ตอนที่ 15-30 ทะเลหมอก
อสูรโลหะเดินทางได้เร็วเหมือนแสงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
ภายในห้องนั่งเล่นของอสูรโลหะลินลี่ย์และเดเลียหันหน้าเข้าหากัน ขณะที่บีบีและเจนกินนั่งประจันหน้ากัน ทุกคนพูดคุยกันตามปกติ
“บ้านเกิดข้าน่ะหรือ? เป็นที่ละเอียดซับซ้อนกว่าพวกเจ้ามาก” หน้าของเจนกินเต็มไปด้วยรอยยิ้มในตอนนี้ แตกต่างจากรูปลักษณ์ที่น่ากลัวตอนเขาหนีหรือเดินทาง“นอกจากนี้ในทวีปบ้านเกิดของข้ายังค่อนข้างใหญ่ จากเหนือจรดใต้ยาวอย่างน้อยแสนกิโลเมตร”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย ทวีปยูลานจากเหนือถึงใต้ยาวสองหมื่นหรือสามหมื่นกิโลเมตรบ้านเกิดเจนกินใหญ่กว่าทวีปยูลานมากมายแน่นอน
“ที่ของเราแบ่งออกเป็นสามกลุ่มพลังใหญ่ๆ กลุ่มแรกรวมทั้งสังคมมนุษย์, กลุ่มที่สองเป็นพวกมนุษย์อสูรและกลุ่มสุดท้ายเป็นพวกเผ่าพันธุ์อาศัยในน้ำ! มีทุกประเภทความเชื่อศาสนาอยู่ที่นั่น ฮ่าฮ่าข้ากลัวพวกเจ้าจะหัวเราะเยาะข้าเมื่อข้าพูดเรื่องนี้ แต่ข้าก็มีศาสนจักรเป็นของตนเองอยู่ในกลุ่มของมนุษย์อสูร!”
เจนกินหัวเราะ “มนุษย์อสูรเหล่านั้นไม่รู้ว่าพวกเทพที่พวกเขาบูชาเป็นมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ”
ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีกำลังเบื่อจากการเดินทางดังนั้นพวกเขาจึงมีความสุขที่ได้ฟังเจนกินได้เล่าเรื่องแดนโลกธาตุบ้านเกิดของเขาให้ฟัง ต้องกล่าวกันว่าดินแดนโลกธาตุบ้านเกิดของเจนกินแม้ว่าจะไม่มีความลับซับซ้อน ขณะที่ทวีปยูลานมีผู้คน เซียนและศาสนามากทั้งหมดต่างต่อสู้แย่งชิงกัน ขณะที่เผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็ทำสงครามกะกันและกัน
“โอว! ข้าไม่รู้เลยนะ” บีบีหัวเราะ “งั้นในแดนโลกธาตุของเจ้าเจ้าก็ต้องเป็นคนที่น่าทึ่งมาก”
เรื่องของเจนกินค่อนข้างจะให้ความรู้สึกที่เป็นตำนานแน่นอน
“อนิจจา” เจนกินถอนหายใจ “เมื่อคนเรายืนอยู่ในจุดสูงสุดของดินแดน เขาจะรู้สึกเดียวดาย!”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ความจริงยอดฝีมือส่วนใหญ่ผู้ที่ออกจากดินแดนโลกธาตุมายังพิภพชั้นสูงก็ล้วนแต่รู้สึกเดียวดายทั้งนั้น!
