ตอนที่ 496 - สาวขี้เมาต้องสู้
ที่ผ่านมาเย่ว์หยางให้เหล้าฉีหลานกับจุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า
เขาคาดว่าสาวขี้เมาผู้นี้คงทราบเรื่องนั้น
“ข้ามีเหล้า แต่ท่านคงไม่อาจเมาจากการดื่มเป็นแน่” เย่ว์หยางรีบทำตัวเหมือนเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายทันที ถ้าเจ้าเมืองโล่วฮัว หญิงงามอู๋เหินและเย่ว์หวี่ไม่อยู่แถวๆ นั้น บางทีเขาอาจจะมอมเหล้านางจนเมาก็ได้ เนื่องจากพวกเขาอยู่กันเพียงสองต่อสอง
“เหล้าฉีหลานมีชื่อที่สุดในหอทงเทียน ข้ายังไม่เคยลองมาก่อน เอาออกมาเร็วๆ” สาวขี้เมาเป็นผู้หญิงชอบใช้กำลังอยู่แล้วแม้ก่อนที่นางจะเมา
นางคว้าคอเสื้อของเย่ว์หยาง
ดูเหมือนว่าถ้าเย่ว์หยางไม่เอาเหล้าออกมาเดี๋ยวนี้ นางจะบังคับเอาให้ได้ตรงนั้น
เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้เป็นเพราะเย่ว์หยางมีพลังพออยู่แล้ว ถ้าเป็นคนอื่นๆ เห็นพี่สาวขี้เมาใช้ความรุนแรงอย่างนั้น พวกเขาคงยอมให้เหล้าฉีหลานกับนางโดยไม่เอ่ยปากพูดอะไรเลย พวกเขาจะไม่กล้าสบตานาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อาจเทียบกับสาวขี้เมานี้ได้ แม้ว่าแม่เสือสาวจะชอบใช้ความรุนแรง แต่นางจะทำเฉพาะกับคนที่นางรู้จักเป็นอย่างดี นางจะไม่ก้าวร้าวกับคนอื่น แต่สาวขี้เมาผู้นี้รุนแรงได้กับทุกคน ยกเว้นเมื่อเวลาที่นางเมา แต่เมื่อสาวขี้เมาอยู่ในช่วงเวลาที่เมามาย หนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวก็จะดุร้ายยิ่งขึ้นเพื่อปกป้อง “มารดา” ของเธอ
เย่ว์หยางล้วงเอาเหล้าฉีหลานออกมา แต่ไม่ได้ให้นางทันที “เจ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้วใช่ไหม?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินตะลึงกับสิ่งที่เขาพูด
ทั้งสองคนหันไปมองสาวขี้เมาทันที
อู๋เหินอดตื่นเต้นไม่ได้ ถึงกับโดดกอดนางโห่ร้อง “พี่เย่, ทำไมไม่บอกเราว่าท่านเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” เมื่อสาวขี้เมาพูดเช่นนี้ ทำให้ทุกคนพูดไม่ออก
“ท่านแม่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนที่นางยังเมาอยู่” คำพูดของหนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวทำให้เย่ว์หยางยิ่งพูดไม่ออก แต่เมื่อนึกดูแล้ว นั่นฟังดูสมเหตุสมผลเช่นกัน
“ข้าเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง ท่านสามารถอยู่ในสองสภาวะแตกต่างกันได้ เมื่อท่านยังมีสติ ท่านจะอยู่ในระดับเตรียมปราณก่อกำเนิด และเมื่อท่านเมา ท่านจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสอง ความแตกต่างเช่นนี้ถือว่ามากผิดธรรมดา ถ้ายังเป็นไปอยู่อย่างนี้ ร่างกายท่านจะไม่สามารถทนรับได้” เย่ว์หยางจับชีพจรของสาวขี้เมาและถ่ายปราณก่อกำเนิดเข้าในร่างนาง จากนั้นเขาใช้จักษุเนตรทิพย์ตรวจดูสภาพร่างกายของนาง เขาได้ข้อสรุปทันที “สาเหตุก็เพราะท่านดื่มมาเป็นเวลานานเกินไปจึงทำให้อยู่ในสองสภาวะเช่นนี้ นอกจากชอบการดื่มแล้ว จิตสำนึกของท่านยังหวังว่าอยากจะอยู่ในสภาพนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้เป็นเวลานาน นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ท่านยังคงดื่มต่อไป”
“แล้วไม่ดีหรือไง? ข้าสามารถดื่มได้และมีพลังมากขึ้นในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ไม่มีอะไรแย่… ข้าคิดว่ามันยอดเยี่ยมด้วยนะ” สาวขี้เมาพยายามเต็มที่เพื่อชิงเหล้าฉีหลานในมือของเย่ว์หยางให้ได้ แต่ด้วยพลังของนาง จะชิงของจากในมือของเย่ว์หยางนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
“พี่เย่, การดื่มบ่อยเกินไปก็ไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาวได้นะ” อู๋เหินพยายามกดดันสาวขี้เมาอย่างสุภาพ ความจริงนางทำเช่นนี้มาเป็นร้อยครั้งแล้ว
“ข้าจะมีชีวิตอยู่โดยไม่ดื่มได้อย่างไรกัน?” สาวขี้เมายังคงยืนยันว่านางไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ได้ดื่มเหล้า
“อย่างนั้นอะไรจะเกิดขึ้น ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป?” เย่ว์หวี่ละเอียดรอบคอบพอจะจับกระแสคำเตือนที่แฝงอยู่ในคำพูดของเย่ว์หยาง “เสี่ยวซาน! รีบบอกทุกคนเร็ว”
“นางจะอาละวาดหนักขึ้นและหนักยิ่งขึ้นหลังจากดื่ม และจะยกระดับเร็วขึ้นในสภาวะที่เมา แต่เมื่อนางกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ นางจะอยู่ในสถานะเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดตลอดไป เมื่อนางกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามหรือสูงกว่านั้น ร่างกายนางจะไม่สามารถทนรับได้อีกต่อไป และมันจะทำลายตัวเองในที่สุด ถ้านางยังคงดื่มเหล้าฉีหลานขวดนี้ลงไป นางจะหลับลึกเป็นเวลาสองสามวัน ทุกอย่างที่นางดื่มจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานของนาง แต่ลักษณะของร่างกายนางก็จะได้รับความเสียหายเช่นกัน ร่างกายของนางยังทนรับได้อยู่ในตอนนี้ แต่หลังจากนางกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสาม ร่างกายนางจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอและนางจะต้องดื่มทุกวัน นางจะรู้สึกเหมือนกับว่าตัวนางจะระเบิดถ้านางไม่ดื่ม” เย่ว์หยางเตือนด้วยข้อเท็จปนจริงแฝงการขู่นางไว้ด้วย
ความจริง ถ้าสาวขี้เมายังคงดื่มต่อไป นางอาจจะไม่ระเบิดก็ได้
ร่างของนางอาจจะแค่ปรับตัวเองได้ แต่นางจะไม่สามารถยกระดับได้อีกต่อไป
แค่เพียงอันตรายในการต่อสู้ในสนามพิเศษ สาวขี้เมาก็จะรู้สึกทรมานแล้วหากไม่มีเหล้าดื่ม
หลังจากเย่ว์หยางอธิบาย เจ้าเมืองโล่วฮัว, หญิงงามอู๋เหินและคนที่เหลือจึงได้ทราบ ทำไมพี่เย่ถึงได้ดื่มเหมือนกับว่าชีวิตขึ้นอยู่กับมัน? เหตุผลก็คือนางต้องการดื่มเพื่อให้ตนเองคงอยู่ในระดับนักสู้ชั้นสูงโดยไม่รู้ตัว ถ้านางรู้สึกสบายตัวขึ้นหลังจากดื่ม ก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัวนาง
และแน่นอนว่า ผลลัพธ์เช่นนี้จะไม่ใช่วิธีก้าวหน้าที่ดีที่สุด
เพื่อจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด การดื่มเหล้าก็เพียงช่วยให้แข็งแกร่ง แต่นักสู้ไม่จำเป็นต้องดื่มเพื่อเป้าหมายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
ยิ่งกว่านั้น ถ้านางยังคงดื่มต่อไปอย่างนี้ คงจะเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน
“ไม่มีวิธีอื่นเลยหรือ? ช่วยคิดหาวิธีให้นางหน่อยเถอะ” เจ้าเมืองโล่วฮัวมองดูเย่ว์หยาง ขอให้เขาแสดงความเห็น
“ก็ต้องขอให้นางเลิกดื่ม” เย่ว์หยางหัวเราะ
“ไม่มีทาง, ข้ายอมตายดีกว่าให้ข้าเลิกดื่ม” สาวขี้เมาค้อนใส่เย่ว์หยางและเงื้อหมัดพยายามต่อยเขา แต่เขาใช้มือเดียวรับไว้ได้
“ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือ เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดให้ได้แม้ในตอนที่ท่านยังมีสติสมบูรณ์ นี่จะเป็นการปิดช่องว่าง ถ้านางแข็งแกร่งขึ้น ต่อให้นางดื่มจนเมาร่างนางก็ไม่เจ็บ ตัวอย่างเช่น ผลกระทบจะไม่มาก ถ้านางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามเมื่อนางเมาและเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสองเมื่อนางมีสติ” คำพูดของเย่ว์หยางเรียกความสนใจจากสาวขี้เมาได้ แม้ว่าการดื่มจะเป็นเรื่องสำคัญของนาง แต่นางก็ยังจำเป็นต้องดูแลสุขภาพตนเอง นางต้องไม่ปล่อยให้ตนเองถูกทำลายไปเช่นนั้น
“เราจะทำให้พี่เย่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่นางยังมีสติได้อย่างไร?” หญิงงามอู๋เหินรู้สึกว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ เลย
“ทำให้นางโกรธ” เย่ว์หยางหัวเราะขณะที่เขาเก็บเหล้าฉีหลาน
เมื่อสาวขี้เมาเตรียมจะทุบตีเขา เขาพยักหน้าและบอกว่านี่คือสภาวะโกรธที่นางต้องการ
วันนั้นเมื่อเผ่าปีศาจตะวันออกเริ่มการโจมตี สาวขี้เมาผู้นี้ได้สังหารพี่น้องปีศาจเสือดาวเหมยฮัวผู้แข็งแกร่งผิดธรรมดาด้วยตัวนางเอง เย่ว์หยางไม่สามารถพบได้ว่านางทำได้อย่างไร แต่ดูเหมือนเขาจะรู้สาเหตุในตอนนี้แล้ว แม้ว่านางจะไม่เมา แต่เมื่อนางโกรธ นางจะปลดปล่อยพลังของนางออกมา ดังนั้นนางจึงสามารถฆ่าศัตรูของนางได้ นี่คือพลังที่ยังควบคุมไม่ได้ทำนองเดียวกันเหมือนที่เย่ว์หยางอยู่ในสภาพไร้เทียมทาน เพราะเขามีพลังเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่าเมื่อยามที่เขาโกรธ
หลังจากที่เจ้าเมืองโล่วฮัวได้ยินเช่นนั้น นางตบไหล่เขาทันที “อย่างนั้นเราจะปล่อยพี่เย่ให้เจ้าดูแล”
อู๋เหินก็ยืนยันว่านางเชื่อมั่นในคนรักของนางเช่นกัน
เย่ว์หวี่ออกตามหลังมาติดๆ
เย่ว์ปิงและอี้หนานออกไปฝึกฝนด้วยกันและทดสอบพลังของอสูรใหม่ของพวกนาง
ในที่สุด ก็เหลืออยู่แต่เพียงเย่ว์หยางกับสาวขี้เมา แน่นอนว่าหนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวยังคงยืนยิ้ม ไม่รู้ว่ามารดาของเธอกำลังจะตกเป็นเหยื่อโอชะของหมาป่าเจ้าเล่ห์
“จะให้โกรธไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ในแต่ละวันข้าไล่ทุบตีคนมามากมาย แต่ข้าไม่เห็นว่าข้าจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเลย” สาวขี้เมาแสดงออกว่านางไม่เชื่อถือ
“นั่นเพราะท่านไม่ได้โกรธจริง…” เย่ว์หยางโยนมะพร้าวทองให้หนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวและบอกให้เธอไปแบ่งกันกับเย่ว์ซวง จากนั้นเขากวักมือเรียกสาวขี้เมาที่ยังคงยืนตะลึง “ตามข้ามาสิ ข้ารับรองได้เลยท่านจะหายภายในไม่กี่วัน จากนั้นท่านจะสามารถดื่มได้ตามที่ใจต้องการ”
“จริงหรือ?” สาวขี้เมาไม่เชื่อเย่ว์หยางเท่าใดนักในตอนแรก แต่หลังได้ยินว่านางสามารถดื่มได้อย่างอิสระ นางค่อนข้างทึ่ง นางจะตามเขาไปเพื่อให้ได้เหล้า!
