ตอนที่ 5 ธุรกิจใหม่
ในอีกครึ่งเดือนข้างหน้าบาโคริโอ้จัดเวลาฝึกดังนี้ : ฝึกการต่อสู้และคาถาดาวกระจายกับซาสึเกะในตอนเช้า เที่ยงไปหากับครอบครัวของเขาหรือทำความคุ้นเคยกับหมู่บ้าน และตอนบ่ายเป็นการฝึกร่างกายอย่างเข้มข้นควบคู่กับการควบคุมจักระและการทำสมาธิ ในตอนกลางคืนฝึกฝนโดยใช้เนตรวงแหวนเพื่อให้ชินกับมัน ใช่ มันตื่นขึ้นด้วยยาปลุกพลังสายเลือด และเบิกเนตรวงแหวนสองวงได้ แต่ตอนนี้เขากำลังเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
ช่วงนี้เขาได้ใกล้ชิดกับครอบครัวของซาสึเกะมากขึ้นโดยเฉพาะซาสึเกะและมิโคโตะ เขาได้พบกับฟุงาคุและอิทาจิเป็นครั้งคราว มากกว่าครั้งก่อนเพราะอิทาจิชอบใช้เวลาว่างกับซาสึเกะและบาโคริโอ้ก็ได้รับความชื่นชมจากการต่อสู้ของเขาเอง ด้วยพรสวรรค์และพื้นฐานแล้วบาโคริโอ้ก็แค่เล่นกับซาสึเกะเวลาซ้อมก็เท่านั้นเอง
บาโคริโอ้ขอคำแนะนำบางอย่างจากอิทาจิด้วย และเขาก็เรียนรู้มันมา แม้ว่าเขาจะเกลียดวิธีคิดของอิทาจิมาก แต่พรสวรรค์ของอิทาจิในฐานะนินจาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ และแม้ว่าบาดคริโอ้จะซ่อนพลังไว้เวลาที่สู้กับซาสึเกะ แต่เขาก็รู้ว่าแม้แต่พลังเต็มที่ของเขายังห่างไกลจากอิทาจิอีกมาก เพราะเขาน่าจะเป็นโจนินระดับพิเศษแล้ว
ตื่นขึ้นมาในวันใหม่ บาโคริโอ้ตัดสินใจที่จะตรวจสอบความคืบหน้าของเขาในครึ่งเดือนนี้
-สถานะ-
ชื่อ :อุจิวะ บาโคริโอ้
พลังชีวิต: 310 (+3.5/นาที)
จักระ: 476 (+6/นาที)
ความแข็งแรง: 800 (+8/นาที)
คุณสมบัติ: ค่าโจมตีพื้นฐาน 31 / ความว่องไว 30 / ร่างกาย 20 / พละกำลัง 35 / ความแข็งแกร่ง 80 / จิตวิญญาณ 60
สกิล : การขว้างปาเลเวล 32, การขว้างปาแบบเลื้อยเลเวล 15, การต่อสู้ระยะประชิดเลเวล 56, คาถากระสุนน้ำเลเวล 14, การทำอาหารเลเวล 15, การควบคุมจักระเลเวล 12, สมาธิเลเวล 10
ความสามารถ: บันทึกและโหลด แผนที่
สายเลือด: อุจิวะ 20%
พรสวรรค์ : จักระระดับกลาง ร่างกายขั้นสูง การปรุงอาหารขั้นสูง*
'การเพิ่มพละกำลังและร่างกายของฉันนั้นยากจริงๆ' ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถหาวิธีฝึกพวกมันได้ แต่อย่างน้อยมันก็ยังเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเขาฝึกคุณสมบัติอื่นๆของเขา
'ไม่เป็นไร ฉันสามารถเพิ่มค่าสถานะผ่านแต้มจากระบบได้ แต่เพื่อการนั้น เขาต้องเริ่มหาเงินและไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้ประโยชน์จากพรสวรรค์ในการทำอาหารและความรู้เกี่ยวกับสูตรอาหารจากชาติที่แล้ว' เขาคิดว่าอีกอย่างที่ทำให้ระดับการต่อสู้ประชิดตัวของเขาซึ่งสูงขนาดนี้เพราะประสบการณ์การต่อสู้ที่เขาได้รับมาจากชาติที่แล้ว
สำหรับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหาเงิน เขาได้เตรียมทำร้านขนมอบแล้ว และเขาได้รับความช่วยเหลือมากมายจากหัวหน้าตระกูลเป็นการส่วนตัวหลังจากที่เขาได้ชิมว่าเค้กของบาโคริโอ้นั้นอร่อยแค่ไหน ส่วนเงิน เขาแค่พูดง่ายๆว่าเขาไม่มีพ่อแม่ และหลังจากทำหน้าเศร้าๆ แล้วเขาก็ได้การสนับสนุนจากมิโคโตะทันที
ดูเหมือนว่า ฟุงาคุ จะมีอำนาจมากจริงๆสำหรับสมาชิกตระกูลของเขา เพราะเขาช่วยให้บาโคริโอ้ได้ร้านที่มีทำเลที่ดี และเขาได้ขอให้สถนที่นั้นอยู่ใกล้โรงเรียนนินจา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้คนแน่นทุกวันซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและผู้ปกครอง
วันนี้เขาไม่ได้ไปฝึกกับซาสึเกะเหมือนเคย แต่เขาไปตรวจดูร้านและพบว่ามันเตรียมพร้อมตามที่เขาขอ ตั้งแต่การตกแต่งไปจนถึงอุปกรณ์ที่ต้องการ แล้วยังมีคนในตระกูลอุจิวะที่เขาได้ขอฟุงาคุไว้ด้วย เพราะเขาต้องการคนงานเพื่อจัดการกับลูกค้า จะเรียกเขาว่าคนงานคงเรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาแน่ใจ 100% ว่าเขาทำงานเป็นหน่วยลับให้กับ ฟุงาคุ และจะรายงานทุกอย่างให้เขารู้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็น "คนงาน" แต่บาโคริโอ้ก็ไม่ว่าอะไร เพราะระหว่างการมีหน่วยลับของฟุงาคุ หรือหน่วยลับของดันโซ เขาก็ไม่ได้เสียผลประโยชน์อะไร
เขาตัดสินใจทำธุรกิจร้านขนมอบเป็นธุรกิจแรกเพราะเขาแค่ต้องรีบทำอะไรก็ตามที่เขาอยากจะขาย เค้ก ทาร์ตเล็ต มัฟฟิน คัพเค้ก ฯลฯ ... และปล่อยให้ "คนงาน" ที่เหลือทำ
ดังนั้นเขาจึงเพิ่มงานในตอนเช้าตรู่เข้าไปในกิจวัตรประจำวันของเขาด้วย และทำส่วนที่เหลือตามปกติ จัดการกับปัญหาความไว้ใจของ ฟุงาคุ โดยเพียงแค่คำนวณภาษีที่หมู่บ้านต้องการ และจ่ายเงินให้ตระกูลอุจิวะซึ่งสูงกว่าเล็กน้อย แต่แน่นอนเมื่อ ฟุงาคุถาม บาโคริโอ้ทำเพียงแค่ยิ้มไร้เดียงสาให้เขาและบอกว่าเขาแค่ช่วยตระกูลเพราะตระกูลก็ช่วยผมเหมือนกัน สำหรับ ฟุงาคุ เขาไม่ได้สงสัยอะไรมากเพราะยังไงบาโคริโอ้เองก็เป็นแค่เด็กอายุ 5 ขวบ
ในขณะเดียวกัน บาโคริโอ้ก็เข้าไปดูร้านค้าของเขาเป็นครั้งคราวระหว่างช่วงการฝึกของเขา เนื่องจากมีผู้ปกครองพร้อมเด็กๆเข้าๆออกๆ จากร้านของเขามากขึ้น เขาเริ่มสังเกตเห็นเด็กหนุ่มผมสีเหลืองสั้นและมีหนวดแมวแปลกๆบนแก้มของเขา เขาดูอ้างว้างทุกครั้งที่เห็นความสุขของเด็กๆคนอื่นต่อหน้าพ่อแม่สะท้อนนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลในขณะที่กำลังเอร็ดอร่อยกับขนมของบาโคริโอ้ ในขณะที่เด็กผมเหลืองคนนั้นทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้น
ในฝั่งของนารูโตะ
'ทำไมไม่มีพ่อแม่ซื้อขนมให้ฉันบ้าง ฉันเป็นสัตว์ประหลาดอย่างที่ใครๆว่ากันจริงๆเหรอ? ฉันไม่สมควรที่จะมีความสุขเหมือนคนอื่นๆบ้างเลยเหรอ?' นารูโตะคิดด้วยหัวใจที่หนักอึ้งเต็มไปด้วยความเศร้าและความเหงาที่เพิ่มขึ้นจากสายตารังเกียจที่ผู้คนมองเขา
เขามาถึงหน้าร้านอีกครั้งมาอยู่ต่อหน้ากลิ่นแห่งสวรรค์ที่เขาหลงใหลมาตลอดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายในขณะที่มองไปที่ร้านขนมอบที่อยู่ตรงหน้าเขา เด็กบางคนรู้สึกเศร้าแทนเขา แต่พ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นรีบดึงลูกของเขาหนีก่อนจะพูดว่า
“ไม่ได้นะ อยู่ให้ห่างๆมันไว้ ไอ้เด็กนั่นมันเป็นปีศาจ”
“ใช่ เด็กคนนั้นเป็นตัวการที่ทำลายหมู่บ้านของเรา เขาน่าจะโดนกำจัดไปได้ตั้งนานแล้ว”
ระหว่างที่คุยกันตามปกตินี้ นารูโตะรู้สึกเจ็บใจมาก จากนั้นเขาก็เห็นเด็กผมดำเดินเข้ามาในร้าน และผู้คนก็เริ่มทักทายเขาพร้อมกับพูดว่า
"สวัสดีตอนเย็น บาโคริโอ้คุง ไอ้เด็กปีศาจนั่นกำลังมองมาที่ร้านของหนูอีกแล้ว หนูควรไล่มันไปก่อนที่มันจะทำลายธุรกิจของหนูนะ" และคนอื่นๆก็พูดในทำนองเดียวกัน และเด็กที่ชื่อบาโคริโอก็หันมามองนารูโตะอย่างใจเย็น
'ช่างเป็นเด็กที่โชคดีจริงๆ ที่มีร้านเล็กๆแบบนี้เป็นของตัวเอง แต่ฉันคงสร้างปัญหาให้เขาอยู่ ฉันจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว' นารูโตะคิดอย่างเศร้าใจก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน แต่เมื่อหันกลับไปก็รู้สึกว่ามีคนวางมือบนไหล่ของเขาและพูดขึ้น
“อยากกินของหวานหน่อยไหม?”
นารูโตะหันกลับไป คนที่ทักทายนั้นกลับมีบางอย่างแตกต่างไป เพราะเด็กคนนั้นมีรอยยิ้มอบอุ่น รอยยิ้มที่ทำให้ความหนักใจในใจของนารูโตะเบาบางลง นารูโตะจึงพยักหน้าด้วยท่าทางลังเล และเขาก็พานารูโตะเข้าไปในร้านของและบอกว่าอยากกินอะไรก็หยิบได้เลย
เขาไม่เคยคิดเลยว่านี่จะเป็นเรื่องจริง น่าเสียดายที่เขาอยู่ได้ไม่นาน หลังจากกินเสร็จนารูโตะพยายามจ่ายเงินให้เขาด้วย แต่เขาไม่ยอมรับเงินนั้น นารูโตะได้แต่ขอบคุณเขาจากก้นบึ้งของหัวใจสำหรับความเมตตาของเขาและหันกลับมาอย่างเศร้าๆเพราะเขารู้ดีว่าไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีกครั้ง แต่ความเศร้าของเขาก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่นานเสียงอันอบอุ่นก็พูดกับนารูโตะว่า "พรุ่งนี้ค่อยกลับมาใหม่นะ" นารูโตะออกมาจากร้านทั้งน้ำตา มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่นารูโตะร้องให้เพราะกำลังมีความสุขอยู่