อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 190 ผลประโยชน์ไม่ลงตัว
*ฝากกดติดตาม : SleepTsl ด้วยนะครับจะมีประกาศอะไรบางอย่างเร็วๆ นี้*
ตอนที่ 190 ผลประโยชน์ไม่ลงตัว
หลังจากคนที่ได้รางวัลใหญ่นี้ออกไป มันก็กระตุ้นความอยากของนักพนันจำนวนมากทันที
ทำให้ช่องทางโทรเข้าของบริษัทรับเดิมพันถูกถล่มในเวลาต่อมา
โดยมีทั้งคนที่เปิดบัญชีและบางคนก็ฝากเดิมพันทำให้โทรศัพท์กว่า 100 เครื่องดังไม่หยุด
เพียงสามวันก็มีการเปิดบัญชีใหม่มากกว่า 10,000 บัญชี และจำนวนเงินของผู้คนที่มาฝากเดิมพันก็มีมากถึง 2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทตัวแทนจะได้เงินราวๆ 100,000 ดอลลาร์
แต่อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือเงินจะอยู่ในบัญชีของบริษัทตัวแทนและไม่ต้องเสียดอกเบี้ยโดยบริษัทตัวแทนจะสามารถยืมเงินและเอาไปหมุนทำกำไรได้
ส่วนเงินที่ได้จากลอตเตอรี่นั้นเหรอ?
ฮ่าๆ
มันต้องบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในลอสแอนเจลิสคือเงินสดเมื่อเงินหมุนเวียนเข้าไปในประเทศแล้วมันก็จะเปลี่ยนเป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
มันก็เหมือนกับการฟอกเงินดีๆ นั้นเอง
ในเวลาเดียวกัน
เนื่องจากบริษัทรับเดิมพันได้เปิดตัวมันก็ทำให้เงินรางวัลของลอตเตอรี่ในคาสิโนสูงขึ้นเรื่อยๆ
เพียงไม่กี่วันก็มีเงินรางวัลมากถึง 30,000 ดอลลาร์
ซึ่งการลงเดิมพันผ่านตัวแทนเวลานี้…ยอดเงินรางวัลได้เกินของคนที่เดิมพันในคาสิโนแล้ว
และการที่รางวัลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันก็กระตุ้นความอยากได้ของนักพนันจนมีผู้คนเข้ามาเดิมพันมากขึ้นไปอีก
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน
บิลก็มารายงานฮาร์ดี้เกี่ยวกับยอดเงินในบัญชีของบริษัทตัวแทน "ตอนนี้บริษัทมีกองทุนอยู่ราวๆ 10 ล้านดอลลาร์ และคาสิโนก็มีรางวัลสำหรับผู้ชนะอยู่ที่ 40,000 ดอลลาร์ในเวลานี้"
ความเป็นจริงบริษัทตัวแทนการลงทุนยังคงมีขนาดเล็ก เพราะบทบาทส่วนใหญ่จะอยู่ที่การส่งเสริมธุรกิจคาสิโน
เวลานี้ฮาร์ดี้กำลังคิดคำนวณบัญชีในหัว
โดยการจับรางวัลแต่ละครั้งจะอยู่ที่ 40,000 ดอลลาร์ พร้อมกับจับ 10 ครั้งต่อวันและคาสิโนก็จะหักไป 15%
ดังนั้นหากมันยังเป็นแบบนี้ไปตลอดทั้งปี รายได้อาจมากถึง 22 ล้านดอลลาร์!
