ตอนที่ 11 อุจิวะอันเสื่อมทราม
การได้เห็นคนจากตระกูลเดียวกับเขา และจากกองกำลังตำรวจอุจิวะที่เขาเชื่อว่าควรจะปกป้องพลเรือนไม่ให้ทำร้ายพวกเขากลับทำร้ายเด็กๆทั้งสามต่อหน้าเขา ทำให้ซาสึเกะโกรธมาก เขาจึงเข้าไปขวางชายคนนั้นและตะโกนใส่เขาว่า "พวกนายกำลังทำบ้าอะไรน่ะ!!?"
ชายคนนั้นรู้สึกรำคาญที่มีเด็กมาตะโกนใส่เขาและกำลังจะเตะซาสึเกะออกไป แต่เมื่อเขาเห็นหน้าซาสึเกะ เขาก็ตัวแข็งทื่อเพราะเขาจำได้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายคนสุดท้องของหัวหน้าตระกูลอุจิวะและน้องชายคนเล็กของอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน อุจิวะ อิทาจิ
ใบหน้าของชายคนนั้นถอดสีอย่างมาก เขาอาจถูกลงโทษซาสึเกะหากรายงานเรื่องนี้กับ ฟุงาคุ โดยตรง 'อะไรกัน ซาสึเกะมาทำอะไรที่นี่?' เขาคิดก่อนที่จะพูดอย่างประหม่า "ฉันแค่สอนบทเรียนให้พวกเด็กนี่ เพื่อให้พวกเขาประพฤติตัวอย่างถูกต้องในครั้งหน้าแค่นั้นเอง"
ซาสึเกะไม่เชื่อและตะโกนถามอีกครั้ง "พวกนายเป็นสมาชิกของกองกำลังตำรวจอุจิวะ พวกนายควรจะช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ใช่ไปทำร้ายพวกเขาทั้งๆที่เด็กคนนี้ชนนายโดยไม่ตั้งใจ!"
บาโคริโอ้สังเกตเห็นว่าชายคนนั้นเริ่มรำคาญที่ซาสึเกะตะโกนใส่เขาแต่เขาก็ทำได้แค่เงียบเพราะรู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ ส่วนคนที่อยู่รอบๆก็ดูเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่แรกโดยไม่มีใครช่วยอะไรเด็กๆเลย
ชายคนนั้นสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว และดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นชั่วขณะหลังจากจำอายุของซาสึเกะได้ ดังนั้นเขาจึงแสดงสีหน้าขอโทษและโค้งคำนับซาสึเกะพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เสียใจว่า "ฉันขอโทษจริงๆ ฉันจะไม่ทำอีก คราวนี้ช่วยปล่อยพวกฉันไปเถอะนะซาสึเกะคุง”
ซาสึเกะอายุเพียง 5 ขวบและไม่มีประสบการณ์ทางสังคม ทำให้เขารู้สึกอายที่ผู้ใหญ่คนนี้โค้งคำนับและขอโทษเขา ส่งผลให้เขาตอบกลับด้วยการตะคอกและพูดว่า "ฮึ ถ้าฉันเห็นพวกนายรังแกใครอีก ฉันจะบอกพ่อและพี่ชายของฉัน"
ชายคนนั้นผงกหัวและขอบคุณซาสึเกะ ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งหนีไป
บาโคริโอ้ไม่ได้เข้าไปยุ่งตั้งเรื่องนี้แต่ต้นจนจบ เขาเพียงแค่มองอย่างเย็นชาในขณะที่คิดในใจ 'ตระกูลอุจิวะก็มีสมาชิกในตรกูลที่เน่าเฟะมากมายเช่นกัน ไม่ว่าพฤติกรรมหยิ่งยโสนี้จะมาจากความภาคภูมิใจในสายเลือดของพวกเขาหรือเพราะการกดขี่จากหมู่บ้านก็ตาม หรืออาจทั้งสองอย่าง แต่การปฏิบัติต่อเด็กแบบนี้ก็ไม่น่าให้อภัย และเขาคงจะต้องจัดการกับเรื่องนี้ในภายหลัง'
ซาสึเกะหันกลับมามองบาโคริโอ้ และก็เดินไปหาเด็กๆ พร้อมกับทำท่าให้เด็กพวกนั้นตามบาโคริโอ้กับนารูโตะไป พวกเขาเป็นเด็กชายสองคนและเด็กหญิงอายุประมาณ 6-7 ขวบในชุดเสื้อผ้ามอมแมม เด็กหญิงคนนั้นกุมท้องเล็กๆ ของเธอด้วยความเจ็บปวด ขณะที่เด็กอีกสองคนที่นั่งคุกเข่าข้างๆเธอทำสีหน้ากังวล
พวกเขามองมาที่พวกเราและเด็กชายคนหนึ่งพูดทั้งน้ำตาว่า "ได้โปรดช่วยมิกะด้วย เธอเจ็บปวดมาก" นารูโตะกับซาสึเกะต่างก็มองมาที่บาโคริโอ้เพราะพวกเขาไม่มีทางช่วยเธอได้
บาโคริโอ้คุกเข่าข้างๆเด็กหญิงที่กำลังทุกข์ทรมานและหยิบยาสองเม็ดจากที่เก็บไอเท็มของเขาอย่างลับๆ ยาสองเม็ดนี้เขาซื้อมาในปริมาณมากจากร้านขายยาเพื่อใช้ในการฝึก เม็ดแรงเป็นยาแก้ปวด อีกเม็ดเป็นยาที่ช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
หลังจากที่เด็กสาวกินยาเข้าไป ผิวที่ซีดของเธอก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ และคิ้วที่ขมวดของเธอก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาจึงถามเด็กชายทั้งสองว่า "ตอนนี้เธอยังไม่มีแรงเดิน เธอต้องพักผ่อนสักพักหนึ่ง"
เขาได้ยินเสียงที่อ่อนแอขอบเด้กหญิงคนนั้นว่า "ขะ-ขอบคุณมากนะ"
เขาพยักหน้าให้เธอ "ด้วยความยินดี พวกเธอทั้งสามคนเป็นเด็กกำพร้าใช่หรือเปล่า?"
พวกเขาพยักหน้าพร้อมกัน มีเด็กชายคนหนึ่งตอบว่า "ใช่ พวกเราอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ไกลจากที่นี่"
เขารู้เพราะคาดเดาจากเสื้อผ้าของพวกเขาได้ "พวกเรากำลังไปที่นั่นพอดี ช่วยบอกทางให้พวกเราหน่อยได้ไหม?"
เด็กชายคนนั้นรีบพูดด้วยความกระตือรือร้น "ได้เลยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง!"
บาโคริโอ้อุ้มเด็กผู้หญิงขึ้นบนหลัง ซึ่งทำให้เธอประหลาดใจและทำให้เธออายเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นเพราะตอนนี้เขาคิดว่า ' ผู้หญิงคนนี้ผอมมากถ้าเทียบกับอายุของเธอ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะไม่ใช่ขาดแค่เสื้อผ้าอย่างเดียวแล้ว' แล้วพวกเขาก็เริ่มเดินอีกครั้งในขณะที่ได้ยินนารูโตะกับซาสึเกะทะเลาะกัน โดยนารูโตะพูดว่า "นายปล่อยพวกเขาไปทำไมฟะ" และซาสึเกะก็ตอบกลับมาว่า "ไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย" และไม่นานนัก การทะเลาะก็กลายเป็นการต่อสู้ทันที บาโคริโอ้จึงรีบเขาไปห้ามก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปกว่านี้
หลังจากที่มาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ผู้ดูแลทราบและบอกลาเด็กๆ ก่อนที่เขาจะขอข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์และจำนวนเด็กที่นี่ เนื่องจากเขาต้องการส่งอาหารและเสื้อผ้าให้กับเด็กๆที่นี่ ทำให้ผู้ดูแลพูดขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากนั้นเขาก็ใช้เวลาที่เหลือในตอนเช้าไปกับการฝึกกับทั้งซาสึเกะและนารูโตะ ก่อนที่พวกเราแต่ละคนจะแยกกันกลับบ้าน
-----------------------------