พวกเขาเข้าไปที่ลานฝึกฝีมือ
ตอนแรกเย่ว์หยางถามสาวขี้เมาว่านางเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินีราตรีอย่างไร แต่สาวขี้เมาปฏิเสธที่จะตอบ
เขาเดาว่าสาวขี้เมาคงเป็นผู้เยาว์ในตระกูลเดียวกับจักรพรรดินีราตรี นางอาจเป็นหลานของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่แห่งเทียนหลัว ทำให้นางเป็นญาติของเจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหิน
แน่นอนว่าสาวขี้เมาจะอายุมากกว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหิน จากที่นางฝึกฝน เย่ว์หยางสงสัยว่านางน่าจะเป็นสาวโสดอายุเลยร้อยปีไปแล้ว สำหรับมนุษย์แล้วอายุร้อยปีถือว่าแก่มากแล้ว แต่กับคนในทวีปมังกรทะยาน ร้อยปีถือว่ายังอายุน้อย สำหรับคนที่อยู่ในหอทงเทียนระดับสูงๆ ขึ้นไป พวกที่มีอายุร้อยปียังถูกมองว่าเป็นเด็ก
ไม่ต้องว่าถึงเรื่องอื่นไปไกล แค่เรื่องเอลฟ์ทองเป็นตัวอย่าง เป่าเอ๋อเด็กสาววัยรุ่นอายุร้อยหกสิบปีไปแล้ว แต่นางก็ยังเป็นแค่เด็กวัยแรกรุ่นเท่านั้น
ถ้าเป็นมนุษย์ที่อยู่มาถึงร้อยหกสิบปีเล่า?
กระดูกพวกเขาที่อยู่ในโลงก็คงผุไปแล้ว
สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดมีอายุสองสามร้อยปี หรือกระทั่งสองสามพันปี พวกนักรบอายุร้อยปีถือว่าเป็นพวกเด็กใหม่ มีเพียงเย่ว์หยางที่กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุยี่สิบปี ทำให้พวกอายุมากๆ แทบแขวนคอด้วยความอัปยศ
เย่ว์หยางไม่กล้าถามอายุของสาวขี้เมา คงเหมือนกับหาที่ตายแน่หากเขาทำเช่นนั้น
เย่ว์หยางถามถึงชื่อของสาวขี้เมา แต่นางก็ปฏิเสธที่จะตอบอีกครั้ง
แน่นอนว่านางมีชื่อ แต่เย่ว์หยางไม่รู้
“เอาล่ะ ถ้าท่านไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับจักรพรรดินีราตรีแล้ว อย่างนั้นข้าก็สบายใจ” เย่ว์หยางดึงทวนทองฆ่ามังกรออกมา และทำตัวเหมือนกับเป็นอันธพาลที่ต้องการเอาเปรียบสตรี
“เจ้าต้องการสู้หรือ? นี่ง่ายมาก” สาวขี้เมาไม่กลัว ขณะที่นางดึงง้าว อาวุธชั้นทองแดงออกมาจากชั้นวางอุปกรณ์ในห้องฝึกฝีมือ
ก่อนหน้านี้นางเคยใช้นามแฝงท่านหญิงทวนมังกรและเข้าร่วมประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนมาแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะการบุกรุกของเผ่าปีศาจบูรพา นางคงได้สู้กับเย่ว์หยาง
ตอนนี้สมควรแล้วเนื่องจากนางต้องการสู้กับเขา
เย่ว์หยางระบุว่ามีกติกาสำหรับการต่อสู้ “เราจะสู้กันสามยก ข้าจะปลดปล่อยพลังให้อยู่ในระดับเดียวกับท่าน ดังนั้นการต่อสู้ของเราจะขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ ข้าจะไม่ใช้กำลังข่มเหงท่าน แต่ถ้าท่านแพ้ ท่านต้องยอมรับเงื่อนไขข้า อย่างเช่น ถ้าข้าขอจับหน้าอกท่าน ท่านห้ามต่อต้านบิดพลิ้ว เข้าใจไหม?”
