ตอนที่ 15-23 ประหัตประหาร
พบกับข้อเสนอที่เย้ายวนใจของอินนิโกแล้วเอลควินอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ท่านเอลควิน ท่านจะห่วงเรื่องอะไร? เบรุตไม่มีทางพบแน่นอน” อินนิโกรีบกล่าว
แมวทองน้อยในอ้อมแขนเอลควินร้องเหมียว “เมี้ยว.. นายท่านคำพูดของอินนิโกนี้มีเหตุผล ต่อให้เป็นผู้ทรงพลังอย่างมหาเทพก็อาจไม่รู้อดีตหรืออนาคตก็ได้ ถ้าท่านฆ่าบีบี เบรุตก็ไม่มีทางค้นพบแน่นอน”
เอลควินแค่นเสียงเบา “ฆ่าบีบี? คำพูดของเจ้าก็มีเหตุผล!”
“ฟูโซ่เอากลุ่มลินลี่ย์ทั้งสามคนออกมาก่อน” เอลควินสั่ง
แมวทองน้อยตาเป็นประกายขณะที่ส่งเสียงร้องเบาๆ ทันที“เมี้ยว” แมกมาทองที่เดือดพล่านแยกช่องเป็นอุโมงค์ เปิดให้เห็นลินลี่ย์เดเลียและบีบีที่ก้นบ่อ สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการประหลาดใจ
“พี่ใหญ่, ข้าสงสัยว่าพวกเขากำลังปรึกษากันในตอนนี้” บีบีสนทนาทางใจ
ลินลี่ย์ก็รู้สึกกังวลเช่นกัน
ขณะที่พวกเขาอยู่ที่ก้นบ่อแมกมา พวกเขาสามารถได้ยินเสียงสนทนาที่เกิดขึ้นข้างบน ก่อนนี้ พวกเขาได้ยินเอลควินปล่อยซาโลมอนและนีซออกไป บีบีตื่นเต้นในทันที แต่บีบีไม่สามารถจากไปได้ เขาได้แต่รออยู่ที่ก้นบ่ออย่างช่วยไม่ได้
แต่หลังจากนั้น ไม่มีเสียงอะไรดังมาจากด้านบนอีกต่อไป
ลินลี่ย์แน่ใจในทันที “อินนิโกและเอลควินอยู่ข้างบนนั่น พวกเขาคงไม่ยืนเฉยเหมือนกับคนโง่แน่ ข้ากล้าพนันได้ พวกเขาป้องกันเสียง ดังนั้นเราจึงไม่อาจแอบฟังพวกเขาได้ บางทีพวกเขากำลังตกลงกันบางเรื่องที่คิดจะทำกับเรา”
“คุยกันบางเรื่องเกี่ยวกับการจัดการกับเรา หรือว่าพวกเขาปรึกษากันว่าจะฆ่าเราหรือไม่?” เดเลียกล่าว นอกจากนี้ เดเลียคิดเรื่องอื่นไม่ออก
เดเลียและบีบีค่อนข้างกังวล
ที่สำคัญ ชีวิตของพวกเขาอยู่ในเงื้อมมือคนอื่นในตอนนี้ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ฆ่าพวกเขาชั่วคราว นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยินยอมปล่อยจริงๆ เทียบกับเดเลียและบีบีแล้ว ลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจอยู่บ้าง ความมั่นใจที่มาจากหยดพลังมหาเทพสองหยด”
“ถ้าเราถูกคุกคามเอาชีวิตจริงๆ แม้ว่าข้าไม่อาจทนเสียมันไปได้ ข้าก็จะใช้หยดพลังมหาเทพหนึ่งหยด” ลินลี่ย์พูดกับตนเองเบาๆ
เขาเตรียมตัวเองพร้อมแล้ว
ขณะที่แมกมาทองเปิดช่องให้ ลินลี่ย์พูดขึ้น “ออกไปกันเถอะ” ทันใดนั้นกลุ่มของลินลี่ย์บินออกมาจากบ่อแมกมาทองและยืนบนพื้นราบของถ้ำ เวลานี้กลุ่มของลินลี่ย์พบว่าหุบเขาขนาดใหญ่เปิดออกแล้วปรากฏหน้าผาทั้งสองด้านนำออกไปสู่โลกภายนอก
หุบเขานี้คือเส้นทางที่ซาโลมอนและนีซจากไปนั่นเอง
กลุ่มของลินลี่ย์ไม่หนี ถ้าฝ่ายตรงข้ามต้องการฆ่า พวกเขามีความสามารถไม่เพียงพอสำหรับการหลบหนี
“ท่านเอลควินขอบคุณท่านที่แสดงความกรุณาต่อพวกเราทั้งสาม” ลินลี่ย์คำนับเล็กน้อยและกล่าวตามมารยาท
เอลควินสะดุ้งเล็กน้อยและจากนั้นหัวเราะอย่างเก้อเขิน “เจ้าคนที่ชื่อลินลี่ย์นี้ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ สิ่งแรกที่เขาทำคือขอบคุณข้า ถ้าข้าเป็นคนที่เห็นแก่หน้าตัวเองคงเป็นเรื่องลำบากที่จะฆ่าเขาหลังจากนั้น เดี๋ยวก่อน... ข้าไม่ต้องฆ่าเขาก็ได้”เอลควินอดหันไปสบตาอินนิโกไม่ได้
ฆ่าบีบี ชิงอาวุธประกายเทพ?
