ตอนที่ 104 กลับเข้าโรงเรียน (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 104 กลับเข้าโรงเรียน
1 มกราคม 1972
เทศกาลปีใหม่ผ่านไปด้วยดี พวกเขาปาร์ตี้กันบ่อยและนอนหลับสบายมาก เช้าวันต่อมา พวกเขาขึ้นเครื่องและเดินทางกลับอังกฤษ
แม็กนัสได้รับเงินค่าเพชรและเหรียญเต็มจำนวนแล้ว เงินอยู่ในบัญชีบริษัท Dragon Holdings ของเขา แม้ว่าแม็กนัสจะจ่ายภาษีเต็มจำนวน เหตุผลก็ง่ายๆ เขากำลังจะเป็นพระราชาในอนาคต และเมื่อเขาปรากฏตัวจากที่ไหนก็ไม่รู้ เขาจะถูกตรวจสอบโดยสาธารณชน
เมื่อถึงจุดนั้น เขาสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิว่าเขาได้มีส่วนช่วยเหลือประเทศด้วยการเสียภาษีจำนวนมากในขณะที่มหาเศรษฐีตัวจริงต่างก็ซ่อนเงินไว้ แม้ว่าเขาจะไม่มีวันเปิดเผยต่อสาธารณะว่าเป็นเพราะเขาขายเพชรก็เถอะ
แต่แม็กนัสยังสามารถลดภาษีลงได้เล็กน้อยด้วยการแสดงค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ เช่นการเสด็จประพาส เข้าเฝ้าพระราชา อาหาร และอื่นๆ
จริงๆ เขาอยากสนุกมากกว่านี้ แต่ตอนนี้วันหยุดของเขากำลังจะหมดลงแล้ว เขาต้องกลับไปที่ฮอกวอตส์ในวันรุ่งขึ้น แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่กับครอบครัว
ทันทีที่พวกเขาไปถึงบ้านเลขที่ 10 ซอยพรีเว็ต แม็กนัสก็โทรหาเอ็บและจอร์จ “ย้ายของหมดแล้วเหรอ”
"ครับท่าน ตามที่ท่านแนะนำ เราได้ย้ายรายการทั้งหมดไปยังบ้านใหม่ของท่านเรียบร้อยแล้วครับ เราได้ทำความสะอาดบ้านหลังนี้ด้วย ที่นี่ก็พร้อมให้เช่าแล้วครับ” จอร์จบอกเขา
แม็กนัสพยักหน้าและหันกลับมาหาครอบครัวของเขาที่เพิ่งเข้ามาในบ้านที่ว่างเปล่า "แม่ฮะพ่อฮะ ฉันบอกให้พวกเขาย้ายของแล้ว ตอนนี้เราสามารถไปอยู่ที่บ้านใหม่ได้ทันทีเลยครับ"
นี่เป็นเหมือนเซอร์ไพรส์วันขึ้นปีใหม่ อดัมพยักหน้า “ไปกันเล้ย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ย้ายรถของเรา”
"อ้า! รถยนต์ ผมเพิ่งนึกถึงรถยนต์ที่ผมซื้อได้ พ่อฮะ ยกเว้นรถโบราณสองคันนั้น เฟอรารี่พ่อเอาไปใช้ได้นะฮะ นอกจากนี้ยังมีเรนจ์โรเวอร์ พ่อน่าจะขายรถเก่าๆ พวกนั้นซะนะฮะ” แม็กนัสแนะนำพวกเขา
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับเฟอร์รารี่คันงามนั้น อดัมก็รู้สึกตื่นเต้นทัน เขาย่อมยินดีจะใช้รถหรูคลาสสิกอยู่แล้ว ส่วนเกรซสามารถใช้เรนจ์โรเวอร์ได้มันเก็บของได้สะดวกกว่า
คฤหาสน์ใหม่ของพวกเขาอยู่ห่างจากที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ครึ่งชั่วโมง
"ผมจะกลับไปฮอกวอตส์วันพรุ่งนี้แล้ว จากนั้นผมก็จะกลับมาอยู่บ้านช่วงพักร้อนสองเดือน ผมคิดว่ามันน่าเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนะฮะ” แม็กนัสพูดขณะที่พวกเขาอยู่ในรถ
"ระวังตัวด้วย แม็กนัสและเธอด้วยนะรักนาร์ ใครจะไปรู้ว่าพวกราชวงศ์จะทำอะไรอีกในครั้งนี้” เธอพูดอย่างกังวล
แต่แม็กนัสกลับเป็นห่วงเธอและอดัมมากกว่า เพราะเขาและรักนาร์ต่างเป็นพ่อมดและสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่เกรซและอดัมเป็นมักเกิ้ล แม้แต่เวทมนตร์ธรรมดาก็อาจทำร้ายพวกเขาถึงตายได้
"พ่อกับแม่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะฮะ ผมอยู่ในโรงเรียนมันปลอดภัย แต่พ่อแม่สองคนจะมีโอกาสได้รับอันตรายมากกว่าพวกผมอีก ผมจะทิ้งของวิเศษบางอย่างที่พ่อแม่ต้องสวมใส่ตลอดเวลานะฮะ สัญญากับผมนะ” แม็กนัสร้องขอ
เมื่อเห็นเขาจริงจังมากพวกเขาจึงตกลงอย่างรวดเร็ว "ได้สิจ๊ะที่รัก เราจะใส่มัน แม่สัญญา"
จากนั้นรักนาร์ก็พูดว่า "และผมจะให้น้ำยากับพวกคุณนะครับ มันช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ และทำให้ร่างกายอ่อนเยาว์กว่าวัย"
นี่เป็นสิ่งที่เกรซชื่นชมมาก ผู้หญิงทุกคนต้องการที่จะอยู่ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองและยั่งยืน
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงประตูบ้านหลังใหม่ ประตูไฟฟ้าเปิดออกและพวกเขาขับรถไปบนถนนส่วนตัว เอ็บและจอร์จกำลังรอพวกเขาอยู่ที่นั่น พวกเขายังนำแชดและซัมเมอร์มาที่นี่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่กำลังสำรวจสถานที่ใหม่ขนาดใหญ่แห่งนี้กันอย่างสนุกสนาน
"หวังว่าบางคนจะไม่พบว่ามันแปลกเกินไปที่นายทหารสองคนจะสามารถซื้อของหรูหราเช่นนี้ได้ แล้วจะอธิบายได้ยังไงนะว่ามันเป็นของลูกชายของฉันน่ะ?”
อดัมสงสัยเสียงดัง
"ง่ายๆ ฮะแค่บอกว่าเป็นธุรกิจครอบครัวที่ทำแล้วรวย อย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดว่าราชินีจะโง่พอที่จะพยายามทำอะไรกับพวกพ่อแม่อีกแล้ว เธอรู้ว่าเธอทำให้ผมโกรธไปแล้วครั้งหนึ่ง จากจดหมายของเธอ เธอดูเหมือนจะไม่สบายใจเท่าไหร่ สิ่งที่ผมกังวลคือสมาชิกในครอบครัวของเธอที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาอย่างถ่องแท้ต่างหากฮะ" แม็กนัสอนุมานได้
"แม่ก็หวังว่าลูกจะพูดถูกนะ ยังไงก็เข้าไปหาอะไรกินข้างในกันเถอะ วันนี้แม่จะทำอาหารเย็นดีๆ สักมื้อ พรุ่งนี้พวกลูกสองคนจะไปแล้ว อยากกินอะไรบอกแม่มาได้เลย” เกรซเสนอ
“แพนเค้ก!...” แม็กนัสตะโกน
"ไก่ย่าง!..." รักนาร์ก็ทำเช่นเดียวกัน
แม็กนัสหันไปหา รักนาร์และวางมือบนไหล่ของเขาพูดจาลิเกขึงขัง "สหายรักเอ๋ย เราก็กินสิ่งนั้นในฮอกวอตส์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ท่านแม่ทำแพนเค้กที่ดีที่สุดในโลก นี่เป็นของพิเศษนะ"
"ฮึ่ม!" รักนาร์ผลักมือเขาออกแล้วพูดว่า "แม่นายทำไก่ย่างได้ดีที่สุดเหมือนกันแหละ เครื่องเทศที่เธอใส่มันคือที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมา"
มีสงครามการจ้องตาเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
"ฮ่าฮ่า... ใจเย็นๆ เจ้าหญิงน้อยทั้งสองของข้า ข้าจะทำทั้งสองอย่าง" เกรซพูดกลั้วหัวเราะขณะที่เธอลูบหัวพวกเขา
แม็กนัสคำรามด้วยความหงุดหงิด "เง้อ! แม่ทำผมผมเสียทรงอ่ะ เดี๋ยวสิฮะแม่ อีกไม่นานผมจะสูงกว่าแม่"
“งั้นแม่ก็จะยืนบนโต๊ะแล้วขยุ้มผมลูก” เธอตอบและเข้าไปในบ้านหลังใหม่โดยทิ้งแม็กนัสผู้พ่ายแพ้ไว้เบื้องหลัง
แต่แม็กนัสไม่ได้ตามกลับเข้าไปข้างในจริงๆ เขาจำเป็นต้องลงคาถาให้กับคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ เพื่อที่ว่าแม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาทำอันตรายพ่อแม่ของเขาได้
รักนาร์ก็ย้อนกลับมาและบอกว่าเขาจำเป็นต้องใส่อักษรรูนบนกระถางดอกไม้ด้วย สิ่งที่พวกมันควรทำคือให้มันส่งเสียงดังเหมือนไซเรนตำรวจทันทีที่บ้านตกอยู่ในอันตราย
อีกด้านหนึ่ง แม็กนัสวาดคาถาป้องกันไฟแห่งเมอร์ลินไว้ล้อมรอบเขตแดนของทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อไม่ให้พ่อมดที่มีเจตนาร้ายสามารถเข้าไปข้างในได้เนื่องจากไฟที่รุนแรงขวางทางพวกมันไว้
แต่เขาต้องการทำอะไรเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงรีบส่งอับราฮัมไปที่คาเมล็อตเพื่อนำคันธนู 50 คันมา แม็กนัสทำการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและสร้างระบบยิงตอบโต้อัตโนมัติตามความตั้งใจ ลูกธนูพุ่งออกมาใส่ผู้บุกรุกด้วยความเร็วสูง ไม่เพียงเท่านั้น รักนาร์ยังให้ยาพิษที่มีศักยภาพสูงซึ่งเขาสร้างขึ้นเองเพื่อใช้กับลูกธนู ยาพิษทำอะไรได้งั้นหรอ? มันละลายสมองและทำให้มันทะลักออกมาจากจมูกเป็นเนื้อสีชมพูเหนอะหนะ เป็นความตายที่เจ็บปวดทรมารยิ่ง
พวกเขาใช้เวลาทั้งเย็นจนถึงเกือบถึงมื้อค่ำเพื่อใส่คาถาและคำสาปทุกวิถีและทุกสิ่งที่ทำได้ รถยนต์ เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องแบบของพวกเขา
นอกจากนี้ เอลฟ์ประจำบ้าน เอ็บและจอร์จจะอยู่ที่นี่คอยรักษาความปลอดภัยให้
หลังจากทำเสร็จแล้ว พวกเขาก็เข้าไปทานอาหารดีๆ แล้วไปว่ายน้ำออกกำลังกายชิลล์ๆ ในสระว่ายน้ำในร่ม มันยังมีระบบทำความร้อนด้วย ซึ่งแม็กนัสก็ชอบมันมาก ในที่สุดก็สามารถลากพ่อแม่มาเล่นน้ำด้วยกัน
พวกเขาทั้งครอบครัวจึงเล่นน้ำในสระอย่างสนุกสนาน หลังจากนั้น ทุกคนนั่งแผ่อยู่ในห้องนั่งเล่นหน้าเตาผิง ดื่มช็อกโกแลตร้อนกันคนละแก้วอภินันทนาการจากเอล์ฟประจำบ้านทั้งสองตน
แม็กนัสอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อดูความเป็นไปว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้บ้าง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าจะทำอะไรเมื่อเป็นกษัตริย์ในอนาคต
ในไม่ช้า สายตาของเขาก็สบเข้ากับพาดหัวข่าวและเขาก็รู้สึกสับสน มองไปที่พ่อของเขาเขาถาม
"อืม ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป EEC คืออะไรหรอฮะ? ทำไมเราถึงต้องอยากเข้าร่วมด้วย" แม็กนัสถาม
อดัมตอบว่า "มันเป็นองค์กรที่เริ่มต้นในปี 1951 โดยมีจุดประสงค์เพื่อยุติสงครามนองเลือดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง เป็นความคิดที่จะรวมยุโรปให้แน่นแฟ้นจนไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่กันและกันได้"
"แล้วทำไมเราไม่เข้าร่วมตลอดตั้งแต่แรกล่ะฮะ ทำไมเป็นตอนนี้" รักนาร์ถามต่อ
อดัมพูดต่อว่า “เพราะเราเป็นผู้ชนะสงครามอย่างภาคภูมิ เราอยู่กับความคิดที่ว่าความยิ่งใหญ่ของเราจะกลับมา เรายังคงมีชีวิตอยู่ในความรู้สึกผิดๆ ของความรุ่งโรจน์ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิแห่งอังกฤษ แต่ตอนนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของเราอยู่ในขั้นย่ำแย่ และอัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลจึงหาทางเข้าร่วม
เริ่มแรกเดิมทีตอนมีการสร้างองค์กร EEC เราก็คาดว่าจะเข้าร่วม แต่ตอนนี้ เราถูกฝรั่งเศสปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมถึง 2 ครั้ง และตอนนี้เราทำได้แค่รอการอนุมัติเท่านั้น”
แม็กนัสเข้าใจ มันเป็นเหมือนกลุ่มประเทศที่มีความสนใจคล้ายกัน
"ไว้ผมจะต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้" เขาตัดสินใจ
“เอาล่ะ เล่นกันพอแล้ว ได้เวลาเข้านอนแล้วนะจ๊ะ ไม่งั้นตื่นสายกันแน่ทั้งสองคน” เกรซรีบผลักพวกเขาไปที่ห้องและจับพวกเขาไว้บนเตียง
“ต้องให้แม่เล่านิทานให้ฟังไหม?” เธอถามติดตลก
แม็กนัสหัวเราะเบา ๆ “ฮิฮิ ตอนนี้ผมไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ แล้วนะฮะแม่”
“โอ้ สำหรับแม่แล้ว ลูกจะเป็นเด็กน้อยตลอดไป ราตรีสวัสดิ์ได้แล้วจ่ะ” เธอปิดไฟแล้วจากไป
แม็กนัสจ้องมองไปที่เพดานของบ้านใหม่ เขาสูดลมหายใจยาว
“คุณอยู่ตรงนั้นไหม? เมอร์ลิน” เขาถาม
"เราอยู่ที่นี่เสมอ ดุจเรามิเคยไปไหน" เสียงของเมอร์ลินดังมาจากภาพวาด
"คุณสร้างผลลัพท์ที่ห่วยขนาดนี้ในการรวมโลกพ่อมดให้เป็นหนึ่งได้ยังไงครับ?" จู่ๆ แม็กนัสก็ถามขึ้น
*แค็กๆ*
เมอร์ลินไอด้วยความลำบากใจ ถ้าอาเธอร์ไม่หลับเขาคงเริ่มหัวเราะแล้ว
"ก็… ในยุคสมัยนั้น พ่อมดและชุมชนผู้วิเศษทั้งมวลอาศัยอยู่ห่างไกลกันจนเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะได้พบพวกเขาทั้งหมด แต่ตอนนี้พวกเขาต่างใกล้กันหมดแล้วแต่ก็ยิ่งแตกแยกหนักข้อขึ้น” เมอร์ลินกล่าวอย่างสลดใจ
“แล้วผมจะบรรลุสิ่งนั้นได้ยังไง เรื่องความเท่าเทียมที่แท้จริง...” แม็กนัสถาม
"ด้วยกำลัง ข้าเห็นศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ในตัวเจ้า มันทรงพลังยิ่งใหญ่กว่าของข้าเองเสียอีก ถ้าจะมีใครทำได้ก็ต้องเป็นเจ้าที่ทำได้ เจ้ามีอายุแค่ 11 ขวบแม็กนัส ในวัยของเจ้า ข้ายังเป็นเพียงเด็กนักเรียนปี 1 ทั่วๆ ไปที่ฮอกวอตส์ ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องเวทมนตร์มากนัก ในทางกลับกัน เจ้ากลับเชี่ยวชาญหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว” เมอร์ลินพยายามกระตุ้นเขา
แม็กนัสพยักหน้า "ผมว่าผมคงต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีก ผมหวังว่าภาคเรียนนี้จะไม่มีเรื่องวุ่นวายนัก ผมอยากขอโฟกัสเรื่องเรียนก่อนนะครับ” เขาพึมพำแล้วหลับตาลง
...
เช้าวันรุ่งขึ้น อดัมขับรถเรนจ์โรเวอร์ไปที่สถานีคิงส์ครอส แม็กนัสกับรักนาร์ต่างเตรียมสัมภาระพร้อมแล้ว แม็กนัสได้รับอนุญาตให้มีสัตว์เลี้ยงเพียงตัวเดียว ดังนั้นเขาจึงให้ รักนาร์รับซัมเมอร์ไว้เป็นสัตว์เลี้ยงของเขาเพราะเขายังไม่มี
"อื้อ... ฉันจะคิดถึงเธอสองตัวนะจ๊ะ ซัมเมอร์กับแชด" เกรซกอดเด็กน้อยทั้งสอง พวกเขายังได้รับความอบอุ่น ซัมเมอร์เอาหัวไซ้หน้าเธอในขณะที่แชดกำลังคลอเคลียบนไหล่ของเธอ
จากนั้นเธอก็กอด แม็กนัสกับรักนาร์ "ลูกสองคนดูแลตัวเองให้ดีนะจ๊ะ หากพวกลูกต้องการอะไรเพียงส่งจดหมายมาหาแม่ แล้วแม่จะตอบกลับทันที นอกจากนี้ แม่งบ๊อบบี้โทรมาหาแม่ เธอบอกว่าบ๊อบบี้ไปโรงพยาบาลกับพ่อของเขา เขาจึงมาไม่ได้ ลูกควรเขียนจดหมายถึงเขานะ”
แม็กนัสพยักหน้า “โอเคฮะแม่ ดูแลตัวเองด้วยนะฮะ”
“ครับคุณป้า ดูแลตัวเองด้วยนะฮะคุณป้า และขอบคุณที่ให้ผมอยู่กับพวกคุณ” แร็กนาร์ขอบคุณเธออย่างสุภาพ
เกรซสะบัดผม "อย่าพูดแบบนั้น ตอนนี้เธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว"
“ถูกต้องอย่างแน่นอน” อดัมยืนยัน
แร็กนาร์รู้สึกอบอุ่นในหัวใจและกอดพวกเขานานๆ
จากนั้นแม็กนัสก็โบกมือ “ลาก่อนฮะ ผมจะเขียนถึงทุกคนเมื่อไปถึงที่นั่น”
เกรซโบกมือกลับ "แม่ทำข้าวกล่องให้ลูกสองคน ไว้กินบนรถไฟนะจ๊ะ"
ด้วยเหตุนี้ ทั้งแร็กนาร์และแม็กนัสจึงผ่านกำแพงระหว่างชานชาลาที่ 9 กับ 10 เกรซและอดัมไม่จำเป็นต้องมากับพวกเขา พวกเขาจำเป็นต้องไปที่สำนักงานต่อทันทีเนื่องจากมันจะเป็นวันที่วุ่นวายหลังจากวันหยุดปีใหม่
...
*พรึบ พรึบ*
ทันทีที่พวกเขามาถึงชานชาลา พวกเขาได้รับการต้อนรับจากซิเรียสและเจมส์จากด้านหลัง พวกนั้นเข้ามาตามพวกเขามาติดๆ
แม็กนัสหันกลับมามองและหัวเราะเบา ๆ "อา... เหล่าสตอล์กเกอร์น้อยที่น่ารักของฉัน..."
_____________________________