ตอนที่ 504 วางแนวป้องกัน
ฟู่จือหงมองดูศิษย์สำนักชั้นนอกแล้วก็ยิ่งมีความกังวลใจมากขึ้น แต่เมื่อนางเห็นชั้นเรียนของติงเฉินมีสีหน้าผ่อนคลาย ทั้งความกระตือรือร้นและลักษณะที่แสดงออกค่อนข้างโดดเด่นมาก ดังนั้นนางจัดให้ชั้นเรียนของติงเฉินอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญมากกว่าบังเอิญว่านั่นเป็นจุดที่ถังเทียนซ่อมอิฐน้ำแข็งแนวป้องกันที่นั่น
มันคือจุดที่วุ่นวายในจวนที่ทำการและต้องใช้เวลาให้ทุกคนทำความคุ้นเคยพื้นที่ของตน ถังเทียนประหลาดใจที่พบว่าฟู่จือหงมีประสบการณ์ค่อนข้างมากกับสิ่งที่นางทำขณะที่นางกำกับทุกคนได้ชัดเจนและเด็ดขาด
ถังเทียนยังคงทำหน้าที่ต่อไปขณะที่ยังคงทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมด้วยตนเองนี่ไม่ใช่ค่ายฝึก ที่นี่ไม่สามารถเอื้ออำนวยให้เขาได้มีพื้นที่ฝึกฝนเฉพาะ นี่ทำให้ถังเทียนหงุดหงิดเล็กน้อยเนื่องจากเขาพยายามเรียนรู้เพลิงปีศาจประหลาดผ่านมาได้ไม่กี่วันเอง
แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่แตกต่างไปจากเพลิงปีศาจของวิลเลียมอย่างสิ้นเชิง แต่ถังเทียนคร้านเกินกว่าจะตั้งชื่อให้ใหม่
อย่างไรก็ตามถังเทียนไม่กล้าย่อหย่อน แม้ว่าเขาจะลอบปะปนเข้าไปในจวนเจ้าเมือง แต่ตัดสินจากสถานการณ์วันก่อนอาจมีการลอบโจมตีโดยพวกเซียนได้ทุกเมื่อ เซียนพวกนั้นคงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป ถ้าเขาไม่ระมัดระวังและไม่สนใจชีวิตตนเอง อย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องแย่
จวนเจ้าเมืองสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ถูกต้องตามหลักมีการจัดการป้องกันไว้ทุกที่ เมื่อเห็นว่าฟู่จือหงไม่อยู่ที่นั่นปิงได้โอกาสและสั่งติงเฉินให้เตรียมการสำหรับปิงเมื่อเห็นการจัดการป้องกันก็รู้วิธีใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้น ปิงยังคงมีเวลาเพิ่มขึ้น ดังนั้นเขาสั่งติงเฉินนำทุกคนให้ลงแรงฝึกฝนจำลองเหตุการณ์เพิ่มเป็นสองเท่า แต่ทุกคนรู้ว่าถ้าพวกเขาไม่พยายามอย่างหนักในตอนนี้ เมื่อมีการโจมตีตอนกลางคืน นั่นอาจหมายถึงชีวิตพวกเขาก็ได้ ดังนั้นทุกคนต้องเข้มแข็ง
กระบวนการฝึกฝนจำลองเหตุการณ์ไม่อาจเชื่อถือได้ตามปกติจะหวังว่าการฝึกฝนที่แบ่งเป็นสองฝ่ายรู้สึกเหมือนจริงคงเป็นไปไม่ได้
ฟู่จือหงมัวแต่วุ่นวายตั้งแต่เช้ายันค่ำ นางรับผิดชอบในการจัดการดูแลป้องกันแต่เมื่อเห็นกำลังในมือของนางแล้ว นางอดถอนหายใจไม่ได้ในอดีตยังคงมีนักสู้ระดับทอง แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปกลายเป็นศิษย์ชั้นนอกใช้กลุ่มโล่มนุษย์เช่นนั้นเพื่อป้องกันกลุ่มเซียน ฟังดูแล้วเป็นเรื่องตลก อย่างไรก็ตามนางรู้ว่านี่คือพลังเฮือกสุดท้ายของเมืองหานกู่ ดังนั้นนางไม่มีทางเลือกอื่น
แม้ว่าบิดาและอารองของนางมีพลังมากก็ตาม แต่เมื่อสู้รบกันตรงๆก็ยังต้องใช้กำลังของคนอื่นเป็นธรรมดา
นางปลุกปลอบตนเองให้มีความสงบและมั่นคงพยายามลากสังขารที่เหนื่อยล้าสังเกตการณ์ไปทุกที่ตำแหน่งป้องกันทุกแห่งยังคงมีปัญหา และนางหัวเราะในใจอย่างขมขื่น
นี่คือขีดจำกัดของกำลังพลเราควรจะเชื่อในประสงค์ของสวรรค์ นางไม่พูดในเรื่องสำคัญ เนื่องจากหลายปีมาแล้ว นางถูกนำมาใช้ในที่นี้เพื่อการเฝ้าระวัง เมืองหานกู่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือนาง นางคุ้นเคยทุกซอกทุกมุมของที่นี่
นางเคยคิดว่าคงไม่มีใครสามารถโจมตีที่อย่างนี้ได้ แต่การโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อคืนก่อนนี้ นางถึงได้รู้ว่าความคิดของนางไร้เดียงสาและน่าขัน พวกเซียนแข็งแกร่งมากกว่าที่นางคิด และมีคุณภาพมาตรฐานต่างกันอย่างมากมายเมื่อเทียบกับนักสู้ระดับทอง ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาของนางและอารองตอบโต้อย่างสุดกำลัง จวนเจ้าเมืองคงถูกแย่งชิงไปแล้ว
ไม่มีใครตำหนินาง ทุกคนปลอบโยนนาง นางยิ้มเหมือนปกติที่นางเคยทำอย่างแน่วแน่ แต่ในใจนางเต็มไปด้วยความขมขื่นและเศร้าใจจากความล้มเหลว นางไม่กลัวตาย ถ้านี่เป็นชะตากรรมนางจะยอมรับเอาไว้
เมื่อไปถึงลานด้านตะวันตกนางหยุดอยู่กับที่ทันที สายตานางเป็นประกายสดใสทันที
ศิษย์ของที่นี่กำลังฝึกซ้อมรับสถานการณ์ แม้ว่าจะดูเหมือนสับสนวุ่นวายมาก แต่นางยังมองเห็นความเกี่ยวข้องอยู่ในนั้น นางเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อและทึ่งในใจอยู่เงียบๆ ความสำคัญทุกจุดถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ฟู่จือหงได้ผ่านการเตรียมการสองสามอย่างและจำลองแผนการสู้รบสองสามแผนในใจนางมาแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญ!
ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญแน่ๆ!
“ติงเฉิน!”ฟู่จือหงตะโกนเรียกทันที
ติงเฉินที่กำลังสับสนหนักกับการฝึกซ้อมจำลองเหตุการณ์งุนงงทันทีเมื่อจู่ๆได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียกเขา เขาหยุดโดยไม่ได้ตั้งใจและหันศีรษะมาอย่างงงๆหลังจากนั้นจึงส่งเสียงเรียก “พี่หญิง”
“ใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้?” สายตาของฟู่จือหงคมเหมือนกระบี่ “อย่าบอกข้านะว่าเป็นเจ้า เจ้าไม่มีความสามารถขนาดนี้!”
สีหน้าของติงเฉินเปลี่ยน เขารู้แล้วว่าตกอยู่ในความยุ่งยากเสียแล้ว
ถังเทียนเห็นว่าพวกเขาดูเหมือนจะถูกสังเกตเห็นแล้วเขายืนขึ้นและตอบ “เป็นข้าเอง!”
ฟู่จือหงเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของถังเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าชื่อไป่อาโฉ่ว” ถังเทียนประสานสายตาฟู่จือหงโดยไม่รู้สึกกลัว
ฟู่จือหงพยักหน้านางไม่มีความรู้สึกอะไร เพราะใบหน้าที่อัปลักษณ์ของถังเทียนและชี้ไปที่กองกำลัง “ทำไมเจ้าถึงจัดคนเป็นกลุ่มละเจ็ดเท่าๆกัน”
ถังเทียนชะงักค้างครู่หนึ่งเสียงปิงดังขึ้นในใจของเขา “เจ้าคำนวณและได้คำตอบเช่นนั้น”
ถังเทียนที่ขาดความมั่นใจในตอนแรกจึงตอบด้วยความมั่นใจทันที “ข้าคำนวณแล้วได้คำตอบแบบนี้”
“คำนวณและได้คำตอบแบบนี้...” ฟู่จือหงทวนคำนางค่อยๆ ไตร่ตรองเรื่องนี้ หลังจากใช้เวลาชั่วครู่นัยน์ตานางเป็นประกายประหลาด นางก็มีความชำนาญในเรื่องนี้ หลังจากได้รับการกระตุ้นเตือนจากถังเทียน นางก็พบผลลัพธ์ในใจอย่างรวดเร็ว จำนวนพอเหมาะพอดี
นางคุ้นเคยกับทุกซอกทุกมุมในที่นี้เป็นอย่างดีและลานแห่งนี้ก็คือหนึ่งในสถานที่สำคัญที่นางให้ความสำคัญมากและศึกษาไว้ด้วยการใช้งาน การจัดมาตรการป้องกัน นางทำแบบจำลองมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นการเน้นหนักให้ความสำคัญจำนวนกองกำลังที่ซ่อนไว้ทำให้นางมักมองข้ามเสมอด้วยการใช้งานในปัจจุบัน ในสายตาของนางเมื่อมองจากมุมมองบนถือว่าเปลี่ยนแปลงอย่างนับไม่ถ้วน
เมื่อเทียบกับการฝึกซ้อมจำลองเหตุการณ์ที่นางได้เห็นมาก่อนหน้านั้น นางจึงได้ตระหนักในใจ
ผู้เชี่ยวชาญ!
ผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง!
ถึงตอนนี้ฟู่จือหงประทับใจอย่างสิ้นเชิงอีกฝ่ายหนึ่งมีวิธีเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ ความสำเร็จของเขาลึกซึ้งเกินกว่าที่นางจะจินตนาการออก
ปฏิกิริยาแรกของนางคือระมัดระวังทันที เพราะเขาปะปนเข้าไปในจวนที่ทำการในเวลาอย่างนี้อาจมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงหรือเปล่า? เขาคือไส้ศึกหรือเปล่า?
สีหน้าของฟู่จือหงไม่เปลี่ยนนางใช้สมบัติตรวจสอบเขา และนางประเมินจากปราณแท้ของถังเทียนและลอบถอนหายใจโล่งอก ปราณแท้ของไป่อาโฉ่วนับว่าต่ำมากจริงๆเพราะนักสู้ที่มีการบ่มเพาะปราณแท้ระดับต่ำขนาดนั้นจะเป็นไส้ศึกไปไม่ได้
ทุกๆปีทางสำนักจะรับสมัครกลุ่มศิษย์ชั้นนอก ส่วนใหญ่จะเนื่องเพราะความสัมพันธ์และยากจะปฏิเสธได้ คนที่เข้ามาด้วยเส้นสายความสัมพันธ์จะมีมาตรฐานแย่มีพรสวรรค์ระดับทั่วไปและมีนิสัยแบบคุณหนูคุณชายบางครั้งก็มีอยู่สองสามคนที่ไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ แต่ก็ยังต้องการจะเป็นศิษย์
ฟู่จือหงเคยเห็นศิษย์ชั้นนอกคนหนึ่งมาก่อน พรสวรรค์ในการวาดของเขาสูงส่งกว่าธรรมดาและแม้แต่นางก็ยังยกย่องการวาดของเขาเต็มไปด้วยพลังปราณ ก็แค่ศิษย์ผู้นั้นไม่สามารถโน้มน้าวพ่อแม่ของเขาได้และถูกส่งไปฝึกที่อื่น แต่เมื่อเขามาถึงสถานที่ฝึกฝน เขาต่อต้านไม่ยอมฝึกและหมกมุ่นอยู่กับงานวาดของเขา
เกี่ยวกับศิษย์ประเภทนั้นสนามฝึกฝนไม่ได้ขัดขวางมากเกินไป
ในสายตาฟู่จือหงไป่อาโฉ่วผู้อัปลักษณ์นี้ก็เป็นศิษย์ประเภทนั้น
ฟู่จือหงพยักหน้าให้ “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าอาโฉ่วจะมีพรสวรรค์ที่ดีขนาดนั้น จือหงประทับใจยิ่งนักพรสวรรค์ของอาโฉ่วเหนือกว่าข้าหลายร้อยเท่า!ข้าอยากเชิญให้อาโฉ่วลดตัวมาช่วยจัดรูปกระบวนการรับมือในจวนที่ทำการด้วย อาโฉ่วท่านยินดีจะช่วยไหม?”
“รับคำขอร้องของนาง!” ปิงกล่าวขึ้นในใจถังเทียน
“ทำไมล่ะ? ข้าอยากจะฝึก” ถังเทียนพูดอย่างไม่สบายใจ “อีกอย่างเรามาที่นี่เพื่อดวงตาเซกซ์แทนส์ ทำไมเราต้องช่วยนางด้วยเล่า?”
“ถ้าเจ้าไม่ช่วยนาง จวนที่ทำการจะแตกในคืนนี้” ปิงหัวเราะ “เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถชิงมันมาได้ก่อนคนที่เหลือหรือ?ตอนนี้เจ้าอยู่ในจวนที่ทำการ พวกที่เหลืออยู่ข้างนอกกันหมด แล้วเจ้ายังต้องกลัวอะไร? เจ้าก็แค่ยับยั้งพวกข้างนอกเอาไว้เจ้าสามารถอยู่ใกล้มันมากที่สุดและยิ่งกว่านั้นเจ้ายังได้รับความไว้วางใจจากพวกเขา นั่นถือว่าเจ้าได้ปรียบคนอื่นไม่ใช่หรือ?”
“หวา... ลุงนี่เจ้าเล่ห์ชะมัด!” ถังเทียนร่าเริงในใจ
ฟู่จือหงเห็นถังเทียนไม่พูดอะไรดังนั้นนางคำนับอีกครั้งและพูดอย่างจริงใจ “ถ้ารังเสียหายกันทั้งหมด ก็จะไม่มีไข่เหลือแพร่พันธุ์ออกไป! อาโฉ่ว, ข้าขอร้องท่านไม่ว่ายังไงโปรดช่วยเราสักครั้งเถอะ!”
“เด็กสาวนี่เป็นคนดี!” ปิงแนะนำ “อย่างน้อยนางก็ตาถึงละนะ”
ถังเทียนรู้สึกว่าคำพูดของลุงปิงแฝงไปด้วยความพอใจของตนเอง แต่คำพูดของเขาก็มีเหตุผลด้วยเช่นกัน ถ้าการสู้รบที่วุ่นวายเกิดขึ้นอย่างนั้นความหวังจะได้ดวงตาเซกซ์แทนส์ก็จะต่ำมาก
ถังเทียนเคยเห็นพลังของฟู่จงซานมาแล้วและเขาแข็งแกร่งมากกว่าเขาแน่นอน แต่เขาก็ยังบาดเจ็บด้วยเช่นกันขณะที่หยางเฮ่าหรันเห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนก่อนก็โจมตีรุนแรงเช่นกัน
เฮ้อ..เราพาคนมาน้อยเกินไปจริงๆ...
ถังเทียนลอบเสียใจ ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ เขาคงพาทุกคนมาด้วยและย่ำยีหมู่ดาวเซกซ์แทน...
ก็ได้ ถังเทียนยังคงรู้สึกว่าความคิดของเขาไม่ค่อยมีเหตุผลมากนัก เขาผงกศีรษะและพูดเสียงดัง งั้นข้าก็คงไม่มีทางเลือกได้แต่รับคำของท่าน
ฟู่จือหงมีความสุขมาก“ขอบคุณอาโฉ่ว!”
นางไม่ถือสาน้ำเสียงหยิ่งลำพองของเขา ในฐานะเจ้าเมืองนางมีประสบการณ์ในการบริหาร นางรู้ว่าคนมีพรสวรรค์มักจะมีอารมณ์แปลกกันอย่างนี้ทุกคน
ถังเทียนยังคงคิดเรื่องการฝึกและกล่าว “ก่อนฟ้าจะมืด รีบทำงานให้เสร็จเถอะ”
ฟู่จือหงไม่ปฏิเสธแน่นอน นางตระเวนไปรอบๆ พร้อมกับถังเทียนอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปสองสามชั่วโมงฟู่จือหงก็มั่นใจเต็มที่ ถ้าไม่ใช่เพราะอาโฉ่วดูเหมือนอายุเยาว์วัยนางคงเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้บัญชาการอาวุโสผู้มีประสบการณ์เป็นแน่ หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงสองสามจุดพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้น การใช้งานหลายจุดดูเหมือนเลินเล่อ แต่รายละเอียดกลับน่าประทับใจ
ฟู่จือหงเดินตามด้านหลังไป่อาโฉ่วจนดูเหมือนเป็นผู้ติดตามไปแล้ว นางไม่สามารถหยุดความสงสัยได้ และตอนนี้นางตกตะลึงสิ้นเชิง
เมื่อเผชิญฉากภาพเช่นนั้น นักสู้ทั้งหมดพากันตกตะลึง
“ข้ามองผิดไปหรือเปล่า นั่นอาโฉ่วจากชั้นเรียนของติงเฉินไม่ใช่หรือ?”
“ใช่เขาแน่นอน หน้าอย่างนั้นยากจะลืมได้อย่างแน่นอน!”
“เป็นไปได้หรือนี่! ศิษย์พี่หญิงมีรสนิยมประหลาดอยู่บ้าง….”
โอวพระเจ้า ข้ารับไม่ได้ รับไม่ได้จริงๆ! ศิษย์พี่หญิง, นางฟ้าของข้า....”
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าอาโฉ่วจะมีความสามารถแบบนี้, ข้ารู้สึกว่าเขามีความสามารถมาก สถานที่ปฏิบัติการในตอนนี้ เจ้าไม่รู้สึกว่ามันสมบูรณ์มากหรือ?”
……
ใช้เวลาสองชั่วโมงเต็มในที่สุดพวกเขาก็ปรับรูปกระบวนทั้งหมด ถังเทียนพูดจนคอแห้ง การเป็นคนรับส่งข่าวสารมันช่างน่าเบื่อเหลือเหลือเกิน หัวข้อที่ฟู่จือหงและลุงปิงปรึกษากันเขาไม่รู้สักเรื่อง เขาเป็นแค่หุ่นยนต์ที่คอยทวนคำพูดทุกอย่าง
“ในที่สุดก็จบเสียที!” ถังเทียนทวนคำ
ในที่สุด....
สายตาของฟู่จือหงเปี่ยมไปด้วยประกายปัญญาในเวลาเพียงสองชั่วโมงพวกเขาแก้ไขแนวป้องกันจวนที่ทำการทั้งหมด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงนี้ส่งผลต่อนางอย่างใหญ่หลวง ที่ใดก็ตามที่อาโฉ่วเดินผ่านหลังจากชำเลืองแว่บเดียว เขาจะให้คำแนะนำไม่กี่คำ จุดอ่อนช่องว่างทั้งหมดและพื้นที่ซึ่งมองข้ามกระจ่างทันที
ทุกการแก้ไขของอาโฉ่วได้รับการยกย่องจากทุกคน และแม้แต่สองสามพื้นที่ฟู่จือหงได้แต่เพียงลอบทำความเข้าใจ
“แค่นี่นะ ข้าจะกลับละ” ถังเทียนโบกมือให้ฟู่จือหง และไม่รอให้ฟู่จือหงพยายามรั้งเขาไว้เขาหายไปอย่างรวดเร็ว
ในโลกนี้มีอัจฉริยะอยู่จริงๆหรือนี่
ฟู่จือหงรู้สึกว่าความรู้ที่นางสั่งสมมาในช่วงสองสามปีนี้พังทลายสิ้นเชิง