บทที่ 46: จับหมูนอกเมือง นั่งพักในสำนักงานเทศมณฑล
บทที่ 46: จับหมูนอกเมือง นั่งพักในสำนักงานเทศมณฑล
ท้องฟ้าดูราวกับถูกเจาะทะลุ และห่าฝนก็เทลงมาจากหลุมขนาดใหญ่!
สายลมส่งเสียงหวีดหวิวและสายฟ้าหนาก็เปลี่ยนพื้นที่โดยรอบให้กลายเป็นความโกลาหล
หวังชุน, เว่ยคุน, หยานเฉิงและกองทหารอีก 50,000 นายที่เพิ่งจะเริ่มบุกเข้ามาจู่ๆ ก็เริ่มวิ่งวนไปมาราวกับแมลงวัน
ทหารม้าไม่สามารถควบคุมม้าที่หวาดกลัวได้ และทหารราบก็ไม่สามารถบอกทิศทางได้ พวกเขาทำได้เพียงผลักกันไปมาเท่านั้น
ไม่นาน เหล่าทหารก็เริ่มชนกันล้มและเหยียบกันตาย
สิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ไม่ใช่พายุอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก!
ยิ่งไปกว่านั้น คลื่นลูกใหญ่ก็ยังซัดเข้ามาและถล่มกองทัพทั้ง 50,000 นายลง
“ทั้งหมดหยุด! จับกันไว้!!!” หวังชุนตะโกนสุดเสียง “ต้านมันไว้!! อย่าขยับ!!!”
อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นเพียงปรมาจารย์ขอบเขตเปลี่ยนปราณเท่านั้น เมื่อเทียบกับพลังของสวรรค์และปฐพีแล้ว เขาก็มีค่าไม่ต่างอะไรไปจากมด เสียงของเขาถูกกลบโดยเสียงฟ้าร้องและเสียงลมพัด ไม่มีใครได้ยินเสียงตะโกนของเขาเลย
“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!” เว่ยคุนทั้งลนลานและหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์
เขาหันไปมาอย่างกระสับกระส่ายจนเกือบจะตกมาจากหลังม้า เขาอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ดูเหมือนกับจะถูกเปิดออก เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังอยู่ในความฝัน
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?!
เมื่อกี้ท้องฟ้ายังแจ่มใสอยู่เลย แบบนั้นแล้วทำไมจู่ๆ อากาศถึงได้เปลี่ยนไปและมีพายุพัดโหมกระหน่ำเช่นนี้?!
นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!
ฟิ้ว!
ในขณะนี้ จู่ๆ เว่ยคุนก็ได้ยินเสียงบางอย่างกำลังแหวกลมเข้ามา เมื่อเขาหันไปมอง เขาก็พบว่ามันคือก้อนหินขนาดใหญ่ที่ได้ถูกลมพัดมา มันเร็วมากจนเขาไม่มีเวลาทันได้ตอบสนอง
ปัง!
ก้อนหินก้อนนี้มีขนาดเท่ากับสองฝ่ามือและเต็มไปด้วยเหลี่ยมคม เมื่อมันทุบเข้าที่ใบหน้าของเว่ยคุน มันก็ส่งแม่ทัพคนนี้ลอยกระเด็นตกไปจากหลังม้าในทันที!
ในชั่วพริบตา เลือดสดก็พุ่งกระฉูดออกมาจาก “บาดแผล” ตรงที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของหัวศีรษะ
ก้อนหินได้กระแทกเข้าหน้าของเว่ยคุนจนทำหัวเขาหลุดออกจากบ่า!!!
ทหารข้างๆ เว่ยคุนเองก็ไม่รอดเช่นกัน ก้อนหินขนาดใหญ่มากกว่าหนึ่งก้อนพุ่งเข้ามาตามกระแสลมและทุบลงบนใบหน้าของพวกเขาแต่ละคน
บางคนที่โชคดีจะโดนแค่ไหล่กับขา แต่บางตัวที่โชคร้ายจะถูกทุบเข้าที่หน้าอก ศีรษะ และส่วนอื่นๆ โดยตรง และสำหรับบางคนที่โชคร้ายขั้นสุด พวกเขาก็ตายคาที่โดยถูกหินทุบแทนที่หัวศีรษะไปเลย
ในชั่วพริบตา ทหาร 25,000 คนทางด้านซ้ายก็สูญเสียผู้นำของพวกเขาไปและยิ่งวุ่นวายมากขึ้น
ในขณะนี้ หยานเฉิงก็มองไปในทิศทางของเมืองจูเหอด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขารู้สึกได้ถึงพลังอันลึกลับที่ปกคลุมโลกและหัวใจของเขาก็จมดิ่งลงราวกับคนที่ตายไปแล้ว เขารู้สึกหมดหวังอย่างสมบูรณ์
“ข้าบอกแล้ว ข้าบอกแล้ว! ผู้ว่าการมณฑลจูเหอนั้นไม่ธรรมดา! เราไม่ควรจะมายั่วยุเขาเลย ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ฟังกันบ้าง!” ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความโกรธ “ข้าว่าแล้วว่ามันจะต้องจบลงแบบนี้ มันจบแล้ว เราฉิบหายกันหมดแล้ว!”