“ข้ารู้ดีว่าในแดนนรกอันตรายแค่ไหนแต่ข้าเลือกจะมา อย่างไรก็ตามระดับความอันตรายในแดนนรกแห่งนี้มากกว่าที่ข้าคาดเอาไว้” เจนกินพูดด้วยความซาบซึ้ง “ถ้าไม่ได้พวกท่านทั้งสามช่วยเหลือข้าคงไม่สามารถรวบรวมห้าพันศิลาดำได้แน่”
เจนกินไม่สามารถขอยืมห้าพันศิลาดำได้ แต่สำหรับกลุ่มลินลี่ย์ห้าพันศิลาดำไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วง ขณะที่คุยกับเขา กลุ่มของลินลี่ย์รู้สึกว่าเจนกินเป็นคนดีคนหนึ่งดังนั้นบีบีเห็นด้วยที่จะช่วยเหลือเจนกินจ่ายค่าธรรมเนียมห้าพันศิลาดำ
ผ่านระยะทางหลายสิบล้านกิโลเมตรโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวๆหนึ่งเดือนต่อมากลุ่มของลินลี่ย์ก็มาถึงเทือกเขาอะเมทิสต์ตามตำนาน!
“นี่คือเทือกเขาอะเมทิสต์หรือ?” ลินลี่ย์ยืนอยู่หน้าอสูรโลหะ มองผ่านหน้าต่างใสของอสูรโลหะ เขาเห็นภูเขาอะเมทิสต์ที่กว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างชัดเจน
ภูเขาอะเมทิสต์ปกคลุมไปด้วยแผ่นดินกว้างใหญ่ มีพื้นที่เส้นรอบวงหลายแสนกิโลเมตร ในแดนนรกเส้นรอบวงหลายแสนกิโลเมตรไม่นับว่าเป็นแผ่นดินที่กว้างใหญ่นัก แต่มองออกไปไกลเท่าที่ตาเปล่าเห็นได้สายตาคนธรรมดาเห็นได้แต่เพียงภูเขากว้างไกลไม่สิ้นสุดขยายออกไปสุดสายตา
ขณะเดียวกัน หมอกขาวลอยอยู่เหนือภูเขาอะเมทิสต์
สิ่งที่แปลกก็คือมองเห็นแต่เพียงหมอกแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นภูเขาอะเมทิสต์
“ความจริงเหมือนอย่างที่บอกไว้ในหนังสือ แม้ว่าจะดูเป็นเทือกเขาเดียวก็ตามแต่ก็ยังรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลหมอก มองจากด้านนอก ไม่ว่าใครก็มองเห็นภูเขาได้ไม่มาก ทั้งหมดที่มองเห็นก็เป็นเพียงหมอกขาวมากมายมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุด” ลินลี่ย์ถอนหายใจกล่าว ขณะที่เจนกิน เดเลียและบีบีที่อยู่ใกล้ๆพากันจ้องดูและเคลิบเคลิ้มดื่มด่ำกับฉากภาพที่สวยงาม
พื้นที่หลายแสนตารางกิโลมตรถูกปกคลุมไปด้วยหมอกแสงพระอาทิตย์สีเลือดส่องผ่านท้องฟ้าเข้าไปในในหมอกสีขาวเกิดเป็นภาพสีสันงดงามชวนมอง
“แปลกจริง” เดเลียถอนหายใจประหลาดใจ “เทือกเขาใหญ่ขนาดนี้เป็นแสนๆตารางกิโลเมตรอย่างนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาวหนาแน่นนับไม่ถ้วน หมอกเหล่านี้มีอยู่ชั่วนาตาปีเป็นเรื่องแปลกจริงๆ” เดเลียไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
ลินลี่ย์เดเลียและบีบีอย่างน้อยยังได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับภูเขาอะเมทิสต์มาจากหนังสือ
