ตอนที่ 14 : ชิงชัง
ดาวิสใบหน้าไม่สู้ดีนัก
เขาหันกลับไปและเห็นเพียงแค่ตัวเองในอดีตผู้เป็นเทียนหลงที่โดนเข็มขัดฟาด ดาวิสพยายามโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไร้ผล
“หยุดตีนะ!”
ดาวิสตะโกนด้วยความโกรธแค้นบนใบหน้า
เขายืนหน้าเทียนหลงและกำบังให้ แต่มันก็ไร้ผลอีกครั้ง เข็มขัดทะลุผ่านตัวเขาไปฟาดหน้าเทียนหลง
*เพี๊ยะ!*
“อ๊ากกก! ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย! ใครก็ได้!”
เทียนหลงน้อยอ้อนวอนเสียงดัง
“แกนี่มันสนุกจริง ๆ นี่มันแมนชันส่วนตัวของชั้น ไม่มีใครกล้าเข้ามาถ้าชั้นไม่อนุญาต อ๋อ? การ์ดที่ประตูเรอะ? พวกมันก็แค่ไม่รู้ไม่ชี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตพวกมันก็น่าสมเพชพอกัน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ชายวัยกลางคนหัวเราะอีกครั้ง เขาสนุกสนานในการไล่ต้อนเด็กคนหนึ่งอย่างชัดเจน
เขาแสยะยิ้มและชี้ที่ตัวเขาด้วยนิ้วโป้งมือขวา
“ชั้นชื่อทไวเซอร์ แต่แกเรียกได้ว่าพ่อเท่านั้น หึหึ คนเรียกชั้นว่าทไวเซอร์เพราะคิดว่าชั้นฉลาดแล้วก็…บิดเบี้ยว”
“ปล่อยผมไปเถอะ…”
เทียนหลงอ้อนวอนอีกครั้งด้วยเสียงรวยรินราวกับจะหมดลมหายใจ
*ปั้ง!*
“เรียกว่าพ่อเซ่!”
การทารุณกรรมรุนแรงขึ้นขณะที่เทียนหลงไม่คิดจะยอมแพ้
ในฐานะเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในชุมชนแออัด เขาไม่เคยเจอพ่อและแม่ของตัวเอง เขามีที่พิเศษให้พ่อและแม่ในใจเขา
เขาที่เป็นเด็กนั้นปรารถนาหลายครั้งที่พ่อและแม่ของเขาจะมารับเขาออกไปจากชุมชนแออัด
แต่วันหนึ่ง เขาได้เจอกับชายวัยกลางคนที่อ้างว่ารู้จักพ่อแม่ของเขา เขาที่ตื่นเต้นในการจะได้เจอพ่อแม่ได้ตามชายวัยกลางคนมาอย่างไร้เดียงสาสู่สถานที่ที่เขาไม่รู้จัก เป็นแมนชันส่วนตัว เพียงเพื่อที่จะถูกทรมานและทำร้ายร่างกาย
หลังจากสิบห้านาทีซึ่งนับว่าเป็นเวลาอันยาวนานของทั้งเทียนหลงและดาวิส เทียนหลงน้อยก็ยอมแพ้และเริ่มเรียกชายวัยกลางคนว่า ‘พ่อ’
แต่สำหรับดาวิส เรื่องทั้งหมดมันคุ้นตาไปหมด สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น สิ่งที่เขาพยายามจะลืม ทั้งหมดมันได้แสดงอยู่ตรงหน้าเขา
ความชิงชังของเขาทะยานขึ้นเมื่อมองทไวเซอร์!
เขาอดทนรอที่จะฆ่ามันอีกครั้งไม่ไหว! ชายที่เคยเป็นแผลเป็นในชีวิตของเขา!
“ดี! โฮ่โฮ่ แล้วเจ้าก็เป็นหมาใช่ไหม? ยังมีของที่เจ้าขาดไปอยู่สินะ….ใช่ไหม?”
“อ๊ะ จริงด้วย ปลอกคอ จงรออยู่ตรงนี้ ห้องนี้คือกรงของแก ชั้นจะไปเอาปลอกคอ”
ทไวเซอร์ฉีกยิ้มด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยวและเดินออกจากห้อง เขาไม่คิดจะล็อคประตูด้วยซ้ำไป
ความเกลียดชังของดาวิสทะยานขึ้นอีกครั้งแม้เขาจะรู้ว่าการทารุณกรรมในวันถัดมาจะเป็นเช่นใด แต่เขาก็ได้แต่รอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสิ้นหวัง
ดาวิสพยายามตามทไวเซอร์ออกจากห้องไปขณะที่เทียนหลงนอนช้ำบาดแผลด้วยแววตามืดมน
ในตอนที่ดาวิสห่างจากเทียนหลงน้องสิบเมตร พลังประหลาดก็ขัดขวางเขาไม่ให้ออกไปจากเทียนหลง ดาวิสจึงได้รู้ว่าเขาต้องอยู่กับเทียนหลง แต่เขาไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ไปอีกนานเพียงใด
ทไวเซอร์กลับมาพร้อมกับปลอกคอในมือ รอยยิ้มของเขาเหมือนกับของที่ผุพัง
“มานี่ เจ้าโง่ ชั้นจะใส่เจ้านี่ให้แก!”
เทียนหลงไม่ขยับตัว
“ถ้าแกไม่คลานมาหาพ่อตอนนี้ แกจะได้รับความรักมากกว่านี้…”
เทียนหลงตัวสั่น เขาคลานไปตรงหน้าทไวเซอร์อย่างไร้กระจิตกระใจและก้มหน้าลง
“ฮ่าฮ่า ดีมาก สมกับเป็นแก!”
เทียนหลงในตอนนี้มีปลอกคอที่รัดคอเอาไว้ ดวงตามืนมนและเขาไม่สนใจกับคนโง่เขลาที่หัวเราะอยู่ตรงหน้า
“ไอ้สารเลว!! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ดาวิสควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไปและโจมตีทไวเซอร์อีกครั้ง แต่มันก็ไร้ประโยชน์อย่างที่คาด
======
หนึ่งปีผ่านไป
ตั้งแต่แรก ดาวิสไม่มีทางจะติดต่อคนบนโลกนี้ได้และมันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
เทียนหลงน้อยถูกขังอยู่ในแมนชันอย่างไม่มีทางหนี ทุกสัปดาห์เขาต้องถูกทรมานจนกระทั่งปางตาย
ทีแรก เทียนหลงทำแค่อ้อนวอนไม่ให้ถูกทำร้ายหรือทรมาน หลังผ่านไปหนึ่งเดือน เขาเริ่มที่จะทนได้โดยไม่ตะโกนแต่ดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้ทไวเซอร์ตื่นเต้นมากขึ้น เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตะโกนอย่างทุกข์ทรมานเพื่อเอาใจ
ดาวิสมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้ว่าเขาเป็นคนที่โง่เขลาเพียงใดในตอนนั้นที่เป็นเด็กไม่รู้ประสา เขารู้แล้วในตอนนี้เมื่อได้เห็นเหตุการณ์เดิม เห็นได้ชัดว่าเขาถูกใช้จิตวิทยาย้อนกลับ
บางที เขาน่าจะอดทนโดยไม่แสดงความเจ็บปวดออกมา แต่นั่นอาจจะทำให้อันตรายยิ่งกว่าเพราะเขาจะเสียสถานะ ‘หมา’ ไปและถูกยิงตายฝังใต้สวนหญ้าข้างนอก
ดาวิสขบริมฝีปากด้วยความหงุดหงิดโกรธแค้น
แมนชันนี้ไม่ต่างอะไรไปจากแมนชันหรรษาของปีศาจ
ความอยากหนีปะทุในสมองเทียนหลง แต่เขาไม่มีทางเพราะเขาถูกล่ามด้วยปลอกคอ เชือกที่ติดกับปลอกคอนั้นยาวและมันอยู่กลางห้อง เขาไม่มีทางใดแม้แต่จะกระโดดออกนอกหน้าต่าง
ดาวิสเจ็บใจในทุกครั้งที่มองตัวเองถูกทรมาน และสุดท้ายมันก็กลายเป็นความไม่แยแส เขายังคงย้ำเตือนตัวเองว่ามันเป็นแค่ภาพลวง
หลังจากห้าเดือน เทียนหลงน้อยก็เหลืออด ความคิดสังหารทไวเซอร์อยู่ในจิตใจเต็มไปหมด เขาเริ่มที่จะโต้ตอบทไวเซอร์ด้วยตัวเอง แต่ทไวเซอร์ก็ยิ่งตื่นเต้นเมื่อสัตว์เลี้ยงของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่อยากจะฆ่าเขา
ผลที่ได้คือเทียนหลงมีร่างเต็มไปด้วยบาดแผลอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย การตอบโต้ครั้งแรกนั้นจบลงด้วยความล้มเหลว
เขาในตอนนี้รู้แล้วว่าทไวเซอร์นั้นแข็งแกร่งมาก จากมุมมองของเขา…
ดาวิสรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพราะเขาและเทียนหลงคือคนเดียวกัน
เขามีแต่ความเกลียดชังต่อทไวเซอร์ในตอนนั้น แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขารู้สึกขอบคุณก็คือเทียนหลงน้อยมิได้ถูกคุกคามทางเพศ ไอ้คลั่งทไวเซอร์นั้นเป็นแค่คนวิกลจริตที่ตื่นเต้นจากการทำร้ายผู้คน แต่ตัวเขาในตอนนี้รู้แล้วว่าเหตุใดเขาถึงถูกคนเสียสตินี้จับมา
ถึงอย่างนั้นเทียนหลงน้อยผู้น่าสงสัยก็ไม่รู้ว่าเขาตกเป็นเป้าการทรมานด้วยเหตุใด ดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ไร้มลทินเริ่มที่จะระบายเฉดสีแห่งความชิงชังกับโลกทั้งใบ
หลังจากปีนั้นจบลง ทไวเซอร์รู้ว่าเทียนหลงจะทนได้อีกไม่นานถ้าเขาทำแบบนี้ต่อไป ทไวเซอร์จึงซื้อของเล่น หนังสือ และแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ส่วนตัวมาให้เขาเพื่อเป็นการทำให้ไขว้เขว
และมันก็ได้ผล เทียนหลงน้อยได้ใช้สิ่งบันเทิงเหล่านั้นขณะที่ความเกลียดชังข้างในลดน้อยลงและแม้แต่เขาเองก็รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะแหลกสลาย
======
หลังจากผ่านไปหนึ่งปี สถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
เทียนหลงถึงกับคิดว่าจะติดต่อคนจากอินเทอร์เน็ตให้มาช่วยเขาหลังจากคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์แล้ว แต่เขาก็เลิกล้มความคิดในทันทีที่นึกถึงตอนที่ทไวเซอร์พูดบางอย่างด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้ม
“ถ้าแกพยายามติดต่อใครผ่านช่องทางใดก็ตาม จงจำไว้ว่าอีกไม่นานแกและเจ้านั่นจะเป็นคนที่ตาย”
เทียนหลงรู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นและไม่กล้าที่จะติดต่อใครอีกเลย
======
สามปีผ่านไป
เทียนหลงอายุสิบห้าปีกลายเป็นวัยรุ่น เขาเริ่มที่จะแปลกแยกจากโลกใบนี้ เขามีสีหน้าไม่แยแสต่อสิ่งใดตลอดเวลา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแผลเป็นยกเว้นแต่ใบหน้า
เทียนหลงได้รับความรู้มากมายจากอินเทอร์เน็ต เขาเริ่มดูทุกอย่างที่เป็นความบันเทิง บางอย่างที่ช่วยให้เขารู้สึกว่ามีชีวิตอยู่ในหลุมนรกแห่งนี้
ดาวิสยังคงอยู่ที่นี่ เผชิญกับทุกสิ่งอีกครั้ง หลังจากใช้เวลาตั้งแต่จุดเริ่มต้นมา เขาและเทียนหลงเริ่มที่จะมีความเชื่อมโยงต่อกัน
ทุกครั้งที่เทียนหลงรู้สึกเจ็บปวดหรือรู้สึกแบบอื่น เขาเองก็จะรู้สึกเช่นกัน