ตอนที่แล้วตอนที่ 497 พลังแสงสาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 499 เพราะเจ้ารวย

ตอนที่ 498 ค่าพลังวิญญาณ


ถังเทียนวนอ้อมเป็นวงใหญ่ก่อนจะกลับเข้ามาที่ค่าย

ในค่ายฝึกพวกนักสู้ตกตะลึงกันหมดระลอกพลังงานจากการต่อสู้ระหว่างเซียนนักสู้น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงเป็นเรื่องที่นักสู้ระดับต่ำกว่าชั้นเซียนไม่มีทางนึกออก

การต่อสู้ในอีกระดับหนึ่งเศษผลพวงที่ตามมายังคงลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ แม้แต่เศษเสี้ยวที่เหลืออยู่เหล่านี้สำหรับนักสู้ที่ไม่ใช่ระดับเซียนจะรู้สึกอึดอัด

มีเพียงติงเฉินที่สังเกตได้ถึงการกลับมาของถังเทียน  ตราบเท่าที่มีการเคลื่อนไหวตอนนี้  ติงเฉินมักสังเกตได้ว่าถังเทียนจะอยู่ที่นั่น  ดังนั้นเมื่อสังเกตเห็นถังเทียนปรากฏในค่าย  ติงเฉินกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เขาเกิดความคิดในใจว่าเสียงที่ดังอยู่ข้างนอกนั้นคงเป็นฝีมือเจ้านายอย่างนั้นหรือ?

ความคิดนี้ฉายวูบขึ้นมาในใจของเขา  เขาหัวเราะถึงความบ้าของตัวเอง เป็นไปได้หรือนี่ที่เจ้านายสามารถเรียกลมเรียกฝนได้?

แม้ว่าเจ้านายจะมีความสามารถ  แต่เซียนนักสู้ก็มีพลังมากมาย  ทั้งยังมีสมาพันธ์ชาวยุทธและองค์การวิญญาณมืด  เพราะพวกนี้เป็นองค์กรยักษ์ใหญ่เจ้านายคงไปร่วมสนุกแน่นอน

ถังเทียนกลับเข้ามาในค่าย  เขาเบียดตัวเข้าไปในห้องฝึกฝนและกล่าว  “อย่าเพิ่งรบกวนข้า”

มือของถังเทียนฉีกกระดูกสีขาวโผล่เลือดไหลหยดตลอด ถังเทียนยิ้ม เขาเจ็บปวดเพราะอาการดังกล่าว  เขาระบายลมหายใจออกมา แต่หน้าของเขามีประกายความตื่นเต้น

การต่อสู้วันนี้ช่วยแก้ปัญหาสำคัญในทิศทางที่เขาควรมุ่งเน้นได้ในที่สุด

แน่นอนว่ามันพังทลาย!

สนามพลังวิญญาณของเขาก็คือเสี่ยวเอ้อและมันคือสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ เนื่องจากเขาไม่สามารถสร้างสนามพลังได้ อย่างนั้นเขาก็จะทำลาย คนอื่นอาจรู้สึกว่าขอบเขตแห่งการทำลายล้างไม่สูง  แต่ถังเทียนรู้สึกว่าไม่มีอะไรมาก  เนื่องจากมันต้องใช้ขั้นตอนและเวลาเขาไม่ได้เป็นอัจฉริยะเลอเลิศระดับโลก การไปถึงท้องฟ้าให้ได้ในก้าวเดียวไม่ใช่สิ่งที่เขาจะคิดได้  สามารถสู้และแสดงฝีมือของเขาได้อย่างเพียงพอก็ทำให้เขาสุขใจมากแล้ว

เรื่องการสร้างน่ะหรือ...ปล่อยให้เสี่ยวเอ้อจัดการ

สำหรับเขาเขาจะมุ่งเน้นไปที่การทำลาย ถ้าเขาทำลายสนามพลังวิญญาณของคนอื่นได้ อย่างนั้นก็จะแข็งแกร่งทรงพลังเอง

ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าใดก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น  แต่ความเจ็บปวดจากมือทั้งสองทำให้เขาเปลี่ยนความสนใจ    อาการบาดเจ็บดูเหมือนจะน่ากลัว  แต่ในความเป็นจริง  ไม่มีอะไรรุนแรงอย่างที่บางคนคิด  เขามีร่างพลังเป็นศูนย์  ดังนั้นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากพลังงานจะไม่รุนแรงเกินไปสำหรับเขา  และนอกจากนี้ ความสามารถในการรักษาตนเองของเขาก็กล้าแข็งมาก

อย่างไรก็ตามการรักษาตนเองก็ยังจำเป้นต้องเติมเต็มซึ่งเขาจะทำโดยกินอาหารปริมาณมหาศาล

ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาไม่สามารถรักษาด้วยพลังงานเท่านั้น  แต่ยังมีพลังงานที่สูญเสียออกไป  ดังนั้นเขาจำเป็นต้องการอาหารในปริมาณที่มากเพื่อเสริมพลังร่างกายของเขา โชคดีที่ถังเทียนเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ติงม่านและพวกที่เหลือได้ทำการวิจัยค้นคว้าร่างกายพลังเป็นศูนย์ไว้แล้ว

ถังเทียนชอบร่างกายมีพลังเป็นศูนย์ของเขามาก  แม้ว่าเขาไม่สามารถใช้วิชาจิตวิญญาณได้แต่เขาก็ไม่ต้องกังวลอาการบาดเจ็บให้มากจนเกินไป ตราบใดที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็จะไม่มีปัญหาอะไรมาก

เมื่อคิดย้อนถึงตอนที่เย่เฉาเกออวดร่างที่ไม่รู้จักตายของเขา  ตาของถังเทียนแดงเมื่อคิดถึงตอนนั้น

ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอาการบาดเจ็บสามารถทำให้เขามีความคิดริเริ่มระหว่างต่อสู้  สำหรับนักสู้ประเภทบุกตะลุยบ้าระห่ำอย่างเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุด  การโจมตีของเขาจะมีความกล้ามากยิ่งขึ้น

“หนุ่มชาวฟ้า ควรใช้ชีวิตผ่านการบุกตะลุย! หึหึ...”

“เสี่ยวเอ้อ,ข้าจะปล่อยให้หน้าที่ป้องกันเป็นของเจ้า หยา...”

“อ่าฮะ.. ตัดสินใจได้แล้ว!”

เสี่ยวเอ้อลอยมาอยู่ต่อหน้าถังเทียนมองดูเจ้าเด็กโง่เงียบๆ การต่อสู้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ตามความเป็นจริง เมื่อพูดถึงเคล็ดในการต่อสู้  ไม่มีความซับซ้อนอะไรที่ต้องกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้

มีเพียงความกล้าหาญและมุ่งมั่นที่เจ้าเด็กโง่แสดงออกในการต่อสู้ก็ส่งผลกระทบใหญ่ต่อเขา  เมื่อว่ากันในเรื่องพลัง  เจ้าเด็กโง่ไม่มีพื้นที่ให้ดิ้นรนเลย  อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กนี่ชนะได้จริงๆ...

ปณิธานเอาตัวรอดของเจ้าเด็กนี่กล้าแข็งถึงระดับนั้น...

เสี่ยวเอ้อยังคงเงียบ  ถ้าเป็นเขา เขาจะเอาชนะได้หรือไม่? เสี่ยวเอ้อรู้สึกว่าเป็นไปได้ต่ำ เพียงแค่นั้นเขาคงเริ่มคิดหาวิธีถอยแล้ว

ทำไมเขาไม่คิดเช่นนั้นบ้างเจ้าเด็กนี่ใช้วิธีเช่นนั้นคลี่คลายการต่อสู้ได้

“ความคิดของเจ้าไม่เลว ใช้วิธีทำลายเหมาะกับเจ้าดี”  เสียงเด็กทารกดังขึ้นแต่ยังมีอารมณ์ซับซ้อน

ขณะที่ถังเทียนกินอย่างบ้าคลั่งเขาถามเสียงงึมงำ  “กระดูกเซียนใช้ยังไง?”

