ตอนที่ 19 วันธรรมดาวันหนึ่ง
ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น บาโคริโอะไปถึงเลเวล 15 และได้รับค่าประสบการณ์การต่อสู้จริงมากมายและยังได้เรียนรู้คาถามากมายจากห้องสมุดของตระกูลอุจิวะและมินาโตะ เช่น คาถาเปลี่ยนตัวและคาถาลูกบอลไฟและคาถาลวงตา
บาโคริโอะขอให้มินาโตะสอน กระสุนวงจักร ให้เขาด้วยเพราะมินาโตะนั้นเป็นผู้สร้างคาถานี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครสอนได้ดีไปกว่าเขา บาโคริโอะฝึกมันได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ก็ยังใช้คาถานี้ไม่ได้สมบูรณ์ นั่นทำให้เขารู้ว่าคาถานี้ยากแค่ไหน นั่นทำให้บาโคริโอ้รู้สึกเคารพในตัวของมินาโตะที่สร้างคาถานี้อย่างมาก
เขาพัฒนาวิชาผนึกได้ดีมาก และใกล้จะเชี่ยวชาญพื้นฐานแล้ว ต้องขอบคุณคุชินะที่สอนทุกอย่างที่เธอรู้อย่างเต็มใจ
พวกเขายังมีความคืบหน้าในการสร้างผนึกของตุรามะเพื่อให้ยากต่อการที่คนอื่นควบคุมมันได้อีกครั้งแต่ยังคงใช้เวลานานกว่าจะเสร็จสิ้น
บาโคริโอะยังไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลายครั้ง โดยนารูโตะและซาสึเกะนำอาหารและเสื้อผ้าสำหรับเด็กๆมาให้พวกเขา ซึ่งพวกเขารู้สึกขอบคุณมาก มันทำให้ใบหน้าของชาโคริโอะยิ้มได้อีกครั้ง...
ในตระกูลอุจิวะ เขาแน่ใจว่าได้สอนสูตรอาหารสำหรับร้านขนมอบและร้านอาหารอิตาเลี่ยนให้กับคนงานแล้ว จนกระทั่งฟุงาคุได้ซื้อร้าน และเขาเพิ่งนำข่าวดีนี้มาบอกบาโคริโอะในวันนี้ขณะที่เรากำลังดื่มชาด้วยกัน
"บาโคริโอะ ในที่สุดฉันก็จัดการเรื่องร้านค้าได้แล้ว ขอบคุณที่เราได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลฮาตาเกะและทำให้หาทำเลได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าเราต้องการขยายมันอีกในอนาคต มันอาจจะยากยิ่งกว่านี้" ฟุงาคุพูด
'หยุดทำตัวเป็นเลขาของฉันได้แล้ว ไอ้แก่นี่' บาโคริโอะคิดในขณะที่มองไปที่ผู้ชายที่จริงจังตรงหน้าเขา"ข่าวดีนี่และไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ สิ่งสำคัญคือการปรับทัศนคติของพวกตำรวจตอนนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟุงาคุ มองมาที่บาโคริโอะอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "ฉันได้ตรวจสอบเบื้องลึกในเรื่องนี้และพบว่าผู้คนจำนวนมากกำลังทำแบบนั้น รวมถึงผู้บังคับบัญชาบางคนในกองกำลังตำรวจด้วย ทำให้ยากต่อการกำจัดคนที่มีปัญหาพวกนี้ออกไป"
บาโคริโอะขมวดคิ้วเพราะไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ "แล้วคุณหาสาเหตุเบื้องหลังพฤติกรรมพวกนี้เจอหรือเปล่า?"
ฟุงาคุพยักหน้าอย่างเย็นชา "ในระหว่างเหตุการณ์เก้าหาง เราถูกห้ามไม่ให้แทรกแซงการต่อสู้โดยดันโซและได้รับมอบหมายให้ปกป้องคนในหมู่บ้านแต่หลังจากเหตุการณ์นั้น ดันโซก็ใช้เหตุผลเดียวกันนี้และกล่าวหาว่าเราไม่ต้องการที่จะช่วยเหลือและยังพูดว่าเราอาจจะมีส่วนร่วมในการโจมตีอีกด้วย ตอนนี้คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความโกรธและแทนที่จะมุ่งไปที่ดันโซ พวกเขาคิดว่าผู้คนเนรคุณสำหรับการช่วยเหลือของพวกเขาคือคนในหมู่บ้านและพวกเขาเริ่มทำแบบนี้เหมือนเป็นการแก้แค้น "
“ผมเข้าใจแล้ว แล้วคุณจะทำยังไงต่อ?” บาโคริโอะพูด
"ฉันวางแผนที่จะจัดการพวกเขา แต่มันจะทำให้ตระกูลไม่พอใจอย่างมากและทำให้ตำรวจขาดบุคลากรไป" ฟุงาคุ พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
"คุณต้องมีความเด็ดขาด คุณเป็นหัวหน้าตระกุล คุณปกครองพวกเขาไม่ได้ และถ้าพวกเขาสร้างปัญหาแบบนี้อยู่เรื่อยๆ อย่าลืมลงโทษพวกเขาตามสมควร สำหรับการขาดแคลนบุคลากร ผมคิดว่าคุณควรพิจารณาจ้างคนงานจากตระกูลอื่น "บาโคริโอะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ฟุงาคุส่ายหัวและพูดว่า "เราไม่สามารถละทิ้งอำนาจทางหมู่บ้านอย่างสุดท้ายของเราให้ตระกูลอื่นมามีส่วนร่วมได้"
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยฟุงาคุ นั่นทำให้ใบหน้าที่อดทนของเขากระตุกเล็กน้อย "ดันโซมีอำนาจทางหมู่บ้านอะไรที่สามารถสั่งคุณได้ตามที่เขาต้องการ แถมพวกเขายังใช้อะไรโง่ๆแบบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหมู่บ้านจริงๆ ไม่เห็นเหรอ ก็เหมือนกับการใส่ปลอกคอหมานั่นแหละ"
ฟุงาคุโกรธจนถึงจุดที่ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นเนตรวงแหวน แต่เขาสงบสติอารมณ์ลงในขณะที่คิดว่าเด็กตรงหน้าเขาต้องมีเหตุผลที่จะพูดแบบนี้ เขาจึงถอนหายใจและพูดว่า "แล้ว0tจ้างคนจากตระกูลอื่นมาช่วยได้ยังไง?"
บาโคริโอะอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับอารมณ์ของชายคนนี้กับวิธีที่เขาไม่ปล่อยให้ความหยิ่งยโสและความโกรธครอบงำเขา " ตระกูลใหญ่จะไม่สนใจเข้าร่วมกองกำลังตำรวจเนื่องจากพวกเขาส่วนใหญ่มีสิ่งที่ดีกว่าในด้านอำนาจของพวกเขา แต่ไม่สามารถพูดได้เหมือนกันสำหรับตระกูลเล็กๆ เช่นตระกูล อินุซุกะ หรือ อิซูโมะ และการยอมรับพวกเขาเข้ามาในกองกำลังตำรวจพวกเขาจะได้รับประโยชน์มากมายจากมัน และเราจะมีพันธมิตรมากขึ้นที่จะพึ่งพาเพราะยังไงตระกูลของเราก็เป็นแกนหลักในการควบคุมกำลังตำรวจ” บาโคริโอะพูด
ฟุงาคุตาเป็นประกาย "ใช่แล้ว เพราะตระกูลอุจิวะคือตระกูลหลักของหน่วยตำรวจโคโนฮะนี้"
บาโคริโอะพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า "เพียงแค่เลือกตระกูลที่คุณต้องการเชิญมาอย่างชาญฉลาด แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ว่าแต่การปรับปรุงร้านค้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
"มันจะเสร็จภายในไม่เกิน 5 วันตามความต้องการของนาย" ฟุงาคุตอบ
"ดีเลย" บาโคริโอะพูด ก่อนที่เขาจะจำอะไรบางอย่างได้และถาม "อิทาจิเป็นอย่างไรบ้างในหน่วยลับ?"
“เขาทำได้ดี แถมยังเคยทำงานภายใต้ฮาตาเกะ คาคาชิ ในบางครั้ง ดังนั้นเขาจะต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก” ฟุงาคุพูด
บาโคริโอะจิบชาพลางครุ่นคิด 'งั้นเขาคงไม่ได้ไปทำภารกิจเหมือนตอนแรกสินะ หึหึ' ก่อนที่จะพูดว่า "ก็จริงนะ คาคาชิน่ะเก่งจริงๆถ้าชีวิตไม่โหดร้ายกับเขาขนาดนั้น"
ฟุงาคุแววตาเศร้าตอบกลับมาว่า "นี่คือชีวิตของนินจา ความทุกข์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"
"ไม่หรอก มันก็แค่ชีวิตมนุษย์" บาโคริโอะพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะพูดต่อ "ผมต้องไปแล้ว ไว้ค่อยคุยกันเมื่อร้านเสร็จนะครับ"
"ตกลง" ฟุงาคุพูดในขณะที่มองแผ่นหลังของเด็กตรงหน้าพลางคิดว่า 'นายเป็นใครกันแน่' เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เด็กธรรมดาจากการมองโลกและความคิดแบบผู้ใหญ่ของเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขาแน่ใจ มันคือแววตาที่ไม่แยแสในสายตาของเขาที่มีอยู่เสมอ และเขาไม่แม้แต่จะพยายามซ่อนมันไว้เลย ว่ากันว่าดวงตาคือหน้าต่างของจิตใจแต่เบื้องหลังดวงตาคู่นั้นกลับมีเพียงความว่างเปล่า ความว่างเปล่าที่น่ากลัวมาก
-------------------------------
ในขณะเดียวกันที่บ้านของนารูโตะ ร่างแยกของบาโคริโอะเริ่มสังเกตว่ามีบางคนกำลังเฝ้าดูเขาอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และมันจะเริ่มก็ต่อเมื่อเขาไปถึงบ้านของนารูโตะ และด้วยประสาทสัมผัสของเขาและแผนที่ พวกเขาซ่อนตัวอยู่รอบๆบ้านเพื่อฟังการสนทนาที่เกิดขึ้นภายในบ้านของนารูโตะ
คนก่อนหน้านี้ที่ดูแลนารูโตะยังคงซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ปกติและเฝ้าดูจากระยะไกล แสดงว่าคนที่คอยแอบฟังการสนทนาคนนี้จะต้องเป็นสิ่งที่เขาคิดอย่างแน่นอน 'หน่วยรากอย่างงั้นเหรอ'
'ถึงจะรู้ว่าดันโซเป็นพวกที่ระวังตัวแค่ไหน แต่ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้ ถ้าฉันโดนจับไป ฉันจะโดนทรมานหรือเปล่านะ'? และเขาก็เริ่มครุ่นคิดหาวิธีจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้
การสร้างร่างแยกเงาจะไม่มีผล เนื่องจากพวกมันสามารถรับรู้ถึงคนหลายคนที่อยู่ข้างในได้ และร่างแยกปกติก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากพวกมันสามารถแยกความแตกต่างจากร่างจริงกับร่างแยกได้อย่างง่ายดาย
'นายต้องการที่จะเล่นสกปรกแบบนี้เหรอ? ได้เลย ดันโซ' ร่างแยกของบาโคริโอะคิดด้วยรอยยิ้มเหี้ยมๆที่ฉาบอยู่บนใบหน้า