มันช่างเป็นรายได้ที่บ้าบออย่างแน่นอน
…
คฤหาสน์ของฮาร์ดี้ในลาสเวกัส
วันนี้ฮาร์ดี้เชิญนายกเทศมนตรีกู๊ดแมนมาเป็นแขก
ซึ่งกู๊ดแมนชอบไวน์แดงเป็นพิเศษฮาร์ดี้เลยพานายกเทศมนตรีมาที่ห้องเก็บไวน์ใต้ดินของเขา
ห้องเก็บไวน์ถูกสร้างค่อนข้างลึกและผนังมีความหนามาก มันเลยเทียบเท่ากับการถูกเก็บไว้ตามธรรมชาติที่อุณหภูมิคงที่ตลอดทั้งปี
โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 17 ถึง 8 องศา
ห้องเก็บไวน์ทั้งหมดมีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร ข้างผนังและตรงกลางเต็มไปด้วยชั้นวางของที่ทำจากไม้พร้อมกับมีขวดไวน์แดงวางอยู่บนนั้น
กู๊ดแมนเดินไปหยิบขวดออกมาดูอย่างชิวๆ "ไวน์ลาตูร์ปี 1908 อืม...ของดีเลยนะนี้ เห็นเขาพูดกันว่าปี 08 คือของดีที่สุดในรอบ 10 ปีนี้เลย และราคาของขวดนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 500 ดอลลาร์มั่ง?"
ฮาร์ดี้ยิ้ม "500 ดอลลาร์นั่นคือราคาเมื่อสองปีก่อน เมื่อเร็วๆ นี้ราคาไวน์เก่าเก็บนั้นพุ่งสูงขึ้นมาก ทำให้ราคาตอนนี้ขายส่งน่าจะอยู่ที่ 800 ดอลลาร์ ส่วนขายทั่วไปน่าจะราวๆ 1000 ดอลลาร์"
กู๊ดแมนถือมันอย่างระมัดระวังและหันไปมองอยู่สองครั้ง ก่อนจะเอามันกลับไปในชั้นวางอย่างไม่เต็มใจและเดินไปสองก้าวหยิบอีกขวดที่ชื่อว่าลาฟิตปี 1928 ออกมาดู
หลังจากที่มองไวน์ในห้องใต้ดินแล้วเขาก็เห็นว่ามันมีของดีอยู่เยอะเหมือนกัน เช่น มาร์โกซ์ ไวท์ฮอร์ส กูตูร์ มูตงและเปตรุส ส่วนมูลค่าของไวน์แดงพวกนี้ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าสี่หรือห้าล้านดอลลาร์?
ฮาร์ดี้ดึงขวดไวน์จากชั้นไม้ออกมาก่อนจะยิ้มและยื่นมันให้นายกเทศมนตรีกู๊ดแมน "วันนี้เรามาดื่มขวดนี้กันดีไหม?"
โฮรมาเนกงติ ปี 1914 ‘อืม ของดี…’
ผลผลิตของไวน์ตัวนี้นั้นมีไม่มาก เลยทำให้ไวน์ตัวนี้ราคาสูงกว่าปกติ และไวน์ตัวนี้น่าจะมีราคาแพงกว่าลาตูร์เยอะมาก
ทั้งสองจึงกลับไปที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับไวน์ในมือ และหลังจากจิบไวน์ไปสักพักฮาร์ดี้ก็เริ่มคุยกับนายกเทศมนตรีกู๊ดแมน
"ฮาร์ดี้โฮเทลเปิดตัวได้ดีมากจริงๆ ตอนนี้นักพนันต่างก็ไหลเข้ามาในลาสเวกัสทุกวัน และรถบัสก็เป็นสิ่งที่ดีมาก มันช่วยให้ผู้คนจากลอสแอนเจลิสมาที่นี่ได้สะดวกจริงๆ ฉันคิดว่าลาสเวกัสน่าจะกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ" นายกเทศมนตรีกู๊ดแมนพูดด้วยรอยยิ้ม
"รัฐบาลจะได้รับภาษีมากขึ้นก็ต่อเมื่อประเทศนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองใช่ไหมล่ะ?" ฮาร์ดี้พูดด้วยรอยยิ้ม
"ฮ่าๆ แน่นอนสิ ยังไงชาวลาสเวกัสก็หวังว่าสถานที่แห่งนี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ และในปีหน้ารัฐบาลก็จะลงทุนกับสาธารณสุขให้มากขึ้นไปอีก โดยที่คิดๆ ไว้ตอนนี้ก็จะมี ระบบระบายน้ำ ระบบจราจร ระบบสื่อสาร ระบบสุขาภิบาล" นายกเทศมนตรีกล่าว
"หากรัฐบาลต้องการความช่วยเหลือฮาร์ดี้โฮเทลก็พร้อมจะสนับสนุนพวกคุณ แต่ในเวลานี้กำลังมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมามากขึ้นเรื่อยๆ ลาสเวกัสกลับมีโรงพยาบาลขนาดเล็กแค่ที่เดียว ผมคิดว่ามันอาจจะไม่พอกับความต้องการในปัจจุบันสักเท่าไหร่ ผมเลยอยากจะลงทุนกับการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งลาสเวกัส คุณคิดว่ามันจะดีไหมนายกกู๊ดแมน?" ฮาร์ดี้กล่าว
ปัจจุบันลาสเวกัสมีผู้อยู่อาศัยถาวรเพียงหลายหมื่นคน ซึ่งมันเทียบไม่ได้กับสหรัฐอเมริกาเลย
แต่เขานั้นรู้ดีว่าจำนวนคนในอนาคตจะต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน และการที่เขาเสนอตัวสร้างโรงพยาบาลมันก็ใช่ว่าจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์...
เพราะในอนาคตเขาสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นโรงพยาบาลหลักของตัวเองได้
นายกเทศมนตรีกู๊ดแมนรู้สึกมีความสุขทันทีเมื่อเขาได้ยิน
เพราะยังไงการสร้างโรงพยาบาลก็เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของเมืองและมันก็ถือว่าเป็นความสำเร็จทางการเมืองอีกทางหนึ่ง
"อีกอย่าง...ที่นี่นั้นมีโรงเรียนประถมกับมัธยมแล้ว แต่มันยังไม่มีมหาวิทยาลัยเป็นของตัวเอง…ผมก็เลยคิดว่าลาสเวกัสน่าจะต้องมีมหาลัยเป็นของตัวเองด้วย คุณคิดยังไงถ้าผมจะสร้างมหาวิทยาลัยที่นี่? " ฮาร์ดี้ถาม
นายกเทศมนตรีกู๊ดแมนมองฮาร์ดี้ด้วยความตกใจ
เพราะหากเขาสามารถเพิ่มมหาวิทยาลัยเข้าไปในเมืองได้ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่ง
มันก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน และอาจจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ของการเมืองไปด้วย
"แน่นอนมันเป็นสิ่งที่ดี แต่ประชากรของเรามีน้อยและธุรกิจของเราก็ไม่ได้มีหลากหลายเท่าไหร่ มหาลัยจึงเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นสำหรับที่นี่ และมหาลัยดังๆ มันก็ได้รับการพัฒนามานานกว่าร้อยปี นายคิดว่าลาสเวกัสจะเปิดมาลัยแบบไหนได้บ้างละ?" นายกกู๊ดแมนถาม
ฮาร์ดี้รู้ว่านายกเทศมนตรีกู๊ดแมนหมายถึงอะไร
เพราะที่ลาสเวกัสนั้นมีแต่ธุรกิจคาสิโนและไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย
แล้วมหาลัยที่เกี่ยวกับการพนันจะเป็นไปได้ไหมล่ะ?