สำหรับเจนกิน เขาไม่มีความรู้อะไรเลย
“นี่คือเทือกเขาอะเมทิสต์หรือ?” เจนกินยังไม่อยากเชื่อเลยว่าหมอกที่คลุมพื้นที่นี้จะเป็นเทือกเขาอะเมทิสต์
“ไปกันเถอะ เราลงไปดูกัน” พอลินลี่ย์คิดอสูรโลหะหายไปในอากาศ ลินลี่ย์เดเลียและบีบีทุกคนบินลงมาขณะที่เจนกินส์ในตอนแรกไม่ทันตั้งตัว แต่จากนั้นเขาก็ตั้งหลักได้และรีบลอยตัวตามลงมา
พื้นผิวของภูเขาอะเมทิสต์คลุมไปด้วยทะเลหมอก
อย่างไรก็ตามด้านนอกแนวภูเขาอะเมทิสต์ยังมีกระแสผู้คนหลั่งไหลเข้ามา จำนวนมากมายอย่างน่าประหลาดคือสูงมากจนน่าตกตะลึง เทพหลายคนรั้งอยู่นอกเขตแดนทะเลหมอกหวังว่าจะมีโชคพอได้พบกับอะเมทิสต์
บนพื้นผิวด้านนอกของภูเขาอะเมทิสต์ภายในสายตาของลินลี่ย์มีปราสาทโบราณอย่างน้อยสามแห่ง
ขณะที่กลุ่มลินลี่ย์สี่คนเข้าไปใกล้มีบุรุษวัยกลางคนสวมเครื่องแบบสีดำสองคนเข้ามาหาทันทีพวกเขาอดมองเดเลียอย่างประหลาดใจมิได้ เห็นได้ชัดว่านางเป็นอสูรเทพชั้นสูง ในใจพวกเขางุนงง “อสูรเทพชั้นสูงก็มาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวอะเมทิสต์ด้วยหรือ?”
อสูรชั้นสูงเมื่อทำหน้าที่คุ้มกันจะได้รับทรัพย์มากกว่าที่พวกเขาได้จากการทำเหมืองอะเมทิสต์มาก กล่าวโดยทั่วไปมีแต่เทียมเทพและเทพแท้ที่จะเข้ามาเก็บเกี่ยวอะเมทิสต์
หลังจากรู้ว่าเดเลียเป็นอสูรเทพชั้นสูง ทั้งสองคนเปลี่ยนท่าทีที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บุรุษวัยกลางผมทองคนหนึ่งยิ้มและกล่าว “ขอถาม เหตุใดพวกท่านถึงมาที่นี่?”
บีบีหัวเราะและกล่าว “เราสามคนแค่มาเที่ยว ส่วนเด็กคนนี้จะมาทำงานเก็บเกี่ยวอะเมทิสต์”
“โอว?” บุรุษผมทองพยักหน้า “ภูเขาอะเมทิสต์ควบคุมดูแลโดยสิบแปดตระกูลร่วมกัน แต่แน่นอนว่าเราไม่ห้ามคนนอกให้เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือคนทำเหมืองทุกคนจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมห้าพันศิลาดำ”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย กฎการจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าห้าพันศิลาดำเป็นกฎที่ตั้งมานานนับปีไม่ถ้วนแล้ว แม้แต่ในหนังสือก็บันทึกไว้เช่นนี้
“จะเป็นยังไงถ้าท่านไม่มีเงิน?” เจนกินถามทันที
“ไม่มีใช่ไหม?” บุรุษวัยกลางคนชำเลืองมองเขาจากนั้นหัวเราะลั่น “ถ้าเจ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เรายังให้เจ้าเข้าก็ได้ แต่เราจะไม่ยอมให้เจ้าออกมา.. เจ้าจะต้องจ่ายอะเมทิสต์ให้เราสามชิ้น!”
“ค่าเบิกทางน่ะหรือ?” ลินลี่ย์เลิกคิ้ว
บุรุษผมทองพยักหน้า “ถูกแล้ว ทุกคนที่จ่ายค่าธรรมเนียมจะได้รับใบเบิกทาง เมื่อท่านออกมาตราบใดที่ท่านคืนใบเบิกทางกับเรา ท่านก็สามารถจากไปได้”
กลุ่มของลินลี่ย์เข้าใจแล้วในตอนนี้
“ถ้าท่านต้องการจ่ายห้าพันศิลาดำโปรดมาที่ทำการทางเข้ากลาง” บุรุษผมทองชี้ไปที่ไกลๆ ที่ประตูทางเข้าปราสาท
ความจริง เทือกเขาอะเมทิสต์กว้างใหญ่มาก ใครๆก็สามารถผ่านเข้าทางอากาศหรือภาคพื้นดินก็ได้
“โปรดจำให้ดี ใบผ่านทางที่ท่านได้รับจะต้องส่งคืนถ้าพวกเจ้าต้องการหนี...” บุรุษวัยกลางคนยิ้ม “อย่างนั้นพวกท่านจะต้องทนทุกข์กับการโจมตีของสิบแปดตระกูลของเรา หึหึ เป็นแค่คำเตือนเท่านั้นเอง”
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ขอบคุณ”
ทันใดนั้นเขานำเดเลีย บีบีและเจนกินตรงไปที่ทางเข้านั้น
“พี่ใหญ่! เจ้าผู้นั้นดูเหมือนจะค่อนข้างหยิ่งเหลือเกิน เขาเอาแต่พูดว่า ‘สิบแปดตระกูล’ อย่างนั้นอย่างนี้” บีบีบ่น
“บีบี! อย่าไปสนใจเขา” ลินลี่ย์รู้ดีว่าสิบแปดตระกูลนี้ทรงพลังมากขนาดไหน “ทวีปเรดบุดมีพื้นที่ทำเหมืองอะเมทิสต์เพียงแห่งเดียว นี่เป็นเขตขุดสมบัติที่น่าทึ่ง เจ้ารู้ไหมว่าอะเมทิสต์มีค่ามากขนาดไหน เจ้าคาดว่าเทือกเขาอะเมทิสต์จะผลิตอะเมทิสต์ได้มากมายขนาดไหน?”
บีบีตกใจ
อะเมทิสต์? ปราสาทเรดบุดแต่ละแห่งและปราสาททรายดำจะมีอะเมทิสต์มากมายเอาไว้ขาย มีมากมายจนนับไม่ถ้วน
“ภูเขาอะเมทิสต์ซึ่งใช้ผลิตอัญมณีมากมายนับไม่ถ้วนเป็นขุมสมบัติอย่างแท้จริง! สมบัติของสิบแปดตระกูลมากมายกว่าของตระกูลบอยด์ยิ่งนัก” ลินลี่ย์ถอนหายใจอย่างทึ่ง “สำหรับสิบแปดตระกูลสามารถผูกขาดพื้นที่ขุมสมบัติภูเขาอะเมทิสต์ก็ต้องหมายความว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเทพอสูร และสิ่งที่ยิ่งกว่านั้นอาจจะมีเทพอสูรมากกว่าหนึ่งอยู่เบื้องหลังพวกเขา”
เทือกเขาอะเมทิสต์เป็นเพียงเขตผลิตอะเมทิสต์แห่งเดียวในทวีปเรดบุดแต่ทวีปเรดบุดมีพื้นที่เกือบยี่สิบแคว้น ซึ่งก็หมายความว่ามีเทพอสูรหนุนอยู่เกือบยี่สิบ
ถ้าทุกคนแค่ใช้เวลาคิดสักนิดเขาจะเข้าใจว่าอำนาจของสิบแปดตระกูลเหล่านี้ยิ่งใหญ่มากที่แม้แต่อสูรเจ็ดดาวอย่างเอลควินก็มีค่าไม่ต่างอะไรกับเทพชั้นสูงธรรมดาหากกล้าไปตอแยพวกเขา!