ใจของเขากับเสี่ยวเอ้อเชื่อมโยงกันภายใน เมื่อชายชราจากสมาพันธ์ชาวยุทธเอากระดูกเซียนออกมา เขารู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนในอารมณ์ของเสี่ยวเอ้อ

“ใช้เพิ่มค่าพลังวิญญาณ”  อารมณ์ของเสี่ยวเอ้อกลับเป็นปกติ  “เจ้าสามารถเพิ่มค่าพลังวิญญาณของข้าได้มาก”

“ค่าพลังวิญญาณคืออะไร?”  ถังเทียนถามขณะที่ก้มหน้าก้มตากินอาหาร

“มันคือค่าของพลังเปลี่ยนแปลงสนามพลังวิญญาณ”  เสียงดังของเสี่ยวเอ้อดังน่ารักมาก “เจ้าสามารถใช้รักษาสนามพลังวิญญาณได้เนื่องจากเป็นพื้นที่พิเศษ  ค่าพลังวิญญาณมีขนาดเท่าพื้นที่นี้  ยิ่งพื้นที่ใหญ่ขึ้นวิชาจิตวิญญาณที่เจ้าสามารถฝึกได้ก็จะมากขึ้นค่าพลังจิตวิญญาณของข้ายังไม่สูง มี่เพียงสิบ กระดูกเซียนนี้มาได้ถูกเวลาทีเดียว”

“ค่าพลังวิญญาณยิ่งมากก็ยิ่งดีงั้นหรือ?”  ถังเทียนยังคงกินต่อไป และถามโดยไม่เงยหน้า

“ใช่” เสี่ยวเอ้อนั่งลงข้างๆ ถังเทียนหยิบกระดูกเซียนและกินกระดูกเซียนเหมือนขนมกรุบกรอบ  อย่างไรก็ตาม เขากินช้ามากด้วยสีหน้าจริงจัง

คนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กนั่งเคียงข้างกันอยู่ในท่าเดียวกัน แม้กระทั่งสีหน้าในการกินบางอย่างก็คล้ายกันอย่างบังเอิญ

“ข้าอิ่มแล้ว!”  ถังเทียนชูแขนและตะโกน

“รสชาติไม่เลว” เสี่ยวเอ้อเลียริมฝีปาก ตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าเป็นพิเศษ “กระดูกเซียนทำให้ค่าพลังวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นเป็น 15 ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเครื่องหมายอยู่ในนี้ข้าต้องใช้เวลาในการลบอยู่บ้าง เครื่องหมายในกระดูกเซียนเป็นของที่ดีมาก”

“ดูแล้วที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า”  ถังเทียนกล่าว “แล้วการ์ดวิชาจิตวิญญาณเป็นยังไงบ้าง?”

เสี่ยวเอ้อเลิกคิ้ว  “มันดีกว่าวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา  แต่ค่าพลังวิญญาณของข้ายังไม่สูงพอ”

ทันใดนั้นสร้อยคอรูปกระต่ายที่ถังเทียนห้อยคอไว้สั่นเล็กน้อย มันคือกระดิ่ง

หลังจากนั้นถังเทียนยิ้ม  “ใครจะรู้เราอาจขายได้ราคาดีก็ได้”

ถังเทียนไม่คิดเลยสักนิดว่าคลื่นการต่อสู้สร้างผลกระทบใหญ่ต่อเมืองหานกู่มากขนาดไหน

พลังโจมตีแสงสาง20 ท่าของเย่เฉาเกอแพ้

ข่าวแพร่กระจายไปทั่วเมืองหานกู่เหมือนพายุหมุน เป็นความรู้สึกที่เกินกว่าถังเทียนคาดหมายไว้อย่างสิ้นเชิง  ด้วยการปรากฏของวิชาแสงสาง ก็นับว่าสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนแล้ว พรสวรรค์ของเย่เฉาเกอและพลังของเขามากกว่าที่เล่าลือกัน  เทียบกับเซียนชั้นบรอนซ์ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว  ค่าพลังวิญญาณของเย่เฉาเกอยังต่ำมาก ความเข้าใจวิชาจิตวิญญาณของเขาก็ยังคงตื้นเขิน  วิธีการโจมตีของเขาเรียบง่ายและแสดงให้เห็นจุดอ่อนมากมาย

