บทที่ 47: อย่ากลับคืนคำ ไปเรียกราชาหยานให้กลับมา
บทที่ 47: อย่ากลับคืนคำ ไปเรียกราชาหยานให้กลับมา
“เมื่อกี้นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
หวังชุนกัดฟันและมองไปที่ซุยเฮ็ง
เขาพ่ายในศึกครั้งนี้อย่างน่าฉงนงุนงง เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้ประสบเข้ากับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไร้สาระและน่าสะพรึงกลัวอย่างเช่นเมื่อกี้
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ท้องฟ้านั้นแจ่มใส แต่จู่ๆ ทันใดนั้นแม่น้ำสายใหญ่ก็ไหลซัดเข้ามา
เขาไม่เคยได้ยินปรากฎการณ์ประหลาดเช่นนี้มาก่อน
“เจ้ากล้าดียังไงถึงพูดจาสามหาวต่อหน้าท่านผู้ว่าการ!” ลู่เจิงหมิงตะโกน
“ฮ่าฮ่า ถ้าเจ้าต้องการจะฆ่าหรือทรมานข้าก็เชิญทำได้ตามใจชอบเลย!” หวังชุนกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา “ครั้งนี้ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้!”
แม้ว่าท่าทีของเขาจะดูหนักแน่น แต่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่คิดว่าซุยเฮ็งจะกล้าฆ่าเขา
ในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งต้าหยาน และเป็นน้องชายของราชาหยาน หวังซุนจึงรู้ดีว่าเขามีความสำคัญมากเพียงใด
เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้ชีวิตของเขาจึงยังปลอดภัยอยู่
ถ้าเขาตาย อีกฝ่ายก็จะไม่เหลืออะไรไว้ต่อรอง
“ลากตัวมันไปเดี๋ยวนี้” ซุยเฮ็งพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้ม “ส่งมันไปทางใต้ของเมืองและล่ามมันไว้ที่เสาตรงลานประหาร พรุ่งนี้ตอนเที่ยงมันจะต้องถูกตัดหัว!”
ทางใต้ของมณฑลจูเหอถูกใช้เพื่อรองรับผู้ลี้ภัยในมณฑลต้าคัง เมื่อหวังชุนถูกจับล่ามไว้ที่นั่น ใครๆ ก็สามารถจินตนาการได้ว่าเขาจะเจอเข้ากับอะไร
เขาอาจจะไม่รอดถึงพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ!
แน่นอนว่าสิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือซุยเฮ็งกล้าที่จะสั่งประหารหวังชุน
นี่คือน้องชายของราชาหยาน!
หากซุยเฮ็งใช้เขาเพื่อทำการแลกเปลี่ยนและเจรจากับราชาหยาน หรือนำเขาไปหาผู้ว่าการรัฐหรือแม้แต่ราชสำนัก เขาก็จะได้รับรางวัลตอบแทนมากมายมหาศาล
ถึงกระนั้น ความสงสัยนี้ก็คงอยู่ในใจของทุกคนเพียงครู่เดียว จู่ๆ พวกเขาก็นึกถึงฉากที่ซุยเฮ็งสาดชามน้ำบนกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว
สำหรับเซียนแล้ว รางวัลจากผู้ว่าการรัฐและราชสำนักจะมีค่าสักเท่าไรกันเชียว?
อย่างไรก็ตาม หวังชุนก็ไม่ทราบว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติที่พวกเขาเพิ่งจะประสบไปนั้นเป็นฝีมือของซุยเฮ็ง นอกจากนี้ หลังจากได้ยินคำสั่งของซุยเฮ็ง เขาก็เกือบจะคิดว่าเขาได้ยินผิด
“เจ้า! เจ้าจะฆ่าข้าจริงๆ หรอ!” หวังชุนมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความเหลือเชื่อ
“เจ้าบอกเองไม่ใช่หรอว่าจะทำอะไรกับเจ้าก็เชิญเลย?” ซุยเฮ็งพูดพร้อมยิ้มกว้าง “เจ้าไม่สามารถกลับคำพูดได้หรอกนะ เอาล่ะ ลากตัวมันไปได้!”
“ไม่ เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้นะ อย่างน้อยก็…” หวังชุนตื่นตระหนกในที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาถูกเจ้าหน้าที่สองคนลากตัวออกไป เขาตะโกนด้วยความกลัว “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ! ข้าเป็นน้องชายของราชาหยานนะ! ข้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขานะ!”
ถึงกระนั้น มันก็ไม่มีใครออกมาช่วยเขา
ในขณะนี้ ทุกคนในมณฑลจูเหอก็ไม่มีใครคิดที่จะขัดคำสั่งของซุยเฮ็ง
ใครกันจะกล้าตั้งคำถามกับเซียนที่สามารถเรียกลมพายุได้?
สำหรับซุยเฮ็งแล้ว การเอาชนะกองทัพของราชาหยานก็ง่ายเพียงการพลิกฝ่ามือ
ความเป็นและความตายของหวังชุนไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาเลย
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ประโยชน์อะไรจากหวังชุน
นั่นก็เพราะไอ้โง่นี่มันไร้ประโยชน์ยังไงล่ะ!
จากสถานการณ์ที่ทหาร 50,000 นายพ่ายแพ้ไป แม้ว่าทหารที่เหลือจะยังมีอีกนับแสนๆ แต่แล้วมันจะยังไงล่ะ?
ที่เขาต้องทำก็มีเพียงการสาดน้ำเพิ่มอีกสักหนึ่งถึงสองชาม
เนื่องจากหวังชุนต้องการจะตาย ดังนั้นเขาจึงทำตามความปรารถนาของอีกฝ่าย
ขณะที่หวังชุนกำลังดิ้นรนอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ในห้องโถงก็พาตัวเขาออกไป
หลังจากที่หวังชุนถูกจับออกไปเรียบร้อยแล้ว ในห้องก็เหลือแค่เพียงลู่เจิงหมิงกับฮุ่ยฉีเท่านั้น
“ท่านผู้ว่าการ แล้วเราจะทำอย่างไรดีกับเชลยศึก 10,000 คน?” ลู่เจิงหมิงถามอย่างสงสัย
ภายใต้สถานการณ์ปกติ เชลยศึกก็อาจจะถูกฆ่า ถูกโยนไปใช้แรงงาน หรือไม่ก็เกณฑ์เข้ากองทัพหลังจากถูกล้างสมองจนเสร็จ
และในตัวเลือกเหล่านี้แล้ว มันก็ไม่มีตัวเลือกใดเลยที่ดูจะเป็นไปได้
มณฑลจูเหอไม่ได้มีสถานที่มากพอจะรองรับนักโทษนับหมื่นคน และพวกเขาก็ยังไม่มีกองกำลังมากเพียงพอที่จะดูแลนักโทษทั้งหมดได้ มันมีทหารน้อยเกินไปในมณฑลแห่งนี้
และพวกเขาก็ไม่สามารถเลี้ยงดูคนเหล่านี้ได้โดยเปล่าประโยชน์ได้
ท้ายที่สุดแล้ว อาหารก็ไม่ได้เสกขึ้นมาจากในอากาศ...
และถึงแม้ว่ามันจะถูกเสกขึ้นมาจากอากาศจริงๆ แต่พวกมันก็ยังมีค่ามากกว่าจะนำเอาไปเลี้ยงเชลยศึกโดยเปล่าประโยชน์
“ข้าได้สั่งจ้าวกวงให้ไปตรวจสอบมาแล้วว่ามันมีชาวบ้านทั้งหมดกี่คนที่มาช่วยพวกเราปกป้องเมืองในตอนแรก” ซุยเฮ็งไม่ได้ตอบคำถามและยิ้ม “ซึ่งมันก็มีชาวบ้านมากกว่า 5,000 คน”
“ท่านผู้ว่าการ ท่านหมายความว่ายังไง?” ลู่เจิงหมิงไม่เข้าใจ
“จากนี้ไป ข้าจะสั่งให้จ้าวกวงไปสอบถามความคิดเห็นจากคนทั้ง 5,000 คนนี้ และดูว่ามันจะมีพวกเขาสักกี่คนที่จะเปลี่ยนมาเข้าร่วมกองทัพหลักกับเรา ข้าวางแผนที่จะจัดตั้งกองทัพของตัวเองขึ้นในมณฑลจูเหอ” ซุยเฮ็งยิ้ม “เมื่อกองทัพหลักถูกจัดตั้งขึ้น เชลยศึกก็จะมีประโยชน์ขึ้นเองโดยธรรมชาติ”
“ท่านผู้ว่าการ ท่านจะจากที่นี่ไปแล้วอย่างงั้นหรอ?” ลู่เจิงหมิงตระหนักได้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของซุยเฮ็ง
“ท่านผู้ว่าการ?” ฮุ่ยฉีรีบพูดและก้มหัวให้กับซุยเฮ็. “ข้ายินดีจะติดตามท่านผู้ว่าการไปจนกว่าตัวข้าจะตาย!”
“ข้าเองก็เช่นกัน!” ลู่เจิงหมิงก้มหัวลง
“ลุกขึ้นเถอะ” ซุยเฮ็งยิ้มและใช้พลังปราณของเขาเพื่อพยุงให้ทั้งสองยืนขึ้น “ข้าจะต้องจากไปในไม่ช้าก็เร็ว ฉะนั้นแล้ว เราก็ควรจะทิ้งรากฐานไว้ที่นี่บ้างเพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถปกป้องตัวเองได้”
“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าข้าจะอยากไป แต่มันก็ยังไม่ถึงเวลา มันยังไม่สายเกินไปที่จะพูดว่าพวกเจ้ายังต้องการจะติดตามข้าไปในภายหลัง”
หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นสิ้นสุดลง ทุกคนในมณฑลจูเหอก็ยกย่องเขาเป็นดั่งเทพเจ้า
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว อารมณ์ทั้งเจ็ดที่เขาจะสามารถรวบรวมได้ในอนาคตนั้นก็จะลดลงอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงวางแผนที่จะออกมาจากมณฑลจูเหอหลังจากแก้ไขภัยสงครามของราชาหยานลงได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับสำนักเซียนอรุณที่ปิดผนึกภูเขาของตนลงและแง่มุมที่ลึกลงไปของโลกใบนี้
“ตามแต่ท่านจะบัญชา ท่านผู้ว่าการ”
ลู่เจิงหมิงและฮุ่ยฉีกล่าวพร้อมกันและไม่ได้พูดถึงการติดตามเขาอีกต่อไป
“เอาล่ะ ตอนนี้เราไปพบกับอดีตผู้ว่าการของเรากันเถอะ” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ
…
เห็นได้ชัดว่าหยานเฉิงได้รับการดูแลดีเป็นพิเศษ ห้องขังที่ขังเขาไว้เป็นห้องที่สะอาดที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุด จิตใจของเขาก็เกือบจะพังทลายลง แม้ว่าเขาจะมีเคล็ดวิชายุทธ์มากมาย แต่เขาก็ทำเพียงแค่นั่งอยู่ในห้องขังอย่างเศร้าสร้อยและดูเหมือนกับคนหมดอาลัยตายอยาก
เขาไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของซุยเฮ็งเลยด้วยซ้ำ
“อดีตผู้ว่าการหยาน เราพบกันอีกแล้วนะ” ซุยเฮ็งเป็นฝ่ายเริ่มที่จะทักทายก่อน
“ท่าน?” หยานเฉิงมองไปที่ซุยเฮ็งซึ่งยืนอยู่นอกห้องขังและพูดอย่างละอายใจว่า “มันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่รู้จักเซียนที่แท้จริง ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะมีความสามารถถึงขนาดเรียกลมพายุได้”
“มันก็เป็นเพียงแค่ลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ มันไม่ได้มีค่าพอจะกล่าวถึงหรอก” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ และยิ้ม “เจ้าไม่อยากรู้หรอว่าข้าวางแผนจะจัดการกับเจ้าอย่างไร?”
“ท่านสามารถทำลายกองทัพนับหมื่นได้ด้วยการสะบัดมือของท่าน พลังที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นคืออะไร?” หยานเฉิงไม่สนใจที่จะตอบคำถาม เขารู้ดีว่าซุยเฮ็งแค่กำลังล้อเขาเล่นเท่านั้น “ท่านแข็งแกร่งดั่งเซียน ดังนั้นถ้าข้าได้ตายภายใต้น้ำมือท่าน มันก็คงจะเป็นเกียรติเช่นกัน”
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า นอกจากนี้ ข้าก็ยังจะปล่อยเจ้าไปด้วย” ซุยเฮ็งส่งสัญญาณให้ฮุ่ยฉีเปิดประตูห้องขังและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดว่าหากกองทัพของราชาหยานไม่ยอมอ้อมไป ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้าให้หมด”
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าก็เปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เพราะฉะนั้นแล้ว ชีวิตของเจ้าในตอนนี้ก็จะตกเป็นของข้าแล้ว ข้าต้องการจะให้เจ้ากลับไปที่กองทัพของราชาหยานทันทีหลังจากที่เจ้าได้รับการปล่อยตัวแล้ว”
“แม้แต่เซียนอย่างท่านก็ยังต้องการสายลับอย่างงั้นหรอ?” หยานเฉิงเงยหน้าขึ้นมองซุยเฮ็งด้วยความประหลาดใจ
“ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าไปเป็นสายลับ” รอยยิ้มบนใบหน้าของซุยเฮ็งฉีกกว้างขึ้น “ข้าแค่กังวลว่าราชาหยานจะอ้อมหนีจากเราไปจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้ว จงไปเกลี้ยกล่อมราชาหยานทุกวิถีทางเพื่อให้เขาหันกลับมาโจมตีมณฑลจูเหอหลังจากที่เจ้ากลับไป!”
“หันกลับมาโจมตีมณฑลจูเหอ?!” ดวงตาของหยานเฉิงเบิกกว้างขึ้นในทันที