ตอนที่ 500 นักโทษรอประหาร
โลกของเซียนกว้างขวางยิ่งใหญ่มากกว่าที่ถังเทียนจินตนาการไว้มาก เขารู้สึกได้ทันทีว่าเขาพรวดพราดเข้าสู่โลกใหม่ ทุกอย่างใหม่และมีหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจ
แต่เขาไม่กังวลหรือกลัวแม้แต่น้อย เขาเต็มไปด้วยความสงสัย ทุกอย่างมีความหมายมากมาย
สถานการณ์ในเมืองหานกู่สงบอย่างน่าทึ่ง ทุกคนมีความกังวลบางอย่าง แม้แต่กับผู้อาวุโสสำนักมู่หรือผู้อาวุโสสำนักหรงปัว ไม่มีใครประมาทแต่อย่างใด อย่างน้อยที่สุดก็ยังไม่เหมือนเมื่อคราวอยู่ในกลุ่มดาวหมาป่าที่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวหรือดูเหมือนมีการเข่นฆ่ากันได้ง่ายเหมือนผัก เหมือนปลา
ถังเทียนไม่รู้เหตุผลแต่เขาคร้านที่จะคิด
เขาวนอ้อมและกลับไปที่ค่าย อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า ผลเก็บเกี่ยวของเขามากมายเกินกว่าที่เขาคิด เสี่ยวเอ้อกำลังกินจิตวิญญาณเซียน ขณะที่ถังเทียนกำลังอ่านหนังสือจิตวิญญาณที่เขาซื้อมาอย่างกระตือรือร้น
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตเซียนแล้วมีความรู้ซึ่งอธิบายไม่ได้ ดังนั้นหนังสือจิตวิญญาณจึงมีขายอยู่ในตลาด หนังสือจิตวิญญาณจะบันทึกวิธีการต่างๆโดยพวกเซียน
การสร้างหนังสือจิตวิญญาณไม่ใช่งานซับซ้อน มีพลังจิตวิญญาณเป็นสื่อส่วนใหญ่ที่คนใช้ก็คือเศษเสี้ยวพลังวิญญาณที่ใช้ต่อสู้ เศษพลังวิญญาณทั้งหมดนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก แต่สามารถเก็บรักษาข้อมูลไว้ได้จำนวนมาก
และหนังสือจิตวิญญาณก็ไม่ใช่วัตถุระดับสูงและเป็นความรู้ตื้นๆ ของพวกเซียน แต่ในความเป็นจริงอุปกรณ์สมบัติเซียนไม่ใช่ราคาถูกๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างหนังสือพลังจิตวิญญาณ ราคาของมันก็สูงถึงร้อยล้านเหรียญดาว
แต่มันคือสิ่งที่ถังเทียนต้องการมากที่สุด
เขามีข้อสงสัยมากมายและสามารถมองหาคำตอบจากในหนังสือได้ ตัวอย่างเช่น เขารู้ว่าจิตวิญญาณเซียนคืออะไร และจากที่เซียนตายไปแล้ว ส่วนใหญ่ของพวกเขาจะไม่เหลือจิตวิญญาณเซียนไว้ เพราะจิตวิญญาณยุทธของเซียนเปลี่ยนไปเป็นสนามพลังวิญญาณแล้ว แค่เพียงอยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษสองสามอย่างเซียนถึงจะทิ้งจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาไว้และนั่นก็คือจิตวิญญาณเซียน
ประโยชน์ของจิตวิญญาณเซียนที่มากที่สุดก็คือช่วยยกค่าจิตวิญญาณและขยายสนามพลังวิญญาณได้
สนามพลังวิญญาณเป็นเหมือนแปลงพื้นที่เพาะปลูกของเซียนและวิชาจิตวิญญาณเป็นเหมือนพืชที่ปลูกอยู่ในแปลง ยิ่งมีพื้นที่เพาะปลูกมาก เซียนก็สามารถเพาะปลูกได้มาก
เมื่อถังเทียนมาถึงระดับนี้แล้วจากนั้นเขาจึงค่อยเข้าใจความสำคัญของค่าจิตวิญญาณ อย่างนั้นนั่นก็คือพื้นที่ภายใต้การควบคุมของเซียน!
ไม่เพียงแต่การฝึกเคล็ดจิตวิญญาณจะต้องใช้ค่าจิตวิญญาณที่เพียงพอเท่านั้น แต่จำเป็นต้องเข้าใจวิชาจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้งด้วย วิชาจิตวิญญาณจะยังคงเติบโตและพัฒนาได้จำเป็นต้องมีค่าจิตวิญญาณมากขึ้น ถ้ามีค่าจิตวิญญาณไม่เพียงพอ แม้แต่วิชาจิตวิญญาณก็ยากจะก้าวหน้าได้ไกล
ค่าของจิตวิญญาณเสี่ยวเอ้อคราวก่อนก็แค่พอเรียนวิชาเคลื่อนย้ายพริบตาเท่านั้น
และนอกจากนั้นแล้วสมบัติจิตวิญญาณมีพลังที่น่ากลัว ของพวกนี้จะมีแตกต่างกันและประโยชน์ที่สุดก็คือไม่จำเป็นต้องใช้ค่าวิญญาณ สำหรับเซียนคนหนึ่ง ค่าวิญญาณทุกอย่างมีความสำคัญมาก
ท่าทางเจ็บปวดผุดขึ้นบนใบหน้าของเสี่ยวเอ้อ ร่างของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ถังเทียนตกใจกลัวและรีบเชื่อมโยงกับเสี่ยวเอ้อทันที เขาสามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเสี่ยวเอ้อได้ ใบหน้าที่น่ารักของเสี่ยวเอ้อทรมานน่ากลัว หมอกสายหนึ่งเริ่มคลุมรอบตัวเขาเขาเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังดิ้นทำให้หน้าของเขาเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน
“ฆ่า...”
เสียงที่ดังออกมาเต็มไปด้วยความโกรธและแค้นเสียงแหบแห้งเหมือนกับเป็นอีกคนหนึ่งที่แตกต่าง
ร่างของเสี่ยวเอ้อกลายเป็นหมอกควันและแสดงอาการโกรธอย่างรุนแรง
แย่แล้ว!
ถังเทียนยื่นมือเข้าไปในหมอกโดยไม่คิดอะไร
***************
เมื่อกลับมายังที่พักเย่เฉาเกอลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูด “ผู้อาวุโส, เราต้อง...”
เขาเหยียดหัวแม่มือและทำท่าเป็นสัญลักษณ์ฆ่า วันนี้ผู้อาวุโสของเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมีแนวโน้มว่าหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หรงปัวหัวเราะและกล่าว “เฉาเกอ, เอ่อ.. เจ้ายังอายุน้อยดังนั้นเจ้าคงอยากฆ่าคนโดยตรง แต่เจ้าต้องจำไว้ เมื่อเจ้าสามารถฆ่าคนได้โดยไม่ต้องใช้ดาบของเจ้าจงพยายามอย่างดีที่สุดอย่าใช้ดาบของเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
สีหน้าของเย่ว์เฉาเกอเปลี่ยน เขาคิดย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นชั่วขณะ “อย่าบอกข้าจะว่าผู้อาวุโส..”
“อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเจ้าเห็น” หลงปัวหัวเราะ “แสงอรุณสำคัญขนาดนั้นจริงๆ หรือ? ไม่ว่าเจ้าจะคิดยังไงก็ยังไม่คู่ควรเทียบเท่าจิตวิญญาณเซียนระดับห้า บางคนอาจจะคิดว่าข้าห้ามเอาไว้ไม่ให้ของตกไปในเงื้อมมือของพวกวิญญาณมืดและข้าคิดอะไรไม่ออก แต่ในความจริง เมื่อข้ารู้ว่าเจ้าแพ้เขาข้าก็ตัดสินใจกำจัดเขาแล้ว”
เย่เฉาเกอใจสั่นสะท้าน
