ตอนที่ 105 รถไฟหยุดขบวน (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 105 รถไฟหยุดขบวน
ซิเรียสกับเจมส์หน้ากระตุก *ตุบ* ชกหน้าอกเขาพร้อมกัน
“พูดอะไรดีๆ สักครั้งไม่ได้หรือไง?” ซิเรียสกล่าว
แม็กนัสแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ "กับนายอ่ะนะ? นายกล้าพูดแบบนี้ก็ได้หรอ? กับเจ้าคนที่วางแผนกลั่นแกล้งเด็กใหม่เมื่อเดือนกันยายนอ่ะนะ?"
ซิเรียสหลบสายตาด้วยความอาย
"ฮ่าฮ่า... เมื่อกี้ดูเหมือนซิเรียสจะโดนแกล้งแทน" เจมส์หัวเราะ
ซิเรียสมองเพื่อนสนิทของเขา "ดูสิว่าใครช่างกล้าพูด ไอ้คนที่วิ่งไปรอบโรงเรียนโดยใส่กางเกงในด๊วบดัมเบิลดอร์"
“ปุ๊ด...ด๊วบดัมเบิลดอร์หรอ?” รักนาร์พยายามกลั้นหัวเราะ
เจมส์หน้าแดงด้วยความอาย “ไม่เอาน่า หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว นั่นเป็นแค่การพนัน และฉันสัญญาว่าฉันจะเอาคืนแม็กนัสแน่”
"อยากเดิมพันอีกรอบไหมสำหรับการแข่งขันควิดดิชฤดูกาลหน้า หรือไม่ก็อาจจะเป็นถ้วยประจำบ้าน" แม็กนัสถาม
เจมส์โกรธ“คิดว่าฉันโง่หรือไง!? เด็กทุกคนในโรงเรียนรู้ว่าสลิธีรินจะชนะการแข่งขันประจำบ้านเพราะนาย และควิดดิช ถ้ากริฟฟินดอร์สามารถหาซีกเกอร์ที่ดีได้ เราอาจจะชนะก็ได้”
“หึหึ ฝันไปเถอะ” แม็กนัสเย้ยหยันความคิดที่จะแพ้ในควิดดิชอีกครั้ง
*ปู๊น-ปู๊น*
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้น "รีบขึ้นรถไฟกันเถอะ" ซิเรียสรีบเดินไปขึ้นรถไฟ พวกเขามาถึงกันสายอยู่แล้ว และการสนทนากับแม็กนัสก็ทำให้พวกเขาสายมากขึ้น
ทั้งสี่คนกระโดดขึ้นรถไฟและพยายามมองหาห้องโดยสารที่ว่าง แต่พวกมันล้วนถูกจับจองไปหมดแล้ว
“รีมัสกับปีเตอร์น่าจะจองห้องให้เราแล้ว ไปหาพวกเขากันเถอะ” เจมส์พูด
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตู้ซึ่งได้ยินเสียงดังของหญิงสาว ดูเหมือนว่าจะตำหนิใครบางคน
พวกเขาเปิดประตูก็พบปีเตอร์นั่งอยู่บนพื้นในท่าทางขอโทษ ในขณะเดียวกัน เอ็มม่าก็นั่งบนที่นั่งพร้อมกับไขว่ห้างพลางกอดอกตอนที่เธอพูดเสียงดัง
“เธอคิดจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง? และฉันคิดว่าเธออาจจะเป็นคนที่ดีพอที่แม็กนัสพูดกับเธอ” เอ็มม่าโกรธ
แม็กนัสพยายามทำให้เธอสงบลงอย่างรวดเร็ว "ใจเย็นๆ คุณหญิงผู้เกรี้ยวกราด"
ใบหน้าของเธอยิ้มขึ้นทันทีที่เห็นเขา "โอ้! แม็กนัส มานี่ ฉันเก็บที่นั่งให้นายไว้แล้ว"
แต่ซิเรียสผลักแม็กนัสไปด้านข้างและเผชิญหน้ากับเธอ
“เธอกล้าดียังไงมารังแกปีเตอร์หะ? มีแค่ฉันกับเจมส์เท่านั้นที่มีสิทธิ์” เขาคำรามด้วยความสำนึกผิดในศักดิ์ศรี
"นายได้ยินสิ่งที่พ่นออกมาจากปากนายหรือเปล่าน่ะ? เขาแอบกินแซนด์วิชที่ฉันกินไปครึ่งหนึ่งในขณะที่ฉันกำลังไล่เรเวนคลอจากห้องโดยสารนี่ เขาทำได้ไง? ตอนฉันกำลังพยายามจัดห้องโดยสารให้เพื่อนฉันอยู่น่ะ" เธออธิบายด้วยความโกรธ
“แล้วทำไมเธอถึงปล่อยให้เขาเข้ามาล่ะ?” แม็กนัสถาม
“ฉันเปล่า มีหนูแอบเข้ามาตอนที่ฉันไม่อยู่” เธอพูดในขณะที่เธอกำลังจะเตะปีเตอร์อีกรอบ
"พอแล้ว..." แม็กนัสหยุดเท้าไม่ให้สัมผัสปีเตอร์แล้วดันเธอไปที่ที่นั่ง เขารู้ว่าเธอพยายามจะเป็นเพื่อนที่ดี แต่ความคิดแบบสลิธีรินของเธอมีปัญหา
แม็กนัสมองไปที่ปีเตอร์และยื่นมือมา เขาเห็นได้จากท่าทางของปีเตอร์ว่าเขามีปัญหาเรื่องความมั่นใจในตัวเองอย่างรุนแรง
“ฉันขอโทษในสิ่งที่เธอทำลงไป ลุกขึ้นเถอะ” แม็กนัสพูดช่วยเขา
ปีเตอร์ลุกขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเริ่มยิ้ม “เฮ้ ไม่เป็นไร ฉันผิดเองที่ไปกินอาหารของเธอ”
แม็กนัสพยักหน้าและมองกลับมาที่เอ็มม่าด้วยความโกรธ "อย่าทำแบบนี้กับคนอื่น เว้นแต่พวกมันจะเป็นเจ้าแห่งศาสตร์มืดหรือผู้ติดตามของเขา"
เอ็มม่าพยักหน้าอย่างแรง "ฉันเข้าใจแล้ว!"
“ดี” แม็กนัสพูดแล้วหันไปหาปีเตอร์
“รีมัสอยู่ที่ไหน?” เขาถาม.
ปีเตอร์ตอบว่า "ฉะ-ฉันไม่รู้..."
~วันนี้พระจันทร์เต็มดวงหรือเปล่านะ~ เขาสงสัย
“หืม นายคะแนนเต็มมาช้าได้ยังไงเนี่ย ฉันหวังว่าเขาจะไปถึงโรงเรียนทันเวลานะ” เจมส์พึมพำ
*ประตูเปิด*
เซเวอรัสเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเดินทาง เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นพวกกักขระกริฟฟินดอร์อยู่ที่นั่นด้วย
"อา เราเจอใครกันล่ะเนี่ย สนิฟเวลลัส..." ซิเรียสพูดอย่างสนุกสนาน
“ใช่ ยินดีที่ได้รู้จัก” เซเวอรัสตอบอย่างกวนๆ แล้วเดินไปจับมือแม็กนัสกับรักนาร์
"ฉันได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านนาย ดีใจที่นายสามารถสอนบทเรียนดีๆ ให้พวกมันได้" เขาพูดว่า.