“ถ้าสมองของข้ามีปัญหา ข้าคงทำอย่างนั้นแน่!” เอลควินหัวเราะในใจ
ความจริง ถ้าเขาฆ่าบีบี เบรุตอาจไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าก็ได้
แต่...ถ้าเบรุตโกรธจริงๆแล้วเริ่มตามสืบดูและใช้อิทธิพลของเขาทั้งหมด ในที่สุดก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปกปิดไว้ว่าใครคือฆาตกร เมื่อถึงเวลาหนึ่ง เขาเอลควินก็อาจเสียชีวิตได้
“อาวุธประกายเทพชิ้นเดียว แม้ว่าข้าจะได้ครอบครองจริงๆ ข้าคงไม่กล้าใช้มันด้วยตัวเอง ถ้าข้าใช้มันก็คงไม่ดีและเท่ากับยอมรับว่าข้าเป็นฆาตกรไม่ใช่หรือ? ต่อให้ข้าขาย ข้าคงขายทำเงินได้ อาวุธประกายเทพไม่มีมีราคาเท่ากับพลังมหาเทพเป็นการค้าแลกเปลี่ยนที่แย่ที่ทำให้ข้าต้องเสียชีวิต เพราะทำเงินได้เล็กน้อย”
การคิดคำนวณของเอลควินค่อนข้างชัดเจน
เมื่อเขาต้องการฆ่าซาโลมอน เขาไม่กลัว ที่สำคัญ ซาโลมอนเองใช้ทรัพย์สินตระกูลบอยด์เพื่อทำให้ไอเคนโปรดปรานและช่วยทำให้เขา นี่หมายความว่าไอเคนไม่ได้ใส่ใจซาโลมอนเท่าใดนัก ถ้าไอเคนยอมกลั่นพลังมหาเทพให้ซาโลมอนโดยไม่เรียกอะไรแลกเปลี่ยนนั่นหมายความว่าไอเคนให้คุณค่ากับเขาสูงส่ง
“ฆ่าซาโลมอนยังไม่มีอะไร แต่ถ้าฆ่าบีบี... แม้ว่าโอกาสจะต่ำ แต่ถ้าข้าถูกตรวจพบเจอจริงๆ ข้าตายแน่” เอลควินไม่อยากเผชิญความโกรธของเบรุต
“ท่านเอลควิน” อินนิโกเตือนและแมวน้อยสีทองในอ้อมแขนกระดิกหางเบาๆ
ลินลี่ย์ยังคงระมัดระวังตัวอย่างมาก ตอนนี้เขาดึงหยดพลังมหาเทพเข้ามาในตัว“ข้าหวังว่าท่านจะไม่บังคับให้ข้าต้องสูญเสียหยดพลังมหาเทพนี้ลินลี่ย์พึมพำกับตนเอง
เอลควินอาจเห็นแก่สมบัติไปบ้าง แต่สมบัติเหล่านั้นจะเทียบกับพลังมหาเทพได้อย่างไร? แม้ว่าสมบัติของตระกูลบอยด์ก็ยังมีคุณค่าน้อยกว่าหยดพลังของมหาเทพ
เอลควินชำเลืองมองอินนิโกอย่างเย็นชาจากนั้นหันไปมองกลุ่มของลินลี่ย์แล้วหัวเราะ “ลินลี่ย์กับบีบีใช่ไหม?” หน้าของเอลควินมีรอยยิ้มที่ยากจะปรากฏ “ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกเจ้าทั้งสามต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ พวกเจ้าทั้งสามไปได้แล้ว”
อินนิโกมีอาการอึดอัด
แมวน้อยสีทองในอ้อมแขนของเอลควินเงยหน้ามองเจ้านายของมันเช่นกัน
“ท่านเอลควิน?” อินนิโกรีบกล่าว
“หืม?” เจ้ามีข้อคัดค้านหรือ?“ เอลควินมองดูเขา อินนิโกต้องฝืนยิ้มและกล่าว”ไม่มีข้อคัดค้าน“ ในใจของเขาเขาสบถอย่างไม่พอใจ ”การเดินทางครั้งนี้ ข้าสิ้นเปลืองสมบัติเกินกว่าหมื่นล้านและต้องเสียบริวารไปอีกหลายคน แต่ข้าไม่ได้อะไรกลับมาเลย เจ้าบัดซบเหล่านี้พวกมันสมควรตาย พวกมันสมควรตายกันหมด!!!”
อินนิโกต้องการระบายความโกรธกับกลุ่มของลินลี่ย์ แต่โชคร้ายเมื่ออยู่ต่อหน้าของเอลควินเขาไม่กล้าทำ
ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีมีความสุขและดีใจ
“อย่างนั้นเราต้องขอบคุณท่านเอลควินจากใจจริง” ลินลี่ย์รีบกล่าว
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ระวังตัวในการเดินทางให้ดีๆก็แล้วกัน” เอลควินยิ้มอย่างจริงใจเนื่องจากเขาต้องการแสดงความเป็นมิตร นี่คือวิถีที่บางคนต้องทำอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่รุกรานท่าน พวกเขาก็จะแสดงความเป็นมิตรต่อท่าน แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจฆ่าท่านเพื่อชิงสมบัติ พวกเขาจะไม่มีความเมตตาให้เลย
ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีมองหน้ากัน
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์หัวเราะ
เขาไม่ต้องสูญเสียหยดพลังมหาเทพนั่นทำให้ลินลี่ย์มีความสุขเป็นธรรมดา
ขณะที่ลินลี่ย์ เดเลีย และบีบีกำลังจะบินออกไป ทันใดนั้น... “ฉัวะ!” เงากระบี่ดำเล่มหนึ่งเฉียดผ่านลินลี่ย์ไป ระลอกในอกาศที่สร้างโดยเงากระบี่นี้อย่างเดียวก็ทำให้เกล็ดมังกรของลินลี่ย์เปล่งเสียงได้
“อะไรกันนี่?” ลินลี่ย์สะดุ้งตกใจ
กลุ่มของลินลี่ย์ชะงักและมองดูด้านข้างทันที ต่อหน้าพวกเขาปรากฏช่องอุโมงค์ขึ้นซึ่งแยกเปิดออกโดยเงากระบี่นี้ บุรุษคนหนึ่งสีหน้ากระด้างเย็นชาอยู่ในชุดยาวกวัดแกว่งกระบี่ยาวพุ่งออกมากลับเป็นอสูรหกดาวที่หายไปนาน แลร์มองต์!
แลร์มองต์พบกลุ่มของลินลี่ย์ทันที ขณะเดียวกันเขาก้มศีรษะดูข้างล่างเห็นอินนิโกและเอลควินยืนอยู่กับที่
“คนอื่นเล่า?” แลร์มองต์ถามลินลี่ย์
“ตายหมด” ลินลี่ย์ตอบทันที
แลร์มองต์ส่ายศีรษะเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่ากลุ่มของลินลี่ย์ยังมีชีวิตแลร์มองต์ยังปรากฏแววดีใจ ที่สำคัญการเดินทางจบแล้วการเพียรพยายามฝึกฝนหนักของลินลี่ย์และการแสดงออกของเขาทำให้แลร์มองต์รู้สึกชื่นชมเขา
“ควั่บ!” แลร์มองต์บินลงมาทันที
กลุ่มของลินลี่ย์แค่บินขึ้นไประยะห่างระหว่างพวกเขาและถ้ำข้างล่างราวๆ สิบเมตรพวกเขาสามารถเห็นทุกอย่างภายในถ้ำชัดเจน
“พี่ใหญ่ ลองดูกันก่อน” บีบีกล่าว ลินลี่ย์กับเดเลียไม่เร่งรีบจากไปเหมือนกัน ที่สำคัญทั้งสองฝ่ายไม่สนใจฆ่าพวกเขาอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่อยู่ดูเล่า?
“เป็นเจ้าเองหรือ?” แลร์มองต์ขมวดคิ้วขณะดูอินนิโก
เห็นได้ชัดว่าแลร์มองต์จำได้ว่าเคยเห็นอินนิโกมาแล้วในการต่อสู้กันที่ปราสาททราย
อินนิโกเมื่อเห็นแลร์มองต์ อดเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาจำได้ว่าเอลควินอยู่ข้างตัวเขา เขาฝืนยิ้ม “อินนิโกขอคารวะท่านแลร์มองต์”
“ฟูโซ่!” เอลควินคำรามใส่อย่างไม่พอใจ
“เมี้ยว, นายท่านเขามีพลังแข็งแกร่งมาก เขาสามารถผ่าผนังหินได้อย่างง่ายดาย ข้าทำในสิ่งที่ต้องทำแล้วเพื่อให้เขาหลงทาง แต่เขาก็ยังมาทางนี้จนได้” แมวน้อยทองพูดเบาๆ ด้วยเสียงที่เสียใจ
แลร์มองต์หันไปมองเอลควิน “ข้าแลร์มองต์ ขอถาม..ท่านคือใคร?”
“เอลควิน” เอลควินพูดอย่างใจเย็น เขาไม่ถือสาแลร์มองต์ แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเรื่องความแข็งแกร่งของแลร์มองต์จากอินนิโกมาก่อน
“เอลควิน?” แลร์มองตาเป็นประกาย “ท่านคืออดีตอสูรเจ็ดดาว เอลควินใช่หรือไม่?” แลร์มองต์รู้จักชื่อของยอดฝีมือในแดนสวรรค์บางส่วน
“โอว, เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?” เอลควินเลิกคิ้ว
ตาของแลร์มองต์ฉายประกายและทั้งตัวของเขาเปล่งกลิ่นอายพร้อมรบ เขาพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน “ข้า แลร์มองต์ เป็นอสูรหกดาวสิ่งที่ข้าปรารถนาที่สุดก็คือการท้าทายอสูรเจ็ดดาวสู้”
เอลควินอดหงุดหงิดไม่ได้ ในแดนนรกมีกลุ่มคนที่รักชอบการต่อสู้จริงๆ! พวกเขาชอบการท้าทายยอดฝีมือ เอลควินเกลียดคนประเภทนี้มาก เพราะคนแบบนี้ยากจะจัดการด้วย อย่างไรก็ตาม แลร์มองต์ผู้นี้เป็นคนประเภทนี้ชัดเจน
“วันนี้,ข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าไม่ต้องการสู้อีกต่อไปแล้ว ไสหัวไปให้พ้น” เอลควินกล่าว
“ได้พบกับอสูรเจ็ดดาวเป็นเรื่องยาก แล้วข้าจะไม่ฉวยโอกาสเช่นนี้ได้ยังไง?” แลร์มองต์หัวเราะ “ที่อยู่ข้างๆท่านมีอินนิโกที่มุ่งมั่นไล่โจมตีทำร้ายเรา ตั้งแต่ข้าเป็นอสูรหกดาวมา ข้ายังไม่เคยทำภารกิจล้มเหลวมาก่อน”
ทันทีที่เขาพูด...
“ควั่บ!”
รังสีกระบี่เทาที่น่าทึ่งปรากฏขึ้นทันทีเฉียดผ่านร่างเอลควิน อินนิโกตกใจและรีบถอยด้วยความเร็วสูงทันทีพร้อมกับชักกระบี่ยืดหยุ่นออกมาถือไว้ในมือ
“แคล้ง!” พลังกระบี่และกระบี่อ่อนตัดกัน
หน้าของอินนิโกพลันซีดลง และจากนั้นทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้พลัง
เขาตายทันที!
ตาของอินนิโกเต็มไปด้วยแววไม่ยินยอม
“วิชากระบี่นั้นอีกแล้ว!”
ลินลี่ย์ลอบมองจากด้านบน รู้สึกใจสั่นสะท้าน “ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแลร์มองต์สามารถฆ่าเทพชั้นสูงมากกว่าสิบคนด้วยกระบี่นี้ แม้แต่อินนิโกนี้ก็ไม่สามารถต้านทานกระบี่นี้ได้ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน” แม้ลินลี่ย์จะเคยเห็นพลังกระบี่โจมตีนี้มามากกว่าครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ยังรู้สึกทึ่ง ตกใจกลัว
ภายในถ้ำ
“เจ้าทำลายวิญญาณทั้งสองของเขาด้วยการโจมตีกระบี่เดียวหรือ?” เอลควินตกใจเล็กน้อย
แลร์มองต์ยิ้มขณะควงกระบี่ยาว “เอลควิน ข้า..แลร์มองต์ อสูรหกดาววันนี้ขอท้าสู้กับท่านอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ตาม” ความฝันของแลร์มองต์ก็คือท้าทายเทพอสูร แต่เขารู้ว่าระดับพลังปัจจุบันของเขายังไม่อยู่ในระดับนั้น
เอลควินแค่นเสียงเย็นชา “วิถีทำลายล้างของเจ้าถึงระดับที่น่าประทับใจแน่นอน แต่เจ้าคิดหรือว่าแค่อาศัยพลังเพียงแค่นั้น เจ้าจะเอาชนะข้าได้?”
เอลควินกำลังอารมณ์เสีย!
เขาเสียสละไปมาก แต่เขาได้แต่มองซาโลมอนจากไปไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือเขา..เอลควินตั้งใจรับพลังโจมตีของสุดยอดของบีบี ทำให้ต้องสูญเสียสมบัติเทพชั้นสูง! สมบัติเทพชั้นสูงซึ่งเหมาะกับเขาและเขาต้องหล่อเลี้ยงบำรุงมาหลายปี
สมบัติเทพอย่างนั้นถูกทำลาย และตอนนี้ยังมีคนมาท้าทายเขา เอลควินจะไม่โกรธได้ยังไง?
“หรือว่าท่านเอลควินจะสูญเสียความหาญกล้าไปแล้ว?” แลร์มองต์เงยหน้าเล็กน้อย
“ฮึ่ม”เอลควินมีความโกรธอัดแน่นอยู่เต็มอกในที่สุดก็หมดความอดกลั้น แค่เพียงพลิกมือ แส้ดำยาวก็ปรากฏในมือเขา ยอดฝีมือโดยทั่วไปจะไม่มีอาวุธเทพแค่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่นลินลี่ย์เองก็มีกระบี่เลือดม่วงและดาบหนักอดาแมนเทียมเช่นกัน เอลควินนี้ย่อมมีสมบัติเทพอื่นซึ่งเหมาะกับการใช้ด้วยเช่นกัน
“เมื่อเจ้ายืนยันต้องการหาที่ตาย อย่างนั้นข้าจะส่งเจ้าไปตายเอง!” ในที่สุดเอลควินก็ระบายความโกรธออกมาจนได้
“ฮ่าฮ่า...”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วแลร์มองต์เริ่มหัวเราะลั่นด้วยความตื่นเต้น “เอลควิน สถานที่นี้แคบเกินไป เอาอย่างนี้เป็นไงเราไปหาที่อื่นสู้กันดีไหม?”
“ได้” เอลควินแค่นเสียงตอบรับ
ทันใดนั้น...
แลร์มองต์และเอลควินบินออกไปตามแนวรอยแยกภูเขาผ่านลินลี่ย์และพวกอีกสองคนไปและไปปรากฏอยู่ที่เส้นขอบฟ้า คนหนึ่งเป็นอสูรหกดาว อีกคนหนึ่งเป็นอสูรเจ็ดดาว วันนี้จะเกิดการต่อสู้ที่แท้จริง
จากด้านล่าง ลินลี่ย์และกลุ่มตั้งใจมองดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งลินลี่ย์ถึงกับตาเป็นประกาย
การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ เขาจะยอมพลาดได้ยังไง?