ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 144 พยัคฆ์ร้าย งูพิษ และอีแร้ง
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 144 พยัคฆ์ร้าย งูพิษ และอีแร้ง
แปลโดย iPAT
หลี่ฉิงซานไม่มีการสนับสนุนใดๆ ในความเป็นจริงหวังฝูซื่อไม่ได้ชอบเขาเลย นี่เป็นเหตุผลที่หลี่ฉิงซานถูกส่งมาหาจ้าวจื่อป๋อ หากกู่เยี่ยนหยินดูแลเด็กคนนี้เป็นพิเศษ หวังฝูซื่อจะปฏิบัติต่อเขาอย่างระมัดระวัง
หลังจากทั้งหมดจ้าวจื่อป๋อระวังตัวมากเกินไป ด้านที่ส่งผลกระทบต่อเขามากที่สุดคือทัศนคติของหลี่ฉิงซาน เขายโสจนถึงจุดที่จ้าวจื่อป๋อรู้สึกเหมือนมีผู้แข็งแกร่งสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง
ด้วยความจริงอันโหดร้ายที่เปิดเผยออกมา จ้าวจื่อป๋อรู้สึกเหมือนถูกเล่นตลกอย่างโหดร้าย ใบหน้าของเขาแดงก่ำก่อนจะเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ความโกรธของเขาที่มีต่อหลี่ฉิงซานปะทุขึ้นถึงจุดสูงสุด
“ผู้บัญชาการจ้าว โปรดระงับโทสะ” เก้อเจี้ยนเร่งเกลี้ยกล่อม
จ้าวจื่อป๋อกล่าวเสียงเย็น “ในฐานะผู้บัญชาการหมาป่าอินทรีย์ ข้ายืนอยู่เหนือผู้คนนับล้าน หลายปีที่ผ่านมามีผู้ใดกล้าล้อเล่นกับข้าเช่นนี้! หลี่ฉิงซาน โอ้ หลี่ฉิงซาน เจ้าชางน่าประทับใจนัก!”
เก้อเจี้ยนกล่าว “เด็กคนนี้อาจไม่สามารถกลับมาจากเมืองวายุบรรพกาล ผู้บัญชาการจ้าว ไม่จำเป็นต้องโกรธคนที่ตายไปแล้ว”
จ้าวจื่อป๋อก่นเสียงเย็น “น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ฆ่าเขาด้วยตัวเอง โจวเหวินปิงผู้นั้นก็ไม่มีอะไรดีเช่นกัน”
เก้อเจี้ยนกล่าว “เขาถูกส่งมาที่นี่เพียงลำพังเพื่อทำหน้าที่เจ้าเมือง เขาไม่มีจอมยุทธ์พลังปราณแม้แต่คนเดียวอยู่ในการปกครอง เหตุใดผู้บัญชาการจ้าวต้องทนเขา? ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ของเรามีหน้าที่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของทางการ เหตุใดเราไม่ยัดข้อหาบางอย่างให้เขา?”
จ้าวจื่อป๋อตำหนิ “หุบปาก เขามาจากสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ เขามีสหายมากมาย แม้แต่เจ้านายของเราก็ยังชื่นชมเขามาก หากข้าจัดการเขา ข้าจะทำให้ผู้บัญชาการหวังผิดหวัง”
เก้อเจี้ยนกล่าว “ถูกต้อง ถูกต้อง เป็นข้าที่พูดผิด”
จ้าวจื่อป๋อกล่าวต่อ “มารอข่าวการตายในหน้าที่ของเด็กนั่นกันเถอะ!” หลังจากนั้นเขาจะออกเดินทางไปเมืองวายุบรรพกาลและทำลายล้างตระกูลเฉียนเพื่อล้างแค้นให้หลี่ฉิงซานและแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ สมบัติของตระกูลเฉียนจะต้องตกเป็นของเขาทั้งหมด
นี่เป็นแผนเดิมของเฉียนหรงจื่อ มันเป็นการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวขณะที่จ้าวจื่อป๋อจะกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในตอนค่ำ หลี่ฉิงซานมาถึงพื้นที่ทางทิศตะวันตกของภูเขา หลุมถูกขุดไว้ มันไม่ใหญ่นักแต่เพียงพอที่จะรองรับซากศพนับพัน
