ตอนที่ 103 ปีใหม่ (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 103 ปีใหม่
แม็กนัสเดินตามเจ้าชายไปยังสิ่งที่ดูเหมือนกระโจมยักษ์ในสวน มีชายถือปืนยืนอยู่หน้าทางเข้า พวกเขาดูสูงใหญ่และดูน่าเกรงขาม พวกเขาพยายามทำให้แม็กนัสตกใจด้วยการชี้มีดสั้นมาทางเขา แต่ในอีก แม็กนัสมีปฏิกิริยาเพียงแต่คำว่า "หืม ... " และไม่สนใจพวกเขา
ทันทีที่เขาเข้ามา เขาก็ได้รับการต้อนรับจากห้องที่หรูหรา มีโซฟา มีโต๊ะกาแฟ และยังมีของโชว์อีกมากมาย และความคลั่งทองคำก็เบาบางไปเพราะทุกอย่างในห้องมีทองคำติดอยู่ในระดับหนึ่ง จากนั้น แม็กนัสก็สังเกตเห็นเพชรที่เขาเพิ่งขายไปวางอยู่บนโต๊ะกาแฟในตู้กระจกสวยงาม
กษัตริย์ทรงลุกขึ้นต้อนรับอย่างน่าประหลาดใจ แม็กนัสไม่คาดคิดว่าจะได้รับความเคารพที่นี่ เพราะผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักเย้ยหยันความคิดที่จะจัดเด็กให้อยู่ในระดับต่ำกว่าเล็กน้อย
"ยินดีต้อนรับสู่ริยาดนะ แมกนัส เรียกเราว่าฟัยศ็อลก็ได้ เราไม่มีกำลังพอที่จะพูดชื่อยาวๆ ในทุกครั้งที่เรียก ดังนั้นยกโทษให้เราด้วย ฮ่าฮ่า... เราชราแล้ว"
กษัตริย์ฟัยศ็อลตรัสอย่างตรงไปตรงมา
แม็กนัสค่อนข้างชอบเขาถ้านี่คือบุคลิกที่แท้จริงของเขา
"ขอบคุณสำหรับห้องกล่องวีไอพีนั้นนะครับ ถ้าผมรู้ว่าความลับของผมไม่ใช่ความลับแล้ว ผมคงได้พบท่านเร็วกว่านี้” แม็กนัสเอ่ย แม้ว่าเขาจะแค่พล่ามเรื่อยเปื่อย ทำไมเขาถึงตัดสินใจที่จะพบกับเพื่อนใหม่แบบสุ่มแทนที่จะใช้เวลากับครอบครัว?
"ในฐานะกษัตริย์ หน้าที่ของเราคือจำเป็นต้องรู้เรื่องต่างๆ แต่เราเข้าใจสถานการณ์พิเศษของท่านดี อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่ท่านจะขึ้นครองราชย์เท่านั้น เรามารับประทานอาหารกันดีกว่า" พระองค์เชิญแม็กนัสไปที่โซฟา
แม็กนัสนั่งลงตรงข้ามเขาแล้วถามว่า "ท่านจะไม่เอาเพชรก้อนนี้ไปเจียระไนหรือครับ?”
"ทำไมเราต้องทำแบบนั้นด้วย? มันมีความสวยงามที่แตกต่างกันในธรรมชาติ นี่เป็นนับตัวอย่างที่ดีที่สุดของสิ่งที่บริสุทธิ์และสวยงามจากที่ธรรมชาติสร้างคืนมาเลยนะ" กษัตริย์ฟัยศ็อลตรัส
แมกนัสตากระตุกพลางคิดไปว่า ~เขาขายน้ำมันแล้วยังกล้าพูดเกี่ยวกับธรรมชาติ... นี่ฉันได้ยินถูกใช่ไหมนี่?~
"เราเคยเห็นใบหน้าแบบนั้นอยู่ 5 ครั้ง แต่ทำอย่างไรได้ เราทุกคนต้องทำสิ่งที่เราต้องทำเพื่อดูแลคนของเรา ถ้าน้ำมันสามารถให้ชีวิตที่ดีแก่พวกเขาได้ ก็ช่างมันเถอะ” กษัตริย์พยายามชี้แจงจุดยืนของเขา
"แต่ถ้าท่านเดิมพันกับแค่น้ำมันเพียงอย่างเดียว การที่พวกท่านจะกลับไปจนอีกมันก็แค่เรื่องของเวลาก่อนเท่านั้นนะครับ น้ำมันมีจำนวนจำกัดและเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สักวันหนึ่งพวกรถยนต์ไฟฟ้าจะมาแทนที่รถยนต์สันดาป มันอาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ อาจจะไม่ใช่รัชสมัยของกษัตริย์สองสามองค์ถัดไป แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ” แม็กนัสกล่าวพร้อมกับเตือนเป็นนัยๆ
"แล้วเราจะทำอะไรได้อีกกับทะเลทรายแห่งนี้? อาหารสามารถไม่เติบโตได้ที่นี่ น้ำก็ขาดแคลน... เราไม่มีอุตสาหกรรมอื่นใดให้พึ่งพา" กษัตริย์ฟัยศ็อลแย้ง
แม็กนัสรีบตอบ "ท่านมีพ่อมดมากมายอยู่ใต้อาณัติของท่าน ใช้พวกเขาเพื่อค้นหาวิธีทำให้ดินของท่านอุดมสมบูรณ์ ค้นหานักสมุนไพรที่เก่งแล้วให้พวกเขาพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเติบโตได้ในสภาพอากาศแบบนี้ โลกไม่สนหรอกว่าพวกผู้วิเศษจะเป็นคนพัฒนามันขึ้นมาหรือเปล่า สิ่งที่พวกเขาสนใจคือมันมีอยู่และใช้ได้จริงต่างหาก"
กษัตริย์ฟัยศ็อลทรงพยักหน้าตอบรับ “เราได้ทำไปแล้ว แต่ไม่มีใครสามารถค้นพบความคืบหน้าได้เลย”
"งั้นก็จ้างพ่อมดต่างชาติสิ ท่านมีเงินนี่" แม็กนัสกล่าวว่า
"ได้ เราจะลองดู" กษัตริย์แห่งซาอุฯไม่ได้ตรัสเกี่ยวกับหัวข้อนี้อีกต่อไป เพราะการเปิดเผยความลับของรัฐนั้นเป็นเพียงเรื่องโง่เขลาเท่านั้น
แต่พระองค์ลุกขึ้นและหยิบลูกกลมเล็กๆ ออกมาจากหีบ มันเป็นวัตถุสีโลหะและสีทอง แต่มันไม่ได้ทำด้วยทองคำอย่างแน่นอน
"เราต้องการแสดงให้ท่านเห็น ซาอุดีอาระเบียอาจไม่ใช่ประเทศที่เก่าแก่ แต่ก็มีชื่อเรียกหลากหลายยาวนานตลอดประวัติศาสตร์ ตระกูลของเราก็มีอายุยาวนานมากเช่นกัน แต่ในสมัยนั้นมันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้
ลูกกลมนี้แสดงรูปของเมอร์ลินผู้ยิ่งใหญ่กับบรรพบุรุษของตระกูลเรา มีเพียงสมาชิกในครอบครัวของเราเท่านั้นที่สามารถเห็นภาพได้โดยการสัมผัส เราไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาได้พบกันหรือทำไมเมอร์ลินถึงมาที่นี่ แต่นี่เป็นมรดกตกทอดประจำตระกูลตั้งแต่นั้นมา มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าตระกูลของเราไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ เรามีประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง" พระราชาทรงตรัสบอกเรื่องนี้อย่างร่าเริง
แม็กนัสมองดูลูกแก้วโลหะด้วยความสนใจ "ขอผมถือดูได้ไหม?"
“ได้ ได้แน่นอน ถ้าจะมีใครนอกจากคนในตระกูลฉันมีสิทธิ์ก็ต้องเป็นท่าน” กษัตริย์ฟัยศ็อลมอบให้เขา
แม็กนัสมองจากทุกด้าน เขาไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร เขาจึงส่งเวทมนตร์เข้าไป และโดยไม่คาดคิด มันฉายเป็นภาพโฮโลแกรมของคนสองคนที่จับมือกัน คนหนึ่งเป็นเมอร์ลินในวัยเยาว์ และอีกคนน่าจะเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์ฟัยศ็อล
แต่คราวนี้มีข้อความปรากฏขึ้น มันเป็นภาษารูน แม็กนัสก็พอมีความรู้ด้านอักษรโบราณนี้อยู่นิดหน่อย อีกอย่างข้อความก็เขียนด้วยอักขระง่ายๆ
"อืม... มันบอกว่า 'พบสหายใหม่กลางทะเลทราย และขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายข้าจะไม่แต่งงานกับลูกสาวทั้งห้าของเจ้า' ฮ่าฮ่า... ดูเหมือนว่าบรรพบุรุษของท่านคงต้องเคยผจญภัยกับเมอร์ลินแน่ๆ" แม็กนัสกล่าวกลั้วหัวเราะ
ราชาตกใจเล็กน้อยและหัวเราะ “ฮ่าฮ่า... เราเคยได้ยินจากพ่อมดสมัยก่อนว่าเมอร์ลินเป็นคนอารมณ์ขัน ตอนนี้เราได้สัมผัสกับตัวแล้ว มนุษย์ตายไปแล้วแต่ยังเล่นตลกอยู่”
“ช่าย เขาทำแบบนั้นบ่อยเลยล่ะ” แม็กนัสพึมพำ
จากนั้นแม็กนัสก็ลุกออกไป เขาอยากใช้เวลากับครอบครัวมากกว่าอยู่กับชายชราคนนี้ “เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้พบกับท่านนะครับ แต่ตอนนี้ผมต้องกลับไปหาครอบครัวและใช้เวลาช่วงปีใหม่ร่วมกันกับพวกเขา ผมมีไฟลท์บินกลับแต่วันด้วย”
"ได้สิ ได้... สวัสดีปีใหม่นะคุณแม็กนัส" พระราชาอวยพรให้ เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว เพื่อทิ้งความประทับใจไว้ในความทรงจำของแม็กนัส เพื่อว่าเมื่อเด็กชายขึ้นเป็นครองราชย์แล้ว อย่างน้อยจะได้ระลึกถึงพระองค์
“ท่านก็เช่นกันครับ ฟัยศ็อล” แม็กนัสออกจากเต็นท์หลังจากร่ำลาเรียบร้อย
ข้างนอกเขาพบกับรักนาร์และเท็ดซึ่งกำลังแสดงท่าทีระแวดระวัง พวกเขากำลังวางแผนที่จะบุกเข้าไปในเต็นท์หากแม็กนัสไม่ออกมาในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเด็กชาย พวกเขาค่อยรู้สึกโล่งใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันครับ พวกเขาพยายามทำร้ายคุณหรือเปล่า?” เท็ดถามเขาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ในฐานะทนายความของเขา แต่ในฐานะผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็ก
"คุณคิดจริงๆ หรือว่าทุกอย่างจะยังสงบได้ ถ้าพวกเขาพยายามทำร้ายผมน่ะ? ผมคงจะเผาเต็นท์นั้นพร้อมกับทุกคนในนั้นไปแล้วล่ะ อย่ากังวลเลยครับ มันก็แค่เรื่องที่พระราชาอยากจะพบกับผมเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขามีพ่อมดอยู่ใต้บังคับบัญชาและรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอื่นๆ ของผมด้วย” แม็กนัสอธิบาย
“โล่งอกหน่อย ฉันก็ว่านายจะเจอคนที่แม่บอกให้พวกเราอยู่ห่างๆ ไว้ซะอีกแน่ะ” รักนาร์พูดติดตลก
"โอเค เราลองหาพ่อแม่กัน นี่เกือบเที่ยงคืนแล้ว ฉันอยากอยู่ฉลองกับพวกเขา"
แม็กนัสตัดสินใจและออกตามหาเกรซและอดัม
...
