ตอนที่ 17 : ทะลวงพลัง ขั้นก่อวิญญาณระดับกลาง
ณ หอไถ่ถอน ชั้นสาม
ดาวิสที่กำลังบ่มเพาะหมอกแสงศักดิ์สิทธิ์ตัวสั่นเบา ๆ
แสงสีทองส่องสว่างรอบตัวเขาเมื่อเขาทะลวงพลังเป็นขั้นก่อวิญญาณระดับกลาง พลังบ่มเพาะของเขาปีนสูงขึ้นจนกระทั่งหยุดลงเมื่อถึงจุดที่มั่นคงในระดับนั้น เขาลืมตาและรู้สึกด้วยวิญญาณว่ามันผ่านมาเพียงหกชั่วโมงขณะที่เขาใช้เวลาสิบปีในนรกนั่น
“เป็นอสูรดวงใจที่น่ากลัวจริง ๆ! มันให้เราดิ้นอยู่ในฝ่ามือถึงสิบปี และค่อย ๆ เชื่อมโยงตัวข้ากับตัวตนในอดีต”
“อย่างแรก ความเจ็บปวด”
“อย่างที่สอง ความรู้สึก”
“สาม สภาวะที่ทำได้แค่มองและทำอะไรไม่ได้…”
‘ถ้าไม่รู้ตัวในจังหวะสุดท้าย…ถ้าได้ทรมานและฆ่าเด็กคนนั้น ข้าจะเป็นคนนี้ที่ได้กลับมาจริง ๆ น่ะหรือ?’
ดาวิสตัวสั่น
เขารู้สึกว่าคำถามนี้ควรไม่ได้รับคำตอบไปสักระยะ อย่างไรเขาก็รู้สึกว่ามันเหมือนเดิมอย่างเคย ไม่มีอะไรต่างจากเวลาที่เขาเข้าสู่บททดสอบอสูรดวงใจ
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งที่ต่างออกไปที่เขามิอาจแตะต้องได้
เขาไม่ได้คิดมากนัก เขารีบลุกขึ้นออกจากหอไถ่ถอน
เมื่อออกมาจากหอ เขาเห็นคนหนึ่งที่วิ่งมาหาเขาด้วยความเร็วสูงมาก ร่างนั้นเข้าใกล้ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนองและกอดเขาด้วยความอบอุ่นอันบริสุทธิ์
เขายิ้ม
“ข้ากลับมาแล้ว ท่านแม่”
“...เจ้าโง่เอ้ย”
แคลร์ปล่อยและมองเขา
ดาวิสเห็นว่าดวงตาของนางบวมแดง ราวกับร้องไห้มานาน
โลแกนเดินเข้ามาช้า ๆ เขามองดาวิสด้วยความโมโห แต่นั่นทำให้ดาวิสแอบดีใจ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมแม่ถึงตาแดงนักล่ะ?”
ดาวิสรู้สึกว่าเขาควรจะเป็นคนที่โกรธในรอบนี้ต่างหาก
“ดาวิส เจ้าโง่! เวลาของอสูรดวงใจน่ะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่เจ้าก็อยู่ในนั้นมาเกินหกชั่วโมง! ดูแม่เจ้าสิว่าเป็นห่วงเจ้าขนาดไหน ฮื่ม! ถ้าเจ้าไม่ออกมาข้านี่แหละจะไปฆ่าเจ้าเอง!”
โลแกนอธบิายด้วยใบหน้าโมโห แต่เขาไม่ได้หมายความแบบนั้นแน่นอน
เพราะในเวลานั้น เขาเป็นคนที่ไม่เด็ดขาดว่าจะหยุดค่ายกลและไปช่วยดาวิสดีหรือไม่
แต่ถ้าหากเขาทำแบบนั้น เขาเชื่อว่าจะต้องเกิดผลตามมาที่มิอาจจินตนาการได้ เขาจึงเลือกที่จะศรัทธาในตัวลูกชาย
เคราะห์ดีที่เขาเห็นลูกชายออกมาหลังจากหกชั่วโมง มิเช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดค่ายกล
“พอเจ้าไปที่หอไถ่ถอนเกินหนึ่งชั่วโมง แม่เจ้าก็ออกจากปราสาทมาแล้ว! แม่รอเจ้าอีกสองชั่วโมงเพราะเป็นห่วง แต่หลังจากนั้นก็ร้องไห้ไปหนึ่งชั่วโมงแล้วก็เป็นลม แม่เจ้าเพิ่งจะตื่นมาไม่นาน เจ้านี่มันอัปยศจริง ๆ! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแม่และลูกในท้องจะทำยังไงหา!?”
เมื่อเห็นว่าลูกชายไม่เป็นอะไร โลแกนจึงอยากจะตำหนิลูกชายแรง ๆ
“ท่านแม่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ทำท่านแม่เป็นห่วง ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้แม่…”
ดาวิสรู้ตัวว่าทำผิดและรีบขอโทษแต่ก็ถูกขัดเสียก่อน
“ลูกโง่ เจ้าจะสัญญาแบบนั้นไม่ได้ อนาคตข้างหน้าเจ้าต้องสยายปีกโบยบินไป ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน แม่ก็จะเป็นห่วงลูกเสมอ”
แคลร์รู้ว่าลูกชายจะทะยานขึ้นไปสูงกว่าใครในภายภาคหน้า นี่คือความมั่นใจที่นางมีต่อลูกชายผู้เป็นความภาคภูมิใจของนาง
ดาวิสรู้สึกหวั่นไหว
แม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดเขาโดยตรง เขารู้สึกว่าดีกว่าถ้าเขาจะขอโทษและปลอบแม่ด้วยคำพูดแบบนั้นเพราะเขารู้ว่าการตั้งครรภ์นั้นมีความอันตรายต่อสตรีที่บ่มเพาะพลังยิ่งกว่าสตรีธรรมดา
มันมีความซับซ้อนมากมายที่จะทำให้ทารกในครรภ์เป็นอันตรายถ้าหากผู้ตั้งครรภ์ไม่ดูแลให้ดี…และเขา ดาวิส ก็ทำให้แม่ที่กำลังตั้งครรภ์ร้องไห้จนเป็นลมไป
นี่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น ดังนั้นเขาจึงอดรู้สึกผิดอย่างมากไม่ไหวในเวลาเดียวกัน
“เอาล่ะ กลับปราสาทกันเถอะ…”
โลแกนส่ายหน้าพูด
“อืม…”
ทั้งสองพยักหน้า
=====
ณ ที่พำนักจักรพรรดิ
“ว่าไงล่ะ? เจ้าทะลวงพลังมาใช่ไหม?”
โลแกนถามด้วยความสงสัย
จี้ที่ดาวิสสวมนั้นทำให้เขาปกปิดพลังบ่มเพาะวิญญาณได้ โลแกนจึงบอกได้ยาก
“ใช่ ข้าเป็นขั้นก่อวิญญาณระดับกลางแล้ว”
ดาวิสตอบด้วยรอยยิ้ม
“ดี!”
โลแกนพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ดาวิส ใช้สัมผัสวิญญาณสิ”
แคลร์พูดและแตะระหว่างคิ้วของนาง
ดาวิสใช้สัมผัสวิญญาณในทันทีเพราะเขารู้วิธีปล่อยสัมผัสวิญญาณจากการอ่านพื้นฐานมาแล้ว
พลังงานโปร่งใสที่มีแสงสีทองอ่อนกระจายไปทั่วห้าสิบเมตรจากตัวเขาเป็นทรงกลม ในพื้นที่นี้เขาสามารถรับรู้ทุกสิ่งในระยะได้ มันเป็นความรู้สึกแปลกที่ทำให้เขาอึ้งไปชั่วขณะ
ดาวิสตกอยู่ในภวังค์นั้น เขาเชื่อมโยงกับสิ่งรอบข้างขณะที่โลแกนและแคลร์อ้าปากค้าง
“ข้ารู้ว่าวิญญาณของเขาแข็งแกร่ง แต่ไม่น่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้…”
แคลร์พูดเบา ๆ
ดาวิสสับสน ส่วนใดกันที่ทำให้พวกเขาพูดว่าวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็รู้ตัวในทันที
“คนทั่วไปที่มีพลังบ่มเพาะขั้นก่อวิญญาณระดับกลางจะปล่อยสัมผัสวิญญาณได้แค่สิบเมตร แต่เจ้ากลับขยายไปได้ถึงห้าสิบเมตร”
“มันพอจะบอกได้ว่าวิญญาณเจ้าแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปที่บ่มเพาะวิญญาณห้าเท่า”
แคลร์อธิบาย
“แต่ทำไมข้าถึงปล่อยสัมผัสวิญญาณไม่ได้ถึงห้าเมตรตอนที่ข้าเป็นขั้นก่อวิญญาณระดับต่ำล่ะ?”
ดาวิสถามสิ่งที่สงสัย
“เจ้าโง่”
แคลร์หัวเราะเบา ๆ
“มันไม่ได้ทำงานแบบนั้น ผู้บ่มเพาะทั่วไปในขั้นก่อวิญญาณระดับต่ำทำได้แค่นำวิญญาณออกจากร่างเมื่อร่างกายถูกทำลาย แต่ถึงอย่างนั้นดวงวิญญาณก็จะระเหยไปอย่างรวดเร็วถ้าหาสมบัติที่เข้ากันเพื่อเก็บวิญญาณไม่ได้”
“ผู้บ่มเพาะระดับก่อวิญญาณระดับต่ำที่อ่อนแอมักจะใช้สัมผัสวิญญาณได้อยู่แล้ว มีแค่คนที่มีดวงวิญญาณแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะใช้สัมผัสวิญญาณมองดูร่างกายตัวเองได้สองหรือสามครั้งในตอนที่เป็นขั้นก่อวิญญาณระดับต่ำ เหมือนกับพ่อเจ้า”
แคลร์อธิบายอย่างอดทน
โลแกนทำหน้าภูมิใจเมื่อได้ยินนางพูดอย่างนั้น แต่เขาก็เศร้าใจเมื่อคิดว่าลูกชายได้เอาชนะเขาไปแล้ว
“ดาวิส เจ้าน่าจะปลดชั้นแรกของหมอกแสงศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ใช้ให้แม่ดูหน่อยสิ”
“ชั้นแรกเหรอ? ได้เลย”
ดาวิสพยักหน้าและหมุนเวียนวิญญาณเพื่อใช้หมอกแสงศักดิ์สิทธิ์ชั้นแรก
ชั้นของวิชาบ่มเพาะนั้นเข้าใจได้ง่ายไม่เหมือนกับวิชาต่อสู้ที่ต้องใช้การทำความเข้าใจ ข้อกำหนดเบื้องต้นคือการไปถึงขั้นพลังที่ต้องการเพื่อที่จะฝึกวิชาบ่มเพาะนั้น
แน่นอนว่าถ้าหากโง่เขลาและไร้พรสวรรค์ ก็จะพบว่ายากที่จะเข้าใจชั้นของวิชาบ่มเพาะแม้จะมีขั้นพลังเพียงพอแล้ว
พลังสีทองสว่างจ้ากระจายไปสิบเมตรจากตัวดาวิส ดาวิสรู้สึกราวกับว่าไม่มีสิ่งใดสามารถทำอะไรดวงวิญญาณเขาได้ในพื้นที่นี้
“เกราะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าสร้างขึ้นมาก็แข็งแกร่งด้วย”
ทั้งสองไม่ได้ตกใจในตอนนี้อีกแล้ว
“แม้แต่ผู้บ่มเพาะขั้นก่อวิญญาณระดับสูงสุดก็ยากมากที่จะทำลายมัน”
โลแกนถอนหายใจยอมรับ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังคิดแข่งกับลูกชายอยู่
“งั้นเหรอ?”
ดาวิสคาดหวังมากกว่านั้น เขาอยากจะอัดใครก็ตามที่อยู่รอบ ๆ เขาให้ได้
*แค่ก* *แค่ก*
“หึ ถ้ามันจบแค่นี้ก็ไม่ต่างจากวิชาบ่มเพาะวิญญาณทั่วไปที่สร้างเกราะวิญญาณได้น่ะสิ”
แคลร์พูดอย่างมั่นใจ
“ลองลดขนาดของมันลงให้คลุมแค่ร่างกายเจ้าไว้สิ”
ดาวิสพยักหน้าและลองลดขนาดพื้นที่พลังสีทอง
จากนั้นพื้นที่พลังสีทองก็ลดขนาดลงจนปกคลุมแค่ร่างกายเขาเท่านั้น
โลแกนและแคลร์มองวิญญาณที่ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งแต่ยังบริสุทธิ์
“น่ะ…นี่มันไม่ใช่ว่าผู้บ่มเพาะขั้นวิญญาณทารกยังทำลายเกราะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ยากเลยหรือ?”
โลแกนพูดเบา ๆ
แคลร์เองก็อึ้งไปเช่นกัน
นางตอบออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ใช่แล้ว”
ขั้นวิญญาณทารกคือขั้นที่สองของการบ่มเพาะวิญญาณ
ดาวิสดูดีจ แต่ขณะเดียวกันก็ผิดหวังที่คิดว่าเกราะนั้นใช้กับผู้บ่มเพาะขั้นวิญญาณอ่อนไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าพ่อแม่เปรียบเทียมเขาโดยไม่รู้ตัวกับผู้บ่มเพาะอื่นที่บ่มเพาะวิชาบ่มเพาะวิญญาณชั้นนภา