กลิ่นเหม็นลอยออกมาจากหลุม หลี่ฉิงซานกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งวันแต่ศพก็เริ่มเน่าเปื่อยแล้ว กลิ่นของมันเลวร้ายยิ่งกว่ากลิ่นคาวเลือดในคืนก่อนหน้า
ชาวบ้านกำลังเคลื่อนย้ายซากศพด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น หากไม่ใช่เพราะรางวัลก้อนโตจากเจ้าเมืองและเพื่อป้องกันโรคระบาด คงไม่มีผู้ใดเต็มใจทำงานนี้ ไม่เพียงมันจะน่าขยะแขยงแต่พวกเขายังรู้สึกเหมือนสิ่งนี้จะนำความโชคร้ายเข้ามา
ไม่มีลมแม้แต่น้อยขณะที่ดวงอาทิตย์ยามอัสดงยิ่งทำให้บรรยากาศร้อนแรง อีกาจำนวนนับไม่ถ้วนบินวนอยู่บนท้องฟ้าและกรีดร้อง พวกมันโฉบลงมาเป็นครั้งคราวเพื่อจิกกินลูกตาของซากศพ
เดิมทีเจ้าเมืองไม่มีความตั้งใจที่จะมาที่นี่ แต่เมื่อเขาได้ยินว่าหลี่ฉิงซานมา เขาจึงรีบติดตามมาอย่างเร่งด่วน “คุณชาย เหตุใดท่านจึงมาที่นี่? ท่านพอใจกับมันหรือไม่?”
หลี่ฉิงซานพยักหน้าแต่ก่อนที่เขาจะตอบกลับ เจ้าเมืองที่ชำเลืองลงไปในหลุมก็ต้องปิดปากของตนและแทบอาเจียนออกมา สุดท้ายเขาก็ต้องตะเกียกตะกายออกจากที่นั่น
สิ่งนี้ดำเนินไปกระทั่งดวงอาทิตย์ตกดิน หลี่ฉิงซานลังเลก่อนจะโยนแจกันกระเบื้องในมือลงไปในหลุมและฝังมันไปพร้อมกับศพ
หลี่ฉิงซานยืนอยู่ที่ขอบหลุมสักพัก แม้มันจะผ่านไประยะหนึ่งแล้ว กลิ่นเหม็นก็ยังไม่จางหายไป
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าต้นไม้จะเติบโตได้ดีในสุสาน เมื่อข้ายังเด็ก ข้าฝังสุนัขที่เสียชีวิตไว้ในสวน จากนั้นดอกไม้ก็เบ่งบานทุกปีและยังงดงามเป็นพิเศษ”
หลี่ฉิงซานหันกลับไปหาเตียวเฟยและเฉียนหรงจื่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
เฉียนหรงจื่อมองไปที่หลุม “ภายในหนึ่งปี ที่นี่จะกลายเป็นสถานที่ที่มีต้นไม้เติบโตขึ้นมาที่สุด”
หลี่ฉิงซานไม่สนใจที่จะโต้ตอบนางขณะที่เตียวเฟยกล่าว “ภารกิจเสร็จแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้วใช่หรือไม่?”
หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าอยากอยู่ที่นี่สักพัก ข้าต้องการจัดการทรัพย์สินที่ได้รับ พวกเจ้าสามารถกลับไปก่อน”
เฉียนหรงจื่อเย้ยหยัน “อย่าบอกว่าเจ้ากำลังคิดที่จะวิ่งหนี? เจ้าไม่สนิทกับกู่เยี่ยนหยินใช่หรือไม่? เป็นไปได้อย่างไรที่คนเช่นเจ้าจะรู้จักหญิงเช่นนั้น? จ้าวจื่อป๋อน่าจะหมดความอดทนแล้ว มันจะเป็นเวลาตายของเจ้าเมื่อเจ้ากลับไป อย่างไรก็ตามเจ้าจะหนีไปที่ใดได้ ไม่มีที่ใดบนโลกใบนี้ที่เจ้าสามารถพักพิงหากเจ้ากลายเป็นคนทรยศของหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์”
หลี่ฉิงซานคว้าคอเฉียนหรงจื่อและกล่าวอย่างใจเย็น “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าและฝันเจ้ารวมกับศพเหล่านั้น?”
“ฉิงซาน หยุด!” เตียวเฟยต้องการหยุดเขาแต่เมื่อหลี่ฉิงซานยกมือซ้ายขึ้น เขาก็หยุดเคลื่อนไหว
เฉียนหรงจื่อกล่าวอย่างยากลำบาก “หากเจ้าฆ่าข้า เจ้าจะต้องปิดปากเตียวเฟยด้วย เจ้าสามารถทำสิ่งนั้นได้จริงๆหรือ?”
การแสดงออกของเตียวเฟยเปลี่ยนไปมาก เขาอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองสามก้าวและระวังตัว หลังจากคืนที่ผ่านมา เขามั่นใจแล้วว่าตนเองไม่ใช่ต่อสู้ของหลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานไม่สะทกสะท้าน มือของเขาค่อยๆกระชับแน่นขึ้นขณะที่ใบหน้าของเฉียนหรงจื่อกลายเป็นสีแดง ความกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง เมื่อนางรู้สึกว่าลำคอของนางกำลังจะหัก มือข้างนั้นก็คลายออก นางทรุดตัวลงบนพื้นและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
หลี่ฉิงซานกล่าว “อย่าทำให้ข้าโกรธ” เขามองเข้าไปในดวงตาที่แสดงความเกลียดชังออกมาของเฉียนหรงจื่อ “กลับไปบอกจ้าวจื่อป๋อว่าข้าจะกลับเมืองเจียเผิงเร็วๆนี้ หากเขาเบื่อที่จะรอ เขาสามารถมาหาข้าที่เมืองวายุบรรพกาล ข้ายินดีต้อนรับเขาทุกเมื่อ”
หลังจากนั้นเขาก็ก้มลงและกล่าวกับเฉียนหรงจื่อต่อ “หากเจ้าวางแผนที่จะฆ่าข้า เจ้าก็จงเตรียมตัวให้พร้อม เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากเจ้าล้มเหลว ข้าจะใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อฆ่าเจ้า มันจะดีที่สุดหากเจ้าลืมเรื่องนั้นไปซะ อย่างไรก็ตามวันหนึ่งหากข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าอาจฆ่าเจ้าทิ้งเพื่อปลอบใจตัวเอง”
ความเกลียดชังถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวทีละน้อย เฉียนหรงจื่อรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบาย นี่ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก
“ข้าจะได้ประโยชน์ใดจากการตายของเจ้า” เฉียนหรงจื่อหลบสายตาของหลี่ฉิงซานขณะที่นางพยายามพูดเสียงแข็ง
ผู้คนมักพบคู่ปรับของตนเสมอ หากเปรียบเทียบความชั่วร้ายของเฉียนหรงจื่อกับความโหดเหี้ยมและทรงพลังของหลี่ฉิงซาน แผนร้ายของนางก็เป็นเพียงเรื่องตลก
หลี่ฉิงซานยืนขึ้นและเดินจากไป
เฉียนหรงจื่อยืนขึ้นและสะบัดดินออกจากร่าง นางจัดเสื้อผ้าก่อนจะเผยรอยยิ้มอีกครั้ง จากนั้นนางก็มองแผ่นหลังของหลี่ฉิงซานและกล่าวกับตนเองว่า “โอกาสมีครั้งเดียวงั้นหรือ?”
หัวใจของเตียวเฟยสั่นสะท้านขึ้น เขาถาม “เจ้าจะกลับหรือไม่?”
เฉียนหรงจื่อกล่าว “ข้าสามารถกลับบ้านหลังจากผ่านความยากลำบากมากมาย แล้วข้าจะจากไปง่ายๆได้อย่างไร?”