แม็กนัสพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ "ฉันก็หวังว่ามันจะทำให้ฉันมีช่วงเวลาที่สงบสุขบ้าง มาเถอะ มานั่งก่อน"
ในที่สุด รักนาร์ก็เริ่มโอ้อวดว่าแม็กนัสสามารถเรียกเสาหินบนท้องฟ้าและปาใส่ผู้โจมตีได้อย่างไร เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาใกล้จะเผยความลับ เขาจะถูกแม็กนัสเหน็บแนม
~ไอ้บื้อนี่ ฉันต้องสอนเขาหัดให้หุบปากซะมั่ง~
ไม่นานรถไฟก็เริ่มออกตัว หลังจากชมทัศนียภาพของเมืองที่น่าเบื่อได้สักพัก มันก็เริ่มข้ามผ่านถิ่นทุรกันดารของสกอตแลนด์ มองเห็นที่ราบ ภูเขาในระยะไกล และทะเลสาบ รถจักรไอน้ำคำรามตรงไปข้างหน้า
~ อืม ใครเป็นคนขับหัวรถจักรกันน้า? ฉันหวังว่ามันจะไม่เหมือนกับการใช้แรงงานทาสของเอลฟ์นะ~ แม็กนัส สงสัยขณะกินข้าวกล่องที่แม่ของเขาเตรียมให้เขากับรักนาร์
มันเป็นข้าวและน้ำแกงกระหรี่ไก่ที่แสนอร่อย เห็นได้ชัดว่าเมนูกระหรี่ไก่นี้มาจากช่วงปลายปีก่อน มันเป็นอาหารจากฝั่งทะเลทราย แถมมีแพนเค้กที่เขาอุ่นให้ร้อนและน้ำเชื่อมเมเปิ้ลถุงเล็กๆ
“อ่า… ฉันคงจะคิดถึงรสชาตินี้ที่ฮอกวอตส์” แม็กนัสพึมพำด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ
*โคร้มมม เคร้ง*
"แพนเค้กของฉานนน!..." แม็กนัสกรีดร้องด้วยความเศร้าเมื่อรถไฟเบรคกะทันหันทำให้กล่องข้าวของเขาหล่นลงมา ตอนนี้แพนเค้กแตกกระจายเกลื่อนพื้น และเขาไม่เชื่อกฎ 5 วินาที นี่มันเป็นหายนะในระดับสูงสุด
"ทำไมรถไฟถึงหยุดแบบนี้แหละ" ซิเรียสสงสัยขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง มันเป็นเวลากลางคืนและพวกเขาอยู่ในที่ห่างไกล
แม็กนัสเองก็รู้สึกเป็นลางไม่ดีเช่นกัน เขารีบถือไม้กายสิทธิ์ไว้ในมือ เตรียมพร้อมที่จะฟาดฟันให้ตาย
“เอาไม้กายสิทธิ์ออกมา ฉันรู้สึกว่ามีอะไรทะแม่งๆ” เขาเตือนทุกคน พวกเขาทั้งหมดได้สติแล้วหยิบไม้ออกมา
“มันเคยไม่มีวันง่ายๆ สำหรับนายเล้ยแม็กนัส... และฉันก็รักมัน!...” จู่ๆ เอ็มม่าก็พูดขึ้นมา
แม็กนัสมองเธอด้วยความตกตะลึง ~เธอเป็นพวกพี้สารอะดรีนาลีนหรือเปล่าเนี่ย?~
"โอ้ววววว...เอ็มม่ารักแม็กนัส..." รักนาร์เริ่มนึกสนุก
*โป๊ก*
เอ็มม่ากระแทกไม้กายสิทธิ์ลงบนศีรษะของรักนาร์ “หยุดสร้างข่าวลือมั่วๆ ได้แล้ว”
“แต่หน้าเธอดูกระอักกระอ่วนนะ...” เจมส์ชี้แจง
“หึ ฉันเกิดมาเป็นแบบนี้” เธอเย้ยหยันอย่างเขินอาย
"ชู่วววว... มีคนกำลังมา ข้างนอกเงียบชะมัด มีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ" แม็กนัสผลักพวกเขา
พวกเขาทั้งหมดสงบลงและรออยู่เงียบๆ
ในไม่ช้าลูกบิดประตูก็หมุน แม็กนัสเตรียมไม้กายสิทธิ์ของเขาพร้อมที่จะยิงคาถา