“ความล้มเหลวไม่มีอะไรต้องคิดมาก เมื่อข้ายังอายุน้อย ข้าก็แพ้มาหลายครั้ง” หลงปัวยังคงยิ้มและกลายเป็นจริงจัง “พรสวรรค์ของเจ้าและความเพียรพยายามของเจ้าไม่ได้ด้อยเลย พลังปัจจุบันของเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าในอดีตเสียอีก เจ้าไม่ใช่คนที่ใครจะเอาชนะได้ คู่ต่อสู้ไม่ใช่คนที่จัดการง่ายๆและข้ามีความรู้สึกว่าเขาคือศัตรูของเรา”
“จิตวิญญาณเซียนจะเปลี่ยนเป็นศัตรูที่อันตรายและมีศักยภาพใครจะใส่ใจทันระวังได้ นั่นช่างคุ้มค่านัก” หลงปัวหัวเราะ และพูดอย่างเป็นกันเองว่า“จิตวิญญาณเซียนนั่นถูกดึงออกมาจากนักโทษรอประหาร”
“นักโทษรอประหาร?” เย่เฉาเกอตะลึง
“เขาชื่อวิลเลียม!” หลงปัวเริ่มหัวเราะเมื่อคิดถึงเรื่องที่มีความสุขอย่างนั้น
เย่เฉาเกอตะลึง หน้าของเขาซีดขาว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกใจ
***********
นอกเมืองอาเลียธการรบพุ่งดุเดือดไม่มีทีท่าสิ้นสุด
กองทัพใหญ่ของถังโฉ่วมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน หลังจากประสบกับสงครามในเมืองมิซาร์ แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียค่อนข้างมาก แต่สงครามที่รุนแรงทำให้ทหารของเขาแข็งแกร่งขึ้น
กองทัพได้รับการปรับแต่งแล้ว นักสู้ชาวเจ็ดดาวเหนือเผชิญกับกองทัพใหญ่เช่นนั้นไม่สามารถขัดขืนได้
ถังโฉ่วเงยศีรษะขึ้นมองดูจุดดำทั้งสี่จุด
ในการต่อสู้ในเมืองมิซาร์เขาพบกับนักสู้ชั้นเซียนสองคน เซียนที่ไม่รู้วิธีเหาะถูกพวกเขาฆ่าตายอย่างรวดเร็ว ขณะที่เซียนอีกสองคนรู้วิธีเหาะทำให้พวกเขาสูญเสียค่อนข้างมาก เซียนที่รู้วิธีเหาะมีความได้เปรียบในสงครามมาก พวกเขาไปมาเหมือนสายลม วิชาตัวเบาไม่สามารถไล่ตามพวกเขาได้และนั่นคือสิ่งที่ถังโฉ่วไม่ได้คาดการณ์ไว้
วิชาจิตวิญญาณทรงพลังมากแข็งแกร่งกว่าวิทยายุทธและในช่วงเวลาสั้นๆ ถังโฉ่วสูญเสียคนไปเกิน 500คนซึ่งทำให้เขาโกรธมาก
แต่ถังโฉ่วพบจุดอ่อนของเซียนได้อย่างรวดเร็วและนั่นก็คือการโจมตีระยะไกลของเขา
ศัตรูไม่สามารถโจมตีได้ไกลเกินกว่า300 เมตร และเมื่อเขาพบจุดอ่อนนี้ ถังโฉ่วรวบรวมสมาธิทันที กองทัพถอยและจัดระยะห่างของกองทัพ
เซียนชอบการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ดังนั้นเขาจึงมีทหารน้อยมาก แต่นี่ก็เพียงพอให้ถังโฉ่วรู้สึกถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่
ถังโฉ่วรู้สึกยินดีในใจ พวกเซียนที่พวกเขาพบส่วนใหญ่เป็นเซียนทั่วไป เขาได้ยินว่าเจ้านายฝึกวิชาจิตวิญญาณที่สามารถเคลื่อนในพริบตาได้ ถังโฉ่วเห็นว่ายังมีวิชาจิตวิญญาณอื่นที่ดีกว่าวิชาเคลื่อนไหวในพริบตานั่นจะเอามาใช้ในสงครามได้หรือไม่?
คงจะไม่เหมือนกับที่ตำนานบอกกล่าวไว้ สิ่งที่คงอยู่ซึ่งสามารถระเบิดหินดวงดาวได้
สำหรับเซียนธรรมดามีข้อจำกัดบางประการ ตัวอย่างเช่นปราณแท้ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไร ก็ต้องใช้ปราณแท้ และปราณแท้ของเซียนคนหนึ่งมิใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด
ข้อดีของกองทัพก็คือจำนวน มดหลายตัวสามารถล้มช้างได้ และจะใช้ประโยชน์จากวิธีนี้ทำงานทางทหารได้อย่างไร
ถังโฉ่วมองดูเซียนในท้องฟ้า
กองทัพมีอำนาจเหนือกว่าในสนามรบอยู่แล้ว ถ้าเซียนไม่เคลื่อนไหวอะไร การรบก็จะยิ่งเข้าทางพวกเขามาก เซียนที่อยู่ในอากาศสามารถมองได้ทั่วสนามรบจากท้องฟ้าและสถานการณ์ในสนามรบก็ชัดเจนมากขึ้น
จุดดำทั้งสี่เริ่มเคลื่อนไหว
ทนไม่ได้อีกต่อไปหรือ? ตาของถังโฉ่วเป็นประกายเยือกเย็น
ไม่มีอะไรสามารถขัดเกลาหัวหน้าทหารให้ดีขึ้นได้มากไปกว่าการรบอย่างต่อเนื่อง ถังโฉ่วสั่งการทหารสี่กองทัพ กองทัพหมาป่าของถังอี้ ทหารพรานข่ายของขลุ่ยวิเศษ กองพลทหารราบของทาร์ตันและกองทัพหมัดเหล็กของหวงฝู่หง
นอกจากกองทัพหมัดเหล็กของหวงฝู่หงซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด กองทัพอีกสามกองทัพคงการรักษาไว้แบบเดิมได้โดยเพิ่มเลือดใหม่เข้าไป ความแข็งแกร่งของบุรุษทั้งสี่ไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม ถังอี้คือดาบที่คมที่สุดตลอดไป สถานะขุนพลของขลุ่ยวิเศษก็อยู่ในสภาพดีที่สุดเขายังอายุเยาว์และมีศักยภาพสูงสุด ทาร์ตันมั่นคงไม่หวั่นไหว เขาเป็นคนมั่นคงไม่หวั่นไหวและพลังป้องกันของเขาก็แข็งแกร่งมาก และหวงฝู่หงเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก หัวใจของเขาดูเหมือนมุ่งอยู่กับการรบและชอบจะเข้าปะทะ
กองทัพหมัดเหล็กถูกสร้างขึ้นจากนักสู้สายจักรกลจากค่ายบรอนซ์แห่งเมืองสามวิญญาณและนอกจากนี้ยังรวมถึงกลุ่มคนที่ถังโฉ่วได้ดูแลไว้ก่อนนั้น กองทัพเก่าของหวงฝู่หงซึ่งก็คือกองทัพเหล็กก็มีบางส่วนที่เป็นกองทัพจักรกล หวงฝู่หงมักจะมาประจำการอยู่ที่เมืองสามวิญญาณได้ติดตามปิงเพื่อเรียนรู้ และอีกทางหนึ่งเขาร่วมช่วยร่างหลักสูตรฝึกฝนทุกแผนการอบรมทำให้ได้รับประสบการณ์มากมาย
ปิงกล้าปล่อยมือและตามถังเทียนไปกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์เป็นเพราะพวกเขามีคนพอพึ่งพาอาศัยได้ กองพลทั้งสี่คือความเชื่อมั่นของเขา ขลุ่ยวิเศษอาจมีศักยภาพเป็นผู้บัญชาการที่มีชื่อได้ แต่อีกสามคนนั้นยังไม่พอ แต่มาตรฐานของพวกเขานั้นโดดเด่นมั่นคงและน่าเชื่อถือ
เมื่อผ่านการสู้รบติดต่อกัน แม้มีการบาดเจ็บบ้าง แต่ความสัมพันธ์ของทุกคนก็เพิ่มขึ้น
“แถวหน้าถอยกลับ ม่อจื่อหวี!”
เสียงมั่นคงของหวงฝู่หงดังผ่านสนามรบที่ยุ่งหยิงทำให้ม่อจื่อหวีสั่น
อาวุธจักรกลวิญญาณสองสามแถวหน้าถอยออกมาเหมือนคลื่นน้ำลด ฝ่ายตรงข้ามเริ่มดีใจและวิ่งเข้ามาเพื่อฆ่า อาวุธจักรกลวิญญาณของม่อจื่อหวีเป็นผู้นำ การต้อนรับหน่วยของเขาดังกระหึ่มใส่เขา เขาตะโกนเต็มเสียง “กลยุทธหมายเลยห้า!”
ที่ด้านข้างทั้งสองของเขา อาวุธจักรกลวิญญาณสองร้อยชุดวิ่งตามเขาจนฝุ่นคละคลุ้ง เสียงลมอื้ออึงผ่านหูพวกเขา ลมหายใจของทุกคนหนักหน่วง พวกเขาตื่นเต้นและอาวุธจักรกลทั้งสองร้อยชุดบุกใส่พร้อมกัน เสียงโห่ร้องเสียงกึกก้องของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยพลังและความย่ามใจ เสียงสั่นสะเทือนเลือนลั่นเหมือนเสียงแผ่นดินไหว
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายใกล้เข้ามาเหมือนกับจะเตรียมปะทะและประจัญบาน
ม่อจื่อหวีเห็นม่ออู๋เว่ยควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณถอยมาถึงด้านหน้าเขาก็หัวเราะลั่น “การปะทะหนักยังคงขึ้นอยู่กับเรา”
อาวุธจักรกลวิญญาณที่กำลังวิ่งเข้าใส่เริ่มส่งเสียงโห่ร้อง
ระยะระหว่างกองทัพทั้งสองใกล้เข้ามา90 เมตร... 75 เมตร.... 60 เมตร.... 45 เมตร!
ม่อจื่อหวีแสดงท่าทางเหี้ยมหาญทันทีและตะโกนลั่น “ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ทั้งสองฝ่ายส่งเสียงโห่ร้อง เสียงตะโกนของพวกเขาบรรจบรวมกันเหมือนน้ำเชี่ยวกราก
อาวุธจักรกลวิญญาณทั้งสองร้อยชุดกระโจนขึ้นไปในอากาศพร้อมกันทั้งหมด เฉียดผ่านเพื่อนร่วมหน่วยไปอย่างหวุดหวิด พวกเขาเป็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงขึ้นไปบนฟ้ามีแรงเหวี่ยงที่น่ากลัวกระแทกใส่พื้น
นักสู้ที่กำลังวิ่งไล่ตามหลังพวกเขาคาดไม่ถึงว่าท้องฟ้าเหนือศีรษะพวกเขาจะกลายเป็นสีเข้มและก่อนที่พวกเขาจะทันรู้ตัว รังสีที่แพรวพราวมากมายก็ระเบิดต่อหน้าพวกเขา แสงระคายตาจนพวกเขาไม่สามารถลืมตาได้
อาวุธจักรกลวิญญาณทุกเครื่องยิงดาบออกมาสามเล่ม รังสีดาบหกร้อยเล่มที่ยาวเกินกว่าเก้าเมตรเกิดเป็นข่ายใบมีด
ใบมีดเหล่านั้นกระแทกใส่ในคลื่นมนุษย์
ในทันใดนั้นเลือดเนื้อปลิวกระจายไปทุกที่ เสียงร้องโหยหวนที่น่าสยดสยองร้องดังพร้อมกัน
ปัง
อาวุธจักรกลทั้งสองร้อยเครื่องลงพื้นพร้อมกัน เสียงเหมือนกับค้อนขนาดใหญ่หวดลงพื้นกระแทกกระทั้นหัวใจผู้คน นักสู้ชาวเจ็ดดาวเหนือแตกตื่นกันทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นท่าทางที่อาวุธจักรกลวิญญาณกำลังลงสู่พื้น
พวกเขางอเข่า ร่างของพวกเขาโน้มไปข้างหน้า
อาวุธจักรกลวิญญาณทั้งสองร้อยชุดที่เพิ่งลงมายืนที่พื้น เป็นเหมือนลูกตุ้มบรอนซ์ 200ลูกพุ่งเข้าใส่ทันที
ข่ายรังสีดาบตัดใส่คลื่นมนุษย์อย่างโหดอำมหิต โลหิตนับไม่ถ้วนฉีดพุ่งกระจาย คลื่นมนุษย์ล้มลงกับพื้นในทันที
ปัง!
อาวุธจักรกลสองร้อยชุดลงมายังพื้นพร้อมกันอีกครั้งทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเหมือนก้อนเมฆ
เวลาดูเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ นักสู้เจ็ดดาวเหนือมองดูกลุ่มอสูรร้ายบรอนซ์ด้วยความหวาดผวา ยักษ์บรอนซ์กำลังก้าวเข้ามาบนแม่น้ำโลหิต ซากศพระเนระนาดอยู่พื้นกลายเป็นคำอธิบายของอสูรบรอนซ์ที่ดีที่สุด
ประหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมและเยือกเย็น