เตียวเฟยรู้สึกโล่งใจกับคำตอบของนาง เตียวเฟยมีการบ่มเพาะสูงที่สุดในกลุ่มสามคน เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นสามและอายุมากที่สุด เขายังมีประสบการณ์มากที่สุดและมีชื่อเสียงในยุทธภาพ ชื่อเสียงของเสือดำไม่สามารถเทียบเคียงกับชื่อเสียงของเขา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าตนเองกำลังยืนอยู่ตรงกลางระหว่างงูพิษกับพยัคฆ์ร้ายที่สามารถทำให้เขาตายได้ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นแผนชั่วของเฉียนหรงจื่อหรือวิธีการที่รุนแรงของหลี่ฉิงซาน ไม่มีเส้นทางใดที่ทำให้เตียวเฟยรู้สึกปลอดภัย ในความเป็นจริงเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอันตรายที่ร้ายแรงที่สุด
เฉียนหรงจื่อต้องการให้เฉียนเยี่ยนเหนิงฆ่าหลี่ฉิงซาน ด้วยวิธีนี้เตียวเฟยจะถูกลากเข้าไปและจบชีวิตลงพร้อมกัน หากเฉียนเยี่ยนเหนิงใช้ปราณดาบและยันต์สายฟ้าตั้งแต่เริ่มต้น หลี่ฉิงซานจะไม่แปลงร่างเป็นปีศาจและเปิดเผยตัวเองเพื่อสหายผู้นี้
อย่างไรก็ตามประสบการณ์ในยุทธภพของเตียวเฟยไม่ได้ไร้ประโยชน์ ประสาทสัมผัสของเขาเฉียบคมมาก
ก่อนหน้านี้เมื่อพยัคฆ์ที่ดุร้ายใช้กรงเล็บตะปบงูพิษและส่งเสียงคำราม เตียวเฟยที่กลายเป็นตัวหมากของงูพิษอย่างไม่ตั้งใจอาจถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง นั่นจะทำให้พยัคฆ์ร้ายพิจารณาว่าไม่ควรแสดงความเมตตาต่อเขาเช่นกัน ดังนั้นเตียวเฟยจึงต้องรีบจากไป
เขามองเฉียนหรงจื่อจากระยะไกลก่อนจะหายตัวไปในความมืด เขาตัดสินใจที่จะไม่ออกมาทำภารกิจกับสองคนนี้อีก ไม่ เขาจะรักษาระยะห่างจากคนทั้งสองตลอดเวลา
งูพิษสีสันสดใสยืนอยู่หน้าหลุมศพที่นางสร้างขึ้นเองขณะที่คิดแผนการใหม่อย่างเงียบๆ แท้จริงแล้วนางรู้สึกขอบคุณการข่มขู่ของพยัคฆ์ร้ายก่อนหน้านี้ มันทำให้นางตระหนักว่าเมื่อนางเผยคมเขี้ยวออกไป นั่นจะเป็นเวลาตายของนาง แม้นางจะทำสำเร็จ นางก็ยังจะถูกพยัคฆ์ร้ายฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อย่างไรก็ตามนางไม่ได้กังวลมากนัก ความอดทนเป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดของงูพิษมาตลอด นางสามารถทนอยู่ในตระกูลเฉียนได้นานกว่าสิบปีจนถึงจุดที่ทุกคนเชื่อว่านางจะไม่ทรยศ กระทั่งเฉี่ยนเยี่ยนเหนิงก็ยังปล่อยให้นางไปเมืองเจียเผิงเพื่อคว้าตำแหน่งผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
นางกลายเป็นจอมยุทธ์ขั้นสองเมื่อสามปีก่อน นางมีความสามารถที่จะออกจากตระกูลเฉียน ในเวลานั้นเฉียนเยี่ยนเหนิงไว้ใจนางมาก เขาให้อิสระแก่นาง หากนางต้องการ นางสามารถหลบหนีโดยที่เฉียนเยี่ยนเหนิงจะไม่สามารถตามนางกลับมา
หากเป็นคนธรรมดา พวกเขาคงหมดความอดทนไปนานแล้ว พวกเขาจะใช้โอกาสดังกล่าวแยกตัวออกจากกลุ่ม แต่นางไม่ นางเต็มใจอดทนอยู่กับความอัปยศอีกสามปีเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจมากขึ้น เมื่อนางได้รับความไว้วางใจจนถึงที่สุด นางก็ใช้โอกาสนั้นพ่นพิษเข้าสู่ลำคอของศัตรูโดยไม่ลังเล
ตอนนี้นางกำลังอดทนรอโอกาสที่อาจไม่มีวันปรากฏขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามนางรู้สึกว่านางไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากนัก อีแร้งบินอยู่บนท้องฟ้า แม้พยัคฆ์ร้ายจะดูน่ากลัว แต่สุดท้ายมันก็ยังเด็กเกินไป