ทางเข้าภูเขาอะเมทิสต์
“ตกลงสองหมื่นศิลาดำ!” เพียงพลิกมือลินลี่ย์ก็ดึงแท่งอะซูไรท์ออกมาวาง
สุภาพสตรีในเครื่องแบบสีดำเอาตราระบุสถานะให้กลุ่มลินลี่ย์ทั้งสี่คนตามปกติ
“ขอบคุณ, ท่านลินลี่ย์” เจนกินพูดอย่างซาบซึ้ง ความจริงในตอนที่เดินทางด้วยอสูรโลหะเจนกินพบว่าในกลุ่มของลินลี่ย์คนที่ทำการตัดสินใจไม่ใช่เทพชั้นสูงอย่างเดเลีย แต่ค่อนข้างจะเป็นลินลี่ย์
“ไปกันเถอะ”
ลินลี่ย์บินขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเดเลียและบีบีตรงไปยังทะเลหมอก
แสงอาทิตย์สีเลือดเบาบางฉายผ่านทะเลหมอกดูนวลตาเกิดเป็นภาพหลากสีสันและงดงามภาพแล้วภาพเล่า
“สวยงามจริงๆ” เดเลียหัวเราะอย่างมีความสุข “ลินลี่ย์ดูนั่นสิ!” เดเลียชี้ลึกเข้าไปในหมอกที่ซึ่งกลุ่มหมอกขาวภายใต้แสงอาทิตย์ก่อตัวเป็นรูปม้าเพกาซัสในอากาศ
“กว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด...ดูแล้วสบายตาสบายใจจริงๆ” ลินลี่ย์หัวเราะ “ไปดูข้างในกันเถอะ”
ขณะที่เขาพูด ลินลี่ย์เริ่มบินลึกเข้าไป แต่ขณะนั้นเอง...
“พวกเจ้าทั้งสี่คน หยุดเดี๋ยวนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้น
กลุ่มลินลี่ย์ทั้งสี่คนชะงักเท้างุนงง พวกเขาหันไปเห็นเด็กหนุ่มในเครื่องแบบสวมเกราะชุดดำบินเข้ามาหา “พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าทะเลหมอกนี้อันตรายแค่ไหน? ทำไมพวกเจ้าถึงได้วิ่งทื่อเข้าไปหาทะเลหมอก?”
“อันตราย?” ลินลี่ย์มึนงงและชี้ไปที่อื่นไกลๆ “ก็มีคนอยู่ในทะเลหมอกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
ขณะที่ดูอยู่นั้น ถ้าคนอื่นสามารถเข้าไปได้ อย่างนั้นเขาก็ควรเข้าไปได้อย่างไม่เป็นอันตรายไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้ตามหนังสือที่เขาซื้อมาก็มีคำอธิบายไว้เกี่ยวกับภูเขาอะเมทิสต์สั้นๆ แต่แน่นอน หนังสือเหล่านั้นไม่ค่อยหนาและพวกเขาให้ข้อมูลแต่ละแคว้นไม่มากนัก
“ข้าขอเตือนพวกเจ้า” เด็กหนุ่มพูดอย่างเคร่งขรึม “ทะเลหมอกแห่งภูเขาอะเมทิสต์แปลกประหลาดมาก ทัศนวิสัยข้างในนั้นต่ำมากกล่าวโดยทั่วไปก็คือเทพแท้สามารถเห็นได้ร้อยเมตรเป็นอย่างมาก แน่นอนไม่ว่ายังไงภายในทะเลหมอกทุกคนจะต้องอยู่ในระดับที่ออกมาถึงด้านนอกได้ ถ้าพวกเจ้าเป็นแค่เทพแท้พวกเจ้าไม่อาจเข้าไปได้เกินกว่าร้อยเมตร!”
กลุ่มของลินลี่ย์เริ่มฟังอย่างระมัดระวัง
เด็กหนุ่มพูดอย่างจริงจัง “ทุกคนที่เข้าลึกเกินไป ลึกจนพวกเขามองไม่เห็นด้านนอกจะไม่มีทางออกมาข้างนอกได้อีก!”