แต่ถึงกระนั้นความสามารถในการต่อสู้ของเย่เฉาเกอสร้างความตกตะลึงแตกต่างจากที่เซียนทั่วไปจะสามารถนำมาเปรียบเทียบได้

เซียนที่สามารถเอาชนะเย่เฉาเกอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน  อย่างไรก็ตามใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและร่างจิตวิญญาณไม่ได้ทิ้งนามเอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะจากไป

เซียนสองสามคนพยายามลอบติดตาม แต่อีกฝ่ายหนึ่งใช้ทะเลเมฆจำกัดการติดตามของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม การถกเถียงพูดคุยเรื่องการต่อสู้ไม่ได้จบลงเท่านั้น

“พลังของคนผู้นี้เทียบกับเย่เฉาเกอไม่มีความแตกต่างกันมากเย่เฉาเกอประมาทเกินไป ถ้าเขาใช้วิชาแสงสางตั้งแต่แรก ผลของการต่อสู้จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนลึกลับผู้นั้นฉลาดมากเขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของเย่เฉาเกอเมื่อเทียบกันที่พลังสร้างสรรค์  ดังนั้นเขาจึงใช้อีกวิธีหนึ่งซึ่งก็คือการทำลาย  ความยากของการทำลายยังต่ำกว่าการสร้าง แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันมากในเรื่องของขอบเขต  แต่ในการสู้ในระดับนี้ความแตกต่างไม่ต้องมากขนาดนั้นเขาประสบความสำเร็จในการใช้พลังจำนวนมากเพื่อระเบิดตรงๆซึ่งสร้างความเสียหายให้กับแสงสางของคู่ต่อสู้ซึ่งคู่ต่อสู้ของเขาสร้างขึ้นมา

“ยืมการเปลี่ยนใจของคู่ต่อสู้ใช้แรงกดดันจากวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาโจมตีในที่สุด ใช้พลังผันแปรเพื่อลวงเย่เฉาเกอ  ความจริงเขาใช้ขาแก้ปัญหาในการต่อสู้  นอกจากนี้เราสามารถบอกได้ว่าพลังของร่างวิญญาณนั้นควบคุมได้ดีมากทีเดียว”

“การปล่อยให้คู่ต่อสู้ควบคุมจังหวะของการต่อสู้ได้ทำให้เย่เฉาเกอประมาทในที่สุด  แม้ว่าจะมีความแตกต่างในเรื่องความสามารถในการต่อสู้แต่เย่เฉาเกอไม่ได้แพ้อย่างอยุติธรรม การใช้เคล็ดต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามยังเหนือกว่าเขา  ที่สำคัญที่สุดคือการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามมีความมุ่งมั่นว่าจะทำลายวงรัศมีแสงสางของเย่เฉาเกอให้ได้  เขาไม่มีความลังเลใจต่อการเสียสละมือทั้งสองคนกล้าแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีได้ ยิ่งกว่านั้นคู่ต่อสู้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง  ตั้งใจระเบิดอย่างนั้น  คุณค่าที่จ่ายไปก็คือมือทั้งสองอย่างที่เห็น”

“ความเข้าใจเรื่องการรบของเซียนนักสู้เทียบกับคนธรรมดามีความลึกซึ้งมากกว่าและรวดเร็วมาก เข้าใจได้เร็วและพร้อมใช้งาน

“เจ้าเห็นว่าไงบ้าง?”  บุรุษวัยกลางคนถามถงเก๋อ

ถงเก๋อยิ้มเล็กน้อย  “มืออาชีพมาก คำอธิบายนี้ชัดเจนแล้ว  การรู้แจ้งวิชาแสงสางของเย่เฉาเกอนั้นค่าพลังวิญญาณของเขาเกิน 25 เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับเซียนก็แข็งแกร่งมากเสียแล้วแค่นั้นก็นับว่าแข็งแกร่งทรงพลังมากอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคู่ต่อสู้ของเขายังแข็งแกร่งกว่า”

