ตอนที่ 15 : อดีต
ทไวเซอร์ไม่พอใจกับการผูกเขาอีกแล้ว เขาถอดปลอกคอและยั่วยุให้เทียนหลงหนี
แต่ละครั้งที่เทียนหลงพยายามหนี แม้ว่าจะใช้ความรู้ที่ได้มาจากอินเทอร์เน็ต เขาก็ทำพลาดและโดนทำร้ายอย่างรุนแรงและถูกพาตัวกลับมาเหมืนกับหมาที่สะบักสะบอม
ทไวเซอร์ดีใจทุกครั้งราวกับว่าเขามีความสุขกับการล่า
ซึ่งที่จริงแล้ว เขามักจะสร้างแรงกระตุ้นให้เทียนหลงหนีอยู่เป็นระยะ ๆ
หลังจากความพยายามหนีที่ล้มเหลวหลายครั้ง เทียนหลงก็รู้ตัวแล้วว่ามันเป็นเพียงแค่คำโกหกและกับดัก
=====
สี่ปีผ่านไปในที่สุด
เทียนหลงนั่งอยู่ข้างคอมพิวเตอร์
“เจ้าโง่ ถึงเวลาแล้ว”
เสียงดังมาจากนอกประตู
ทไวเซอร์เข้ามาในห้องและเริ่มทุบตีเขาอีกครั้งราวกับว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำในทุกวัน
‘ทำไมเจ้าโง่นี่ถึงทำร้ายเราไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย? มันเหมือนกับการช่วยตัวเองรึไง?’
เทียนหลงคิดเรื่อยไปขณะที่ถูกทำร้าย แต่เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว การโดนทำร้ายเช่นนี้เหมือนกับเรื่องปกติของเขาไปแล้ว
ดาวิสในตอนนี้เชื่อมโยงความรู้สึกกับเทียนหลงได้มากกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด มันรุกล้ำเขาเข้ามาทีละน้อย
เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไรและรู้สึกเหมือนกับที่เทียนหลงรู้สึก ในสายตาเขามีเพียงแต่จิตสังหาร เขาเริ่มเกลียดชังโลกเหมือนกับเทียนหลง เขาโทษทุกคนบนโลกนี้
หลังจากทำร้ายเทียนหลงแล้วทไวเซอร์ก็เหลือบมองคอมพิวเตอร์
“ฮ่าฮ่าฮ่า นิยายจีน? กำลังภายในเรอะ? แกเสพติดเรื่องพวกนี้สินะ?”
เทียนหลงเพียงแค่เงียบ
ทไวเซอร์ยิ้มราวกับคิดอะไรได้
“แกอยากจะไปโลกแฟนตาซีรึเปล่าล่ะ?”
ทไวเซอร์ถามอย่างเป็นปริศนา
ในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวในตาเทียนหลง เขามองทไวเซอร์แต่ก็ละสายตาไป
เทียนหลงรู้ตัวทันทีว่าเขากำลังถูกเล่นอยู่ แต่เขารู้สึกว่าโลกอื่นนอกเหนือจากโลกใบนี้ย่อมดีกว่าที่เป็นอยู่ ลึกในดวงตาเขารู้สึกว่าอยากจะหนีไปจากหลุมนรกนี้ให้ได้
แต่เขาไม่กล้าที่จะหนีอีกแล้วหลังจากความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน
ทไวเซอร์รู้ว่าเขาเรียกร้องความสนใจได้สำเร็จ เขารีบพูด
“ชั้นจะบอกอะไรดี ๆ กับแกให้”
ทไวเซอร์มั่นใจว่าแผนของเขาได้ผล
“เคยได้ยินเรื่องศิลาข้ามโลกไหม? หึหึ แกอาจจะยังไม่รู้ แต่ชั้นใช้แหล่งข้อมูลตามหามันได้เร็ว ๆ นี้เอง…”
ดาวิสที่ยืนดูเหมือนกับผู้ชมดูสับสน เขาคิดว่าเขานึกบางอย่างได้แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไร
ทไวเซอร์เรียกแผนที่โลกที่ทำเครื่องหมายไว้สองสถานที่
“หึหึ เห็นที่จุดไว้ไหม? จุดแรกเป็นตำแหน่งศิลาข้ามโลก ด้วยอีกที่คือค่ายกลที่เชื่อมโยงกับโลกอีกใบ…”
ทไวเซอร์ยิ้มอย่างลึกล้ำ
เทียนหลงมองเขาอย่างกังขา
“โอ้ ไม่เอาน่า ชั้นเคยโกหกแกงั้นเหรอ?”
ใช่ ทไวเซอร์ไม่เคยโกหกแม้สักครั้งยกเว้นแต่เรื่องที่อ้างว่ารู้จักพ่อแม่ของเขา แต่ที่เขาพูดว่าไม่โกหกนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องจริง
“ที่แกต้องทำก็แค่ไปหาศิลาข้ามโลกและเดินทางไปที่ค่ายกลที่วัดหนึ่งแอบคุ้มครองเอาไว้”
“ชั้นทิ้งโอกาสนี้ให้แกเชียวนะ!”
ทไวเซอร์ยิ้มอย่างห่วงใย แต่ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายทันที
“แต่แกคิดว่าแกจะหนีไปจากชั้นได้งั้นเหรอ?”
เทียนหลงทำเหมือนกับกำลังใช้ความคิด แต่เขารู้ว่ามันเป็นการรนหาที่ตายถ้าเขาออกไป
ทไวเซอร์คิดว่าเขาปลุกความคิดให้เทียนหลงหนีสำเร็จ เพราะเทียนหลงหยุดหนีมานานแล้ว
======
หลังจากหกเดือน เทียนหลงยังคงไม่แสดงท่าทีว่าจะหนี
นี่มันให้ทไวเซอร์โกรธมากและเริ่มซัดเทียนหลงไปทั่วเหมือนกับลูกบอล
เทียนหลงยิ่งอดทนต่อการทำร้ายร่างกายได้มากขึ้นส่วนจิตสังหารในดวงตาก็แทบจะทะลักออกมา
ทไวเซอร์มองเห็นจิตสังหารและมันยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นและสนุกสนานกว่าเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันนี้ทำให้เทียนหลงรับรู้ถึงมันด้วยความเจ็บปวด และบางทีชีวิตของเขาก็อาจจะจบลงไปแบบนี้…
======
อีกหกเดือนผ่านไป
ยามรุ่งสาง
เทียนหลงจ้องมองนอกหน้าต่าง เขาปรารถนาที่จะหนีไปจากนรกนี้แต่ก็ไม่กล้าทำ
ในตอนที่เทียนหลงจ้องมองด้านนอกอยู่นั้นเอง เขาก็เห็นหนังสือเล่มหนึ่งหล่นลงมาจากฟ้า เขาตกใจและในขณะเดียวกันก็มิอาจเชื่อสายตา
เขาแทบจะมั่นใจว่าเขาเริ่มเห็นภาพหลอน
เขาส่ายหน้า ขยี้ตา แต่ยังคงมองเห็นมันอยู่
หนังสือตกลงมาจากฟ้าไปหล่นที่หลังต้นไม้ใกล้กับสวนไม่ไกลจากหน้าต่างนัก
เทียนหลงมั่นใจว่าเขากำลังเห็นภาพหลอน แต่เมือ่มันหล่นอยู่หลังต้นไม้จากที่เขาเห็น เขาก็ไม่มีทางยืนยันนอกจากไปด้วยตัวเอง
เขามีความสงสัยอย่างแรงกล้าและสัญชาตญาณก็บอกให้เขาออกไปดู นี่เป็นเรื่องลึกลับเดียวที่ชีวิตอันเลวร้ายของเขาได้เจอและทำให้เขาสนใจมากขนาดนี้
‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้าการ์ดเจอตัวเรานะ? แค่ทุบตีและทไวเซอร์จะรู้เรื่องนี้…’
เทียนหลงปลอบตัวเอง
เขากระโดดออกนอกหน้าต่างปีนลงไป โชคดีที่ไม่มีการ์ดมองเห็นเขากระโดดออกมาจากแมนชัน ดังนั้นการ์ดจึงไม่ได้ออกมาตามเขาในทันที
เทียนหลงไม่ได้พยายามหนีมานานมากแล้วซึ่งทำให้พวกการ์ดประมาท การ์ดที่ตั้งใจทำงานก็เห็นจะมีแต่การ์ดที่อยู่ตรงประตู
อันที่จริง ทไวเซอร์ได้นำการ์ดที่จับตาดูหน้าต่างของเทียนหลงออกไปแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อหวังว่าหมาที่เขาเลี้ยงไว้อาจพยายามหนีในสักวันหนึ่ง
เทียนหลงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแต่เงียบเชียบไปที่ต้นไม้ เมื่อถึงหลังต้นไม้เขาก็ตกใจที่เห็นหนังสือตกอยู่ตรงนั้น
“บันทึกมรณะ?”
เมื่อเทียนหลงได้เห็นตัวอักษรบนปก เขาก็หยิบมันมาซ่อนไว้ในเสื้อทันที
เขารีบกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่ากล้องวงจรปิดได้บันทึกการเคลื่อนไหวของเขาจากหน้าต่างไปแล้วแต่เขาก็ไม่สนใจ ทุกคนก็แค่คิดว่าเขายอมแพ้และกลับมาเอง
ในห้อง เทียนหลงมองหนังสือ หนังสือเขียนอธิบายกฎเกณฑ์มากมายและเขารู้สึกว่ามันน่าสนใจ เขาไม่มีอะไรทำนอกจากเล่นคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว เขาตัดสินใจที่จะลองดูเมื่อทไวเซอร์กลับมา
ตัวเขานั้นหวังว่ามันจะได้ผล เพราะสภาพจิตใจที่ทรุดโทรมเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้น ดาวิสที่มองทุกสิ่งทุกอย่างตลอดมาปรารถนาจะฆ่าทไวเซอร์ให้ได้ และเขาก็ค่อย ๆ พังทลายอย่างช้า ๆ
======
หลังจากการรอคอยอย่างยาวนานสามวัน เทียนหลงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เขาเกลียดชังดังมาจากนอกประตู เขาเขียนชื่อทไวเซอร์ลงในหนังสือและซ่อนมันไว้ข้างหลังคอมพิวเตอร์และเริ่มนับ
‘สิบ…’
ประตูเปิด และทไวเซอร์ก็เดินวางมาดเข้ามา
“เจ้าโง่ ได้ยินว่าแกลองหนีแต่ก็ยอมแพ้งั้นเรอะ?”
เทียนหลงเพียงแค่ยิ้ม
‘ยี่สิบ…’
“แกยอมรับสินะ? ดีมาก ชั้นจะได้ไม่ลงโทษแกหนัก”
เสียงกระดูกลั่นดังมาจากกำปั้นของทไวเซอร์เมื่อเขายืดมือ
‘สามสิบ…’
ทไวเซอร์ซัดหมัดออกมาและเริ่มทุบตี เทียนหลงเพียงแค่ยิ้มให้เหมือนกับคนโง่ซึ่งทำให้ทไวเซอร์รู้สึกไม่สบายใจด้วยเหตุผลบางประการ
‘เจ้าเด็กนี่เสียสติไปแล้วรึไง? หรือมันวางแผนอะไรอยู่? หึ ก็เข้ามาเซ่!’
ทไวเซอร์คิดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“สี่สิบ…สี่สิบสอง…สี่สิบสี่”
เทียนหลงเริ่มพูดด้วยปาก
“นับบ้าอะไรของแก? จำนวนหมัดของชั้นเรอะ?”
เสียงพูดทำให้ทไวเซอร์รู้สึกอึดอัดยังกว่าเดิม
“สี่สิบห้า! ตายซะไอ้สารเลว!”
หัวใจทไวเซอร์หยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาตกใจที่จู่ ๆ สัตว์เลี้ยงของเขาก็ตะโกนออกมา
ในช่วงเวลาที่เงียบเชียบ เขาตั้งสติ
“ตาย? แล้วแกจะทำให้ชั้นตายยังไง? เจ้าโง่?”