สาวขี้เมาถูกยั่วโมโห นัยน์คู่งามของนางจ้องมองเย่ว์หยาเขม็ง “เจ้า…..”
ราวกับว่าเขามองไม่เห็น เย่ว์หยางโบกมือยิ้ม “วางใจได้ ถ้าท่านชนะ ข้าจะยอมให้ท่านแตะต้องได้เช่นกัน ถ้าท่านต้องการนะ ข้าจะไม่ต่อต้านแข็งขืน! ถ้าท่านไม่ต้องการแพ้ อย่างนั้นจงใช้ทักษะที่เยี่ยมที่สุดและให้สู้สุดกำลัง ข้าสัญญาว่าจะสู้โดยไม่ใช้อสูรของข้าแม้แต่ตนเดียว ข้าจะอยู่ในระดับเตรียมปราณก่อกำเนิดเหมือนกับท่านในสภาวะปกติ ถ้าท่านสามารถเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ ท่านก็จะเอาชนะข้าได้แน่นอน.. ถ้าท่านทำไม่ได้ อย่างนั้นก็ต้องตำหนิตัวท่านที่อ่อนแอเอง!”
สาวขี้เมาร่ำๆ จะโมโหก็พูดไม่ออกทันที แน่นอนว่านางจะต้องได้เปรียบในการต่อสู้นี้แน่
และนางเข้าใจว่าเย่ว์หยางพูดเช่นนั้นเพื่อกระตุ้นนาง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามนางไม่สามารถยอมรับได้
นี่คือการลวนลาม
แน่นอนว่า สาวขี้เมาต้องการจะโยนง้าวทิ้งและยกเลิกการต่อสู้ นางยอมให้ร่างนางระเบิดตายเสียยังดีกว่า แต่เมื่อนางเห็นนัยน์ตาเยาะเย้ยของเขา ราวกับเห็นว่านางขี้ขลาด นางถึงกับโกรธทันที นางกระแทกง้าวลงกับพื้น “มาสู้กัน ถ้าข้าชนะ ข้าจะทำให้คนหยิ่งยโสลามกอย่างเจ้าต้องเห่าเหมือนสุนัข เจ้ากล้าหยอกเย้าข้า เจ้าไม่รู้จักว่าความตายเป็นยังไงใช่ไหม?”
นางปลดปล่อยพลังทั้งหมด
นางปลดปล่อยพลังที่เด่นชัดคล้ายกับคลื่นที่บ้าคลั่ง
ตลอดทั้งลานฝึกฝนสั่นสะเทือนภายใต้คลื่นอัดกระแทกจากแรงระเบิดพลังของนาง เงามังกรเงินยักษ์ตัวหนึ่งฉายอยู่เหนือศีรษะนาง
ไม่ใช่สัตว์อสูร แต่เป็นสนามพลัง แน่นอนนั่นยังห่างไกลจากสนามพลังที่แท้จริง แต่แม้จะเพียงแค่นี้ แต่ก็นับว่าน่ากลัว เตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดมีพลังใกล้เคียงกับสนามพลัง พลังมหาศาลของนางเห็นได้ว่ามาจากตรงนี้
“วันนี้เป็นวันดี…” เย่ว์หยางไม่สะทกสะท้าน เขากำลังเขียนบันทึก ขณะเตรียมไว้รำลึกถึงความสำเร็จนี้ซึ่งถึงขนาดได้สัมผัสอกสาวอย่างชัดเจน
*****************