มันจบลงแล้วจริงๆ!
ภายใต้พลังแห่งสวรรค์และปฐพีที่รุนแรงขนาดนี้ กองทัพกว่าครึ่งของพวกเขาก็ได้เสียชีวิตลงและบาดเจ็บสาหัสในชั่วพริบตา และโดยพื้นฐานแล้ว กองทัพของพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคนพิการ เนื่องจากสภาพจิตใจที่พังทลายลงและสภาพพื้นผิวที่ฝนตกลงมาอย่างหนักและลมที่พัดกระหน่ำ พวกเขาทั้งหมดจึงมัวแต่วิ่งไปมารอบๆ และเหยียบย่ำกันเอง
นอกจากนี้ มันก็ยังมีคนอีกหลายคนที่ถูกก้อนหินและท่อนไม้ที่พัดเข้ามากระแทกใส่จนบาดเจ็บล้มตายกันระนาว
กองทัพที่เคยโอ้อวดว่าจะสามารถบุกทะลวงมณฑลจูเหอได้ภายในสองชั่วโมง ตอนนี้ได้สูญเสียกำลังรบไปถึงครึ่งแล้วในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
…
ในขณะนี้ ประตูเมืองจูเหอก็เงียบสนิท
ไม่ว่าจะเป็นลู่เจิงหมิง, ฮุ่ยฉีหรือทหารคนอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดล้วนตกใจจนสุดขีด พวกเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน?!
เมื่อกี้ผู้ว่าการแค่สาดน้ำออกไปข้างนอกเท่านั้น แต่แล้วทำไมจู่ๆ ลมถึงพัดแรง และห่าฝนก็เทลงมา?
นี่คือวรยุทธ์หรอ?
มันมีเคล็ดวิชายุทธ์เช่นนี้บนโลกด้วยหรอ?
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
สำหรับสามัญชนและทหารที่เพิ่งมาถึงบนกำแพง หลังจากได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าลงและก้มหัวให้กับซุยเฮ็งอย่างจริงจัง
มันเหมือนกับการกราบไหว้เทพเซียนผู้สูงส่ง
หากพวกเขาถูกถามว่าซุยเฮ็งเป็นมนุษย์หรือเซียน คำตอบที่อีกฝ่ายจะได้รับก็คือเซียนอย่างแน่นอน
ใครบ้างที่เคยเห็นคนใช้ชามน้ำสร้างพายุ?
นี่ต้องเป็นเซียนแน่นอน!
สำหรับซูไป่ลู่, ฟางหมินและโจวไฉ่เว่ยซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากซุยเฮ็ง พวกเธอเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน
วรยุทธ์ของพวกเธอแข็งแกร่ง ดังนั้นแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร แต่พวกเธอก็ยังสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในกองทัพของราชาหยานได้อย่างชัดเจน สิ่งนี้ทำให้พวกเธอตกใจอย่างที่ไม่เคยมาก่อน
นี่เป็นวิธีที่คนๆ หนึ่งใช้เพื่อปกป้องเมืองทั้งเมืองหรอ? ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะไม่สนใจเรื่องการเพิ่มจำนวนทหารและไม่สนใจเรื่องการเกณฑ์ทหารใดๆ
ด้วยวิธีการอันทรงพลังเช่นนี้ พวกเขาจะต้องการทหารไปเพื่ออะไร?
กองทหารนับหมื่นล้มตายเพราะชามใส่น้ำ? ถ้าพวกเธอไม่ได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง พวกเธอก็คงจะไม่มีทางเชื่อมันเป็นแน่
มันไร้สาระและน่าตกใจเกินไป
เหลือเชื่อ!
“วรยุทธ์… นี่ยังเป็นวรยุทธ์อยู่รึเปล่า?”
ใบหน้าที่สวยงามของซูไป่ลู่ซีดลงเล็กน้อยในขณะที่เธอมองไปที่แผ่นหลังของซุยเฮ็งด้วยความตกใจกลัว เธอพึมพำว่า “นี่สินะที่เขาเรียกว่าเซียนในตำนาน”
ในบรรดาทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ เธอก็เป็นคนที่ประทับใจในความแข็งแกร่งของซุยเฮ็งมากที่สุด
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อประตูอันลึกล้ำถูกเปิดออก มันก็เทียบเท่ากับการสร้างสะพานเบื้องต้นระหว่างโลกภายนอกและโลกภายใน พวกเขาจะเริ่มสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังแห่งสวรรค์และปฐพี และรวมถึงกฎแห่งธรรมชาติ
ทันทีที่เธอเห็นซุยเฮ็งสาดชามน้ำ เธอก็รู้สึกทันทีว่าจิตใจของเธอได้กลายเป็นว่างเปล่า เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้ถูกโจมตีด้วยข้อมูลที่ซับซ้อนมหาศาล
ข้อมูลที่ท่วมท้นนี้มีทั้งการเปลี่ยนแปลงและการบิดเบือนกฎและพลังแห่งธรรมชาติ มันอยู่สูงเกินกว่าที่ขีดจำกัดของเธอจะสามารถทำความเข้าใจได้ พูดตามตรง เธอก็เกือบจะเป็นลมล้มลง ณ จุดนั้น
ความรู้สึกนี้ทำให้เธอหวาดกลัว
นี่เป็นเพราะเธอสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของซุยเฮ็งและความไร้ค่าของตัวเธอเอง
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ว่าการมณฑลซุยผู้นี้ ปรมาจารย์ขอบเขตประตูลึกล้ำเช่นเธอก็มีค่าไม่ต่างอะไรไปจากมด… ไม่สิ ไม่ต่างแม้แต่ฝุ่นผง!
