ตอนที่ 17 การต่อสู้ครั้งแรก
ในขณะที่ร่างแยกของบาดคริโอะในบริเวณอุจิวะกำลังคัดเลือกคนสำหรับร้านใหม่ อีกร่างก็กำลังคุยกับมินาโตะและคุชินะเกี่ยวกับวิธีทำให้พวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
"คุณมินาโตะคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่จะคืนชีพให้กับคุณทั้งคู่"? บาโคริโอะถาม
มินาโตะดูครุ่นคิดก่อนที่จะพูดว่า "ฉันคิดไม่นะ เพราะแม้ว่าเราจะถูกฝังอยู่ในโลงศพ แต่สภาพร่างกายของเราคงเน่าเปื่อยไปมากหลังจากผ่านไป 5 ปี ดังนั้นนายจะต้องใช้นินจาแพทย์นอกรีตหรือคาถาต้องห้ามเพื่อฟื้นฟูร่างกายของเราเท่านั้น"
บาโคริโอะส่ายหัว "ไม่ ผมคิดว่ามันเป็นไปได้กับพวกคุณทั้งคู่"
มินาโตะดูประหลาดใจและถามด้วยความสงสัย "ช่วยอธิบายหน่อย"
"คุณพูดถูกว่าเราต้องการนินจาแพทย์นอกรีต แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การใช้จักระปกติ" บาโคริโอะพูด ทั้งคุชินะและมินาโตะก็เข้าใจสิ่งที่เขากำลังพูดถึง และหันไปมองคุรามะที่นอนคว่ำอยู่ มันจึงพูดว่า "เป็นอะไร มองฉันเพื่อ?"
คุชินะเมินมันและพูดว่า "หรือว่านายกำลังวางแผนที่จะใช้จักระของคุรามะ?"
"ใช่ ในเมื่อจักระของมันมีคุณสมบัติในการรักษาที่แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะพลังอีกครึ่งหนึ่งของเก้าหางที่ถูกผนึกในตัวนารูโตะ" บาโคริโอะพูดและคุรามะก็รำคาญ "เฮ้ย! อย่าพูดถึงข้าเหมือนข้าไม่ได้อยู่ที่นี่นะโว้ย!"
"เป็นความคิดที่ดีจริงๆ บาโคริโอะคุง แต่เราก็ยังต้องการนินจาแพทย์ที่เก่งมากอยู่ดี เพราะจักระของคุรามะอย่างเดียวคงไม่พอ" มินาโตะพูด
"ผมวางแผนที่จะตามหา เซ็นจู สึนาเดะ หนึ่งในสามนินจาในตำนานและขอความช่วยเหลือจากเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้เธอเป็นนินจาแพทย์ที่เก่งที่สุดแล้วในตอนนี้" บาโคริโอะพูดด้วยรอยยิ้ม
มินาโตะและคุชินะพยักหน้าเห็นด้วย “มันไม่ง่ายเลยที่จะโน้มน้าวเธอเพราะเธอไม่กลับมาที่หมู่บ้านหลังเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อนเลย แต่ถ้าเธอช่วยพวกเราได้มันก็อาจทำให้พวกคุณทั้งคู่กลับมามีชีวิตอีกครั้งได้จริงๆ”
“ผมจะลองส่งร่างแยกผมไปตามหาตัวเธอก่อน แล้วเราจะตัดสินใจกันทีหลัง แต่ตอนนี้เราควรคิดหาวิธีอื่นก่อน เช่น ผมกำลังคิดที่จะลองเปลี่ยนวิญญาณกับคนอื่นถ้าเขานั้นตกลง พวกคุณก็จะเป็นวิญญาณที่มีชีวิตและออกจากพื้นที่ผนึกนี้เได้ แม้มันคงยากที่จะหาคนแบบนั้นได้ แต่ผมจะพยายาม” บาโคริโอะพูดแล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้และขอบคุณเขา
บาโคริโอะถามคุชินะต่อว่า "เป็นได้มากแค่ไหนที่จะคืนชีพไปพร้อมกับผนึกติดตัวไปด้วย?"
"ฉันเองก็ไม่แน่ใจเพราะตระกูลอุซึมากิเน้นไปที่ผนึกเพื่อป้องกันคล้ายๆสิ่งกีดขวางเป็นหลัก แต่น่าจะเป็นไปได้ที่จะทำอะไรกับผนึกนี้ได้เพราะมันสามารถใช้สร้างคาถาที่เกียวกับอากาศได้ เช่น วิชานินจาเทพสายฟ้าเหินของมินาโตะ" เธอตอบ
เขาเงียบไปครู่หนึ่งและจมดิ่งลงไปในห้วงความคิด....'วิชาผนึกไปวิชาที่เป็นสื่อกลางในการควบคุมจักระในรูปแบบต่างๆเพื่อสร้างผลลัพธ์ต่างๆ ดังนั้นถ้าเราสร้างผนึกขึ้นมาล่ะ ผนึกที่ดูดซับจักระและเปลี่ยนเป็นพลังงานทางกายภาพ'
ทั้งมินาโตะและคุชินะเป็นอัจฉริยะในการใช้ผนึก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดวิธีสร้างผนึกประเภทนี้อย่างรวดเร็วและคิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะสร้างผนึกดังกล่าว แต่เรายังต้องการคนที่มีวิชานินจาทางการแพทย์ระดับสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีพอที่จะฟื้นฟูร่างกายที่เน่าเปื่อยขึ้นมาได้ เท่ากับว่าตอนนี้เขากำลังมาถูกทางแล้ว
เขากับมินาโตะจึงปล่อยให้คุชินะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่มินาโตะเริ่มสอนเขาเกี่ยวกับวิชาผนึกต่างๆ กลยุทธ์การต่อสู้ การควบคุมจักระ และการเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติของจักระ
จากคำอธิบายของเขา บาโคริโอะจึงได้เรียนรู้ว่าการประสานอินนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด และคิดว่าผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เพราะหากไม่มีการประสานอินก็จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีจัดการกับจักระและวิธีเปลี่ยนให้เป็นลักษณะของจักระที่ต้องการก่อนถึงจะใช้ได้
ตอนนี้เขาเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่เคยได้รับทักษะการเปลี่ยนแปลงของจักระน้ำหรืออะไรทำนองนั้น เพราะเขามักจะใช้คาถากระสุนน้ำที่โดยที่ไม่ได้ประสานอินแต่ใช้ผ่านระบบแทน
การเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของจักระนั้นขึ้นอยู่กับ1 ความสัมพันธ์และ2พรสวรรค์ เขาฝึกฝนเรื่องนี้อย่างหนักในช่วงท้าย 'จริงๆฉันควรให้ร่างแยกฝึกการเปลี่ยนแปลงจักระในภายหลัง เนื่องจากฉันเป็นคนของอุจิวะ ฉันจึงมีความเชี่ยวชาญด้านไฟมากแต่ฉันจะพยายามให้มากกว่านี้ เพื่อทดสอบทีหลัง'
วันแล้ววันเล่า วันแห่งการฝึกฝนอันเหน็ดเหนื่อยก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งด้วยร่างแยกเพียงร่างเดียวที่ช่วยให้การฝึกง่ายขึ้นเล็กน้อยภายในบริเวณของตระกูลอุจิวะ
---------------------------------
ในขณะเดียวกันกับร่างจริงของเขา เขาไปลองบางอย่างที่อยากรู้มานาน 'น่าจะเป็นไปได้เพราะมันเรียกว่าระบบเกมเมอร์' เขาคิดและด้วยระดับการพรางตัวที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เขามาถึงหน้าป่าใหญ่ มีรั้วโลหะล้อมรอบเป็นขอบเขต มีประตู 44ประตู เว้นระยะห่างเท่าๆ กัน ที่นี่คือสนามฝึกที่ 44 หรือที่รู้จักกันดีในชื่อป่าแห่งความตาย สถานที่สอบจูนินในการ์ตูนต้นฉบับบ
ป่าขนาดใหญ่นี้มีรัศมีประมาณ 10 กิโลเมตร มีแม่น้ำยาวไหลผ่านและมีหอคอยอยู่ตรงกลาง เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายขนาดใหญ่หลายชนิด เช่น ปลิง เสือ หมี ซึ่งเป็นเป้าหมายของเขาในครั้งนี้
เขาใช้ประสาทสัมผัสจนถึงขีดสุดและตรวจสอบแผนที่อีกครั้งเพื่อหาทหารยามที่ซ่อนอยู่ ก่อนที่จะกระโดดข้ามรั้วอย่างลับๆ และรีบเข้าไปในป่าพร้อมกับค้นหาเหยื่อราวกับนักล่าที่หิวโหย
ไม่นานเขาก็เห็นหมูป่าตัวใหญ่สามตัวสูงเกือบ 2 เมตร และหมาป่าอีก4ตัวที่สูงตัวละ3เมตร
หมาป่าเข้าล้อมหมูป่าและโจมตีมันจากจุดบอด ทำให้บาดแผลบนตัวของมันเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และเขาเห็นว่ามันใกล้จะรู้ผลแล้ว เขาจึงรีบกระโดดจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง และเมื่อเข้าไปใกล้พอ เขาจึงใช้คาถาเคลื่อนย้ายพริบตา และปรากฏตัวขึ้นทันทีบนหมาป่าตัวหนึ่ง แล้วแทงมันด้วยดาบสั้นของเขาทะลุหัวของหมาป่าราวกับเอามีดแทงก้อนเนยให้ทะลุ
เขาเริ่มเห็นทุกอย่างช้าลง แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าเขาแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องระวัง ดังนั้นเมื่อเขาโจมตี เขาจึงเลือกช่วงเวลาที่หมาป่าตัวหนึ่งเริ่มโจมตีหมูป่า และตอนนี้หลังจากฆ่าตัวที่อยู่ด้านล่างแล้ว เขาก็กังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของหมาป่าอีกตัวหนึ่ง มันก็มองดูพี่น้องของมันที่ตายอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็หนีไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเหยียบหัวหมาป่าและใช้คาถาเคลื่อนย้ายพริบตาอีกครั้ง เพื่อไปซ่อนหลังต้นไม้อีกต้น แต่เขาทิ้งดาบสั้นไว้ที่นั่นเพราะพวกมันไม่สามารถตรวจหาเขาได้จากกลิ่นเลือด
หมูป่าตัวนั้นลุกลี้ลุกลนจากการโจมตีที่เพิ่งได้รับจกาหมาป่า และรีบวิ่งไปหาหมาป่าที่อยู่ข้างหน้าอีกตัวด้วยดวงตาสีแดง และในขณะที่มันดึงดูดความสนใจของหมาป่า บาโคริโอะก็จัดการหมาป่าด้วยวิธีแบบเดียวกับที่เขาจัดการหมาป่าตัวก่อนหน้านี้
เมื่อมองไปที่หมูป่าที่เกือบตายซึ่งมันดิ้นรนเฮือกสุดท้าย บาโคริโอะรีบช่วยมันด้วยการขว้างคุไนที่พุ่งตรงไปที่ดวงตาของหมาป่าซึ่งทำให้มันล้มลงหลังจากคุไนพุ่งทะลุไปที่สมองของมัน
ทันใดนั้นเสียงที่เขารอก็ดัง ปิ๊บ ในอยู่หัวของเขา และมีการแจ้งเตือนปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา