ตอนที่ 501 - กรีดเลือดสาบาน
ผู้มาเยือนก็คือราชาฉลาม, ไห่อิงอู่และขุนพลหัวปลาคาร์พ
ไม่จำเป็นต้องพูด ราชาฉลามร่างสูงบึกบึนและมีลักษณะที่ประหลาด เขายังคงมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก ดังนั้นคงช่วยอะไรได้ไม่มาก ไม่ว่าเขาจะปกปิดอำพรางตนเองมากเพียงไหน เขาจึงไม่พยายามปิดบังตนเองในเวลานี้ และเข้ามาหาโดยตรง ขุนพลหัวปลาคาร์พไม่แต่งชุดเหมือนปกติ เขามาในลักษณะธรรมดาด้วยรูปลักษณ์ที่ดูน่าตลกหัวโตแต่ตัวเล็ก กลับเป็นไห่อิงอู่ที่ทำตัวเองให้ดูลึกลับมาก เนื่องจากนางสวมชุดคลุมมิดชิดเลียนแบบเย่ว์หยาง เนื่องจากนางสวมหน้ากาก แต่หน้ากากนางเป็นหน้ากากปะการังชั้นเงิน ดังนั้นจึงปิดหน้าได้เพียงครึ่งซีกบน ส่วนครึ่งซีกล่างยังคงมองเห็นริมฝีปากของนางอยู่
วันนี้นางไม่ได้สวมชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิสมุทร ทั้งไม่ได้ถือสามง่ามศักดิ์สิทธิ์ไว้ด้วย
เหมือนกับผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์ทะเลหลายๆ คน นางถือไม้เท้าปลาวาฬขาว แต่ไม่ว่านางจะสวมมิดชิดขนาดไหนก็ตาม เย่ว์หยางก็สามารถมองทะลุได้ตลอด
เมื่อเย่ว์หยางเดินออกมา ทุกคนก็ก้าวลงมา
มีแต่เพียงเซี่ยอีที่แอบมองอยู่ที่มุม นางไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง นางเพียงแต่ต้องการดูไห่อิงอู่
ในเวลาเดียวกัน ตาของไห่อิงอู่ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากปะการังก็ยังคงมองดูเซี่ยอีที่อยู่ในชุดสาวแก๊งมอเตอร์ไซค์ ทั้งสองฝ่ายมองดูกันและกันอย่างเงียบๆ
ราชาฉลามเป็นคนที่ไม่ชอบพูดไร้สาระที่ไม่จำเป็น ดังนั้นเขาจึงเปิดเผยเจตนาโดยตรง “เหตุผลการมาเยือนของพวกเรานั้นชัดเจนมาก เราต้องการร่วมมือกับเจ้า”
“ข้าฟังผิดไปหรือเปล่า?” เย่ว์หยางหัวเราะ
หมากที่เขาวางไว้ก่อนนั้นกำลังจะให้ผล
และมันมาเร็วกว่าที่เขาคาด เขาคิดว่าเขาคงต้องรอนานกว่านี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
“มาคุยเรื่องเงื่อนไขการร่วมมือของเรากันก่อน เรามีศัตรูร่วมกัน นั่นก็คือเผ่าพันธุ์ทะเล พวกเขาจะส่งทหารบุกเข้าโจมตีทวีปมังกรทะยานอย่างแน่นอน เนื่องจากราชินีแมงกะพรุนจะต้องใช้ข้ออ้างล้างแค้นเพื่อควบคุมพวกเขาต่อไป ตอนนี้พวกเขายังไม่มีผู้นำ พวกเขายังจะอยู่ในช่วงสับสนวุ่นวายและอาจล่มสลายได้ ถ้าพวกเขาไม่มีการรบใดๆ อีกอย่าง นอกจากจักรพรรดิสมุทรแล้ว ปีศาจจ้าวสมุทรเก้าหัวผู้ทรงพลังกำลังเตรียมตัวจะยึดอำนาจ เขาคือชู้รักของราชินีแมงกะพรุนและเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า แม้ว่าเขาฝีมือไม่เลว แต่เขายังไม่มีศักดิ์ศรีมากพอ ดังนั้นเขาต้องใช้ประโยชน์จากการเดินทัพเข้าสู่ทวีปมังกรทะยานเพื่อให้ได้สิทธิ์รับราชบัลลังก์” ราชาฉลามกล่าวตามความจริง
“ข้าคิดว่าท่านเป็นหนึ่งในผู้นำทหารของเผ่าพันธุ์ทะเลใช่หรือเปล่า?” เย่ว์หยางถาม