มันคงจะน่าไร้สาระเกินไปมากกว่า
อย่างไรก็ตามฮาร์ดี้รู้ดีว่าลาสเวกัสจะมีมหาวิทยาลัยเป็นของตนเองในอนาคต
แต่เวลานี้ยังไม่ได้รับการก่อตั้งขึ้นจนกว่าจะผ่านไปอีกสิบปีให้หลัง
ในชีวิตที่แล้วที่เขามาลาสเวกัสเพื่อเล่นพนัน ไกด์ได้แนะนำเขาว่าที่นี่นั้นมีมหาลัยที่สอนหลักสูตรเกี่ยวกับ ศิลปะ สิ่งแวดล้อม และการจัดการโรงแรมอยู่
ซึ่งวิชาเอกนั้นก็คือการจัดการโรงแรมที่เป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
"ในอนาคตลาสเวกัสจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผู้คนจะเดินทางมาที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ และธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมจะยิ่งขาดแคลนบุคลากร งั้นเราก็สามารถเปิดสาขาการจัดการโรงแรมก่อนได้ และเมื่อมีการพัฒนาในอนาคต เราจะค่อยๆ เพิ่มสาขาอื่นๆ ขึ้นมาอีก" ฮาร์ดี้กล่าว
ถึงจะบอกว่ามันเป็นมหาวิทยาลัยแต่จริงๆ แล้วมันก็แค่โรงเรียนสอนการจัดการโรงแรมเท่านั้นเอง
นายกเทศมนตรีกู๊ดแมนรู้สึกว่าข้อเสนอของฮาร์ดี้นั้นใช้งานได้จริง และฮาร์ดี้ก็คิดว่ามันไม่ได้ดูเกินตัวมากเกินไป
เขาจึงช่วยแนะนำว่าจะหาคนมาจัดตั้งให้มันกลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งของโลก
พ่อบ้านได้ยกไวน์ไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วรินให้กับทั้งสองคนอีกครั้ง
กู๊ดแมนหยิบแก้วขึ้นมาและมองไปที่น้ำสีแดงมรกต และก็ต้องบอกว่านี่คือไวน์แดงยอดนิยมของโรมาคอนติ
เพียงแค่จิบ...แล้วกลืนลงไปเบาๆ แต่แค่จิบนี้ก็มีราคาหลายดอลลาร์แล้ว
มันเหมือนกับจิบทองเข้าไปเต็มปากเลย
กู๊ดแมนพูดกับฮาร์ดี้อีกว่า "เพื่อนเก่าโทรหาฉันเมื่อสองวันก่อน เขาพูดว่าได้เห็นฉันออกโทรทัศน์ด้วยและเขาก็มีความสุขมากที่ได้เห็นลาสเวกัสดีขึ้นกว่าเดิม แล้วยังบอกอีกว่าจะมาที่ลาสเวกัสเพื่อเล่นเกมกับฉันเมื่อเขามีเวลา แต่ยังไงก็ตามเพื่อนของฉันเป็นสมาชิกสภาคองเกรสของรัฐจากเนวาดา"
ไม่กี่วันก่อนฮาร์ดี้ขอให้สถานีโทรทัศน์สัมภาษณ์นายกกู๊ดแมน
โดยที่นายกเทศมนตรียืนอยู่ที่หน้าฮาร์ดี้โฮเทลและพูดเกี่ยวกับแผนของรัฐบาลกับวิสัยทัศน์ของอนาคตลาสเวกัสให้นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาฟัง
แต่แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นการแสดง
ฮาร์ดี้จิบไวน์ยิ้มและพูดว่า "ถ้าสมาชิกสภาคองเกรสจะมาที่ลาสเวกัส เขาก็คงมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อหาความสนุกแต่อาจจะเป็นการพูดคุยทางธุรกิจก็ได้ งั้นผมฝากคุณช่วยบอกเพื่อนๆ ของคุณด้วยว่าฮาร์ดี้โฮเทลเรายินดีจะให้ใช้บริการฟรี เพื่อที่จะได้ใช้เวลาทำความเข้าใจกับลาสเวกัสในปัจจุบันให้มากขึ้น"
"อ้อ ถ้าเขามากับครอบครัวเขาสามารถขอเปิดห้องเพิ่มได้เลย"
กู๊ดแมนยกแก้วขึ้นเพื่อขอบคุณฮาร์ดี้
"ในอีกสองวันผมจะมีพิธีที่ยิ่งใหญ่สำหรับการเปิดสนามแข่งม้าและสนามแข่งสุนัข"
