จะตายตาหลับได้ยังไง”
เฉียวเฉียงสะเทือนใจอย่างหนักจนกระอักเลือดออกมา
“ปู่!” ดวงตาของเฉียวเหม่ยเบิกกว้าง เธอรีบยืนขึ้นประคองปู่และพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นว่า “ไม่ต้องตื่นตระหนกไป หนูยังพูดไม่หมด เขาบอกว่าเขาจะกลับมาแต่งงานกับหนูอีกหนึ่งเดือนให้หลัง”
“จริงเรอะ? เขาอย่างนั้นจริงๆ เรอะ?”
“จริงค่ะจริง จริงแท้แน่นอน” เฉียวเหม่ยรีบพยักหน้า จากนั้นก็ชี้ไปที่จี้หยกที่ห้อยอยู่ที่คอ “ถ้าปู่ไม่เชื่อก็ดูจี้หยกที่คอหนูได้ เป็นของที่เขาทิ้งไว้ให้”
เฉียวเฉียงหรี่ตามอง หยกเนื้อเขียวสดใส เป็นหยกน้ำงาม
เขาเดินทางไปทั่วโลกมาครึ่งชีวิตแล้ว จึงบอกได้ว่าของสิ่งใดมีค่าไม่มีค่า
“หลานขโมยมารึเปล่า?” เฉียวเฉียงถามด้วยความลังเล
“ปู่คิดว่าหนูเป็นคนขี้โมยอย่างนั้นเหรอคะ?” ด้วยเงินเดือนของเฉียวเฉียง ถือว่าเขาเป็นคนที่รวยที่สุดในหมู่บ้าน เขาดูแลเจ้าของร่างเป็นอย่างดีเท่าที่จะทำได้ เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าของร่างเดิมจะเป็นคนขี้โมย
“ใช่ๆ เหม่ยเหม่ยของเราไม่เคยขโมยของของใคร” เฉียวเฉียงยิ้มจนตาหยี “ปู่ผิดเอง ไม่ควรสงสัยเหม่ยเหม่ยของปู่”
“ปู่ไม่ต้องกังวล ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้ชีวิตเราดีขึ้น ถ้าหนูไม่รู้วิธีการทำไร่ไถนา หนูจะเรียนรู้และจะเรียนทำอาหารด้วย หนูไม่เชื่อหรอกว่าหนูจะแย่กว่าลูกสาวบ้านอื่นในหมู่บ้าน”
“ใช่ ใช่ ใช่ ที่ผ่านมาเหม่ยเหม่ยแค่ขี้เกียจเรียนรู้ ถ้าเหม่ยเหม่ยคิดจะเรียนรู้สักอย่างย่อมเก่งกว่าสาวคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ดูสิใครจะกล้าดูถูกหลานสาวของปู่อีก”
เฉียวเฉียงยิ้ม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจและความหวัง