ตอนที่แล้วตอนที่ 15 : อดีต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 : ทะลวงพลัง ขั้นก่อวิญญาณระดับกลาง

ตอนที่ 16 : ความคิดชั่วร้าย


ทไวเซอร์ทำร้ายเทียนหลงอย่างโหดร้ายด้วยฝนกระหน่ำหมัดที่ดังลั่นในทุกสัมผัส

‘ไม่ได้ผล…’

เทียนหลงกลับมาเป็นคนที่หมดอาลัยตายอยากเหมือนเคย

เขารู้สึกว่าเขาไม่มีโอกาสหนีไปจากกำมือของทไวเซอร์ได้อีกแล้ว เขามอบความหวังทั้งหมดกับหนังสือนั่นและคาดหวังกับมันมากเกินไป

เขาจมลงสู่ความเศร้าอีกครั้ง

ในสิบปีที่ผ่านมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจมลงสู่ความเศร้ากี่ครั้งและเพียงฝันว่าจะได้มีความหวังอีกครั้ง

“ฮื่ม อย่าได้ใจไปหน่อยเลยเจ้าโง่! เชื่อฟังชั้นก็พอ”

ทไวเซอร์คิดว่าเทียนหลงจะระเบิดเขาหรือจะกลายเป็นระเบิดพลีชีพและเอาเขาตายไปด้วย แต่เมื่อคิดอีกครั้งเขาก็รู้ว่าเทียนหลงไม่มีทางผลิตระเบิดขึ้นมาได้ เพราะวัตถุดิบมีไม่มากพอแม้จะรู้วิธีทำระเบิดจากเว็บมืดก็ตาม

ทไวเซอร์ไม่อยากจะอยู่ต่ออีกแล้ว เขาส่งเสียงในลำคอและรีบออกจากห้องไป

เทียนหลงนอนจ้องมองนอกหน้าต่าง ดวงตาเขาอับจนไร้สีสันใด

ในตอนนั้น เขาเห็นแค่เพียงสัตว์ประหลาดที่มีปีกยาวหกปีกอยู่นอกหน้าต่าง เขามองมันด้วยใบหน้าตกใจ เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับในสัปดาห์นี้

เรื่องแรกก็คือเขาเชื่อในสมุดแฟนตาซีโง่ ๆ และตอนนี้เขารู้สึกว่ากำลังเห็นภาพหลอน

เทียนหลงหัวเราะเยาะตัวเองด้วยความสมเพช

หลังจากความเงียบ…

“แกเป็นใคร?”

เทียนหลงถามเสียงสั่น แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่สัตว์ประหลาดที่เขาเห็นนั้นดูสมจริงมาก แค่สายตาก็น่าสะพรึงกลัวแล้ว

“เจ้าคือมนุษย์ที่เก็บหนังสือของข้าไปรึ?”

สัตว์ประหลาดกล่าว

“หนังสือ?”

เทียนหลงสับสนไปชั่วขณะแต่ก็นึกถึงบันทึกมรณะที่เก็บมาเมื่อสามวันก่อนได้

“ใช่ ใช่! ชั้นเป็นคนเก็บบันทึกมรณะมา ช่วยชั้นฆ่าไอ้สารเลวทไวเซอร์ที เขียนชื่อมันในบันทึกมรณะแล้วแต่มันก็ไม่ตาย! แกจะเป็นคนที่ฆ่ามันใช่ไหม?”

ความหวังจุดปะทุข้างในเทียนหลงอีกครั้ง เขาถามด้วยใบหน้าบ้าคลั่ง!

“เฮ้ เดี๋ยวก่อน…ข้าชื่อ…ช่างเถอะ เรียกข้าว่าจ้าวเทพมรณะก็ได้”

“จ้าวเทพมรณะ?”

เทียนหลงกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินฉายาอันยิ่งใหญ่

“ใช่ เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าเขียนชื่อจริงของคนที่เจ้าอยากให้ตาย?”

จ้าวเทพมรณะมองเขาอย่างวางมาด

“ชื่อจริง?”

เทียนหลงพึมพำ

“นั่นมันชื่อปลอมหรอกเหรอ”

เทียนหลงเพิ่งจะนึกถึงตอนที่ทไวเซอร์แนะนำตัวได้ เขาบอกว่าคนอื่นเรียกเขาว่าทไวเซอร์

ในความเป็นจริงนั้น เทียนหลงได้เจอกับการทารุณกรรมของทไวเซอร์มาเกินสิบปี เขาไม่ผิดที่คิดว่าทไวเซอร์คือชื่อที่แท้จริง เพราะมันเป็นชื่อที่หลอกหลอนเขามานานเกินสิบปี

“ถ้างั้น…ช่วยชั้นฆ่ามันทีเถอะ เทพมรณะ”