ในขณะเดียวกัน ภายในหอคอยโฮคาเงะ โฮคาเงะรุ่นที่สามกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาในขณะที่กำลังจัดเรียงแฟ้มบางอย่างอยู่ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูและพูดว่า "เข้ามา"
ประตูเปิดออก ชายในชุดหน่วยลับเดินเข้ามา เขามีผมสีเงิน ร่างกายผอมแต่มีกล้ามเนื้อ สวมหน้ากากสุนัขสิงโตสีแดงและดำ ปากม้วนและตาเอียง มีริ้วสองเส้นคล้ายรอยข่วนของแมวที่แก้ม และใบหูเล็กๆที่แหลมคมยกขึ้นเหนือผมของเขา ดวงตาถูกตัดให้กว้างขึ้นเล็กน้อยเพื่อรองรับเนตรที่อยู่ในตาของเขา เขาคือ ฮาทาเกะ คาคาชิ ผู้นำในอนาคตของทีม 7 แต่ในตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่เงาของอัจฉริยะในอดีตของเขาเพราะโศกนาฏกรรมที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิตของเขา
คาคาชิคุกเข่าต่อหน้าโฮคาเงะและเริ่มรายงาน "เมื่อเร็วๆนี้ นารูโตะได้ใกล้ชิดกับเด็กตระกูลอุจิวะรุ่นราวคราวเดียวกัน ท่านต้องการให้จัดการเรื่องนี้อย่างไร ท่านรุ่นสาม"
ซารุโทบิดูประหลาดใจและถามว่า "โฮ้ มีคนเข้าใกล้นารูโตะจริงๆเหรอ?"
"ไม่ครับ จากการเก็บข้อมูลของผม นารูโตะเป็นคนที่เข้าไปที่ร้านของเด็กคนนั้น" คาคาชิพูด
ซารุโทบิดูประหลาดใจอีกครั้ง "เจ้าบอกว่า เขาอายุเท่านารูโตะแต่เขามีร้านเป็นของตัวเองแล้วเหรอ?"
“ใช่ครับ เขาเป็นเจ้าของร้านขนมอบซึ่งโด่งดังอย่างรวดเร็ว และบางคนถึงกับบอกว่าเป็นร้านขนมอบที่ดีที่สุดในโคโนฮะ นารูโตะไปที่นั่นหลายครั้งจนกระทั่งเมื่อวานนี้ อุจิวะ บาโคริโอ้ สังเกตเห็นเขาจ้องมองที่ร้านของเขาบ่อยครั้งเลยได้ชวนให้นารูโตะได้เข้าไป หลังจากวันนั้นเขาได้ไปเยี่ยมบ้านของนารูโตะและพาไปกินข้าวเย็นที่ร้านราเมง ในขณะที่วันนี้พวกเขาไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับเด็กอีกคนด้วย น้องชายคนเล็กของอิทาจิ อุจิวะ ซาสึเกะ” คาคาชิรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เขาอยู่ในหน้าที่ดูแลและปกป้องนารูโตะ
ซารุโทบิครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า "แล้วเจ้าได้ตามสืบเรื่องเด็กนั่นรึเปล่า"
“ครับ เขาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตในเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อนขณะช่วยคุ้มกันชาวบ้านและตอนนี้เขาอาศัยอยู่เพียงลำพังในบริเวณของตระกูลอุจิวะ”
ซารุโทบิดูโล่งใจในบางอย่างและพูดว่า "ดูเหมือนเด็กคนนี้จะรู้สึกแบบเดียวกับนารูโตะเพราะเขาเองก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน คอยดูพวกเขาไปอีกระยะหนึ่งเป็นการเผื่อไว้แต่อย่าเข้าไปยุ่ง เว้นแต่เจ้าจะยืนยันได้ว่าผู้นำตระกูลอุจิวะนั้นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด"
คาคาชิรีบทำความเคารพและพูดว่า "ครับท่าน" ก่อนที่เขาจะออกจากห้องทำงานของโฮคาเงะออกไป และทิ้งให้โฮคาเงะรุ่นที่สามจมอยู่ในความคิดของเขา