ตอนที่ 18 ฟังก์ชั่นใหม่และการขยายธุรกิจ
การแจ้งเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอย่างรวดเร็ว...
*ขอแสดงความยินดีกับการปลดล็อคฟังก์ชั่นปรับระดับตัวละคร*
*ขอแสดงความยินดีที่ปลดล็อคฟังก์ชั่นการประเมิน*
*ขอแสดงความยินดีที่ปลดล็อคฟังก์ชั่นดรอปไอเทม*
* คุณได้ฆ่าหมาป่าตัวใหญ่เลเวล 13 ไดัรับ 10 แต้ม คุณได้รับค่าประสบการณ์ 26 แต้ม *
*คำนวณค่าประสบการณ์เพิ่มเติมสำหรับความแตกต่าง 12 เลเวล คุณได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติม 156 แต้ม*
*ขอแสดงความยินดีที่คุณไปถึงเลเวล 2 คุณได้รับแต้มคุณสมบัติฟรี 5 แต้ม*
*ขอแสดงความยินดีที่คุณไปถึงเลเวล 3 คุณได้รับแต้มคุณสมบัติฟรี 5 แต้ม*
.<br >
</br >
<br >.</br >
<br ></br >
<br ></br >*ขอแสดงความยินดีที่คุณไปถึงเลเวล 5 คุณได้รับแต้มคุณสมบัติฟรี 5 แต้ม*
*คุณฆ่าหมาป่าตัวใหญ่เลเวล 15 คุณได้รับ ... *
*ขอแสดงความยินดีที่คุณไปถึงเลเวล 6 คุณได้รับแต้มคุณสมบัติฟรี 5 แต้ม*
*คุณฆ่าหมาป่าตัวใหญ่เลเวล 14 คุณได้รับ ... *
*คุณฆ่าหมูป่าตัวใหญ่เลเวล 20 คุณได้รับ 25 แต้ม + ชุดเกราะหนังคุณภาพดีเลเวล 20 คุณได้รับค่าประสบการ์ณ 40 แต้ม คุณได้รับค่าประสบการ์ณเพิ่ม 280 แต้ม*
*ขอแสดงความยินดีที่คุณไปถึงเลวล 7 คุณได้รับแต้มคุณสมบัติฟรี 5 แต้ม*
เมื่อดูการแจ้งเตือนที่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เขาประหลาดใจมาก และเมื่อเปิดดูค่าสถานะ เขาเห็นบรรทัดใหม่สองบรรทัด
เลเวล : 7 (52/640)
แต้มคุณสมบัติฟรี : 35 แต้ม
เขาเห็นเครื่องหมายบวกถัดจากช่องคุณสมบัติแต่ละอย่างของเขา 'ตอนนี้ฉันสามารถเพิ่มคุณสมบัติของฉันได้เร็วขึ้น แต่ควรปล่อยเอาไว้ก่อนเมื่อฉันถึงขีดจำกัดแล้วค่อยใช้มันกับตัวคูณค่าคุณสมบัติทีหลัง'
ชุดเกราะหนังคุณภาพดีเลเวล 20 ทำให้เขาได้รับค่าร่างกายเพิ่ม 25 แต้ม ดังนั้นเขาจึงสวมมันซึ่งมันพอดีกับตัวของเขาพอดี ซึ่งไม่ทำให้เคลื่อนไหวได้ลำบาก
ต่อมาเขามองไปที่ไอเท็มบนพื้นและรีบขายมันให้กับระบบเพื่อเก็บคะแนนให้เขามากขึ้นด้วยความพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ เขาสังเกตเห็นบางอย่างที่แอบเข้ามาใกล้ตำแหน่งของเขา 'อาจมีบางอย่างโผล่มาอีก' เขาคิด
ไม่นานนัก พุ่มไม้ก็เริ่มส่งเสียงกรอบแกรบ และงูสีน้ำตาลตัวใหญ่ยาวเกือบ 10 เมตรก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขารู้สึกได้ถึงออร่าที่มันแผ่ออกมา และเขาก็รีบทดสอบหนึ่งในความสามารถใหม่ที่ได้รับ
'ประเมิน' เขาพูดในใจในขณะที่มองไปที่งู และหน้าจอใหม่ปรากฏขึ้นตรงหน้า
* ชื่อ: งูสีน้ำตาลขนาดใหญ่
เลเวล : 22
คุณสมบัติ: ค่าโจมตีพื้นฐาน 150 / ความว่องไว 120 / ร่างกาย 220 / พละกำลัง 100 / ความแข็งแกร่ง 300 / จิตวิญญาณ: 70
ความสามารถ : เขี้ยวพิษ
สกิล : การพรางตัว ออร่าของนักล่า*
'ถ้าจูนินธรรมดาเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตัวนี้ พวกเขาคงจะภาวนาให้พิษของมันฆ่าพวกเขาโดยเร็ว' เขาคิดแบบนั้น เพราะการวิ่งหนีพวกมันเป็นเรื่องยากมาก ก่อนที่เขาจะมุ่งเน้นไปที่สกิลของมัน และหน้าจอใหม่พร้อมคำอธิบายของเขาก็ปรากฏขึ้น
การพรางตัว : ลดเสียงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของผู้ใช้และตรวจจับได้ยากโดยลดการมีอยู่ให้เหลือน้อยที่สุด
ออร่าของนักล่า: สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่าผู้ใช้จะรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีด ผลกระทบขึ้นอยู่กับความแตกต่างของความแข็งแกร่ง
ความคิดทั้งหมดของเขาเกิดขึ้นในชั่วพริบตาก่อนที่งูตัวใหญ่จะหดตัวเล็กน้อยและพุ่งมาที่เขาเพื่อพยายามกัดหัวของเขา เมื่อเขาเห็นเขี้ยวแหลมคมของมันส่องประกายด้วยพิษสีเขียวสองสามหยดขยายใหญ่ขึ้นในการมองเห็นของเขาด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก เขารอให้มันเข้ามาใกล้พอจนเปลี่ยนทิศทางไม่ได้ เพื่อจะจัดการมันด้วยการใช้ดาบสั้นที่คมมากในมือ เขาเอนหลังขนานกับพื้น เมื่อมันพุ่งหหัวมาเขาก็หลบมันได้ ทันใดนั้น เขาได้รีดจักระไว้ที่เท้าของเขาอย่างรวดเร็วเพื่อให้ติดพื้นและเอาดาบของเขาแทงที่คอของมัน ดาบสั้นอันคมกริบของเขาเฉือนมันและทิ้งบาดแผลที่มีเลือดไหลเป็นทางยาวไว้ที่ส่วนท้องของมัน
แต่ก่อนที่เขาจะได้ชื่นชมกับความสำเร็จของ เขาก็พบว่าตัวเองเปียกโชกไปด้วยเลือดของงู ทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียน 'ใช่แล้ว เขาจะต้องไ่ม่กลัวอะไร ทั้งในตอนนี้และอนาคต' เขาคิดขณะที่มองดูงูดิ้นบนพื้นก่อนที่มันจะตายอย่างสมบูรณ์ และก็ได้รับการแจ้งเตือน แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่ได้รับไอเทมใดๆมีเพียงแต้มและค่าประสบการณ์เท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงชำแหละศพงูแล้วเก็บเฉพาะต่อมพิษของมัน แล้วขายส่วนที่เหลือก่อนที่เขาจะไปที่แม่น้ำเพื่อล้างร่างกายและส่งร่างแยกของเขาเพื่อดำเนินการล่าต่อไปในขณะที่เขากลับไปฝึกต่อ
--------------------
กลับมาที่บริเวณตระกูลอุจิวะ ร่างแยกของเขาที่ไปกับมิโคโตะได้มาถึงหน้าอาคารหลังหนึ่ง เธออธิบายว่าอาคารนี้ใช้เพื่อจัดการรายรับและรายจ่ายของตระกูลอุจิวะ 'มันเหมือนกับคลังสมบัติชะมัด' บาโคริโอะคิด
พวกเราเข้าไปข้างในและเห็นคนในอุจิวะจำนวนมากนั่งอยู่ในบริเวณแผนกต้อนรับ พวกเขาทักทายมิโคโตะอย่างกระตือรือร้นในขณะที่ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นมาทางบาโคริโอะซึ่งเขาไม่ได้สนใจเลย แล้วทั้งคู่ก็เดินไปทางห้องที่มีสำนักงานเรียบง่าย สถานที่ที่เรากำลังจะสัมภาษณ์ 'เฮ้อ ทำไมฉันถึงเป็นร่างแยกที่โชคร้ายคนเดียวที่ได้งานที่น่าเบื่อแบบนี้' ร่างแยกของบาโคริโอะคิด
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาเริ่มสัมภาษณ์ทีละคน และทุกครั้ง พวกเขาดูประหลาดใจที่มาโคริโอ้เป็นคนถามไม่ใช่มิโคโตะ และเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นความเย่อหยิ่งของอุจิวะผู้โด่งดังที่ปรากฎต่อหน้าใครบางคน เขาจะกำจัดพวกเขาจากการจ้างงานของเขา พราะการได้เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาที่มีต่อบาโคริโอะตอนเป็นเด็กเป็นการทดสอบหลักของการสัมภาษณ์ครั้งนี้
สำหรับจุดประสงค์ที่สองของร้านค้า หรือที่ ฟุงาคุ คิดว่าเป็นจุดประสงค์หลัก การมีคนที่สามารถทนให้เด็กๆสัมภาษณ์พวกเขาได้เหมือนเป็นเจ้านายถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขาควบคุมอารมณ์ได้ดีและสามารถเข้ากับคนส่วนใหญ่ได้
ในช่วงท้ายของวัน ร่างแยกของบาโคริโอะเลือกมาทั้งหมด 16 คน 9 คนแรก สำหรับร้านอาหารที่จะเปิดเร็วๆ นี้ มี 4 คนที่มีประสบการณ์ในการทำอาหารมาบ้าง และ 3 คนจะทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ 1 คน เป็นแคชเชียร์ 1 คน และผู้จัดการ 1 คน ส่วนอีก 7 คน 4 คนนี้จะทำงานเป็นคนทำขนมปังหลักสำหรับร้านขนมอบแต่ละร้านและ 3 คนสุดท้ายจะทำงานเป็นแคชเชียร์
บาโคริโอะสั่งพวกเขาว่าเขาจะสอนงานแก่พวกเขาก่อนที่พวกเขาจะเริ่มทำงานจริง และแน่นอนว่าหากพวกเขาทำข้อมูลอะไรรั่วไหลออกไป เขาจะทำให้ชีวิตของพวกเขาแย่ยิ่งกว่าตกนรก แล้วก็ทำการตกลงเกี่ยวกับโครงสร้างการจ่ายเงินที่มีการจ่ายขั้นต่ำที่แน่นอน แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากความคิดเห็นของลูกค้า
นอกจากนี้ เมื่อร้านเปิดแล้ว จะมีการตรวจสอบเป็นประจำโดยตัวของบาโคริโอะเองหรือหัวหน้าผู้จัดการของเขา มิโคโตะ และการขาดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หรือขาดประสิทธิภาพใดๆก็ตาม จะถูกลงโทษและขั้นรุนแรงและทำให้ถูกไล่ออกสถานเดียว
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดร่างแยกของบาโคริโอะก็ถอนหายใจออกมา 'ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ที่ตัวนายแล้ว ฟุงาคุ' ร่างแยกคิด เพราะตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือการได้ร้านค้าที่มีทำเลที่ดี
แต่แน่นอนว่าจะต้องมีคนพยายามขัดขวางเรื่องนี้อยู่แล้วเมื่อเขาได้ยินว่าตระกูลอุจิวะกำลังพยายามก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหาร และคนๆนั้นก็คือชิมูระ ดันโซ
ตระกูลชิมูระอาจเป็นผู้ควบคุมการเงินส่วนใหญ่ในโคโนฮะก็จริง พิสูจน์จากการที่ดันโซสามารถจัดหาเงินทุนสำหรับการทดลองของโอโรจิมารุและแม้แต่สร้างหน่วยลับ ทั้งหมดได้อย่างไร
และตอนนี้เขากำลังใช้การเงินและเส้นสายเดียวกันนั้นเพื่อขัดขวาง ฟุงาคุ จากการที่จะได้ทำเลที่ดี หรือแม้แต่ติดต่อกับเจ้าของร้านบางรายเพื่อขึ้นราคาเพื่อให้ทำอะไรได้ยากขึ้นและบางตระกูลก็ช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ โดยเฉพาะตระกูลที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร อย่างตระกูลอาคิมิจิ
เหมือนกับว่ามีคนเต็มใจช่วยดันโซ ทั้งๆที่ต่างเกลียดเขาเพราะวิธีการจัดการของเขา และหนึ่งในนั้นคือตระกูลฮาตาเกะ ซึ่งอาจจะพยายามตอบแทนบุญคุณที่ไม่สร้างปัญหาให้คาคาชิเมื่อเขากลับมาพร้อมกับได้เนตรวงแหวนมา แต่ตระกูลนี้รับผิดชอบในด้านการจัดการพื้นที่เพาะปลูกของโคโนฮะได้ช่วยเหลือ ฟุงาคุ อย่างมาก และหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ในที่สุด ฟุงาคุ ก็ได้ซื้อร้านค้าทั้งหมด