“ถ้าดูตามผิวเผิน อาจดูเหมือนว่าข้าเป็นผู้นำทัพเข้าทวีปมังกรทะยาน แต่นั่นเป็นแค่กลลวงคิดกันข้าออกไป ราชินีแมงกะพรุนแค่ใช้ข้าให้ออกไปจากหอทงเทียนชั้นเจ็ดเพื่อให้นางควบคุมมหาสมุทรที่นั่น เนื่องจากการตายของรัชทายาท ทำให้นางเกลียดข้าเข้ากระดูก ดังนั้นนางคงไม่ยอมให้ข้ามีอำนาจอะไร” ราชาฉลามยิ้มอย่างขมขื่น
“แล้วท่านมีแผนอะไรบ้าง?” เย่ว์หยางถามอีกครั้ง
“ข้าไม่สนอะไรอื่นอีกต่อไปแล้ว ข้ายินดีจะทำตามความปรารถนาสุดท้ายของบิดาข้า ช่วยให้น้องสาวได้เป็นจักรพรรดินีสมุทรอีกครา
ราชาฉลามคล้ายๆ ว่าจะเกลียดพวกเผ่าทะเล
โศกนาฏกรรมของจักรพรรดิสมุทรมีสาเหตุมาจากราชินีแมงกะพรุนโดยอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชาฉลามโกรธที่มีเรื่องอื้อฉาวว่าองค์ชายไห่หลงไม่ใช่รัชทายาทที่แท้จริง ความตายของก้วนหลานสืบเนื่องมาจากบุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อน เขาไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนั้นได้ แต่บิดาของเขามอบพลังและเลือดทั้งหมดของเขาให้กับน้องสาวของเขาก่อนที่ท่านจะตาย ดังนั้นสิ่งที่ราชาฉลามต้องการทำมากที่สุดก็คือฆ่าราชินีแมงกะพรุนและและปีศาจจ้าวสมุทรเก้าหัวและทำให้น้องสาวครองบัลลังก์กลายเป็นจักรพรรดินีสมุทรที่แท้จริงผู้ปกครองท้องทะเลมหาสมุทรทั้งหมด
เย่ว์หยางพึมพำกับตนเองก่อนที่เขาจะพยักหน้า “ข้าไม่ขัดข้องที่จะร่วมมือกัน ว่าแต่จะให้ร่วมมือเรื่องอะไร?”
ราชาฉลามมองดูเคร่งขรึมผิดปกติ “ข้อมูล!”
เย่ว์หยางยิ้ม “อย่างนั้นเชิญพูดต่อ..”
ราชาฉลามล้วงมือเข้าไปในชุดของเขาและหยิบม้วนอักษรรูนพิเศษออกมาและยื่นส่งให้เย่ว์หยาง “นี่จะคล้ายๆ กับแผนที่บุปผาโลหิต เรียกว่าแผนที่สามสี มีอยู่ทั้งหมดสามชิ้น ของเจ้าสีทอง, ของข้าสีดำ ขณะที่ของน้องสาวข้าเป็นสีเงิน เมื่อเจ้าเขียนคำในแผนที่จำกัดไม่เกินสิบคำ คำเหล่านั้นจะมาปรากฏบนม้วนแผนที่ของข้า เมื่อข้าเขียนลงบนแผนที่ คำเขียนก็จะไปปรากฏบนแผนที่ของน้องสาวข้า และทำนองเดียวกัน เจ้าก็จะเห็นสิ่งที่นางเขียน นี่คือการเชื่อมโยงติดต่อกันระหว่างแผนที่สามสี ด้วยของสิ่งนี้เจ้าสามารถถามอะไรข้าก็ได้ และน้องสาวของข้าจะเป็นคนตอบแทนข้า แน่นอนว่ามีข้อจำกัดคือใช้ได้วันละครั้ง”
เย่ว์หยางพยักหน้า และเห็นด้วยว่าแผนที่สามสีเป็นของดีอย่างแน่นอน
ด้วยของสิ่งนี้ ราชาฉลามในค่ายของศัตรูจะเป็นสายสืบที่ดีที่สุด และสามารถส่งข่าวกรองให้กันได้
ข้อบกพร่องก็คือ จำกัดคำที่น้อยเกินไป ไม่เกินสิบคำ
และจำกัดเวลาให้ใช้ได้วันละครั้ง
“อย่าว่าแต่ข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเลเลย ข้าเชื่อว่านอกจากปีศาจจ้าวสมุทรเก้าหัวแล้ว คนเก่าแก่ที่เหลือไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้” ราชาฉลามมองดูเย่ว์หยางและพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการพูดถึงก็คือข้อมูลของอีกสองเผ่าพันธุ์”
“เผ่ามนุษย์มีปีก กับเผ่าใต้พิภพใช่ไหม?” เย่ว์หยางลอบขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ถูกแล้ว” ราชาฉลามพยักหน้า “เผ่ามนุษย์มีปีกอาศัยอยู่ในหอทงเทียนชั้นที่เก้า และผู้ปกครองของพวกเขาก็คือจักรพรรดิฟ้า พวกเขาจะคล้ายๆ กับมนุษย์ แต่ว่ามีปีกอยู่ข้างหลัง หน้าตางดงามแต่ว่าไม่มีเพศ กล่าวกันว่ากลุ่มพวกเขาจะถือกำเนิดในทะเลสาบทุกๆ ห้าร้อยปีและอายุขัยของพวกเขาราวๆ สองพันปี พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาทรงพลังมากและเป็นนักสู้ในหอทงเทียนชั้นที่เก้า พวกเขาครอบครองเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุด กล่าวกันว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของเผ่ามีปีกจากแดนสวรรค์ และจักรพรรดิฟ้าคือผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในพวกเขาในรอบหลายพันปีมานี้ เขาเกิดมาด้วยร่างกายที่ศักดิ์สิทธิ์และหลังจากทำสัญญากับคัมภีร์แล้ว เขาก็เป็นผู้ครอบครองเทวดาในฐานะอสูรพิทักษ์ของเขา
“….” เย่ว์หยางฟังอย่างเงียบๆ และไตร่ตรอง
“ลูกหลานเผ่ามีปีกเรียกตัวเองว่าเทวดา แต่ความจริงยังมีช่วงห่างระหว่างพวกเขาและพวกที่อยู่ในแดนสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นพวกไร้เพศ พวกเขาเคยเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังมากมายในหอทงเทียนและช่วยสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์บุกทวีปมังกรทะยาน แต่เนื่องจากจักรพรรดิฟ้าคนก่อนถูกจักรพรรดิอวี้ผู้ไร้เทียมทานสังหาร พวกเขาแทบถูกกำจัดไปเกือบหมด เผ่าพันธุ์ทั้งหมดอยู่อย่างลำบากมาห้าพันปี พวกเขากลับมาแข็งแกร่งได้ราวๆ พันปีแล้วภายใต้การนำของ ‘ปาอี้’ จักรพรรดิฟ้าคนปัจจุบัน” ราชาฉลามหยุดชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “พลังของจักรพรรดิฟ้าปาอี้อาจแข็งแกร่งมากกว่าบิดาของข้า เขาครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์สามอย่างและทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับราชาเฮยอวี้และราชินีแมงกะพรุน และตกลงเห็นด้วยว่าจะส่งกองทัพจากหอทงเทียนด้วย”
“แล้วจักรพรรดิใต้พิภพเล่า เป็นยังไงบ้าง?” เย่ว์หยางคาดการณ์ไว้แล้วว่าจักรพรรดิฟ้าคงจะไม่นั่งอยู่เฉย ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจกับการตัดสินใจของเขา
“….” ไห่อิงอู่คิดว่าเย่ว์หยางคงจะประหลาดใจหลังจากได้ฟังเรื่องนี้ แต่นางคาดไม่ถึงเลยว่าเขายังตอบสนองได้อย่างใจเย็นนัก
“ฮึ่ม!” เซี่ยอีรู้สึกว่าเย่ว์หยางแค่ทำเข้มแข็งต่อหน้า
ถ้าไม่อย่างนั้น คงเป็นเพราะเขามึนไปแล้วกับข่าวการร่วมกองกำลังของราชาเฮยอวี้และเผ่าพันธุ์ทะเล ก็คงเป็นเพราะเขาไม่ใส่ใจพวกเผ่าพันธุ์มีปีก
ราชาฉลามชะงักไปชั่วขณะ “จักรพรรดิใต้พิภพเป็นนักสู้ที่ลึกลับมาก เขาปกครองดินแดนที่ใหญ่กว่าแดนอเวจีในหอทงเทียนชั้นที่เก้า เขาอาจเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่จักรพรรดิสมุทร, จักรพรรดิฟ้าและไล่หลังจักรพรรดิมังกร แต่เนื่องจากพวกเขายังไม่เคยต่อสู้กันเอง จึงอาจประเมินไม่ถูกต้องก็ได้ เขาไม่มีแผนจะส่งกองทัพเข้าทวีปมังกรทะยานแต่อย่างใด แต่สำหรับคำเชิญของราชาเฮยอวี้ เขาพูดว่าจะมาทวีปมังกรทะยานเพื่อเป็นสักขีพยานการต่อสู้และพบเจ้าเป็นการส่วนตัว!”