พวกเขาได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน อย่างที่พวกเขาทราบกันดีว่า ตามบันทึกแล้ว ความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้บุกรุกนั้นสูงมาก มีผู้คนจำนวนมากเฝ้าล้างคอของแม็กนัส ส่วนใหญ่ต้องการที่จะจัดการกับเขาก่อนที่เขาจะสวมมงกุฎเพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้ว การโจมตีเขาจะเป็นการก่อกบฏอย่างสูงสุดและบทลงโทษสำหรับมันคือการตาย มีตัวอย่างในประวัติศาสตร์ล่าสุดของมันด้วย
เขาชื่อ วิลเลียม จอยซ์ ชาวอังกฤษที่เกิดในสหรัฐฯ ผู้เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของนาซีเยอรมันมายังสหราชอาณาจักร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาถูกแขวนคอจนตายเพราะทรยศต่อกษัตริย์
ตอนนี้ โลกเวทมนตร์อาจทำราวกับว่าไม่มีอำนาจเหนือพวกเขา แต่กระทรวงยังคงต้องบังคับใช้กฎหมายจากดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่ และการลงโทษการกบฏอย่างร้ายแรงถือเป็นกฎหมายที่เก่าแก่พอๆ กับโลกพ่อมด
ประตูเปิดดังเอี๊ยด
"ผมไม่ใช่ศัตรู!" เสียงมาจากอีกด้านหนึ่ง
ในไม่ช้า ประตูก็เปิดออกจนสุด และชายในชุดโค้ทยาวก็ปรากฏตัวขึ้น
แม็กนัสไม่ลดไม้กายสิทธิ์ลงแม้หลังจากสิ้นเสียง แต่เหล่าเพื่อนๆ ของเขายังไร้เดียงสาเพราะพวกเขาลดไม้กายสิทธิ์ลง รักนาร์ไม่ได้หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาตั้งแต่แรก เขามีขวดโพชั่นอยู่ในมือพร้อมที่จะเขี้ยงมัน
"คุณเป็นใคร?" แม็กนัสถาม
"ผมมาจากกระทรวง ผ-ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ได้โปรด..." ชายคนนั้นขอร้อง
“ผมจะเชื่อคุณได้อย่างไร คุณอาจเป็นแค่สายลับที่ศัตรูของผมแฝงตัวอยู่ แล้วเข้ามาประชิดตัวผมแบบนั้นก็ได้” แม็กนัสตอบโต้
ชายคนนั้นปิดประตูตามหลังเขาและวางไม้กายสิทธิ์ลงบนพื้น รถไฟก็เริ่มออกตัวต่อหลังจากนั้นไม่นาน
“ที่ผมรู้คือนี่อาจเป็นแค่ไม้กายสิทธิ์ปลอม และคุณอาจยังมีของจริงอยู่ในครอบครอง” แม็กนัสพูดด้วยความสงสัยของเขา
-_-
ชายคนนั้นคุกเข่า "ได้โปรดพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท กระทรวงถูกบุกรุก กระหม่อมรู้ว่าพระองค์ทรงจัดการกับพวกผู้เสพความตายได้สำเร็จจนถึงตอนนี้ กระหม่อมคิดออกได้แต่พระองค์เท่านั้น”
"มันง่ายจังนะใช้คำว่า ‘ฝ่าบาท’ เพื่อความสะดวก ถ้าอยากจะพิสูจน์ตัวเองจริงๆ ก็ให้มองตาเรา" แม็กนัสสั่งเขา
ชายคนนั้นกัดฟันและเงยหน้าขึ้นสบตา เขารู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีในฐานะมือปราบมาร แม็กนัสจะใช้การพินิจใจเพื่อสำรวจจิตใจของเขา เด็กชายไม่ได้จดจ่ออยู่กับความทรงจำเพียงอย่างเดียว แต่เขากำลังมองไปยังทั้งชีวิตของเขา
แม็กนัสรู้สึกว่าจิตใจของเขาแล่นผ่านความทรงจำมากมายของชายผู้นั้น เศร้าบ้าง สุขบ้าง เจ็บปวดบ้าง
เขาเกลียดการใช้การพินิจใจด้วยเหตุผลเดียว ยิ่งคุณทำมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งไม่เห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกและเสรีภาพในตัวของผู้อื่น แถมความทรงจำอาจทำร้ายคุณเช่นกัน
_____________________________