"สนามแข่งสุนัขเป็นกิจกรรมเพื่อความบันเทิงของทุกคน แน่นอนว่าพวกเขาต้องชอบกันมากแน่ๆ เพราะหากคุณไม่มีอะไรทำ…คุณก็สามารถมาพักผ่อนมาเล่นมาดูที่นี่ได้ และในอนาคตเราก็จะถ่ายทอดสดอีกด้วย"
"ซึ่งผมจะสร้างให้มันยิ่งใหญ่กว่าที่อื่นๆ โดยในพื้นที่ประมาณ 40 เอเคอร์ของผม นอกจากสนามแข่งแล้วยังจะมีสถานที่เพาะพันธุ์ม้าด้วย ส่วนสนามแข่งนอกจากเวลาแข่งม้าเสร็จแล้ว มันยังสามารถใช้จัดงานแข่งขันม้าระดับชาติหรือจะเป็นการแข่งขันม้าจากทั่วประเทศก็ได้ ยังไงถ้ามีคนมารวมตัวกันที่นี่มันก็ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดีสำหรับลาสเวกัส" ฮาร์ดี้กล่าว
"เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะเชิญคุณมาตัดริบบิ้นให้สักหน่อย"
กู๊ดแมนชอบที่จะได้สร้างอะไรให้เมืองนี้อยู่แล้ว เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วยทันที
"ว่าแต่ท่านนายกเทศมนตรีกู๊ดแมนมีใครไปฟ้องคุณบ้างไหมว่าการที่มีฮาร์ดี้โฮเทลนั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา? เช่นรายการต่อรัฐบาลว่าลอตเตอรี่ของโรงแรมลาสเวกัสนั้นผิดกฎหมาย?" ฮาร์ดี้ถามด้วยรอยยิ้ม
นายกเทศมนตรีกู๊ดแมนยักไหล่ "มันก็มีคนมาขอให้ฉันออกมาพูดเรื่องแย่ๆ ของฮาร์ดี้โฮเทลเหมือนกัน แต่ฉันก็รู้ดีว่าพวกเขาแค่อิจฉาธุรกิจของนาย ส่วนเรื่องลอตเตอรี่ ฉันไม่เห็นว่ามันขายตรงไหนเลย มันก็แค่บริษัทมารับเดิมพันแทน มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับการซื้อลอตเตอรี่เลยสักนิด..."
ฮาร์ดี้ยกแก้วขึ้นและยิ้มออกมา
นายกเทศมนตรีกู๊ดแมนและฮาร์ดี้ชนแก้วกันก่อนจะจิบเพื่อแสดงความยินดีที่การพูดคุยครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
ตอนที่นายกเทศมนตรีกู๊ดแมนออกจากคฤหาสน์ ฮาร์ดี้ก็มีไวน์แดงอีกสองกล่องให้เขา
โดยมีไวน์แดงคุณภาพสูงสไตล์เก่าเก็บอย่างละ 2 ขวด รวมทั้งหมดก็ 12 ขวด
ซึ่งมูลค่าของไวน์แดงเหล่านี้เพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่ามากกว่า 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ
และนี่ก็ไม่ใช่การติดสินบน แต่มันเป็นแค่การแลกเปลี่ยนระหว่างนักดื่มเท่านั้น
ไม่กี่วันต่อมา...
พิธีเปิดของสนามแข่งม้า สนามแข่งสุนัขก็เริ่มขึ้น
ฮาร์ดี้เชิญนายกเทศมนตรีมาและเขาก็ยังส่งคำเชิญไปยังหัวหน้าของคาสิโออื่นๆ ด้วย
แน่นอนว่าพวกเขาบางคนก็มาเข้าร่วมตามการนัดหมาย
ซึ่งการลงทุนสนามแข่งสุนัขมันก็ใช้เงินไม่เยอะเท่าไหร่มันมีพื้นที่แค่ 2 เอเคอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกก็ไม่ได้มีเยอะ เขาเลยใช้เงินลงทุนไปแค่ 100,000 ดอลลาร์เท่านั้น
แต่สนามแข่งม้าจะค่อนข้างใหญ่และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะกว่า
มันจึงถือว่าเป็นกิจการขนาดใหญ่ เลยทำให้การลงทุนสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์
ฮาร์ดี้กำลังตัดริบบิ้นกับนายกเทศมนตรีอยู่บนเวที ขณะที่หัวหน้าคาสิโนพูดคุยกันเบาๆ
"ตอนนี้ฮาร์ดี้คาสิโนกำลังได้รับความสนใจมากจริงๆ นักพนันทุกคนต่างก็สนใจที่จะไปที่นั่น และคาสิโนของเราก็มีนักพนันมาน้อยลงเรื่อยๆ ในหนึ่งวันมีคนไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว" หัวหน้าคาสิโนบ่น
"พวกเราก็เหมือนกัน มันแทบจะไม่นักพนันเข้ามาเลย" หัวหน้าคาสิโนด้านข้างพูด
หัวหน้าคนหนึ่งมองไปที่ฮาร์ดี้และพูดว่า "สิ่งอำนวยความสะดวกในฮาร์ดี้โฮเทลนั้นดึงดูดใจมากจริงๆ เพราะแขกสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารอร่อยๆ และกลับไปหาความสนุกต่อได้ ทำให้คาสิโนของเราไม่สามารถสู้ได้เลยและนี่ยังเพิ่งเปิดตัวเท่านั้น ในอนาคตเราน่าจะอยู่ยากกันแน่ๆ"
"แล้วนายมีวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้ไหม?" ใครบางคนถาม
"ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดนายคิดว่าจะท้าทายความแข็งแกร่งของทอมฮาร์ดี้ได้เหรอ?" ใครบางคนพูดเยาะเย้ย
ฮาร์ดี้คาสิโนไม่เพียงแต่ดึงดูดแขกไปเท่านั้น แต่พวกเขายังเปิดรับพนันผ่านทางโทรศัพท์อีกด้วย
ดังนั้นพวกเขาเพียงแค่ถ่ายทอดสดการเล่นลอตเตอรี่ แค่นี้ก็สามารถทำเงินได้มากมายแล้ว
มันเลยทำให้บางคนอิจฉามาก
ในตอนท้ายของพิธีเปิดฮาร์ดี้ก็ไปส่งนายกเทศมนตรีกับคนใหญ่คนโตคนอื่นออกไปและเขาก็หันไปมองหัวหน้าคาสิโนต่างๆ ด้วยรอยยิ้ม
"ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมพิธีเปิดสนามแข่งม้ากับสนามแข่งสุนัข ในอนาคตฉันเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน" ฮาร์ดี้กล่าว
หัวหน้างานบางคนพยักหน้าเล็กน้อยในขณะที่คนอื่นๆ สาปแช่งอย่างลับๆ
เป็นนายสิที่มีลูกค้ามากขึ้น เพราะลูกค้าทุกคนที่มาลาสเวกัสเกือบทั้งหมดก็ไปเล่นที่คาสิโนของนาย!
หัวหน้าครอบครัวสตราชีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวใหญ่ของนิวยอร์กพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า "ธุรกิจคาสิโนของนายจะดีขึ้นอย่างแน่นอนฮาร์ดี้... แต่สำหรับเรานั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย และยังแย่กว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ"
ฮาร์ดี้มองไปที่ผู้ชายคนนี้ และเขาก็คิดได้ว่าเขาเป็นคนที่ระเบิดคาสิโนของครอบครัวนี้เอง
แล้วพวกเขาจะไม่รู้ได้ยังไง?
ใช่ไหมล่ะ?
มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะเกลียดฮาร์ดี้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้อตกลงที่ทำความร่วมมือไว้กับอำนาจของฮาร์ดี้ในชายฝั่งตะวันตกทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะยั่วยุฮาร์ดี้
ซึ่งในเวลานี้คาสิโนของพวกเขาได้รับการปรับปรุงใหม่หมดและเตรียมพร้อมที่จะเปิดแล้ว แต่กลับไม่มีลูกค้าเลย แล้วมันจะไม่ให้พวกเขาโกรธได้ยังไง?
ฮาร์ดี้ยิ้มอย่างเย็นชา
"ถ้าตัวเองทำธุรกิจต่อไม่ได้ แต่ยังกลับมาโทษคนอื่นอีก ทำไมนายถึงไม่กลับไปปรับปรุงตัวเองเอาล่ะ?"