เย่ว์หยางหัวเราะลั่น “ใช่แล้ว เครื่องหมายประจำราศีของเจ้าคนนี้คงเป็นลิงแน่ๆ เขาเจ้าเล่ห์เกินไป ด้วยการกระทำอย่างนี้ เขาก็ไม่รุกรานฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้โดยไม่สูญเสียทหารเลยสักคน อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาจริงๆ”
ในที่สุดไห่อิงอู่ก็ไม่สามารถทนได้ นางไม่เข้าใจเย่ว์หยางยังคงมองโลกในแง่ดีได้ยังไง? “ยังคงมีคนอย่างจักรพรรดิใต้พิภพอีกมาก ตัวอย่างเช่น ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย, องค์ชายเงาดำ, ประมุขนิกายพันปีศาจและนักสู้ปราณก่อกำเนิดอื่นอีกจำนวนมาก เจ้าไม่สามารถต้านรับพวกเขาได้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็ตาม เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกจะร่วมมือกัน? เพราะพวกเขาเกรงว่าเจ้าจะกลายเป็นจักรพรรดิอวี้คนใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทุ่มเทเพื่อฆ่าเจ้าให้ได้! สำหรับสมบัติในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ พวกเขาสามารถใช้เวลาของพวกเขาเพื่อแบ่งกันเองในพวกเขา ได้ หลังจากพวกเขาฆ่าคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งก็คือเจ้านั่นเอง” ไห่อิงอู่เตือน
“อา…” หน้าเซี่ยอีซีดทันทีหลังจากได้ยินคำนี้
ไม่ว่าจะเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนไหนก็ตาม ล้วนสั่นสะเทือนหอทงเทียนได้ทั้งนั้น
ถ้าพวกเขาร่วมมือกันฆ่าไตตันน้อย จอมลามก อย่างนั้นเขามิกลายเป็นเนื้อบนเขียงหรอกหรือ?
แม้ว่าตามปกติเซี่ยอีจะโกรธเย่ว์หยางและรู้สึกว่าเขาน่ารำคาญหูรำคาญตา และหาเรื่องทะเลาะกับเขาทุกครั้งที่พบกันและเขายั่วนางให้โกรธ แต่นางก็กังวลจนนั่งไม่ติดเมื่อรู้ว่าเขาเผชิญภัยคุกคามใหญ่หลวง
นางเกลียดความจริงที่ว่านางมีพลังไม่เพียงพอ จนนางไม่สามารถช่วยเขาได้
ถ้านางแค่สามารถช่วยฆ่าศัตรูของเขาได้ก็นับว่าพอแล้ว ทำไมนางต้องอ่อนแออยู่เรื่อย? ทำไมนางต้องคัดค้านเขาเมื่อเขาบอกนางว่านางสามารถแข็งแกร่งทรงพลังได้?”