กลุ่มของลินลี่ย์ตกใจหนัก
“ไม่สามารถออกมาข้างนอกได้?” บีบีร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?ก็แค่หมอกขาวที่ทำให้มีทัศนวิสัยแย่ ถ้าเราบินเป็นเส้นตรงจากภายใน ทำไมเราจะบินออกมาไม่ได้?”
“เจ้าจะไม่สามารถบินออกมาได้!” เด็กหนุ่มพูดจริงจัง “ตราบเท่าที่เจ้าเข้าไปในระยะที่มองเห็นโลกภายนอกได้ เจ้าก็สามารถบินออกมาได้ แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถเห็นโลกภายนอกได้ เจ้าก็จบกัน แน่นอน เจ้าต้องระวังด้วยเมื่อทำเหมืองอะเมทิสต์!”
“แม้ว่าจะมีอะเมทิสต์อยู่ห่างข้างหน้าเจ้าแค่สิบเมตรไม่ว่ายังไงก็ตามอย่าผ่านเข้าไปในพื้นที่อันตราย! ทันทีที่เจ้าเข้าไป เจ้าจะไม่สามารถจากไปได้
เด็กหนุ่มพูดจริงจัง
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขณะมองดูพวกเทพจำนวนมากที่โฉบลอยตัวอยู่ที่ขอบสายหมอกและเขาเริ่มเข้าใจทันที “จริงด้วยถ้าทะเลหมอกไม่อันตราย อย่างนั้นเทพเหล่านี้คงบุกลึกเข้าไปหาอะเมทิสต์นานแล้ว ทำไมพวกเขาถึงยอมอยู่ที่ชายขอบด้วยเล่า?”
ตอนนี้ลินลี่ย์แน่ใจแล้วว่าทะเลหมอกมีอันตรายอยู่ภายในแน่อน
“จำไว้ให้ดีทุกครั้งพวกเจ้าต้องแน่ใจว่าไม่เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามต่อให้มีอะเมทิสต์บินลอยล่อตาล่อใจอยู่ข้างหน้าเจ้าก็ตาม ก็อย่าเข้าไปเด็ดขาด” เด็กหนุ่มพูดจบก็ออกไป
ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีมองหน้ากันเองพวกเขารู้สึกทึ่งกับความน่าพิศวงของธรรมชาติไม่ได้
“เดเลีย! เราไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวอะเมทิสต์ก็แค่เดินดูรอบๆ มาเถอะไปดูที่ด้านอื่น” ลินลี่ย์ไม่สนใจมากเกินไป เขาพาเดเลียและบีบีบินไปที่ชายขอบหมอกขาวทันที ขณะที่เจนกินติดตามกลุ่มของลินลี่ย์ไปชั่วคราว
กลุ่มของลินลี่ย์เดินต่อไปชั่วขณะ
“หัวหน้าโชคไม่เลวเลย ความจริงเขาเพิ่งพบอะเมทิสต์หลายชิ้น ข้าอยู่ที่นี่มายี่สิบปีแล้วแต่ข้ายังไม่พบเลยแม้แต่ชิ้นเดียวเฮ้..โอลิเวอร์! เจ้าได้อะไรบ้างหรือเปล่า?” ขณะนั้นเองมีกลุ่มคนเล็กๆราวสิบคนเดินมาด้วยกัน
ผมของเขาสีดำแซมขาว และชุดของเขาเป็นสีเทาเขาคือโอลิเวอร์ผู้มาจากทวีปยูลาน
โอลิเวอร์ส่ายศีรษะ “โชคไม่ดี”
“อย่าท้อใจไปเลย มาเถอะ มาดื่มเหล้าสักหน่อยข้าเลี้ยงเอง” หัวหน้าของเขาพูดพลางหัวเราะ
ทั้งกลุ่มบินออกมาบริเวณรอบนอกทะเลหมอก ใกล้ๆ ทางเข้ามีร้านอาหารตั้งอยู่หลายร้าน