ตอนที่แล้วตอนที่ 495 ศัตรูในหนทางแคบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 497 พลังแสงสาง

ตอนที่ 496 ถงเก๋อแห่งวิญญาณมืด


ในอดีตบรรดาอัจฉริยะในสมาพันธ์ชาวยุทธ เย่เฉาเกอไม่ใช่บุคคลที่โดดเด่นรุ่งเรืองที่สุด  อย่างไรก็ตามเขากลับได้รับประสิทธิประสาทจนเป็นเซียนได้ง่ายที่สุดในบรรดาอัจฉริยะเหล่านั้น นอกจากนี้เขาเป็นนักสู้คนแรกที่ไล่ต้อนถังเทียนได้  ฉีซานถูกถังเทียนฆ่าตาย,จางหมิงเฮ่อล้มเหลวในเมืองสามวิญญาณ จากเหตุทั้งหลายเหล่านี้ถังเทียนจึงได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘หินลับมีดของสมาพันธ์’

หลังจากเป็นนักสู้ชั้นเซียนแล้วอารมณ์ของเย่เฉาเกอเปลี่ยนไป ความถือตัวของเขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าระห่ำ  แม้ว่าอารมณ์ของเขาจะเย็นเหมือนแต่ก่อน  แต่ก็ยังยากที่ผู้คนจะเข้าใกล้เขา  ในสายตาของหลายคนมองว่าพฤติกรรมนี้เป็นเพราะเย่เฉาเกอมีวุฒิภาวะแล้ว

เพราะเย่เฉาเกอรู้สึกตื่นเต้นคนอื่นๆ ล้วนมุ่งสู่แนวหน้าร่วมรบกับกลุ่มดาวราชสีห์เพื่อขัดเกลาพลังของพวกเขาเอง

เย่เฉาเกอยังไม่พอใจเท่าใดนัก  เขารู้ว่ายังมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งกว่าเขาอีกคนหนึ่งคนที่ฝึกจนได้สนามพลังวิญญาณภูตกระบี่ เขาคือจิ่งหาว

จิ่งหาวมีภูตกระบี่สร้างกระแสสั่นสะเทือนให้กับระดับสูงของสมาพันธ์ชาวยุทธ เซียนกระบี่ไม่ใช่กระแสนิยมหลักในสมาพันธ์ชาวยุทธ  เคล็ดวิชาจิตวิญญาณขั้นสุดยอดไม่ได้มีไว้เพื่อเซียนกระบี่  ในประวัติศาสตร์ของสมาพันธ์ชาวยุทธ  นี่เป็นครั้งแรกที่มีภูตกระบี่ปรากฏขึ้น  สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดมากก็คือวิชานั่นมาจากคนทรยศ

แม้ว่าผู้อาวุโสอันจะพยายามใช้อำนาจของตัวเขาเองเพื่อนำจิ่งหาวกลับมายังสมาพันธ์ชาวยุทธ  แต่ผู้อาวุโสสำนักส่วนใหญ่ยังคงเงียบเฉย

ธรรมเนียมของสมาพันธ์ชาวยุทธ  วิชาจิตวิญญาณชั้นยอดของสมาพันธ์ชาวยุทธ  แก่นสำคัญของวิชาก็คือพลังแสง! ตั้งแต่เริ่มต้นการทำงานของสมาพันธ์ชาวยุทธ  อัจฉริยะในสนามพลังวิชาต่างๆจะปรากฏออกมาทุกรุ่น ความอดทนรุ่นแล้วรุ่นเล่า จึงสร้างชุดวิชาจิตวิญญาณออกมาได้

ดังนั้นแผนกภายในของสมาพันธ์ชาวยุทธ นักสู้ที่ฝึกฝนพลังแสงที่เกี่ยวข้องกับวิชาจิตวิญญาณจะถูกจับตามองว่าเป็นวิถีดั้งเดิม

แม้ว่าภูตกระบี่จะหาได้ยากแต่ก็ไม่สามารถสร้างความหวั่นไหวให้กับกลุ่มผู้อาวุโสสมาพันธ์ชาวยุทธได้  สมาพันธ์ชาวยุทธคงอยู่มานานหลายปีมากแล้วและได้เห็นศิษย์นับไม่ถ้วนซึ่งไม่ประสบความสำเร็จในสมาพันธ์แล้วแยกจากไปฝึกฝนขัดเกลาด้วยตนเอง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่พฤติกรรมของจิ่งหาว ถูกมองว่าน่าอายและไม่ภักดีต่อผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธส่วนใหญ่

ในประวัติศาสตร์ของศิษย์ผู้ออกไปจากสมาพันธ์ชาวยุทธ  แม้ว่าพวกเขาจะยึดครองมีพื้นที่เป็นของตนเอง  แต่ความสัมพันธ์กับสมาพันธ์ชาวยุทธมักจะคงอยู่ด้วยดี  สมาพันธ์ชาวยุทธมองการกระทำอย่างนี้ว่าเป็นเหมือนกับการขยายสาขา  อย่างไรก็ตาม จิ่งหาวนั้นแตกต่าง  เพราะจิ่งหาวไปร่วมกับศัตรูของสมาพันธ์ชาวยุทธ

ในทางตรงกันข้าม เย่เฉาเกอได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้อาวุโสสมาพันธ์ชาวยุทธ  แม้ว่าภูตกระบี่จะแข็งแกร่ง  แต่ในสายตาพวกผู้อาวุโสสมาพันธ์ก็ยังถูกจำกัดมากกว่า เทียบกับสติปัญญาที่น่ากลัวและประสบการณ์สะสมของสมาพันธ์ชาวยุทธแล้วภูตกระบี่จะเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร?

เย่เฉาเกอยังคงคิดอยู่ว่าจิ่งหาวคือคู่ต่อสู้ที่เขากำลังโหยหา

บุรุษที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นคนประหลาดและดูเหมือนไม่ค่อยน่าเกรงขามทั้งยังฝึกสนามพลังร่างวิญญาณที่โบราณและสาบสูญไปแล้ว   เย่เฉาเกอเหมือนจะไม่ให้ความสนใจ  ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของผู้อาวุโสหวีเขาคงไม่ชายตามองสวะอย่างนี้ให้เสียเวลา

นอกจากนี้  คนผู้นี้ดูเหมือนจะน่าหงุดหงิดอยู่บ้าง

เย่เฉาเกอเลิกคิ้วท่าทางที่เหมือนกับมือสมัครเล่นทำให้ใจของเขายิ่งดูถูกมากขึ้น

“คนผู้นี้ไม่ถูกขู่ให้กลัวอย่างโง่ๆได้เลย”  บุรุษหนุ่มที่พูดมีเท้าเปล่าผมยาว นัยน์ตาดำเป็นประกาย มีกลิ่นอายเหมือนกับกระเทย  เขาถอนหายใจ “ข้าอยากเห็นพลังของเย่เฉาเกอ หวังว่าอีกฝ่ายหนึ่งคงไม่อ่อนแอจนเกินไป”

บุรุษวัยกลางคนข้างๆเขามีรูปร่างผอม เบ้าตาลึก สีหน้าของเขาเขียวคล้ำ “เย่เฉาเกอคือศัตรูหลักของเจ้า”

“แล้วกลุ่มดาวราชสีห์ล่ะ?  ทำไมพวกเขาไม่อยู่ที่นี่?  ถ้าไม่อย่างนั้นเรายังจะท้าทายพวกเขาด้วย”  บุรุษหนุ่มหัวเราะ

“กฎจิตวิญญาณเก็บไว้ในคลังสมบัติไม่ใช่กฎระดับสูงแต่อย่างใดเป็นแค่เครื่องล่อใจนักสู้เซียนระดับบรอนซ์มากกว่า  ข้าคิดว่าหรงปัวกำลังโฆษณาให้กับเย่เฉาเกอ”  บุรุษวัยกลางคนพูดในจังหวะความเร็วปานกลาง  แต่มีคำแนะนำที่น่ากลัวแฝงอยู่ในคำพูดของเขา

“ทำไมเราไม่ไปชิงเอามาเลยเล่า?”  บุรุษหนุ่มเลิกคิ้ว  “แค่พลังของอาจารย์ก็มากพอจะกวาดล้างที่นี่ทั้งหมดอยู่แล้ว”

“หรงปัวสามารถกวาดล้างเฉพาะที่ส่วนนี้ได้”  บุรุษวัยกลางคนชำเลืองดูบุรุษหนุ่ม  “เมื่อไม่มีผู้ใดลงมือนั่นคือความเข้าใจร่วมกัน ใครก็ตามทำลายความเข้าใจร่วมกันนี้ก็จะนำไปสู่สงคราม  ไม่มีใครกล้าเปิดกล่องสงครามนี้  สมาพันธ์ชาวยุทธกล้าสู้กับกลุ่มดาวราชสีห์แต่ยังไม่กล้าปลุกระดมให้เกิดสงครามไปทั่ว กลุ่มดาวราชสีห์กล้าสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธแต่ไม่กล้าปลุกระดมให้เกิดสงครามทั่วไปเหมือนกัน  เราองค์การวิญญาณมืดก็ไม่กล้าทำเช่นกัน  ดังนั้น ชางหยางหวี่นับว่าฉลาดมาก”

“ความจริงข้ารู้สึกว่าเปิดสงครามทั้งหมดเลยก็ดี”  บุรุษหนุ่มพูดอย่างไม่เห็นด้วย “เราองค์การวิญญาณมืดก็อยู่ในสงครามอยู่แล้ว  ไม่ได้แสดงความสามารถของเรานับว่าน่าผิดหวังจริงๆ”

บุรุษวัยกลางคนชำเลืองมองบุรุษหนุ่มอย่างเย็นชา  “ถงเก๋อ, สงครามนั้นโหดร้าย”

“แต่อาจารย์” รอยยิ้มของถงเก๋อหายไป  เขากล่าว “เมื่อไม่ได้ผ่านประสบการณ์สงคราม การเติบโตนักสู้ของพวกเราจะช้ากว่าพวกเขาตลอดไป  เมื่อถึงเวลาเรายังไล่ตามพวกเขาทันอีกหรือ?”

บุรุษวัยกลางคนจ้องมองอย่างว่างเปล่า

“พวกเขาเติบโตในท่ามกลางเลือดและเปลวไฟ  อย่างไรก็ตามพวกเราได้แต่มองพวกเขาอยู่ด้านข้าง”  ถงเก๋อกล่าว “พวกเขาเหมือนกับอีแร้ง แต่เราเหมือนกับฝูงนกและเรายังรอคอยให้อีแร้งทั้งสองสู้กันเองจนบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายก่อนจากนั้นเราจึงค่อยเข้าไปฉกฉวยรางวัล อย่างไรก็ตาม อาจารย์ แม้จะเป็นอีแร้งที่บาดเจ็บสองตัว เรายังจะมีโอกาสเอาชนะพวกมันได้หรือ?”

บุรุษวัยกลางคนพูดไม่ออก

ในพื้นที่ถังเทียนกำลังทะเลาะกับชาวสวรรค์ ผิดแล้ว เป็นมนุษย์คนหนึ่งทะเลาะกับร่างวิญญาณถังเทียนและเสี่ยวเอ้อเชื่อมโยงกันผ่านทางใจโดยไม่จำเป็นต้องพูด

“เสี่ยวเอ้อ เตรียมหลบ!”  ถังเทียนจงใจกล่าว

“ข้าไม่หนี ต่อให้ข้าใช้วิชาเคลื่อนในพริบตาก็ตาม”  เสี่ยวเอ้อพึมพำคัดค้านความคิดของถังเทียน  เขากรอกตาไปมา ในใจของเขา เจ้านี่ชอบทำตัวอวดเบ่ง ช้าและโง่แต่ความจริงเขาเป็นคนใจดำและอำมหิต

ประเด็นสำคัญก็คือมันเป็นเรื่องน่าอายอย่างสิ้นเชิง...

ภายใต้สายตาของผู้ชมยังมีความคิดพยายามหลบหนี พฤติกรรมน่ารังเกียจขนาดนั้น เจ้าเป็นถึงเจ้ากลุ่มดาวไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือ?  จริงๆ เลย  เจ้ารู้สึกอับอายเป็นบ้างไหม?

เสี่ยวเอ้อผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีจะทนรับสถานการณ์อัปยศนี้ได้ยังไง!

ถังเทียนรู้สึกจนใจ  “เจ้าหนีไม่ได้จริงๆ หรือ?”

“มีเซียนอยู่ตั้งมากมาย  เจ้าไม่รู้สึกว่าสมาพันธ์ชาวยุทธไม่มีทางสู้กับเคลื่อนย้ายในพริบตาได้หรือ?”  เสี่ยวเอ้อพูดอย่างใจเย็น และด้วยเสียงเหมือนทารกทำให้เขารู้สึกเหมือนกับจะทรุดลงเสียให้ได้ทำไมข้าถึงได้มีเสียงเหมือนเด็กทารกตอนโกรธด้วยนะ? อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันเจ้าเด็กโง่ไม่ให้ทำอะไรบางอย่างน่าขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลมากมาย  เสี่ยวเอ้อยืนยืน  “ภายใต้สายตาของทุกคน  ถ้าเจ้าสามารถต้านทานพลังโจมตีได้ถึงยี่สิบท่า  ของเหล่านี้จะเป็นของเจ้า  สมาพันธ์ชาวยุทธไม่มีทางกลับคำได้แน่นอน หรือว่าเจ้าไม่มั่นใจจะทนรับพลังโจมตียี่สิบท่าของเย่เฉาเกอได้?”

“เหลวไหล!”  ถังเทียนโกรธ “อย่าว่าแต่ยี่สิบท่าเลย ให้โจมตีสองร้อยท่าก็ไม่มีปัญหา!”

เห็นได้ชัดว่ารับมือเจ้าเด็กโง่ เขาแค่ใช้วิธียั่วโทสะที่ง่ายที่สุดเท่านั้น...

เสี่ยวเอ้อลอบกรอกตา  ปากของเขายังคงเติมเชื้อไฟ  “ในครั้งก่อนเจ้าพ่ายแพ้เขาเหมือนสุนัข  นี่คือรอยมลทินในใจเจ้า  ข้าเข้าใจ”

ทันใดนั้นถังเทียนมีความเกลียดขึ้นในใจเขาทันที  เขาพูดอย่างเหี้ยมหาญ  “กะอีแต่สวะสองคน  เราดีกับเขามากไปจริงๆ  เข้าอยากจะทุบเขาให้มีสภาพเหมือนกับสุนัข!”

เห็นได้ชัดว่าการยั่วยุเข้ากันได้กับการปลุกความเกลียดของเจ้าเด็กโง่นี่ให้ระเบิดออกมาได้

เสี่ยวเอ้อหุบปากเมื่อเห็นว่าสมควร  ใจของเขาคิดอยู่เงียบๆ  ถ้าเพียงศัตรูในโลกนี้สามารถเอาชนะเจ้าเด็กโง่นี่จะดีมากสักเพียงไหน...

ทันใดนั้นเขาลืมตัวไปว่ากำลังอยู่ในสถานะที่ลำบาก

เย่เฉาเกอยังไม่โจมตีเมื่อคู่ต่อสู้ยังฟุ้งซ่านเขาเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีและความหยิ่งในใจ ดังนั้นเขาไม่อาจทำเรื่องเช่นนั้นได้ และถ้าเขาเป็นตัวแทนของผู้อาวุโสหวีได้ดีในวันนี้  ผู้อาวุโสหวีก็จะได้หน้า  แต่ถ้าเขาทำได้ไม่ดี  ผู้อาวุโสหวีจะขายหน้า

หลักๆก็คือ เขาไม่ได้ใส่ใจคู่ต่อสู้อย่างจริงจังนักคู่ต่อสู้เป็นมือสมัครเล่นและซุ่มซ่ามทำให้เขาไม่ชอบใจอีกต่อไป

“เฮ้, คนแซ่เย่ ข้าจะต้องทุบตีเจ้าให้เหมือนกับสุนัขเลย คอยดูเถอะ”

คู่ต่อสู้โวยวายขึ้นมาทันทีสร้างความตกใจให้กับเย่เฉาเกอ  จู่ๆ คู่ต่อสู้ก็มีสีหน้าจริงจังนัยน์ตาแดง เย่เฉาเกอมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ใช้พลังกระตุ้นหรือ?  แปลกมาก....

ในขณะนั้นฝ่ายตรงข้ามก้าวออกมาทันที  เมื่อเท้าของเขาสัมผัสพื้นพื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย ฝุ่นรอบตัวเขากระจายออกโดยรอบ

ม่านตาของเย่เฉาเกอหดลีบพลังขานั่น... แข็งแกร่งเหลือเชื่อจริงๆ

ควั่บ!

จู่ๆมีร่างเลือนรางมาปรากฏข้างหน้าเขาและปลดปล่อยเมฆหมอกทันทีความเร็วที่ทะลุกำแพงความเร็วเสียง

แทบจะเวลาเดียวกันที่ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยพุ่งมาข้างหน้าของเย่เฉาเกอ

เร็วมาก!

หัวใจของเย่เฉาเกอเย็นเฉียบ  หน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย  กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของเขาชูขึ้นช้าๆ

ปึ้ง

หมัดปะทะใส่กระบี่  เสียงดังทึบจากการปะทะกัน  คลื่นพลังงานกวาดผ่านหน้าของเย่เฉาเกอ  สีหน้าของเขายังคงสงบเหมือนเคยร่างของเขาขยับออกไปสองสามก้าวเหมือนกับอยู่บนพื้นน้ำแข็ง

แม้ว่าเย่เฉาเกอจะคาดพลังของคู่ต่อสู้ได้ แต่เขาไม่คาดเลยว่าพลังของคู่ต่อสู้จะมีความแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนั้น

คนจากองค์การวิญญาณมืดหรือ?

ความเร็วของคู่ต่อสู้เร็วผิดธรรมดา  ความถี่ของการก้าวเท้าไวจนนึกภาพไม่ออก  วิธีการของเขาง่ายและตรงไม่มีท่าพลิกแพลง  แม้ว่าจะเป็นเพียงวิชาพื้นฐานแต่พลังของเขาถูกเสริมจนแข็งแกร่งและมีความอันตราย

เย่เฉาเกอตื่นเต้นเล็กน้อย เขาไม่ได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว พลังสายเลือดของเขาพิเศษมากและหลังจากเข้าถึงระดับเซียน  พลังสายเลือดของเขามีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

เมื่อเทียบกันเรื่องพลัง  เขาไม่กลัวใครทั้งนั้น

กระบี่ในมือของเย่เฉาเกอมีความเรียวแคบมากและพลิกแพลงด้วยความเร็วสูง แต่ละกระบี่มิได้ซับซ้อนเท่าใดนักแต่ทุกกระบี่แฝงไปด้วยพลังงาน

ตังตัง ตัง!

เสียงกระแทกปะทะขยายตัวกว้างขึ้น  เย่เฉาเกอควงกระบี่รับภายใต้พลังระดับโจมตีของถังเทียน ก็ยังสามารถรับได้อย่างสง่างามไม่มีสะดุด

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเมื่อเซียนนักสู้ทั้งสองสู้กัน  พวกเขาจะเทียบพลังกันได้จริงๆ  อย่างไรก็ตามพวกเขาได้แต่ยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ การโจมตีที่เรียบง่ายและธรรมดานี้แฝงไว้ด้วยอันตราย

ทุกคนไม่รู้สึกประหลาดใจกับการแสดงพลังของเย่เฉาเกอ  แต่พลังของบุรุษอัปลักษณ์ไม่อาจดูถูกได้เลย

พอถึงเวลานี้ผู้อาวุโสหวีขมวดคิ้ว เขาพูดอย่างราบเรียบ “เฉาเกอ เลิกเล่นเสียที รีบจบการต่อสู้ได้แล้ว”

เย่เฉาเกอตื่นตัวทันทีทั้งสองฝ่ายปะทะกันไปสิบห้ากระบวนท่าโดยไม่รู้ตัว การต่อสู้โดยใช้พลังล้วนๆ เหมือนสิ่งเสพติอย่างแท้จริง  เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นกลยุทธของคู่ต่อสู้?

ถ้าเป็นอย่างนั้นคู่ต่อสู้ก็สืบค้นตัวเขามาลึกอย่างคาดไม่ถึง

เย่เฉาเกอยืดระยะห่าง  เขาหรี่ตาอีกครั้ง  เหลืออีกห้าท่าก็เพียงพอ

ในการต่อสู้ของเซียนนักสู้  เคล็ดจิตวิญญาณคือฝีมือที่แท้จริง

ร่างของเขาเริ่มเปล่งรัศมีเรื่อเรือง  แสงสีขาวเหมือนกับกระแสน้ำไหลไปตามร่างของเขาแล้วม้วนหุ้มกระบี่ในมือของเขา

แสงขาวเริ่มสว่างเจิดจ้าเป็นคลื่นคุกคามรุนแรงขยายไปทั่วพื้นที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด