ตอนที่ 508 คู่แค้นหนทางแคบ
แม้ว่าตั้งแต่ผู้อาวุโสหรงปัวจากไปแล้วเย่เฉาเกอก็ยังไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่น แม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะจากสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่ในกลุ่มของเซียน เขาถือว่าเป็นเด็กใหม่ถ้าเขารู้แจ้งพลังแสงสางโดยสมบูรณ์อย่างนั้นในกลุ่มเซียนชั้นบรอนซ์ทั้งหมดเขาจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานแน่นอน แต่สำหรับตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดเขาจำเป็นต้องรั้งอยู่
เขาไม่มีความทะเยอทะยานต้องการกฎวิญญาณเท่าใดนัก แต่ผู้อาวุโสสำนักกลับต้องการ สมาพันธ์ชาวยุทธสะสมทรัพยากรไว้มากกว่าใครๆจะทำได้ ตราบเท่าที่เขาสามารถก้าวหน้าได้เร็ว สมาพันธ์ชาวยุทธก็จะไม่ตระหนี่กับเขา
เขามุ่งหน้าเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อโอกาสขัดเกลาตนเอง เป็นเรื่องยากที่จะมีเซียนมากมายมารวมตัวกัน
ดอกไม้ที่อยู่ในเรือนกระจกจะไม่มีทางเติบโตได้อย่างเต็มที่แน่นอน ในอดีตเขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงเนื่อจากเขาคลั่งไคล้และบ้าการต่อสู้ แต่หลังจากเป็นเซียนนักสู้แล้วแม้แต่อารมณ์คลั่งไคล้และบ้าต่อสู้ของเขาจะถูกเก็บกดไว้ก็ตาม แต่เขาไม่ได้กลัวการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
เขาคิดจะออกไปยังแนวหน้าหลังจากประสบเหตุการณ์ในเมืองหานกู่จะช่วยให้เขาก้าวหน้าได้รวดเร็วขึ้น
เขานับถือผู้อาวุโสหรงปัวมาก แต่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้อาวุโสสำนักไปเสียทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น การฆ่าโดยไม่ใช้ดาบ ผู้อาวุโสสำนักของเขาชอบใช้กลยุทธ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้ดี อนาคตของเขาจะต้องฆ่าด้วยดาบของเขา!
นั่นคือมรรคาวิชาบู๊ของเขา!
สำหรับใครบางคนที่ไล่ล่าไขว่คว้าพลังจะไม่มีทางหวั่นไหวกับจุดนี้
ทันใดนั้นเขามีความรู้สึกประหลาดและเงยศีรษะขึ้น แต่เมื่อเขาเห็นคนที่อยู่ห่างออกไปเขาถึงกับตกตะลึง
เขาเหม่อมองดูถังเทียน
เขาไม่ตาย! เจ้าเด็กนั่นไม่ตายจริงๆ !
เป็นไปได้ยังไง...เป็นไปได้ยังไง!
สีหน้าของเขาเหมือนกับว่าเห็นผี
ตั้งแต่ผู้อาวุโสสำนักบอกเขาว่าผนึกนั้นเป็นตราผนึกของวิลเลียม เขาได้ตัดสินบุรุษหนุ่มที่เอาชนะเขาได้ว่าจะต้องตายแน่นอน นั่นคือวิลเลียม
มือของวิลเลียมแปดเปื้อนไปด้วยเลือดของชาวสมาพันธ์ชาวยุทธ จำนวนคนฝีมือดีและธรรมดาที่ตายในเงื้อมมือของเขามีมากมายมีกระทั่งเซียนนักสู้เกินกว่าสิบ สมาพันธ์ชาวยุทธใช้กำลังคนมากมายในที่สุดก็จับเขาได้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามยังไง พวกเขาก็ไม่สามารถได้รับข้อมูลที่มีค่าจากเขา
หลังจากจองจำมานานสิบห้าปีใช้ทัณฑ์ทรมานมานับชั่วโมงไม่ถ้วน บุรุษผมแดงเหมือนกับปีศาจผู้มีนัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นเย้ยหยัน
พวกสมาพันธ์ชาวยุทธโกรธแค้น พวกเขาถอดเอาจิตวิญญาณเซียนของเขาออก แต่ตอนนั้นนัยน์ตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยแววเย้ยหยันไม่เปลี่ยนแปรร่างของเขาถูกใส่ในถังสำหรับงานทดลองที่ไม่มีการเปื่อยสลาย
จิตวิญญาณยุทธที่ถูกฉีกออกมาจากเขาทรงพลังและบริสุทธิ์มาก แต่ไม่มีใครในสมาพันธ์ชาวยุทธกล้าใช้มัน จอมมารนักฆ่าผู้อื้อฉาวไม่ได้รับโอกาสให้แก้แค้นแต่อย่างใด แม้หลังจากตายแล้ว เขาก็ยังไม่ถูกปล่อย
เขาเป็นปีศาจบ้าอำนาจและชั่วร้ายที่ไม่มีจุดอ่อน
ดังนั้นเย่เฉาเกอคิดว่าเด็กหนุ่มข้างหน้าตายไปแล้ว ในทั่วทั้งสมาพันธ์ชาวยุทธไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนที่สามารถกลืนจิตวิญญาณเซียนของวิลเลียมแล้วจะยังปลอดภัยอยู่ได้
แต่...เขาปรากฏตัว
เขายังไม่ตาย!
ถังเทียนแค่นเสียงมองดูเขา และเย่เฉาเกอก็มั่นใจเต็มร้อยว่ารอยยิ้มนั้นไม่มีเจตนาที่ดีเป็นแน่
แน่นอนว่าถังเทียนไม่มีความตั้งใจดีใดๆ อยู่แล้ว เขาคิดว่าเขาโกงคนพวกนี้ แต่ในที่สุดเขาต่างหากที่เป็นคนถูกโกง ความรู้สึกนั้นเลวร้ายที่สุด เมื่อผู้อาวุโสหรงปัวยังอยู่ด้วย ถังเทียนก็มีพฤติกรรมสามหาวแล้ว ตอนนนี้ผู้อาวุโสหรงปัวไม่อยู่ที่นี่ความจริงเมื่อศัตรูเผชิญหน้า ตาของพวกเขาจะลุกโชนด้วยความเกลียด
ถังเทียนไม่ได้มีแม้แต่การโบกมือทักทาย เขาปล่อยพลังจากขา และร่างเขาหายไปเสียงคลื่นทลายกำแพงเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
เย่เฉาเกอรู้สึกว่าผมขนในร่างกายลุกชัน ความรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงลอยขึ้นมาในใจของเขา เจ้าหมอนี่ต้องการจะฆ่าเขา
ครั้งล่าสุดที่เผชิญหน้ากันและกัน บุรุษผู้ลึกลับนั้นปรากฏร่างตั้งใจจะสู้กับเขา แม้ว่ารังสีฆ่าฟันจะไม่แข็งแกร่ง แต่วันนี้เห็นได้ชัดว่ารังสีฆ่าฟันรั่วไหลออกมาราวกับเป็นสารชนิดหนึ่ง
ฝ่ายตรงข้ามต้องรู้สถานการณ์แปลกประหลาดของจิตวิญญาณเซียนเป็นแน่!
เย่เฉาเกอทำเหมือนกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูใหญ่สะบัดกระบี่ในมืออย่างคล่องแคล่วติง.. ดูเหมือนคมกระบี่จะกระทบกับร่างๆ หนึ่งทำให้กระบี่งอทันที แข็งแกร่งจริงๆ เขารู้สึกร้อนที่ฝ่ามือ แต่เขาไม่กล้าฟุ้งซ่านขณะที่เขาตั้งสมาธิกับคู่ต่อสู้เต็มที่
ติงติง ติง!
นัยน์ตาของเขาทอประกายเลือนราง ภาพเงาตามหลังในสายตาของเขาช้าลงทันที แต่พวกเขากลับช้าลงเล็กน้อย เขายังจำเป็นต้องเพ่งสมาธิจึงจะสามารถตามได้ทัน
กระบี่ของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมากจนดูเหมือนจะหายไปในอากาศ
ทั้งสองคนรวดเร็วมาก
หมัดกับกระบี่ปะทะกันอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดเสียงระเบิดเล็กๆและระลอกคลื่นตามปรากฏขึ้น ด้วยความเร็วเท่าที่พวกเขาจะสร้างขึ้นมาได้ พวกเขาหายไปผลพวงที่ตามมาทำให้พลังกระบี่ที่แหลมคมกระจายออกไปเกิดเสียงหวีดหวิวในอากาศอย่างต่อเนื่อง
ทุกที่ซึ่งพวกเขาผ่านไป ทุกสิ่งที่ระลอกอากาศผ่านไปจะถูกทำลายเป็นชิ้นกระจัดกระจาย สิ่งของและผนังปลิวกระเด็นไปทุกที่
การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองปลุกพวกเซียนในเมืองหานกู่ขึ้น แม้ว่าระลอกพลังงานจะยังไม่กล้าแข็ง แต่กลิ่นอายพลังช่างน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกคนเห็นว่าเป็นคนทั้งสองกำลังต่อสู้ พวกเขาตื่นเต้นทันที
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นนอกเมืองถือว่าเป็นบุญตาของพวกเขา
ทั้งสองคนเป็นเหมือนเซียนพลังสายเลือดใช้ท่าโจมตีที่ง่ายที่สุดและตรงๆ เป็นส่วนใหญ่ไม่มีกระบวนท่าที่ซับซ้อน
ในเวลาอันรวดเร็วเย่เฉาเกอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
พลังงานในร่างของเขากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะมีพลังสายเลือดแต่หลังจากเป็นเซียนแล้ว เขาเดินตามเส้นทางของสมาพันธ์ชาวยุทธและไม่มีความก้าวหน้าใดๆในพลังสายเลือดของเขา
เขารู้สึกเหนื่อยอย่างรวดเร็วและรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามพยายามทำด้วยจังหวะที่รวดเร็ว พลังโจมตีที่รุนแรงทำให้เขาไม่สามารถใช้งานแสงสางได้
ไม่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ข้าจะหมดแรงจากนั้นหลายอย่างคงไม่ดีแน่
ร่างของเขาเริ่มเปล่งแสงเต็มไปด้วยจุดรัศมีต่างๆ
แสงสาง!
คนที่ยังสังเกตการต่อสู้อยู่ในบริเวณนั้นหนึ่งในนั้นก็คือถงเก๋อและบุรุษร่างกำยำข้างตัวเขาพูด “เจ้าคิดว่าคนผู้นั้นจะถูกชักชวนได้ไหม?”
ถงเก๋อตอบ “ยากจะพูดได้ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเพียงแต่เรายังไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน”
“เย่เฉาเกอทำการไม่สมกับชื่อเลย” บุรุษร่างกำยำส่ายศีรษะตาของเขามีแววผิดหวัง “นั่นคือแสงสางหรือ?”
ถงเก๋ออธิบาย “เขายังไม่ได้แม้แต่พื้นฐาน แสงสางสามารถเป็นยอดวิชาจิตวิญญาณอันดับหนึ่งของสมาพันธ์ชาวยุทธได้ก็ต้องมีเหตุผลแน่นอนการฝึกภายในค่าพลังวิญญาณที่พลังแสงสางต้องการคือ25 จุดและในประวัติศาสตร์ของสมาพันธ์ชาวยุทธมีเซียนที่ฝึกพลังแสงสางได้ระดับลึกซึ้งที่สุดก็มี ค่าพลังสูงสุดของแสงสางที่บันทึกไว้ก็คือ 544 จุด!”
“544 จุด!” บุรุษร่างกำยำสูดอากาศหนาวเหน็บ หน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก
วิชาจิตวิญญาณที่ต้องการค่าพลัง25 จุดตั้งแต่เริ่มต้นถูกมองว่าเป็นวิชาที่แข็งแกร่งแล้วและยังสามารถขยายาค่าพลังไปจนถึง 544 จุดได้ นั่นพอจะพูดได้ว่ากฎที่สะสมอยู่ในวิชาจิตวิญญาณนี้อยู่ในระดับสูงมาก เพราะมีแต่เคล็ดวิชาวิญญาณระดับสูงจึงมีพื้นที่กว้างระดับนั้น
ตอนแรกเขาดูถูกเย่เฉาเกอเพราะเขามีคุณสมบัติ เนื่องจากเขามีค่าพลังวิญญาณ124 แม้ว่าจำนวนเซียนในเมืองหานกู่ที่มีค่าพลังวิญญาณสูงกว่าเขาก็สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว
แต่วิชาวิญญาณที่เขามีไม่มีอะไรที่สามารถเทียบกับแสงสางได้
เขาอิจฉาแต่คาดว่านี่ก็คือเคล็ดวิชาบรอนซ์อันดับหนึ่งของสมาพันธ์ชาวยุทธ และเขาถาม“พลังร่างกายของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง?พวกเขาเดินตามเส้นทางของเซียนพลังสายเลือดหรือเปล่า?”
ถงเก๋อส่ายศีรษะ “เย่เฉาเกอมีพลังสายเลือด แต่ข้าไม่แน่ใจเจ้าเด็กลึกลับ เขาแข็งแกร่งอยู่บ้างแต่มีบางอย่างที่ประหลาดเกี่ยวกับเขา ข้าไม่รู้สึกระลอกพลังเลือดเซียนในตัวเขา เขาไม่ใช่เซียนพลังสายเลือด”
เซียนพลังสายเลือดจะแตกต่างจากเซียนประเภทอื่น พลังสายเลือดของพวกเขาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงคุณภาพ พลังสายเลือดรูปแบบใหม่นี้มีพลังอย่างน่าทึ่งขนานนามว่าเลือดเซียนซึ่งตัวมันเองก็มีสนามพลังวิญญาณรูปแบบพิเศษ
สำหรับพลังสายเลือดเซียนจะเพิ่มพลังให้พวกเขา พวกเขายังสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
สมมติว่าเซียนคนหนึ่งมีสนามพลังวิญญาณต้องการส่งเสริมพัฒนา เขาจำเป็นต้องขยายสนามพลังวิญญาณของเขา ดังนั้นการส่งเสริมพลังสายเลือดเซียนก็คือต้องพัฒนาสายเลือดเซียนกันต่อไป สายเลือดเซียนจะพัฒนาได้ก็มีสองทางคือ ทางหนึ่งโดยผ่านเปลี่ยนแปลงที่บริสุทธิ์ และอีกทางโดยการกลืน
เลือดเซียนก็คือแหล่งพลังสายเลือดของเซียนและพลังของเลือดเซียนจะเชื่อมโยงกับทุกเซลล์ในร่างของเซียนพลังสายเลือด เลือดเซียนแต่เดิมทีถือว่าเป็นสนามพลังวิญญาณรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นเมื่อจะใช้ประโยชน์แม้จะมีเพียงเล็กน้อย จะเป็นเพียงคลื่นระลอกเดียว ดังนั้นถงเก๋อจึงสงสัย
“บางทีอาจเป็นเลือดเซียนชนิดพิเศษกว่าก็ได้” บุรุษร่างกำยำหัวเราะ เขาเพียงแต่ล้อเล่น บุรุษลึกลับมีสนามพลังร่างวิญญาณ
เลือดเซียนนับว่ายอดเยี่ยมพิเศษกว่าเลือดทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเซียนพลังสายเลือดที่เดินตามเส้นทางกลืนกินเลือดเซียนก็ยิ่งมีความแปลกประหลาดมากขึ้น
ถงเก๋อเพียงแต่ผงกศีรษะแต่ไม่คัดค้าน เขามาจากองค์การวิญญาณมืด ดังนั้นความเข้าใจพลังสายเลือดของเขาบุรุษร่างกายกำยำจึงเทียบไม่ได้เป็นธรรมดา ไม่ว่าจะมีพลังสายเลือดเซียนที่ปล่อยระลอกได้จริงหรือไม่ เขาก็ไม่สามารถแน่ใจได้ แต่เขารู้ว่ามีพลังสายเลือดสองสามรูปแบบที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“แสงสาง!”
ถงเก๋อตื่นตัวทันที บุรุษร่างใหญ่ที่ข้างตัวเขาที่ยังคงยิ้มมีสีหน้าจริงจัง
ถังเทียนเห็นว่าเย่เฉาเกอใช้วิชาแสงสางแล้ว เขาตื่นเต้นยิ่งขึ้น ครั้งล่าสุดที่เขาใช้แสงสาง เขายอมสละมือเพื่อคว้าชัยชนะ ถังเทียนเป็นพวกบ้าต่อสู้เต็มร้อยและตรงจุดนี้เอง เขากับหลิงซิ่วไม่แตกต่างกัน เขาไม่ใช้สมองกับเรื่องราวหลายอย่าง แต่เมื่อถึงคราวต่อสู้ เขามีสมาธิสูง สูงกว่านักสู้ธรรมดาคนใดเสียอีก
และการต่อสู้ที่ทำให้เขาต้องทนทุกข์มาน จะทำให้เป็นการสู้ที่ทำให้เขาไม่มั่นใจมากยิ่งขึ้น
เขาทบทวนการต่อสู้ครั้งล่าสุดในใจนับครั้งไม่ถ้วน
งั้นเจ้าก็ใจร้อนสินะ..หึ
ถังเทียนไม่ได้เรียกเสี่ยวเอ้อออกมา แต่วิ่งเข้าหาเย่เฉาเกออย่างขึงขัง
ม่านตาของเย่เฉาเกอเยียบเย็นพลังงานรอบตัวเขาเริ่มเป็นประกายสว่างอย่างรวดเร็ว
ภายใต้ผลกระทบของพลังแสงสาง ประสาทความรู้สึกของเย่เฉาเกอเพิ่มพลังมากขึ้น ถังเทียนที่ก่อนหน้านี้เร็วมากทำให้เขาต้องตอบสนองทันที ตอนนี้เขาสามารถเห็นได้ชัดเจนมาก
กระบี่ในมือของเขาสั่น ประกายจุดแสงนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นเข็มแสงเป็นขนาดเส้นผม มันลอยอยู่ตามกระบี่ยาว
ความเคลื่อนไหวของเขาไม่รวดเร็ว แต่ทำให้คนรู้สึกสะดวกสบายมากโดยไม่มีวี่แววรุนแรงหรือป่าเถื่อน
ผู้ชมทั้งหมดมีท่าทางประหลาดใจ สายตาของเย่เฉาเกอเป็นประกายสดใสทันที เย่เฉาเกอก้าวหน้า!
มีพรสวรรค์ที่น่ากลัวขนาดนั้น!
จุดแสงที่เหมือนสายฝนหยดลงบนตัวกระบี่ แต่ในแสงที่ก่อตัวแพรวพราวมีแสงสลัวและเลือนลางสายหนึ่งก่อตัวขึ้น
แม้จะเป็นแสงที่อ่อน แต่ก็สามารถส่องในพื้นที่มืดเล็กๆ ได้
หน้าของเย่เฉาเกอไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา เขายังคงสงบและสำรวมเหมือนกับว่าเข้าใจบางอย่าง แม้ว่าแต่แสงกระบี่ก็ยังนุ่มนวลและคมกล้า
หัวใจของถังเทียนสั่นสะท้าน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงปราณที่หนาแน่นและอันตราย เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เฉาเกอรู้สึกเหมือนเผชิญกลุ่มแสง แม้ว่าจะอบอุ่นและอ่อนโยน แต่ในทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนชีวิตเขากำลังจะหายไป
มันงดงามมาก!
แต่ข้าก็เตรียมตัวไว้เช่นกัน!
ตาของถังเทียนเคร่งขรึมขึ้นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆที่น่าสงสัย เขาพุ่งมาข้างหน้าเหมือนกับลูกธนู เงื้อหมัดพร้อมเกิดเสียงหวีดหวิวฝ่าอากาศ
เพลิงแดงเย็นยะเยือกร้ายกาจหุ้มรอบหมัดของเขาทันที
เหมือนกับดาวตกเพลิงที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้า มันมีพลังสั่นสะเทือนจนหัวใจผู้คนสั่นสะท้านและเขาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเย่เฉาเกอทันที!