เซี่ยอีกระทืบเท้านางและรีบออกมา หลังจากทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นหินที่แข็ง
นางกำมือและชูกำปั้นขึ้นและดูเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างแน่นอน
“ซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและพวกที่เหลือเป็นแค่เพียงนักฉวยโอกาส ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด” ราชาฉลามสั่นศีรษะ “พวกที่เจ้าควรระวังป้องกันมากที่สุดควรจะเป็นจักรพรรดิมังกรแห่งเผ่าปีศาจบูรพาและเหล่าจ้าวปีศาจในแดนอเวจี คนหนึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหอทงเทียน ขณะที่อีกกลุ่มเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดและชั่วร้ายที่สุดในหอทงเทียน ดังนั้นเจ้าไม่ควรจะดูแคลนพวกเขา แต่ข้าไม่ได้ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์เหล่านี้ ดังนั้น ข้าจึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา เจ้าสามารถลองดูด้วยตัวเองก็ได้ เนื่องจากจักรพรรดิมังกรมีความประทับใจที่ดีต่อเจ้า อาจจะคุ้มค่าน่าลอง ส่วนพวกจ้าวปีศาจเป็นตัวยุ่งยากที่สุด แม้แต่กองกำลังนรกดำและเผ่าพันธุ์ทะเลก็ยังหวั่นเกรงพวกเขา สำหรับปีศาจในแดนอเวจีและในทวีปมังกรทะยานยังอยู่ในหอทงเทียนชั้นที่หนึ่งกันทั้งหมด กองทัพจากแดนอเวจีสามารถเข้าทวีปมังกรทะยานผ่านทางผ่านโบราณโดยไม่ต้องทุ่มเทค่าใช้จ่ายสูง ขณะที่เผ่ามีปีก และกองกำลังนรกดำและเผ่าพันธุ์ทะเล ทหารพวกเขาทั้งหมดจะต้องชดใช้มูลค่าสูงถึงสิบเท่า เพื่อเทเลพอร์ตเข้าทางผ่านโบราณ ถ้าพวกเขาล้มเหลวพลังของพวกเขาจะสูญเสียไปอย่างมากมาย”
“พูดได้ดี อย่างน้อยข้ากลัวจำนวนทหารขนาดมหาศาล ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาเถอะ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้บาดเจ็บหนักยิ่งขึ้น” เย่ว์หยางหัวเราะลั่น “ราชันย์ฉลาม มิน่าเล่าท่านของเป็นบุตรที่โดดเด่นของจักรพรรดิสมุทร! ได้เป็นพันธมิตรกับท่านแล้ว ทำไมข้าต้องหาพันธมิตรอื่นในที่ไกลออกไปเล่า ดีล่ะ นับจากวันนี้เป็นต้นไป เราเป็นพันธมิตรกัน”
“ข้ายินดีกรีดเลือดสาบานว่า ไม่ว่าผลการรบจะออกมาเป็นเช่นไร ข้าจะไม่มีทางหักหลังเจ้า ต่อให้ข้าตายก็ตาม ข้ายินดี” ราชาฉลามใช้มีดสั้นกรีดแขนของเขา เลือดเขาพุ่งออกมา
“ฉันใดก็ฉันนั้น” เย่ว์หยางล้วงมีดทองฆ่ามังกรของเขาออกมาและกรีดฝ่ามือ
เย่ว์หยางมองดูราชาฉลามอย่างจริงจังและจากนั้นมองดูไห่อิงอู่
เขายกมือขวาที่กำลังหลั่งเลือด “ไม่ว่าผลการต่อสู้นี้จะออกมาเป็นเช่นไร ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะไม่มีวันทรยศสหายของข้า ถ้าข้าชนะ ข้าตกลงจะแบ่งทรัพย์สินที่ข้าได้จากการศึกให้แก่บุตรและธิดาของจักรพรรดิสมุทร ราชาฉลามและไห่อิงอู่ และจะปล่อยให้พวกเขาครองพื้นที่มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ข้าจะช่วยไห่อิงอู่ชิงบัลลังก์ และข้าจะไม่กลับคำพูด”
น้ำตาหยาดหนึ่งไหลออกมาจากหน้ากากปะการังของไห่อิงอู่
นางเดินเข้ามาหาและดึงมีดทองฆ่ามังกรในมือของเย่ว์หยางและกรีดฝ่ามือนางในทำนองเดียวกัน
จากนั้นนางคุกเข่าลง ยกมือที่หลั่งเลือดเป็นสาย ทำการปฏิญาณว่า “ข้าขอปฏิญาณด้วยโลหิตว่า ถ้าบุรุษผู้ที่อยู่ต่อหน้าข้านี้สามารถทำความปรารถนาของท่านพ่อและท่านพี่จนสำเร็จได้ วันใดที่ข้าได้ครองบัลลังก์ได้สำเร็จ วันนั้นจะเป็นวันที่ข้าขอเทิดทูนเขาไว้ในฐานะจักรพรรดิอวี้แห่งหอทงเทียนคนใหม่ ข้าจะนำคนของข้าจงรักภักดีต่อเขาและจะไม่มีทางหักหลังทรยศเขา ถ้าข้าผิดคำสาบาน ขอให้ลูกหลานของจักรพรรดิสมุทรต้องถูกตราหน้าสาปแช่งไปตลอดกาลนาน”
******************