"แถมฮาร์ดี้โฮเทลก็ไม่ได้โด่งดังแบบนี้มาก่อน แต่ทำไมเวลานี้มันถึงโด่งดังขนาดนี้ล่ะ? เพราะมันคือ 'อนาคต' ของลาสเวกัสไง…นายคิดดูสิถ้านายมาที่ลาสเวกัสเพื่อเล่นโต๊ะพนันพังๆ กับมาที่คาสิโนหรูหราเพื่อที่จะได้คุ้มค่ากับการเดินทางหลายพันไมล์ที่มีแต่ทะเลทราย นายคิดว่าอันไหนจะดึงดูดผู้คนได้?"
"ในลาสเวกัสนั้นมีบ่อเงินที่ไม่สิ้นสุด สิ่งที่พวกนายควรทำก็คือร่วมมือทำให้บ่อเงินนี้ใหญ่ขึ้นไปอีก ไม่ใช่จะมายืนโกรธเพราะเห็นว่าธุรกิจของคนอื่นไปได้ดี และบางคนยังคิดที่จะมาทำลายอีก"
เมื่อได้ยินประโยคนี้ใบหน้าของหัวหน้าคาสิโนเหล่านี้ก็เปลี่ยนไป
ฮาร์ดี้ไม่สนใจคนเหล่านี้อีก เขามองไปที่คนอื่นๆ และพูดว่า "ในลาสเวกัสนั้นมีธุรกิจอยู่มากมาย ถึงแม้จะมีฮาร์ดี้โฮเทลอีกสิบแห่ง ฉันคิดว่ายังไงทุกๆ คนก็ยังทำเงินได้ และเอาข้อความที่ฉันจะพูดไปบอกกับบอสใหญ่ของพวกนายด้วย …บอกพวกเขาว่า ทอมฮาร์ดี้กำลังจะสร้างคาสิโนที่หรูหรายิ่งกว่าเดิม และถามพวกเขาด้วยว่าอยากจะมาร่วมลงทุนด้วยไหม?"
หัวหน้าทุกคนต่างตกตะลึง
บรรยากาศแปลกๆ ตอนแรกเวลานี้ได้สลายหายไปแล้ว และทุกคนก็กำลังครุ่นคิดอยู่ในหัว
"คุณฮาร์ดี้วางแผนที่จะสร้างคาสิโนให้ใหญ่กว่าที่เดิมจริงๆ เหรอ?" ใครบางคนอดถามไม่ได้
"แน่นอนสิ ฉันจะบอกพวกนายอย่างหนึ่งละกัน ในความเป็นจริงฮาร์ดี้โฮเทลนั้นมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว โรงแรมของเราเปิดมาสองเดือนก็มีผู้คนเต็มใจที่จะกลับมาที่นี่เพื่อพักผ่อนและกลับมาเล่น แต่ที่คาสิโนของพวกนายไม่มีคนเข้ามันไม่ใช่เพราะไม่มีนักพนันแต่เป็นเพราะนักพนันเหล่านั้นไม่ชอบพวกนายต่างหาก"
ประโยคนี้เหมือนเป็นการดูถูกพวกเขากลายๆ
แต่ที่นี่ไม่มีใครปฏิเสธเพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เพราะธุรกิจคาสิโนของพวกเขามันไม่ได้ดีขึ้นเลย แต่ธุรกิจโรงแรมรอบๆ กลับดีกว่าเดิมมาก
แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ไม่มีแขก…
แต่เป็นพวกเราเองที่ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้
"คาสิโนใหม่จะยิ่งใหญ่กว่าเดิม คาดว่าจะมีพื้นที่ประมาณ 100 เอเคอร์ และคาสิโนก็จะหรูหรามากขึ้นพร้อมกับห้องพักที่จะหลากหลายรูปแบบเช่น ห้องสวีทมากกว่าพันห้องและสิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์การค้า สวนสนุกต่างๆ รองรับอยู่รอบๆ โรงแรม"
"ส่วนงบประมาณเริ่มต้นสำหรับคาสิโนนี้"
ฮาร์ดี้ยื่นนิ้วออกมา
"หนึ่งร้อยล้าน!"
หลายคนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
มันจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหนถึงใช้งบ 100 ล้าน!