ตอนที่ 498 ค่าพลังวิญญาณ
ถังเทียนวนอ้อมเป็นวงใหญ่ก่อนจะกลับเข้ามาที่ค่าย
ในค่ายฝึกพวกนักสู้ตกตะลึงกันหมดระลอกพลังงานจากการต่อสู้ระหว่างเซียนนักสู้น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงเป็นเรื่องที่นักสู้ระดับต่ำกว่าชั้นเซียนไม่มีทางนึกออก
การต่อสู้ในอีกระดับหนึ่งเศษผลพวงที่ตามมายังคงลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ แม้แต่เศษเสี้ยวที่เหลืออยู่เหล่านี้สำหรับนักสู้ที่ไม่ใช่ระดับเซียนจะรู้สึกอึดอัด
มีเพียงติงเฉินที่สังเกตได้ถึงการกลับมาของถังเทียน ตราบเท่าที่มีการเคลื่อนไหวตอนนี้ ติงเฉินมักสังเกตได้ว่าถังเทียนจะอยู่ที่นั่น ดังนั้นเมื่อสังเกตเห็นถังเทียนปรากฏในค่าย ติงเฉินกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เขาเกิดความคิดในใจว่าเสียงที่ดังอยู่ข้างนอกนั้นคงเป็นฝีมือเจ้านายอย่างนั้นหรือ?
ความคิดนี้ฉายวูบขึ้นมาในใจของเขา เขาหัวเราะถึงความบ้าของตัวเอง เป็นไปได้หรือนี่ที่เจ้านายสามารถเรียกลมเรียกฝนได้?
แม้ว่าเจ้านายจะมีความสามารถ แต่เซียนนักสู้ก็มีพลังมากมาย ทั้งยังมีสมาพันธ์ชาวยุทธและองค์การวิญญาณมืด เพราะพวกนี้เป็นองค์กรยักษ์ใหญ่เจ้านายคงไปร่วมสนุกแน่นอน
ถังเทียนกลับเข้ามาในค่าย เขาเบียดตัวเข้าไปในห้องฝึกฝนและกล่าว “อย่าเพิ่งรบกวนข้า”
มือของถังเทียนฉีกกระดูกสีขาวโผล่เลือดไหลหยดตลอด ถังเทียนยิ้ม เขาเจ็บปวดเพราะอาการดังกล่าว เขาระบายลมหายใจออกมา แต่หน้าของเขามีประกายความตื่นเต้น
การต่อสู้วันนี้ช่วยแก้ปัญหาสำคัญในทิศทางที่เขาควรมุ่งเน้นได้ในที่สุด
แน่นอนว่ามันพังทลาย!
สนามพลังวิญญาณของเขาก็คือเสี่ยวเอ้อและมันคือสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ เนื่องจากเขาไม่สามารถสร้างสนามพลังได้ อย่างนั้นเขาก็จะทำลาย คนอื่นอาจรู้สึกว่าขอบเขตแห่งการทำลายล้างไม่สูง แต่ถังเทียนรู้สึกว่าไม่มีอะไรมาก เนื่องจากมันต้องใช้ขั้นตอนและเวลาเขาไม่ได้เป็นอัจฉริยะเลอเลิศระดับโลก การไปถึงท้องฟ้าให้ได้ในก้าวเดียวไม่ใช่สิ่งที่เขาจะคิดได้ สามารถสู้และแสดงฝีมือของเขาได้อย่างเพียงพอก็ทำให้เขาสุขใจมากแล้ว
เรื่องการสร้างน่ะหรือ...ปล่อยให้เสี่ยวเอ้อจัดการ
สำหรับเขาเขาจะมุ่งเน้นไปที่การทำลาย ถ้าเขาทำลายสนามพลังวิญญาณของคนอื่นได้ อย่างนั้นก็จะแข็งแกร่งทรงพลังเอง
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าใดก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดจากมือทั้งสองทำให้เขาเปลี่ยนความสนใจ อาการบาดเจ็บดูเหมือนจะน่ากลัว แต่ในความเป็นจริง ไม่มีอะไรรุนแรงอย่างที่บางคนคิด เขามีร่างพลังเป็นศูนย์ ดังนั้นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากพลังงานจะไม่รุนแรงเกินไปสำหรับเขา และนอกจากนี้ ความสามารถในการรักษาตนเองของเขาก็กล้าแข็งมาก
อย่างไรก็ตามการรักษาตนเองก็ยังจำเป้นต้องเติมเต็มซึ่งเขาจะทำโดยกินอาหารปริมาณมหาศาล
ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาไม่สามารถรักษาด้วยพลังงานเท่านั้น แต่ยังมีพลังงานที่สูญเสียออกไป ดังนั้นเขาจำเป็นต้องการอาหารในปริมาณที่มากเพื่อเสริมพลังร่างกายของเขา โชคดีที่ถังเทียนเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ติงม่านและพวกที่เหลือได้ทำการวิจัยค้นคว้าร่างกายพลังเป็นศูนย์ไว้แล้ว
ถังเทียนชอบร่างกายมีพลังเป็นศูนย์ของเขามาก แม้ว่าเขาไม่สามารถใช้วิชาจิตวิญญาณได้แต่เขาก็ไม่ต้องกังวลอาการบาดเจ็บให้มากจนเกินไป ตราบใดที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็จะไม่มีปัญหาอะไรมาก
เมื่อคิดย้อนถึงตอนที่เย่เฉาเกออวดร่างที่ไม่รู้จักตายของเขา ตาของถังเทียนแดงเมื่อคิดถึงตอนนั้น
ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอาการบาดเจ็บสามารถทำให้เขามีความคิดริเริ่มระหว่างต่อสู้ สำหรับนักสู้ประเภทบุกตะลุยบ้าระห่ำอย่างเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุด การโจมตีของเขาจะมีความกล้ามากยิ่งขึ้น
“หนุ่มชาวฟ้า ควรใช้ชีวิตผ่านการบุกตะลุย! หึหึ...”
“เสี่ยวเอ้อ,ข้าจะปล่อยให้หน้าที่ป้องกันเป็นของเจ้า หยา...”
“อ่าฮะ.. ตัดสินใจได้แล้ว!”
เสี่ยวเอ้อลอยมาอยู่ต่อหน้าถังเทียนมองดูเจ้าเด็กโง่เงียบๆ การต่อสู้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ตามความเป็นจริง เมื่อพูดถึงเคล็ดในการต่อสู้ ไม่มีความซับซ้อนอะไรที่ต้องกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้
มีเพียงความกล้าหาญและมุ่งมั่นที่เจ้าเด็กโง่แสดงออกในการต่อสู้ก็ส่งผลกระทบใหญ่ต่อเขา เมื่อว่ากันในเรื่องพลัง เจ้าเด็กโง่ไม่มีพื้นที่ให้ดิ้นรนเลย อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กนี่ชนะได้จริงๆ...
ปณิธานเอาตัวรอดของเจ้าเด็กนี่กล้าแข็งถึงระดับนั้น...
เสี่ยวเอ้อยังคงเงียบ ถ้าเป็นเขา เขาจะเอาชนะได้หรือไม่? เสี่ยวเอ้อรู้สึกว่าเป็นไปได้ต่ำ เพียงแค่นั้นเขาคงเริ่มคิดหาวิธีถอยแล้ว
ทำไมเขาไม่คิดเช่นนั้นบ้างเจ้าเด็กนี่ใช้วิธีเช่นนั้นคลี่คลายการต่อสู้ได้
“ความคิดของเจ้าไม่เลว ใช้วิธีทำลายเหมาะกับเจ้าดี” เสียงเด็กทารกดังขึ้นแต่ยังมีอารมณ์ซับซ้อน
ขณะที่ถังเทียนกินอย่างบ้าคลั่งเขาถามเสียงงึมงำ “กระดูกเซียนใช้ยังไง?”
ใจของเขากับเสี่ยวเอ้อเชื่อมโยงกันภายใน เมื่อชายชราจากสมาพันธ์ชาวยุทธเอากระดูกเซียนออกมา เขารู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนในอารมณ์ของเสี่ยวเอ้อ
“ใช้เพิ่มค่าพลังวิญญาณ” อารมณ์ของเสี่ยวเอ้อกลับเป็นปกติ “เจ้าสามารถเพิ่มค่าพลังวิญญาณของข้าได้มาก”
“ค่าพลังวิญญาณคืออะไร?” ถังเทียนถามขณะที่ก้มหน้าก้มตากินอาหาร
“มันคือค่าของพลังเปลี่ยนแปลงสนามพลังวิญญาณ” เสียงดังของเสี่ยวเอ้อดังน่ารักมาก “เจ้าสามารถใช้รักษาสนามพลังวิญญาณได้เนื่องจากเป็นพื้นที่พิเศษ ค่าพลังวิญญาณมีขนาดเท่าพื้นที่นี้ ยิ่งพื้นที่ใหญ่ขึ้นวิชาจิตวิญญาณที่เจ้าสามารถฝึกได้ก็จะมากขึ้นค่าพลังจิตวิญญาณของข้ายังไม่สูง มี่เพียงสิบ กระดูกเซียนนี้มาได้ถูกเวลาทีเดียว”
“ค่าพลังวิญญาณยิ่งมากก็ยิ่งดีงั้นหรือ?” ถังเทียนยังคงกินต่อไป และถามโดยไม่เงยหน้า
“ใช่” เสี่ยวเอ้อนั่งลงข้างๆ ถังเทียนหยิบกระดูกเซียนและกินกระดูกเซียนเหมือนขนมกรุบกรอบ อย่างไรก็ตาม เขากินช้ามากด้วยสีหน้าจริงจัง
คนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กนั่งเคียงข้างกันอยู่ในท่าเดียวกัน แม้กระทั่งสีหน้าในการกินบางอย่างก็คล้ายกันอย่างบังเอิญ
“ข้าอิ่มแล้ว!” ถังเทียนชูแขนและตะโกน
“รสชาติไม่เลว” เสี่ยวเอ้อเลียริมฝีปาก ตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าเป็นพิเศษ “กระดูกเซียนทำให้ค่าพลังวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นเป็น 15 ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเครื่องหมายอยู่ในนี้ข้าต้องใช้เวลาในการลบอยู่บ้าง เครื่องหมายในกระดูกเซียนเป็นของที่ดีมาก”
“ดูแล้วที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า” ถังเทียนกล่าว “แล้วการ์ดวิชาจิตวิญญาณเป็นยังไงบ้าง?”
เสี่ยวเอ้อเลิกคิ้ว “มันดีกว่าวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา แต่ค่าพลังวิญญาณของข้ายังไม่สูงพอ”
ทันใดนั้นสร้อยคอรูปกระต่ายที่ถังเทียนห้อยคอไว้สั่นเล็กน้อย มันคือกระดิ่ง
หลังจากนั้นถังเทียนยิ้ม “ใครจะรู้เราอาจขายได้ราคาดีก็ได้”
ถังเทียนไม่คิดเลยสักนิดว่าคลื่นการต่อสู้สร้างผลกระทบใหญ่ต่อเมืองหานกู่มากขนาดไหน
พลังโจมตีแสงสาง20 ท่าของเย่เฉาเกอแพ้
ข่าวแพร่กระจายไปทั่วเมืองหานกู่เหมือนพายุหมุน เป็นความรู้สึกที่เกินกว่าถังเทียนคาดหมายไว้อย่างสิ้นเชิง ด้วยการปรากฏของวิชาแสงสาง ก็นับว่าสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนแล้ว พรสวรรค์ของเย่เฉาเกอและพลังของเขามากกว่าที่เล่าลือกัน เทียบกับเซียนชั้นบรอนซ์ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ค่าพลังวิญญาณของเย่เฉาเกอยังต่ำมาก ความเข้าใจวิชาจิตวิญญาณของเขาก็ยังคงตื้นเขิน วิธีการโจมตีของเขาเรียบง่ายและแสดงให้เห็นจุดอ่อนมากมาย
แต่ถึงกระนั้นความสามารถในการต่อสู้ของเย่เฉาเกอสร้างความตกตะลึงแตกต่างจากที่เซียนทั่วไปจะสามารถนำมาเปรียบเทียบได้
เซียนที่สามารถเอาชนะเย่เฉาเกอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน อย่างไรก็ตามใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและร่างจิตวิญญาณไม่ได้ทิ้งนามเอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะจากไป
เซียนสองสามคนพยายามลอบติดตาม แต่อีกฝ่ายหนึ่งใช้ทะเลเมฆจำกัดการติดตามของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม การถกเถียงพูดคุยเรื่องการต่อสู้ไม่ได้จบลงเท่านั้น
“พลังของคนผู้นี้เทียบกับเย่เฉาเกอไม่มีความแตกต่างกันมากเย่เฉาเกอประมาทเกินไป ถ้าเขาใช้วิชาแสงสางตั้งแต่แรก ผลของการต่อสู้จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนลึกลับผู้นั้นฉลาดมากเขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของเย่เฉาเกอเมื่อเทียบกันที่พลังสร้างสรรค์ ดังนั้นเขาจึงใช้อีกวิธีหนึ่งซึ่งก็คือการทำลาย ความยากของการทำลายยังต่ำกว่าการสร้าง แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันมากในเรื่องของขอบเขต แต่ในการสู้ในระดับนี้ความแตกต่างไม่ต้องมากขนาดนั้นเขาประสบความสำเร็จในการใช้พลังจำนวนมากเพื่อระเบิดตรงๆซึ่งสร้างความเสียหายให้กับแสงสางของคู่ต่อสู้ซึ่งคู่ต่อสู้ของเขาสร้างขึ้นมา
“ยืมการเปลี่ยนใจของคู่ต่อสู้ใช้แรงกดดันจากวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาโจมตีในที่สุด ใช้พลังผันแปรเพื่อลวงเย่เฉาเกอ ความจริงเขาใช้ขาแก้ปัญหาในการต่อสู้ นอกจากนี้เราสามารถบอกได้ว่าพลังของร่างวิญญาณนั้นควบคุมได้ดีมากทีเดียว”
“การปล่อยให้คู่ต่อสู้ควบคุมจังหวะของการต่อสู้ได้ทำให้เย่เฉาเกอประมาทในที่สุด แม้ว่าจะมีความแตกต่างในเรื่องความสามารถในการต่อสู้แต่เย่เฉาเกอไม่ได้แพ้อย่างอยุติธรรม การใช้เคล็ดต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามยังเหนือกว่าเขา ที่สำคัญที่สุดคือการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามมีความมุ่งมั่นว่าจะทำลายวงรัศมีแสงสางของเย่เฉาเกอให้ได้ เขาไม่มีความลังเลใจต่อการเสียสละมือทั้งสองคนกล้าแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีได้ ยิ่งกว่านั้นคู่ต่อสู้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ตั้งใจระเบิดอย่างนั้น คุณค่าที่จ่ายไปก็คือมือทั้งสองอย่างที่เห็น”
“ความเข้าใจเรื่องการรบของเซียนนักสู้เทียบกับคนธรรมดามีความลึกซึ้งมากกว่าและรวดเร็วมาก เข้าใจได้เร็วและพร้อมใช้งาน
“เจ้าเห็นว่าไงบ้าง?” บุรุษวัยกลางคนถามถงเก๋อ
ถงเก๋อยิ้มเล็กน้อย “มืออาชีพมาก คำอธิบายนี้ชัดเจนแล้ว การรู้แจ้งวิชาแสงสางของเย่เฉาเกอนั้นค่าพลังวิญญาณของเขาเกิน 25 เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับเซียนก็แข็งแกร่งมากเสียแล้วแค่นั้นก็นับว่าแข็งแกร่งทรงพลังมากอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคู่ต่อสู้ของเขายังแข็งแกร่งกว่า”
บุรุษวัยกลางคนค้านจะแสดงความเห็น “ถ้าเจ้าต้องสู้กับเขา เจ้ามีความมั่นใจไหม?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของถงเก๋อหายไปทันที เขาแสดงสีหน้าเคร่งเครียด เขาคิดเรื่องนั้นรู้สึกว่ามีความคิดที่ซับซ้อน “ไม่แน่ใจ คู่ต่อสู้บ้าระห่ำมากและมีความสามารถในการใช้ความได้เปรียบของตนเอง คนแบบนี้ยากจะรับมือ ถึงอย่างนั้นก็ยังยากมากที่จะคาดเดาถึงไม้ตายที่เขามีอยู่ในมือ ร่างวิญญาณของคู่ต่อสู้แทบจะไม่ได้ทำอะไร ข้ายังสงสัยอยู่จนเดี๋ยวนี้ไม่ว่าเขาจะรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้หรือไม่ แม้ว่าเขาจะเสียสละมือ แต่ข้ายังสงสัยเรื่องนั้น สำหรับเขาแล้วมีทางเป็นไปได้ว่านั่นคือทางเลือกอย่างหนึ่ง”
บุรุษวัยกลางคนผงกศีรษะ “ข้ารู้สึกปลื้มที่เจ้าสามารถเห็นได้อย่างนั้น เขามาเพื่อดวงตาเซกซ์แทนส์ ข้ามีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า คนผู้นี้ไม่ง่ายอย่างที่เห็น”
“อืมม” ถงเก๋อพยักหน้าจริงจัง “ข้าจะระวังไว้!”
บุรุษวัยกลางคนกล่าว “ข้าตรวจสอบดูแล้วที่เก็บสมบัติซึ่งดวงตาเซกซ์แทนเก็บไว้ไม่น่าจะเป็นสมบัติระดับสูงสุด กฎจิตวิญญาณก็ยังคงเหมาะกับเซียนชั้นบรอนซ์ ถ้าเจ้าไม่ได้มาก็ไม่ต้องเสียใจไปเลย”
“อาจารย์ ท่านหมดความมั่นใจในตัวศิษย์ของท่านเร็วเกินไปหรือเปล่า?” ถงเก๋อหัวเราะ
“ไม่ใช่ว่าข้าหมดความมั่นใจ” บุรุษวัยกลางคนส่ายศีรษะ “แม้ว่าเราจะไม่รู้ที่มาของคู่ต่อสู้ แต่เขากล้าหาญและไม่ห่วงชีวิตข้าคิดว่าเขาไม่น่าจะใช่ศิษย์จากที่ธรรมดา กฎจิตวิญญาณยากจะได้มา แต่เจ้าสามารถเอามาได้ถ้าเจ้ามีความคิดดีๆ”
ถงเก๋อไม่โต้แย้ง เขาหันมาถาม “เขาจะมาจริงๆ หรือ?”
“เจ้าจะรู้ในเวลาต่อมา” บุรุษวัยกลางคนกล่าว
ลักษณะที่ถังเทียนใช้เมื่อต่อสู้กับเย่เฉาเกอเหมือนกับพวกกร่างตามถนน ทันทีที่เขาปรากฏตัวจะเรียกเสียงฮือฮาเล็กน้อยถังเทียนผู้ต่อสู้กับเย่เฉาเกออย่างดุเดือดมีชื่อเสียงโด่งดังทะยานฟ้า
“น้องชายท่านนี้ไม่แน่ใจว่าท่านมาจากที่ใด? ข้ามาจากกลุ่มดาวคันชั่ง...”
“ข้ามาจากกลุ่มดาวกรกฏ (ปู)...”
“ข้ามาจาก....”
มหาอำนาจอื่นอาจยังกริ่งเกรงสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่มหาอำนาจอย่างสิบสองตำหนักระนาบสุริยะ พวกเขาไม่สนใจ พวกเขาทุกคนโยนสัญลักษณ์แห่งสันติภาพให้ถังเทียน ผู้มีพรสวรรค์อย่างนั้นสามารถเอาชนะเย่เฉาเกอซึ่งมีวิชาแสงสาง คนมีพรสวรรค์อย่างนั้นถ้าพวกเขาไม่เชื้อเชิญ พวกเขาคงตาบอดแน่นอน
ถังเทียนเดินหน้าอย่างยากลำบากทันที