ตอนที่ 16 : ความคิดชั่วร้าย
ทไวเซอร์ทำร้ายเทียนหลงอย่างโหดร้ายด้วยฝนกระหน่ำหมัดที่ดังลั่นในทุกสัมผัส
‘ไม่ได้ผล…’
เทียนหลงกลับมาเป็นคนที่หมดอาลัยตายอยากเหมือนเคย
เขารู้สึกว่าเขาไม่มีโอกาสหนีไปจากกำมือของทไวเซอร์ได้อีกแล้ว เขามอบความหวังทั้งหมดกับหนังสือนั่นและคาดหวังกับมันมากเกินไป
เขาจมลงสู่ความเศร้าอีกครั้ง
ในสิบปีที่ผ่านมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจมลงสู่ความเศร้ากี่ครั้งและเพียงฝันว่าจะได้มีความหวังอีกครั้ง
“ฮื่ม อย่าได้ใจไปหน่อยเลยเจ้าโง่! เชื่อฟังชั้นก็พอ”
ทไวเซอร์คิดว่าเทียนหลงจะระเบิดเขาหรือจะกลายเป็นระเบิดพลีชีพและเอาเขาตายไปด้วย แต่เมื่อคิดอีกครั้งเขาก็รู้ว่าเทียนหลงไม่มีทางผลิตระเบิดขึ้นมาได้ เพราะวัตถุดิบมีไม่มากพอแม้จะรู้วิธีทำระเบิดจากเว็บมืดก็ตาม
ทไวเซอร์ไม่อยากจะอยู่ต่ออีกแล้ว เขาส่งเสียงในลำคอและรีบออกจากห้องไป
เทียนหลงนอนจ้องมองนอกหน้าต่าง ดวงตาเขาอับจนไร้สีสันใด
ในตอนนั้น เขาเห็นแค่เพียงสัตว์ประหลาดที่มีปีกยาวหกปีกอยู่นอกหน้าต่าง เขามองมันด้วยใบหน้าตกใจ เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับในสัปดาห์นี้
เรื่องแรกก็คือเขาเชื่อในสมุดแฟนตาซีโง่ ๆ และตอนนี้เขารู้สึกว่ากำลังเห็นภาพหลอน
เทียนหลงหัวเราะเยาะตัวเองด้วยความสมเพช
หลังจากความเงียบ…
“แกเป็นใคร?”
เทียนหลงถามเสียงสั่น แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่สัตว์ประหลาดที่เขาเห็นนั้นดูสมจริงมาก แค่สายตาก็น่าสะพรึงกลัวแล้ว
“เจ้าคือมนุษย์ที่เก็บหนังสือของข้าไปรึ?”
สัตว์ประหลาดกล่าว
“หนังสือ?”
เทียนหลงสับสนไปชั่วขณะแต่ก็นึกถึงบันทึกมรณะที่เก็บมาเมื่อสามวันก่อนได้
“ใช่ ใช่! ชั้นเป็นคนเก็บบันทึกมรณะมา ช่วยชั้นฆ่าไอ้สารเลวทไวเซอร์ที เขียนชื่อมันในบันทึกมรณะแล้วแต่มันก็ไม่ตาย! แกจะเป็นคนที่ฆ่ามันใช่ไหม?”
ความหวังจุดปะทุข้างในเทียนหลงอีกครั้ง เขาถามด้วยใบหน้าบ้าคลั่ง!
“เฮ้ เดี๋ยวก่อน…ข้าชื่อ…ช่างเถอะ เรียกข้าว่าจ้าวเทพมรณะก็ได้”
“จ้าวเทพมรณะ?”
เทียนหลงกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินฉายาอันยิ่งใหญ่
“ใช่ เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าเขียนชื่อจริงของคนที่เจ้าอยากให้ตาย?”
จ้าวเทพมรณะมองเขาอย่างวางมาด
“ชื่อจริง?”
เทียนหลงพึมพำ
“นั่นมันชื่อปลอมหรอกเหรอ”
เทียนหลงเพิ่งจะนึกถึงตอนที่ทไวเซอร์แนะนำตัวได้ เขาบอกว่าคนอื่นเรียกเขาว่าทไวเซอร์
ในความเป็นจริงนั้น เทียนหลงได้เจอกับการทารุณกรรมของทไวเซอร์มาเกินสิบปี เขาไม่ผิดที่คิดว่าทไวเซอร์คือชื่อที่แท้จริง เพราะมันเป็นชื่อที่หลอกหลอนเขามานานเกินสิบปี
“ถ้างั้น…ช่วยชั้นฆ่ามันทีเถอะ เทพมรณะ”
เทียนหลงขอร้องด้วยจิตสังหารในดวงตา
“ข้าทำไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นผู้ถือครองบันทึกมรณะ ข้าก็จะไม่ช่วยเจ้าฆ่าใคร ถ้าเจ้าอยากฆ่า เจ้าก็ต้องหาชื่อจริงให้ได้”
“ยังไงกัน? ชั้นไม่รู้เลย แล้วเขาก็ไม่ทิ้งเบาะแสไว้ด้วย”
เทียนหลงเริ่มกังวล
“เจ้าหนู ข้ามีข้อตกลงที่ทำให้เจ้ารู้ชื่อจริงของเจ้านั่น แต่เพื่อการนั้น เจ้าต้อง…”
“ตกลง!”
เทียนหลงไม่สนใจอีกแล้วถ้าหากเขาจะฆ่าทไวเซอร์ได้
“ตอบได้เร็วมาก! แต่ให้ข้าพูดจบก่อน”
“ข้อตกลงนี้จะริบครึ่งอายุขัยของเจ้า และเจ้าจะได้เนตรเทพมรณะที่จะได้เห็นชื่อจริงและอายุขัยของคน”
“คิดให้ดี…”
“ตกลง! ไม่มีอะไรให้ต้องคิดเลย”
เทียนหลงพูดด้วยความตั้งใจ เขาคิดว่ามันดีกว่าที่จะใช้ชีวิตหนึ่งปีกับอิสระดีกว่าสองปีในนรก
“ย่อมได้…”
======
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
*เอี๊ยด!-*
ประตูเปิดและทไวเซอร์ก็เดินเข้ามาในห้องของเทียนหลง
เขาถอนหายใจแรงและเริ่มยั่วราวกับว่าไม่เคยเหน็ดเหนื่อย
“โย่ เจ้าโง่ ชั้นยังเห็นแกเป็นหมาเชื่อง ๆ ตัวเดิมอยู่เลย”
‘ม่อ อู๋หมิงงั้นเหรอ’
เทียนหลงถอนหายใจแรงเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย
“เจ้าหมาไม่เชื่อง! ขอฟังเสียงหัวเราะของแกหน่อย!”
ม่ออู๋หมิงเริ่มทำร้ายเขาอีกครั้ง เทียนหลงอดทนอย่างที่เคยทำมาตลอด เขาถึงกับตื่นเต้นข้างในใจด้วย
ม่อ อู๋หมิงรู้สึกลำบากใจและตะโกน
“แกไม่ได้จะฆ่าชั้นเรอะ?”
“ผ่านมาสิบปีแล้ว แต่แกก็ยังสู้ชนะชั้นไม่ได้งั้นเหรอ? ไอ้โง่!”
เขาตะโกนและจู่ ๆ ก็หมดความสนุกที่จะทำร้ายเทียนหลง เขาจึงออกจากห้องโดยไม่หันหลังกลับ
เทียนหลงลุกขึ้นไปจดชื่อนั้นในบันทึกมรณะทันที
[ม่อ อู๋หมิง]
“ในที่สุด ในที่สุด ฮ่าฮ่าาฮ่าฮ่าฮ่า!”
เทียนหลงระเบิดเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นสามสิบวินาที เขาก็วิ่งออกมาจากประตูด้วยความเร็วสูงสุด เขาวิ่งตามม่อ อู๋หมิงที่เดินอยู่บนทางเดินทันในสิบวินาที
พวกเขาห่างกันอยู่สิบเมตร
“นี่แก! ไอ้โง่! กล้าออกมาเรอะ?”
เมื่อม่อ อู๋หมิงเห็นเทียนหลง เขาก็ค่อย ๆ เดินกลับพร้อมกำหมัด
“ห้า!”
“ไอ้โง่ หนังสือในมือแกมันอะไร?”
ม่อ อู๋หมิงจำไม่ได้ว่าให้ของแบบนั้นกับเทียนหลง
“สี่!”
เขาแสดงหนังสือให้ดู
“บันทึกมรณะ? อะไรน่ะ? ของเก่าเรอะ?”
“สาม!”
ม่อ อู๋หมิงเริ่มโกรธแค้น
“แกนับบ้าอะไรของแกอยู่?”
“สอง!”
เทียนหลงยิ้มอย่างบ้าคลั่ง
“เป็นบ้าอะไรของแก ไอ้โง่!”
ม่อ อู๋หมิงกระชากคอเสื้อเขา
“หนึ่ง!”
“ตายซะ!”
*อึก!-*
ม่อ อู๋หมิงกุมอกในทันที เขามีหน้าตกใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“นี่แก!”
ม่อ อู๋หมิงชี้เทียนหลงและล้มลงพาดบ่าของเทียนหลง
เขาเสียชีวิตไปอย่างถาวร
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เทียนหลงดันเขาออกไปและหัวเราะราวกับคนบ้า ร่างของม่อ อู๋หมิงล้มลงกับพื้น! หลังจากหัวเราะไปไม่รู้นานเท่าใด…เสียงก็ดังมาจากทางเดิน
“ปะป๊า?”
เด็กผู้หญิงหกขวบยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงห้าเมตร เธอเดินเข้ามาใกล้ร่างไร้วิญญาณและยืนข้าง ๆ
“ปะป๊า ตื่นเร็ว!”
เธอผลักศพ
หลังจากพยายามหลายครั้งและพ่อไม่ตื่น เธอก็เริ่มร้องไห้
เทียนหลงจ้องมองเธอและยิ้มด้วยความชั่วร้าย
“โอ้? ม่อ อู๋หมิงมีลูกสาวด้วยเรอะ? ไม่คิดมาก่อนเลย…”
เขาใช้เนตรเทพมรณะและเห็นว่าชื่อของเธอคือ ม่อ หวนหวน เธอถึงกับมีอายุขัยที่ยาวนานกว่าพ่อของเธอ
“สำหรับทุกสิ่งที่มันทำลงไป จะได้ระบายมันกับลูกสาวมันแทนสินะ”
เทียนหลงฉีกยิ้ม นัยน์ตาของเขาแรงเพราะเนตรเทพมรณะทำให้เขาดูเหมือนกับอสูรชั่วร้ายบริสุทธิ์
เทียนหลงเตะเด็กผู้หญิงไปจากศพพ่อของเธอจนกระเด็นลอยไป
“อ๊าาา!”
สาวน้อยร้องด้วยความเจ็บปวด
“ฮืออฮืออ!”
“ทุกอย่างเป็นความผิดของพ่อแก!”
“ปะป๊า! ช่วยหนูด้วย! ฮือฮือฮือ…”
สาวน้อยร้องไห้อย่างน่าเวทนา เธอพยายามเช็ดน้ำตาและยืนขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น…
เทียนหลงเดินไปถึงก่อนและเริ่มกระทืบใบหน้าเล็ก ๆ นั่น
สาวน้อยใช้มือเล็ก ๆ กันเท้าเอาไว้ แต่มันก็เปล่าประโยชน์
เธอบิดตัวและพยายามจะคลานกลับไปหาพ่อและร่ำร้อง
“ปะป๊า…ปะป๊า…”
“แกรู้ไหมว่าพ่อของแกเหยียบย้ำชั้นมากี่ครั้ง!? รู้ไหมว่าชั้นต้องคืบคลานเพราะพ่อแกกี่ครั้ง!? แค่นี้มันเทียบกับสิ่งที่พ่อแกทำไม่เห็นฝุ่นเลย!”
เทียนหลงปล่อยให้เธอคลานไปหาพ่อขณะที่เตะร่างเล็กของเด็กสาว
เมื่อม่อ หวนหวนไปถึงตัวพ่อ เธอก็กอดเสื้อของพ่อเอาไว้ไม่ปล่อย
“โอ้ อะไรน่ะ?”
เทียนหลงเห็นมีดในตัวม่อ อู๋หมิง
“บางทีจิตใจชั้นคงสงบลงถ้าได้เฉือนแกไปทีละชิ้น…ทีละชิ้น”
เทียนหลงยิ้มชั่วร้ายและใช้มีดปาดหน้าของเด็กสาว
“อย่าน้าาา!!! ช่วยด้วย!!! ปะป๊า!!”
สาวน้อยกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน
*ปั้ง!-*
หมัดลอยมาจากที่ใดมิอาจทราบ เทียนหลงกระเด็นไปในทางเดิน
และจากนั้น…ในบรรยากาศที่น่ากลัว เทียนหลงก็สลายไป
“ข้าจำได้ว่าวิ่งหนีไปหลังจากเห็นเด็กสาวร้องไห้เพราะเสียใจเรื่องพ่อ สิบปีที่อยู่ในนรกนั้นเทียบไม่ได้กับความรู้สึกผิดที่ได้เห็นหน้าเด็กร้องไห้กุมหน้าของพ่อเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กนั่น บางทีข้าอาจจะได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่อยากเป็น…”
เสียงถอนหายใจดังมาจากคนที่ยืนข้างเด็ก เขามีผมสีบลอนด์และใบหน้าน่าหลงใหล แม้ว่าเขาจะยังเป็นเด็กก็ตาม
“ยังเล่นบทผู้ร้ายกับร่างของข้าอีกเหรอ คิดว่าจะเปลี่ยนใจข้าได้รึไง? อสูรดวงใจ?”
ดาวิสยิ้มเยาะขณะที่ถามตัวเอง