เกรซและอดัมนั่งอย่างสงบที่โต๊ะ ดื่มไวน์สนทนากัน
*ถอนหายใจ*
"ผมยังงงอยู่เลยว่าผมสามารถทำให้คุณมาชอบผมตอนมัธยมได้ไง" อดัมพูดพร้อมกับถอนหายใจด้วยความรักทีเปี่ยมล้นในดวงตาเขาขณะจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสวยของเกรซ
เกรซหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า "ไม่เอาน่า เราทั้งคู่รู้ดีนะคะว่าทำไม ตอนนั้นฉันเป็นแค่เด็กเนิร์ดเฉิ่มๆ สวมเสื้อผ้าหลวมโคร่ง และใส่เหล็กดัดฟันด้วย มันพิลึกไปด้วยซ้ำที่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาสนใจฉัน”
“อืม... ก็แปลกนะ สำหรับผม คุณดูเหมือนสาวน้อยที่สวยที่สุดในโรงเรียนเสมอเลย” อดัมพูดอย่างทะเล้น
"ฮิฮิ... ฉันเชื่อค่ะ ฉันจำได้ว่าคุณปฏิเสธสาวคนนั้นที่ชื่อเบลล่ายังไง คุณใจร้ายกับเธอมากเลย ไปเรียกผู้หญิงที่ต้องการตัวมากที่สุดในโรงเรียนว่าน่าเกลียดและงี่เง่า” เกรซจำได้ในขณะที่กลั้นหัวเราะ
อดัมกอดอก "ก็เธอโง่จริงๆ นี่ ผมหมายถึงเธอสอบตกในโรงเรียนมัธยมปลาย ในขณะที่ คุณกับผมเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบเพราะคะแนนสูงสุด อา เปลี่ยนไปเยอะเลยจากตอนนั้น”
เกรซเอนหลังบนที่นั่งของเธอแหงหน้ามองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว "ใช่ มากทีเดียว เข้าร่วมกองทัพ มีแม็กนัส และเรื่องตอนนี้ที่ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น มันอย่างกับไม่ใช่เรื่องจริงเลย ใครจะคิดว่าลูกชายของเรามีเงินห้าร้อยล้านดอลลาร์อยู่ในกระเป๋า? ฉันไม่เคยคาดหวังสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต และเขาอายุแค่ 11 ขวบ ฉันเดาว่าเขาต้องรับเอายีนที่ดีที่สุดของเราทั้งสองคนแล้วทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบที่สุด เขาทั้งฉลาดเกินวัยจนบางครั้งฉันรู้สึกว่ายังทำงานหนักไม่พอ ฉันต้องทำงานให้หนักขึ้นและทำงานวิจัยให้เสร็จ บางทีด้วยค่าสิทธิบัตรเหล่านั้น สักวันหนึ่งฉันคงสามารถสร้างโรงพยาบาลของตัวเองได้"
อดัมขยับเข้ามาใกล้เธอและจับมือเธอไว้ "ผมมั่นใจชัวร์ๆ ว่าคุณทำได้ ให้ตายเถอะ ผมจะขอพูดไว้ตอนนี้เลย ว่าสักวันหนึ่งคุณจะเป็นแพทย์โรคหัวใจที่ดีที่สุดในโลก"
"*แค็กๆ*... ที่จริงแม่จ๋าก็จะเป็นพระราชชนนีและเป็นแพทย์โรคหัวใจที่ดีที่สุดในโลก" เสียงของแม็กนัสดังมาจากด้านหลังกางแขนสองข้างโอบรอบคอของเกรซ
เธอยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "ลูกไปอยู่ที่ไหนมาจ๊ะ เราพยายามตามหาเธอทั้งสามคน"
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ กษัตริย์ซาอุต้องการพบผม เขารู้ว่าสักวันหนึ่งผมจะได้เป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษ ก็แค่พวกเรื่องการเมือง” แม็กนัสไม่ได้ซ่อนตัวจากพวกเขา
“โอ้ พ่อหวังว่าเขาจะใจดีกับลูกนา” อดัมพูดอย่างปกป้อง
"มันน่าจะเป็นเรื่องที่ฉลาดกว่าฮะ ที่จะไม่ทำลายหน้ากษัตริย์แห่งอังกฤษในอนาคต ยังไงก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว จะมีการแสดงพลุอย่างยิ่งใหญ่ พวกเขาน่าจะลดแสงไฟลง เรามานั่งสนุกด้วยกันดีกว่าฮะ” แม็กนัสพูดแล้วลากเก้าอี้ไปที่โต๊ะ
ทุกคนนั่งด้วยกัน แม็กนัสมองไปที่เท็ด “ผมขอโทษนะครับ ที่วันนี้คุณอยู่ฉลองกับภรรยาไม่ได้”
“ไม่เป็นไร งานทั้งหมดที่ผมทำก็เพื่ออนาคตของเรา เพราะงั้นฉันคิดว่าเธอจะยกโทษให้ผม” เท็ดยักไหล่ แต่ลึกๆ แล้วเขารู้ว่าเขาน่าจะถูกดึงหูยานแน่
แม้ว่าแม็กนัสจะไม่อยากปฏิบัติต่อทนายความของเขาอย่างเลวร้าย เขาจึงตัดสินใจให้รางวัลแก่เขา "ครั้งนี้คุณทำได้ดีมากครับ ถ้าคุณหาช่องสำหรับเพชรก้อนนี้ไม่ได้ล่ะก็ เราคงไม่ได้มาที่นี่ ดังนั้นคุณควรได้รับโบนัสจากบัญชีบริษัท สิบล้านดอลลาร์นะครับ”
เท็ด...รู้สึกหนักใจ เขาได้รับเงินเดือนที่ดีมากอยู่แล้ว และนี่มากกว่าทุกสิ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อน
“ขอบคุณครับ” เขาพึมพำ
*วี้…ตุ้ม*
"อ้า! เที่ยงคืนแล้วเหรอ? สวัสดีปีใหม่นะครับทุกคน..." แม็กนัสพูดเสียงดัง
ดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าเริ่มถูกจุดขึ้นและแสงส่องไปที่ใบหน้าของพวกเขา แม็กนัสกำลังคิดว่าปีใหม่นี้จะนำอะไรมาให้เขา
~ ลอบโจมตีฉันหนักกว่าเดิม? มีเงินมากขึ้น? แข็งแกร่งขึ้น? ปีนี้คงเต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องทำมากมายเลย ฉันว่านะ...~ เขาคิด
ในขณะเดียวกัน ต่างคนต่างก็มีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นในหัวของพวกเขา เท็ดกำลังคิดถึงครอบครัวของเขา "ฉันหวังว่าฉันจะสามารถปกป้อง อันโดรเมดา กับ ดอร่าน้อย ให้ปลอดภัยจากตระกูลเจ้าคิดเจ้าแค้นของเธอนะ"
อดัมกำลังคิดถึงครอบครัวเล็กๆ ของเขา "ฉันหวังว่าเราจะมีความสุขแบบนี้ตลอดไป"
รักนาร์คิดถึงเรื่องแย่ที่สุดมาแต่เขาก็มีความหวัง ~เห็นนี่ไหมครับ? ผมคิดถึงแม่จ๋านะฮะ ขอให้มีความสุขบนสรวงสวรรค์ เจอกันหลังล้างแค้นนะฮะ ผมขอสัญญา~
เขารู้สึกเศร้าใจ นึกถึงงานฉลองปีใหม่ที่เคยทำร่วมกับครอบครัวเมื่อเขายังเล็ก เขาหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ
แต่ผู้เป็นแม่ย่อมมีความเป็นแม่ ไม่ว่าแม่จะเป็นของคุณหรือของคนอื่น พวกเขารับรู้ได้เมื่อคุณเศร้า รักนาร์รู้สึกถึงมือที่ไหล่เล็กของเขา เขาเหลียวหลังเล็กน้อย กลั้นน้ำตาไว้ และเขาเห็นใบหน้าที่สงบและยิ้มแย้มของเกรซ ให้กำลังใจอย่างเงียบๆ ว่าจะไม่ร้องไห้
เกรซสังเกตเห็นว่ารักนาร์กระตุกที่หลัง เธอรู้ว่าเขากำลังกลั้นน้ำตาอยู่เงียบๆ เธอรู้สึกแย่แทนเขา เธอรู้ว่าแม็กนัสจะเป็นแบบนี้เช่นกันหากมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเธอเองหรืออดัม ดังนั้น เธอจึงอธิษฐานในครั้งนี้ ~ขอแค่ให้เจ้าตัวน้อยเหล่านี้มีความสุข ฉันจะเติมเต็มความฝันของฉันเอง พวกเขาต้องการพรมากกว่านี้~
พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่แสงบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ด้วยความคิดในหัวที่เปลี่ยนไปตามแสงใหม่แต่ละดวง
_____________________________
Happy New Year