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นอย่างที่ศิษย์ทั้งสองของเธอได้พูดไว้ เขาเป็นเซียนจากสวรรค์?
เขาแข็งแกร่งเกินไป!
“ความรู้สึกก่อนหน้านี้ของข้าเป็นของจริง ท่านผู้ว่าการคนนี้ทรงพลังมากจริงๆ!”
โจวไฉ่เว่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แม้ว่าแก่นแท้วิญญาณของเธอจะค่อนข้างทรงพลังและประสาทสัมผัสของเธอนั้นจะเฉียบแหลมมาก แต่เธอก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้ถึงข้อมูลจำนวนมากที่ไหลเข้ามาเหมือนอย่างซูไป่ลู่
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าเธอจะประหลาดใจมากกับความแข็งแกร่งของซุยเฮ็ง แต่เธอก็ไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่ายมากเท่ากับซูไป่ลู่ เธอยังคงมีอารมณ์ที่จะถามว่า “ท่านอาจารย์ นี่คือขอบเขตเทพในตำนานใช่ไหม?”
“ขอบเขตเทพ? มันมีขอบเขตเทพจริงๆ อย่างงั้นหรอ?” ฟางหมินเองก็มองไปที่ซูไป่ลู่
เธอเป็นคนที่โชคดีที่สุด ทั้งวรยุทธ์และประสาทสัมผัสของเธอนั้นไม่ได้สูงทั้งคู่ ดังนั้นเธอจึงแค่ตกใจกับวิธีการแปลกๆ ของซุยเฮ็ง เธอไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“ขอบเขตเทพ ขอบเขตสมบัติเทวะ ปลดล็อกสมบัติในร่างกายของเจ้า ครอบครองพลังที่น่าเหลือเชื่อทุกชนิด…” ซูไป่ลู่มองไปที่ซุยเฮ็งและส่ายหัวก่อนที่จะพยักหน้า เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจ “อาจจะ”
เปรี้ยง!
ในขณะนี้ เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นจากระยะไกล หลังจากเสียงฟ้าร้องนี้สิ้นสุดลง ปรากฏการณ์ประหลาดที่ล้อมรอบกองทัพของราชาหยานเอาไว้ก็สลายไป
กองทัพที่ทรงพลังกว่า 50,000 นายเมื่อครู่นี้ บัดนี้ได้ล้มตายหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสก็นจนเกือบหมด พวกเขาทั้งหมดนอนอยู่ในแอ่งโคลนขนาดใหญ่โดยที่ร่างกายของพวกเขาคลุกเคล้ากับเนื้อดินและโคลน พวกเขาแทบไม่ต่างอะไรไปจากคนใกล้ตาย
“เอาล่ะทุกคน ได้เวลาออกไปจับนักโทษกันแล้ว!” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็ยิ้มขึ้น ปลุกคนที่จมอยู่ในความตกใจ
จากนั้นทุกคนก็ตื่นขึ้นจากความงุนงง ลู่เจิงหมิง, ฮุ่ยฉี, จ้าวกวงและทหารมากกว่า 200 นายยืนตัวตรงและตะโกนว่า “รับทราบ!”
พวกเขาเตรียมพร้อมเอาไว้นานแล้ว และเมื่อได้รับคำสั่ง พวกเขาก็ออกเดินทางในทันที
แม้ว่ากองทัพภายนอกจะมีขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็สูญเสียความสามารถในการต้านทานไปกันหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงง่ายยิ่งกว่าการจับหมู
…
ครึ่งวันต่อมา
ในห้องโถงใหญ่ของสำนักงานเทศมณฑลจูเหอ ลู่เจิงหมิงและฮุ่ยฉีนั่งอยู่ทางซ้ายและขวา ขณะที่ซุยเฮ็งนั่งอยู่ตรงกลางบนบัลลังก์สูงสุด
เขามองลงไปที่แม่ทัพวัยกลางคนที่ถูกล่ามและกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาพูดด้วยรอยยิ้มพลางหยอกล้อว่า “หวังชุน น้องชายของราชาหวังตงแห่งต้าหยาน นำกองทัพทหาร 50,000 นายเพื่อมาตีเมืองจูเหอ”
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าต้องการจะมานั่งพักที่สำนักงานเทศมณฑลของข้าในอีกครึ่งวัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับพรสมปรารถนาแล้วนะ ดังนั้นแล้วเจ้าก็ควรจะมีความสุขสิ ทำไมเจ้าถึงดูเศร้าจัง?”