บุรุษวัยกลางคนค้านจะแสดงความเห็น  “ถ้าเจ้าต้องสู้กับเขา เจ้ามีความมั่นใจไหม?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของถงเก๋อหายไปทันที  เขาแสดงสีหน้าเคร่งเครียด  เขาคิดเรื่องนั้นรู้สึกว่ามีความคิดที่ซับซ้อน  “ไม่แน่ใจ คู่ต่อสู้บ้าระห่ำมากและมีความสามารถในการใช้ความได้เปรียบของตนเอง  คนแบบนี้ยากจะรับมือ  ถึงอย่างนั้นก็ยังยากมากที่จะคาดเดาถึงไม้ตายที่เขามีอยู่ในมือ  ร่างวิญญาณของคู่ต่อสู้แทบจะไม่ได้ทำอะไร  ข้ายังสงสัยอยู่จนเดี๋ยวนี้ไม่ว่าเขาจะรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้หรือไม่ แม้ว่าเขาจะเสียสละมือ  แต่ข้ายังสงสัยเรื่องนั้น  สำหรับเขาแล้วมีทางเป็นไปได้ว่านั่นคือทางเลือกอย่างหนึ่ง”

บุรุษวัยกลางคนผงกศีรษะ “ข้ารู้สึกปลื้มที่เจ้าสามารถเห็นได้อย่างนั้น  เขามาเพื่อดวงตาเซกซ์แทนส์  ข้ามีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า  คนผู้นี้ไม่ง่ายอย่างที่เห็น”

“อืมม” ถงเก๋อพยักหน้าจริงจัง “ข้าจะระวังไว้!”

บุรุษวัยกลางคนกล่าว  “ข้าตรวจสอบดูแล้วที่เก็บสมบัติซึ่งดวงตาเซกซ์แทนเก็บไว้ไม่น่าจะเป็นสมบัติระดับสูงสุด กฎจิตวิญญาณก็ยังคงเหมาะกับเซียนชั้นบรอนซ์  ถ้าเจ้าไม่ได้มาก็ไม่ต้องเสียใจไปเลย”

“อาจารย์ ท่านหมดความมั่นใจในตัวศิษย์ของท่านเร็วเกินไปหรือเปล่า?”  ถงเก๋อหัวเราะ

“ไม่ใช่ว่าข้าหมดความมั่นใจ”  บุรุษวัยกลางคนส่ายศีรษะ  “แม้ว่าเราจะไม่รู้ที่มาของคู่ต่อสู้  แต่เขากล้าหาญและไม่ห่วงชีวิตข้าคิดว่าเขาไม่น่าจะใช่ศิษย์จากที่ธรรมดา กฎจิตวิญญาณยากจะได้มา แต่เจ้าสามารถเอามาได้ถ้าเจ้ามีความคิดดีๆ”

ถงเก๋อไม่โต้แย้ง  เขาหันมาถาม “เขาจะมาจริงๆ หรือ?”

“เจ้าจะรู้ในเวลาต่อมา”  บุรุษวัยกลางคนกล่าว

ลักษณะที่ถังเทียนใช้เมื่อต่อสู้กับเย่เฉาเกอเหมือนกับพวกกร่างตามถนน   ทันทีที่เขาปรากฏตัวจะเรียกเสียงฮือฮาเล็กน้อยถังเทียนผู้ต่อสู้กับเย่เฉาเกออย่างดุเดือดมีชื่อเสียงโด่งดังทะยานฟ้า

“น้องชายท่านนี้ไม่แน่ใจว่าท่านมาจากที่ใด?  ข้ามาจากกลุ่มดาวคันชั่ง...”

“ข้ามาจากกลุ่มดาวกรกฏ (ปู)...”

“ข้ามาจาก....”

มหาอำนาจอื่นอาจยังกริ่งเกรงสมาพันธ์ชาวยุทธ  แต่มหาอำนาจอย่างสิบสองตำหนักระนาบสุริยะ  พวกเขาไม่สนใจ พวกเขาทุกคนโยนสัญลักษณ์แห่งสันติภาพให้ถังเทียน ผู้มีพรสวรรค์อย่างนั้นสามารถเอาชนะเย่เฉาเกอซึ่งมีวิชาแสงสาง  คนมีพรสวรรค์อย่างนั้นถ้าพวกเขาไม่เชื้อเชิญ  พวกเขาคงตาบอดแน่นอน

ถังเทียนเดินหน้าอย่างยากลำบากทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด