ตอนที่ 505 เสียงร้องโหยหวนหมื่นปี
ระหว่างทางกลับลานด้านตะวันออก สายตาของศิษย์ทุกคนที่มองเขาแปลกประหลาดมากเหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นสัตว์ประหลาด
ถังเทียนไม่สนใจผ่านไปสองชั่วโมงก็สร้างความทรมานให้กับเขา แต่เมื่อคิดดูแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องทึ่งจริงๆ เซียนอื่นๆและเขาไม่มีความแตกต่างกัน พวกเขาต้องการดวงตาเซกซ์แทนส์กันทุกคน แต่เดี๋ยวนี้เขามาช่วยสำนักชางหยางป้องกันคนพวกนี้
กลับไปลานทิศตะวันตก ถังเทียนรู้สึกคลายใจ
ติงเฉินและคนที่เหลือเห็นความสามารถของเจ้านายใหญ่ของพวกเขาแล้ว จึงไม่มีความคลางแคลงใจเขาเป็นธรรมดา แต่ชั้นเรียนอื่นจะแตกต่างออกไป ติงเฉินมักฝึกฝนด้วยทัศนคติที่จริงจัง เขาต่างจากศิษย์คนอื่นๆ ติงเฉินเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า ลูกพี่อาโฉ่วสามารถนำพาพวกเขารอดชีวิตได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นพอได้ติดตามซักซ้อมรับเหตุการณ์จากปิง พวกเขาฝึกฝนอย่างหนักแน่นจริงจังก็เพื่อชีวิตตัวพวกเขาเอง
"สถานการณ์ชัดเจนมาก" ปิงปรากฏตัว เขาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล "แนวป้องกันนี้อ่อนเหมือนเต้าหู้ ไม่สามารถป้องกันการลอบโจมตีได้"
"งั้นจะให้ข้าทำยังไง?" ถังเทียนผายมือ
"ข้าก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน" ปิงกล่าวต่อหลังจากที่คิดแล้ว "ทำไมเราไม่ลงมือก่อน? เนื่องจากเราเป็นคนวางแนวป้องกันเอง ข้าสำรวจพื้นที่ไว้แล้ว ดวงตาเซกซ์แทนส์น่าจะอยู่ใต้ดิน"
ถังเทียนตาเป็นประกาย "ใต้ดิน?"
"ใช่แล้ว" สีหน้าของปิงเข้ม "มีทางเข้าอยู่แน่นอน เราแค่ต้องหาให้เจอ คืนนี้นับเป็นโอกาสที่ดี เพราะการเคลื่อนไหวมากเกินไปในคืนก่อน เจ้าพวกโง่ข้างนอกคงไม่เคลื่อนไหวในช่วงเวลาสองวันนี้ ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันได้รับบาดเจ็บ พวกเขาต้องรีบฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอยู่ในตอนนี้ นี่คือช่วงเวลาที่สำนักชางหยางอ่อนแอที่สุด"
"นั่นก็มีเหตุผล!" ถังเทียนกระตือรือร้นเพราะคำพูดของปิงทันที
ท้องฟ้าถูกความมืดมิดยามราตรีครอบคลุม
ถังเทียนออกไปเงียบๆเขาเข้าไปในอาคารใหญ่ ปิงจำได้ดีถึงชั้นแนวป้องกันทั่วทั้งจวนที่ทำการไว้ในใจ เขาไม่ต้องเตือนให้คนอื่นรู้ก็มาถึงลานใหญ่
ทันใดนั้น ถังเทียนชะงักค้างอยู่กับที่
หัวเต่าหมอกตัวมหึมาอยู่ต่อหน้าเขา ไม่มีสัญญาณของมันเลยแม้แต่น้อยและเขาไม่ได้ยินเสียงอะไร
ปัง
เต่าหมอกสลายกลายเป็นหมอกและหดตัวเข้าไปในประตูหมอกทันที
"เชิญเข้ามา!"
เสียงแหบของชายชราดังออกมาจากภายในประตู
ถังเทียนตกใจ แต่หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก้าวผ่านประตู เมื่อผ่านเข้าประตูหมอกเข้าไป ฉากภาพข้างหน้าเขาทำให้เขาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที บรรยากาศกลายเป็นเย็นยะเยือกอย่างน่าประหลาด
จากนั้นเขายืนแข็งอยู่กับที่อีกครั้ง เขาตะลึงเมื่อเห็นแถวผู้คนข้างหน้าเขา
"ไป่อาโฉ่ว!"
ฟู่จือหงเห็นคนได้ชัดเจนนางร้องออกมาอย่างตกใจ นางไม่เคยคาดคิดว่าคนที่เข้ามาตอนกลางคืนจะเป็นไป่อาโฉ่วจริงๆ
ถังเทียนรู้สึกว่าเลือดทั้งตัวเขาขยายตัว ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันที่บาดเจ็บเต็มไปด้วยพลังชีวิตและเยือกเย็น ราศีที่สง่างามทำให้ผมขนบนตัวเขาลุกชัน
ความสามารถของฟู่จงซานไม่ใช่สิ่งที่เขาสู้ได้และรังสีของหยางเฮ่าหรันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยั่งได้
ยังมีคนแก่อีกคนหนึ่งร่างของเขาไม่มีราศี แต่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้อย่างง่ายดาย ความรู้สึกที่ผิดธรรมดาทำให้ถังเทียนหลั่งเหงื่อตั้งแต่ศีรษะยันเท้า
กับดัก? ลอบทำร้าย?
"เรารอเจ้าจนในที่สุดจริงๆ!" ชายชราเอ่ยปาก เขามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่น เขายิ้ม "คืนสู่รูปลักษณ์เดิมด้วยเถอะ"
ฟู่จงซานและหยางเฮ่อหรันยืนขนาบซ้ายขวาเปล่งปราณเย็น ถังเทียนรู้สึกริมฝีปากแห้ง ลุงปิงงี่เง่า ทีอย่างนี้ไม่กล้าปรากฏตัวเลย เล่นไม่ซื่อเลย ดีแต่พูดว่ามีโอกาสดี โอกาสดีให้เดินไปติดกับดักอย่างนี้น่ะหรือ...
สิ่งที่ทำให้หัวใจของถังเทียนหดหู่ยิ่งขึ้นก็คือ เขาไม่สามารถใช้เคลื่อนย้ายพริบตาได้ ในถ้ำเต็มไปด้วยคลื่นเย็น การเคลื่อนในพริบตาไม่เหมาะที่จะใช้เลย
เเย่จริง!
เขาไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นมานานมากแล้ว
"ได้โปรดเชื่อใจเรา เราไม่มีความเป็นปฏิปักษ์" ชายชราหัวเราะ
ไม่ใช่ปฏิปักษ์...
อย่างนั้นสองคนที่ยืนเฝ้าเปล่งรังสีอำมหิตอยู่ตรงนั้นเล่า พวกเขาเป็นแบบนั้นตั้งแต่เกิดหรือ?
แน่นอนถังเทียนไม่กล้าพูดเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะงี่เง่า แต่เขาไม่โง่ในสถานการณ์เช่นนั้นซึ่งตัวเขาเองไม่มีอิสระ การยั่วโมโหหรือสร้างความยุ่งยากมีแต่จะหาที่ตาย ดวงตาเซกซ์แทนส์ยังหาไม่พบ ก่อนที่จะได้พบกับเชียนฮุ่ยเขาจะไม่ยอมตาย
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไม่หยุดในเวลาอันรวดเร็ว เขาเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริง
ฟู่จอหงเหม่อมองถังเทียน ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย รังสีฆ่าฟันฉายวาบอยู่ในดวงตาของพวกเขา คนผู้นี้แปลงลักษณะปะปนเข้ามาในจวนเขาต้องไม่มีเจตนาที่ดีแน่
ชายชราตรวจสอบอยู่ระยะสั้นๆ สีหน้าของเขาตื่นเต้น "เจ้าดูคล้ายเขาจริงๆ เจ้าน่าจะใช้แซ่ถังใช่ไหม? เจ้าชื่ออะไร?"
ถังเทียนตัวสั่น ตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันตกตะลึง ตอนนี้บุรุษหนุ่มข้างหน้าพวกเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง ตลอดทั้งตัวของเขาเปล่งกลิ่นอายประหลาด
"ข้าชื่อถังเทียน" ถังเทียนตอบเสียงเบา
"ถังเทียน! เจ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่!" ฟู่จือหงโพล่งออกมา นางตะลึงไปหมด นางคิดว่าไป่อาโฉ่วจะมาจากที่ยิ่งใหญ่แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่นางไม่เคยคิดว่าจะใหญ่ถึงขนาดนั้น
เนื่องจากไพ่ถูกหงายลงบนโต๊ะหมดแล้ว ถังเทียนไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป
ปิงลอยตัวออกมา, หยาหยากระโดดไปนั่งบนไหล่ซ้ายของถังเทียนทำหน้าตาตลก เสี่ยวเอ้อถือร่มดวงดาวและลอยตัวอยู่ข้างถังเทียนด้วยท่าทีเยือกเย็น
ฟู่จงซานและหยางเฮ่อหรันสีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมกัน พวกเขาจะไม่รู้จักชื่อของถังเทียนได้ยังไง? ปัจจุบันนี้ชื่อของถัเงทียนโด่งดังคับฟ้าเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง พวกเขาไม่คิดเลยว่าเจ้าปกครองกลุ่มดาวหมีใหญ่จะลอบปะปนเข้ามาในจวนด้วยตัวเอง
นี่... ทำให้คนยากจะทำใจเชื่ออยู่บ้าง
ฟู่จือหงตกใจอย่างหนัก นางเหม่อมองจ้องดูเด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้านาง ใบหน้าเยาว์วัยขนาดนั้นดูจริงจังทันที ราศีของเขาไม่ด้อยไปกว่าบิดาและอารองของนางเลย
เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้านางนี้อาศัยกำลังตนเองผลักดันกลุ่มดาวชั้นสามอย่างกลุ่มดาวหมีใหญ่ขึ้นไปเบียดอยู่ในระดับเดียวกับสมาพันธ์ชาวยุทธ, องค์การวิญญาณมืดและสิบสองกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคา
ฟู่จือหงแสวงหาปาฏิหาริย์มาโดยเฉพาะ นั่นก็ใช่แล้ว ในสายตาของนาง นั่นคือปาฏิหาริย์ ไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำสอง!
เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้านาง...
เขายังดูเยาว์วัยมากกว่านาง ทันใดนั้นนางจำพลันนึกถึงความคิดของนางในวันหนึ่งว่าอัจฉริยะในโลกนี้มีอยู่จริงหรือ?
จริงแท้แน่นอน....
"กลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่ใช่อนาคตของเจ้า"
คำพูดของชางหยางหวี่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน
ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันตะลึงค้าง ฟู่จือหงตั้งตัวไวที่สุดนางเเทบจะไม่มีเสียงพูด แต่นางรีบใช้มือปิดปาก แต่สายตาของถังเทียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในเวลาอันรวดเร็วฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันจึงได้รู้ตัว พวกเขาสีหน้าเปลี่ยน
ถังเทียนงงกับคำพูดของชางหยางหวี่ เขาไม่คิดอะไรมากจึงถามย้อน "ทำไมล่ะ?"
ชางหยางหวี่ยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถามเขา "ข้ารอเจ้ามานานมากและในที่สุดวันนั้นก็มาถึง วันนั้นเมื่อเจ้ามาซ่อมที่กำแพงลานด้านตะวันตก เต่าหมอกก็ได้กลิ่นปราณของเจ้าแล้ว"
"ปราณของข้า?" ถังเทียนสับสน
"ถูกแล้ว" ชางหยางหวี่พูดอย่างใจเย็น "แต่ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์ยังไม่สำเร็จ มันจะอันตรายมาก ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยงอันตรายเร็วเกินไป แต่สถานการณ์คับขันมาก ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะอยู่จนถึงวันนั้นหรือไม่ ดังนั้นข้าจึงเชิญเจ้ามาที่นี่ แม้ว่านี่อาจทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ข้าคิดว่า ด้วยชะตากรรมของเจ้า มีแต่เจ้าจึงจะรับภาระนี้ได้"
ถังเทียนหรี่ตาและถามย้ำทีละคำ "ท่านรู้หรือว่าข้าเป็นใคร?"
"เจ้าคือลูกชายของเขา" ชางหยางหวี่ยิ้ม
ฟู่จงซาน หยางเฮ่าหรันรู้สึกแต่เพียงมีประกายอยู่ข้างหน้าของพวกเขาและถังเทียนก็หายไป ทั้งสองคนตกใจ พวกเขาวิ่งไปขวางอยู่หน้าชางหยางหวี่ แต่สายลมกระโชกผ่านเขาไป
เป็นไปได้อย่างไร...ไว้มาก
ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันสีหน้าเปลี่ยน
บุรุษหนุ่มปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชางหยางหวี่เหมือนสายลมพัด มือของเขาสัมผัสร่างของชางหยางหวี่และจับเขาไว้
แต่ในวินาทีถัดมา ม่านตาของเขาหดลีบลงมือของเขาทะลุผ่านร่างชางหยางหวี่ไป
วูบบแม้แต่ร่างของเขาก็ผ่านร่างของชางหยางหวี่ไป เหมือนกับผ่านกลุ่มหมอก
นี่คือ...
ร่างของถังเทียนปลิงทะลุออกหลังไปถึงผนังน้ำแข็ง เขาหันหน้ามาทางชางหยางหวี่ทำหน้ามุ่ย
"ขอโทษจริงๆ เข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร" ชางหยางหวี่ปลอบโยนเขาโดยไม่ประหลาดใจ "เขาช่วยชีวิตข้าไว้ และทิ้งมรดกไว้ให้ข้าและจากนั้นก็ให้ข้าช่วยเขารักษาของไว้สองสามอย่าง เขาบอกว่าถ้าเขาไม่สามารถกลับมาได้ ลูกชายของเขาจะมา ข้าสัญญากับเขาไว้ ผ่านไปสิบหกปีเจ้าก็มา
ถังเทียนเหม่อมองชางหยางหวี่
"เจ้าดูเหมือนเขามาก" ชางหยางหวี่ระลึกได้ "โอว, เขามีขุนพลวิญญาณซึ่งทรงพลังมากอยู่ข้างกายเขา นอกจากดวงตาเซกซ์แทนส์แล้ว เขายังให้ข้าช่วยดูแล้โลงน้ำแข็ง โปรดตามข้ามา
ชางหยางหวี่ลอยไปที่ผนังน้ำแข็ง เขาบอกถังเทียน "โปรดหยดเลือดลงข้างบน"
ถังเทียนทำหน้ามุ่ยไม่พูดอะไร และกรีดนิ้วหยดเลือดสองสามหยดลงบนโลงน้ำแข็ง ผนังน้ำแข็งละลายหายไปอย่างรวดเร็วและโลงน้ำแข็งโปร่งใสปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน
แน่นอน มันคือตัวเขาเอง...
"นี่คือขุนพลวิญญาณที่เขาส่งมอบให้ข้า เป็นขุนพลวิญญาณที่ได้รับความเสียหายหนัก เขาเลือกที่นี่โดยตรง เพราะมันทำให้ขุนพลวิญญาณที่ได้รับความเสียหายหนักไม่หายไป ขุนพลวิญญาณนี้เก่าแก่มากแล้ว เขามักจะร้องโหยหวนและสิบหกปีมานี้เขาไม่เคยหยุด อย่ากลัวเลยกล่าวกันว่าเขาร้องโหยหวนอย่างนั้นมาหมื่นปีแล้ว"
ปิงเบนสายตาไปที่ขุนพลวิญญาณที่อยู่ในโลงน้ำแข็ง เหมือนกับว่าเขาถูกสายฟ้าฟาดจนตะลึงงัน
เหมือนกับเขาถูกพลังวิชาอะไรสักอย่างบุหรี่ในมือร่วงลงพื้น เขาไม่มีความรู้สึกทางร่างกายขณะจ้องมองโลงน้ำแข็งอย่างว่างเปล่า
โลงน้ำแข็งตั้งตรง มีร่างขุนพลวิญญาณที่ผอมบางร่างหนึ่งอยู่ภายใน ขาของเขาทั้งสองหายไปแล้ว แขนทั้งสองผอมแห้งเหมือนตะเกียบ เขากำลังชักกระตุกเหมือนว่าไขว่คว้าอะไรบางอย่างในอากาศใบหน้าตอบซูบเพ่งมอง กำลังพึมพำคำพูดอย่างบ้าคลั่ง
"ประแจ, ประแจ หยิบประแจมาให้ข้าหน่อย ปั๊ดโธ่ เร็วๆ หน่อยสิโว้ย..."
"ไอ้ข้อต่อนี่เสียหายหนักเหลือเกิน เอาส่วนหมายเลขสามมาทำข้อต่อ ทุกคนเร็วเข้า เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งล้ม..."
"ข้าไม่ไป! ข้าจะไม่ไป! ถ้าข้าจากไป ใครจะช่วยเจ้าซ่อม..."
"ชุดหมายเลย 261 เสียหายหนัก ผู้บัญชาการ, อย่าเพิ่งตายนะ อาซิ่นอย่าตายนะ, เจ้าหนูอย่าตาย...."
ทันใดนั้นเขายกแขนทั้งสองและตะโกนเชิดชู "กองทัพดาวกางเขนใต้ จงเจริญ!"
ปิงเหม่อมองขุนพลวิญญาณ น้ำตาหลั่งไหลอย่างมิอาจกลั้นไว้ได้ ลุงวัยกลางคนคุกเข่าลงกับพื้นร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก
"เฮ้, เจ้าหนูน้อยในนามของลั่วซือเมื่อเจ้าโตขึ้น ข้าจะสร้างอาวุธจักรกลให้กับเจ้า"