เทียนหลงขอร้องด้วยจิตสังหารในดวงตา

“ข้าทำไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นผู้ถือครองบันทึกมรณะ ข้าก็จะไม่ช่วยเจ้าฆ่าใคร ถ้าเจ้าอยากฆ่า เจ้าก็ต้องหาชื่อจริงให้ได้”

“ยังไงกัน? ชั้นไม่รู้เลย แล้วเขาก็ไม่ทิ้งเบาะแสไว้ด้วย”

เทียนหลงเริ่มกังวล

“เจ้าหนู ข้ามีข้อตกลงที่ทำให้เจ้ารู้ชื่อจริงของเจ้านั่น แต่เพื่อการนั้น เจ้าต้อง…”

“ตกลง!”

เทียนหลงไม่สนใจอีกแล้วถ้าหากเขาจะฆ่าทไวเซอร์ได้

“ตอบได้เร็วมาก! แต่ให้ข้าพูดจบก่อน”

“ข้อตกลงนี้จะริบครึ่งอายุขัยของเจ้า และเจ้าจะได้เนตรเทพมรณะที่จะได้เห็นชื่อจริงและอายุขัยของคน”

“คิดให้ดี…”

“ตกลง! ไม่มีอะไรให้ต้องคิดเลย”

เทียนหลงพูดด้วยความตั้งใจ เขาคิดว่ามันดีกว่าที่จะใช้ชีวิตหนึ่งปีกับอิสระดีกว่าสองปีในนรก

“ย่อมได้…”

======

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

*เอี๊ยด!-*

ประตูเปิดและทไวเซอร์ก็เดินเข้ามาในห้องของเทียนหลง

เขาถอนหายใจแรงและเริ่มยั่วราวกับว่าไม่เคยเหน็ดเหนื่อย

“โย่ เจ้าโง่ ชั้นยังเห็นแกเป็นหมาเชื่อง ๆ ตัวเดิมอยู่เลย”

‘ม่อ อู๋หมิงงั้นเหรอ’

เทียนหลงถอนหายใจแรงเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย

“เจ้าหมาไม่เชื่อง! ขอฟังเสียงหัวเราะของแกหน่อย!”

ม่ออู๋หมิงเริ่มทำร้ายเขาอีกครั้ง เทียนหลงอดทนอย่างที่เคยทำมาตลอด เขาถึงกับตื่นเต้นข้างในใจด้วย

ม่อ อู๋หมิงรู้สึกลำบากใจและตะโกน

“แกไม่ได้จะฆ่าชั้นเรอะ?”

“ผ่านมาสิบปีแล้ว แต่แกก็ยังสู้ชนะชั้นไม่ได้งั้นเหรอ? ไอ้โง่!”

เขาตะโกนและจู่ ๆ ก็หมดความสนุกที่จะทำร้ายเทียนหลง เขาจึงออกจากห้องโดยไม่หันหลังกลับ

เทียนหลงลุกขึ้นไปจดชื่อนั้นในบันทึกมรณะทันที

[ม่อ อู๋หมิง]

“ในที่สุด ในที่สุด ฮ่าฮ่าาฮ่าฮ่าฮ่า!”

เทียนหลงระเบิดเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่ง

หลังจากนั้นสามสิบวินาที เขาก็วิ่งออกมาจากประตูด้วยความเร็วสูงสุด เขาวิ่งตามม่อ อู๋หมิงที่เดินอยู่บนทางเดินทันในสิบวินาที

พวกเขาห่างกันอยู่สิบเมตร

“นี่แก! ไอ้โง่! กล้าออกมาเรอะ?”

เมื่อม่อ อู๋หมิงเห็นเทียนหลง เขาก็ค่อย ๆ เดินกลับพร้อมกำหมัด

“ห้า!”

“ไอ้โง่ หนังสือในมือแกมันอะไร?”

ม่อ อู๋หมิงจำไม่ได้ว่าให้ของแบบนั้นกับเทียนหลง

“สี่!”

เขาแสดงหนังสือให้ดู

“บันทึกมรณะ? อะไรน่ะ? ของเก่าเรอะ?”

“สาม!”

ม่อ อู๋หมิงเริ่มโกรธแค้น

“แกนับบ้าอะไรของแกอยู่?”

“สอง!”

เทียนหลงยิ้มอย่างบ้าคลั่ง

“เป็นบ้าอะไรของแก ไอ้โง่!”

ม่อ อู๋หมิงกระชากคอเสื้อเขา

“หนึ่ง!”

“ตายซะ!”

*อึก!-*

ม่อ อู๋หมิงกุมอกในทันที เขามีหน้าตกใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“นี่แก!”

ม่อ อู๋หมิงชี้เทียนหลงและล้มลงพาดบ่าของเทียนหลง

เขาเสียชีวิตไปอย่างถาวร

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เทียนหลงดันเขาออกไปและหัวเราะราวกับคนบ้า ร่างของม่อ อู๋หมิงล้มลงกับพื้น! หลังจากหัวเราะไปไม่รู้นานเท่าใด…เสียงก็ดังมาจากทางเดิน

“ปะป๊า?”

เด็กผู้หญิงหกขวบยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงห้าเมตร เธอเดินเข้ามาใกล้ร่างไร้วิญญาณและยืนข้าง ๆ

“ปะป๊า ตื่นเร็ว!”

เธอผลักศพ

หลังจากพยายามหลายครั้งและพ่อไม่ตื่น เธอก็เริ่มร้องไห้

เทียนหลงจ้องมองเธอและยิ้มด้วยความชั่วร้าย

“โอ้? ม่อ อู๋หมิงมีลูกสาวด้วยเรอะ? ไม่คิดมาก่อนเลย…”

เขาใช้เนตรเทพมรณะและเห็นว่าชื่อของเธอคือ ม่อ หวนหวน เธอถึงกับมีอายุขัยที่ยาวนานกว่าพ่อของเธอ

“สำหรับทุกสิ่งที่มันทำลงไป จะได้ระบายมันกับลูกสาวมันแทนสินะ”

เทียนหลงฉีกยิ้ม นัยน์ตาของเขาแรงเพราะเนตรเทพมรณะทำให้เขาดูเหมือนกับอสูรชั่วร้ายบริสุทธิ์

เทียนหลงเตะเด็กผู้หญิงไปจากศพพ่อของเธอจนกระเด็นลอยไป

“อ๊าาา!”

สาวน้อยร้องด้วยความเจ็บปวด

“ฮืออฮืออ!”

“ทุกอย่างเป็นความผิดของพ่อแก!”

“ปะป๊า! ช่วยหนูด้วย! ฮือฮือฮือ…”

สาวน้อยร้องไห้อย่างน่าเวทนา เธอพยายามเช็ดน้ำตาและยืนขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้น…

เทียนหลงเดินไปถึงก่อนและเริ่มกระทืบใบหน้าเล็ก ๆ นั่น

สาวน้อยใช้มือเล็ก ๆ กันเท้าเอาไว้ แต่มันก็เปล่าประโยชน์

เธอบิดตัวและพยายามจะคลานกลับไปหาพ่อและร่ำร้อง

“ปะป๊า…ปะป๊า…”

“แกรู้ไหมว่าพ่อของแกเหยียบย้ำชั้นมากี่ครั้ง!? รู้ไหมว่าชั้นต้องคืบคลานเพราะพ่อแกกี่ครั้ง!? แค่นี้มันเทียบกับสิ่งที่พ่อแกทำไม่เห็นฝุ่นเลย!”

เทียนหลงปล่อยให้เธอคลานไปหาพ่อขณะที่เตะร่างเล็กของเด็กสาว

เมื่อม่อ หวนหวนไปถึงตัวพ่อ เธอก็กอดเสื้อของพ่อเอาไว้ไม่ปล่อย

“โอ้ อะไรน่ะ?”

เทียนหลงเห็นมีดในตัวม่อ อู๋หมิง

“บางทีจิตใจชั้นคงสงบลงถ้าได้เฉือนแกไปทีละชิ้น…ทีละชิ้น”

เทียนหลงยิ้มชั่วร้ายและใช้มีดปาดหน้าของเด็กสาว

“อย่าน้าาา!!! ช่วยด้วย!!! ปะป๊า!!”

สาวน้อยกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน

*ปั้ง!-*

หมัดลอยมาจากที่ใดมิอาจทราบ เทียนหลงกระเด็นไปในทางเดิน

และจากนั้น…ในบรรยากาศที่น่ากลัว เทียนหลงก็สลายไป

“ข้าจำได้ว่าวิ่งหนีไปหลังจากเห็นเด็กสาวร้องไห้เพราะเสียใจเรื่องพ่อ สิบปีที่อยู่ในนรกนั้นเทียบไม่ได้กับความรู้สึกผิดที่ได้เห็นหน้าเด็กร้องไห้กุมหน้าของพ่อเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กนั่น บางทีข้าอาจจะได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่อยากเป็น…”

เสียงถอนหายใจดังมาจากคนที่ยืนข้างเด็ก เขามีผมสีบลอนด์และใบหน้าน่าหลงใหล แม้ว่าเขาจะยังเป็นเด็กก็ตาม

“ยังเล่นบทผู้ร้ายกับร่างของข้าอีกเหรอ คิดว่าจะเปลี่ยนใจข้าได้รึไง? อสูรดวงใจ?”

ดาวิสยิ้มเยาะขณะที่ถามตัวเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด