ตอนที่ 495 ศัตรูในหนทางแคบ
ถังเทียนลงพื้นด้วยความไม่เต็มใจความรู้สึกยามบินอยู่ในอากาศตื่นเต้นมาก ว่องไวราวกับสายฟ้าภายใต้แสงจันทร์เยือกเย็นมีทะเลเมฆไร้ขอบเขต หากเขานำเชียนฮุ่ยมาที่นี่ในเวลานี้ได้ นางคงจะมีความสุขมาก!
เมื่อถังเทียนลงมาอยู่บนพื้นราบน้ำแข็ง เขาประหลาดใจทันที บนพื้นราบน้ำแข็งมีคนอยู่หลายคน
“ข้าไม่เคยคาดเลยว่าคลื่นเย็นนี้จะมีผลน่าทึ่งขนาดนี้!”
“ชางหยางหวี่ได้รับโชคใหญ่อยู่เงียบๆจริงด้วย...”
“ดีก็นับว่าดีอยู่หรอก แต่ช่างน่าเสียดายที่ยังเบาบางไปเล็กน้อย”
คำพูดเหล่านั้นได้ยินชัดเต็มหู ถังเทียนเข้าใจเล็กน้อย ดังนั้นก็กลายเป็นว่าทุกคนกำลังมองหาผลึกคลื่นเย็น เขาคิดถึงวันที่เสี่ยวเอ้อและพวกที่เหลือกินผลึกแล้ว เริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข
เสี่ยวเอ้อไม่พอใจเรื่องทั้งหมดนี้ เขากำลังวางแผนในใจลึกๆ แผนแล้วแผนเล่า เขาคิดหาวิธีชิงร่างกลับมาและควบคุมไว้
ฆ่าเจ้าเด็กโง่ดีไหม?
เป็นไปไม่ได้! คนทั้งสองอยู่ในร่างเดียวกัน เจ้าเด็กโง่ถูกข่มได้ แต่กำจัดไม่ได้ หัวใจเขาไม่สามารถทนรอให้ใครบางคนทุบตีถังเทียน ถ้าถังเทียนทรมานจากอาการบาดเจ็บหนัก บางทีเขาอาจมีโอกาสเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กโง่นี่ดูเหมือนจะก้าวหน้ารวดเร็วมาก...
ใบหน้าที่น่ารักของเสี่ยวเอ้อบูดบึ้งเหมือนกับเด็กที่ไม่พอใจพ่อแม่
“เอ๊ะ,สนามพลังร่างวิญญาณ!”
ชายชราคนหนึ่งร้องทักลั่นทำให้ถังเทียนชะงัก เขาหันมามองชายชราคนหนึ่งและนักสู้ที่มีสีหน้าเยือกเย็นยืนอยู่ข้างๆ ชายชรามองดูเสี่ยวเอ้อด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
แต่สายตาของถังเทียนจับจ้องอยู่ที่นักสู้อีกคนหนึ่งซึ่งมีสีหน้าเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง
ถังเทียนหรี่ตาแล้วยิ้ม เป็นศัตรูเก่าหนทางคับแคบจริงๆเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เย่เฉาเกอ!
สายตาของเย่เฉาเกอมองอยู่ที่เสี่ยวเอ้อ สีหน้าของเขาเยือกเย็นเหมือนปกติ แต่ดวงตาของเขามีแววประหลาดใจ ร่างวิญญาณก็คือสนามพลังวิญญาณโบราณ มีคนฝึกได้จริงๆหรือนี่? หลายปีมาแล้ว ร่างวิญญาณถูกกำจัดไปเรียบร้อย และไม่มีใครฝึกฝนได้อีก
สนามพลังวิญญาณในรุ่นปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากขึ้นขณะที่มีขีดจำกัดสำหรับความสามารถของสนามพลังวิญญาณ และยังคงมีข้อจำกัดของจำนวนเคล็ดวิญญาณวิธีการที่มีประสิทธิภาพคือเป้าหมายสูงสุดของสนามพลังวิญญาณยุคปัจจุบัน
ร่างวิญญาณผลิตออกมาจากความคิดที่สับสนและวุ่นวายยุคโบราณ เซียนยุคก่อนรู้สึกว่าสวรรค์และโลกรวมกันเป็นหนึ่งรู้สึกว่าชีวิตวุ่นวายและแปดเปื้อนธรรมชาติของร่างวิญญาณมักจะเกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็นแบบสุ่ม เพราะไม่สามารถควบคุมได้อย่างพิถีพิถันโดยตรง
นี่เป็นแนวความคิดที่แตกต่างกันสองอย่าง แต่ไม่มีความเปรียบเทียบระหว่างพวกเขา สำหรับใครก็ตามที่เข้าถึงความเป็นเซียนเป็นเรื่องยากมาก, ก้าวหน้าในระดับของเซียนก็ยากมาก ต้องเดิมพันกันด้วยคุณภาพ พวกเซียนย่อมไม่ยินดีแน่นอน ยิ่งพวกเขาเต็มใจจะเลือก ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องทรงพลังมาก แต่ขอให้เส้นทางของพวกเขาสามารถควบคุมได้อย่างเห็นได้ชัด
นี่คือจุดเริ่มต้นพัฒนาของสนามพลังวิญญาณรุ่นปัจจุบันและตามมาด้วยการพัฒนาของระบบวิทยายุทธของคนยุคปัจจุบันจนมีมาตรฐานในวันนี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพจึงอยู่ในสภาพที่สูงสุด
ตัวอย่างเช่นสามารถกำหนดขนาดของสนามพลังวิญญาณได้ พวกเขาเสนอแนวคิดค่าของพลังจิตวิญญาณ ไม่เพียงแต่สนามพลังจิตวิญญาณสามารถวัดค่าพลังจิตวิญญาณได้เท่านั้น ทุกจิตวิญญาณที่มีค่าก็ต้องใช้ในเคล็ดจิตวิญญาณทั้งนั้นด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถกำหนดเคล็ดจิตวิญญาณที่สามารถฝึกได้ และสิ่งที่พวกเขาควรใช้ในการฝึก
สนามพลังวิญญาณอย่างร่างวิญญาณเช่นนั้นถูกกำจัดไปนานแล้ว
ดังนั้นเย่เฉาเกอจึงประหลาดใจเล็กน้อย ในยุคสมัยเช่นนั้น ยังมีคนใช้วิธีการที่ล้าสมัยอย่างนั้นฝึกอีกหรือ?
ด้วยความประหลาดใจผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างเขา เขาไม่แปลกใจ เนื่องจากชายชรามีวิธีคิดการฝึกที่แข็งแกร่ง ใจของเย่เฉาเกอเย้ยหยันตรงจุดนี้ สิ่งเหล่านั้นถูกกำจัดมานานแล้ว และทั้งหมดนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าล้าสมัยและไม่มีประโยชน์ไม่คุ้มค่ากับความพยายามและเรี่ยวแรงที่ลงไป
แต่สถานะของผู้อาวุโสหวีสูงส่งมาก เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้อาวุโสหรงและมักจะได้รับคำแนะนำอยู่เสมอ ดังนั้นเย่เฉาเกอจึงอดกลั้นความรู้สึกไว้ ผู้เฒ่าหวีสนใจคลื่นพลังเย็นมากหลายอย่างที่สามารถบำรุงขุนพลวิญญาณไม่ให้สูญสลายไปได้ แต่ทุกชิ้นมีราคาสูงเทียมฟ้า อย่างเช่นแผ่นดินน้ำแข็งดึกดำบรรพ์ คุณค่าของมันไม่ธรรมดา
ทั้งสองคนหันและหยุดด้วยความผิดหวังเล็กน้อย ชางหยาวหวี่ไม่ได้ให้โอกาสคนอื่น ต้นกำเนิดคลื่นพลังเย็นอยู่ลึกลงไปในเมืองหานกู่ ผลึกน้ำแข็งอยู่ในคลื่นพลังเย็นในอากาศ ในความเห็นของเขา มันมีเบาบางเกินไปและไม่มีค่ามากสำหรับนักสู้ระดับเซียน
คาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเจอกับร่างวิญญาณที่นี่
เสี่ยวเอ้อยังคงสังเกตเห็นเย่เฉาเกอ ตอนนั้นทุกคนอยู่ในเส้นทางต่อสู้กันอย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เมื่อได้พบกันอีกครั้งเขาโกรธกับการปรากฏตัวของเย่เฉาเกอเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตามเขาสงสัยปฏิกิริยาของเจ้าเด็กโง่มากกว่า
“เฮ้,สหาย เจ้าฝึกฝนร่างวิญญาณได้ไม่เลว ไม่เลวเลย” ผู้อาวุโสหวียกย่อง “ว่าแต่..เจ้าสนใจจะเข้าร่วมกับสมาพันธ์ชาวยุทธบ้างไหม?”
“สมาพันธ์ชาวยุทธ!” ถังเทียนแสดงสีหน้าตื่นเต้น “ข้าได้ยินมาว่าคนของสมาพันธ์ชาวยุทธล้วนแข็งแกร่งทรงพลังทั้งนั้น”
เสี่ยวเอ้อเบือนหน้า เขาไม่อาจทนดูได้สีหน้าของเจ้ามันโกหกยิ่งกว่า?
ผู้อาวุโสหวีตรงกันข้ามเขาเพลิดเพลินกับคำสรรเสริญ “สมาพันธ์ชาวยุทธมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เรามีคัมภีร์โบราณอยู่ทุกชนิด ตราบใดที่เจ้ายินดีฝึกฝนอย่างหนัก อย่างนั้นเจ้าจะต้องดีกว่าคนที่เหลืออย่างแน่นอน”
ถังเทียนปั้นหน้าท่าทางและผงกศีรษะ “แต่คำพูดยังไม่ใช่ข้อพิสูจน์ ทุกคนบอกว่าสมาพันธ์ชาวยุทธแข็งแกร่งทรงพลังมาก ข้าไม่เชื่อเรื่องนั้น”
ผู้อาวุโสหวีหว่านล้อมเขา “อย่างนั้นเจ้าต้องการพิสูจน์จึงจะเชื่อใช่ไหม?”
“สู้กับเขา” ถังเทียนชี้ไปที่เย่เฉาเกอ “ถ้าเขาชนะ ข้าจะร่วมกับพวกท่าน”
ผู้อาวุโสหวีหัวเราะหลังจากนั้นชั่วครู่ “ขอยกย่องเจ้าเลยว่ากล้าหาญจริงๆ เฉาเกอ ไปซ้อมมือกับสหายน้อยสักสองสามท่าดูอย่ารุนแรงมากนักล่ะ”
ในสายตาของผู้อาวุโสหวี สหายน้อยข้างหน้าในสายตาของเขาต้องรู้จักเย่เฉาเกอแน่ ความคิดจะแสดงพลังผ่านการต่อสู้ของเขาจะได้รับการตอบรับที่ดี ถือเป็นเรื่องดีที่คนหนุ่มมีความคิดชอบแข่งขันชิงดีกัน เย่เฉาเกอคืออัจฉริยะที่รู้จักกันอย่างกว้างและเป็นธรรมดาที่คนอื่นอยากเปรียบเทียบด้วย
ผู้อาวุโสหวีเผชิญสถานการณ์เช่นนั้นมามากมายแล้วเนื่องจากเรื่องที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินดีเข้าร่วมสมาพันธ์ชาวยุทธ เขาไม่เคยพบมาก่อน การได้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ย่อมได้ความร่มเย็นและสมาพันธ์ชาวยุทธ สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด ใครจะกล้าปฏิเสธพวกเขา? สำหรับเด็กหนุ่ม เขาจะทรงพลังขนาดไหน เย่เฉาเกอไม่สนใจ เขาสนใจแต่เพียงสนามพลังที่เป็นเป็นร่างวิญญาณ ถ้าร่างวิญญาณไม่ใช่สนามพลังวิญญาณของนักสู้ชั้นเซียน เขาคงคว้ามันไว้ก่อนแล้ว
แม้ว่าจะดึงดูดคู่ต่อสู้มา แต่เขาก็เพียงต้องการทดสอบเท่านั้น
เย่เฉาเกอยังคงไม่สนใจ เขายืนตรง เขาพบเจอกับสถานการณ์เช่นนั้นมามากมายแล้วเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้วที่เขาจะพบกับการท้าทาย
ถังเทียนมีชื่อเสียงโด่งดังหลังจากสู้กับเขาแต่ด้วยการสู้กันครั้งนั้น เขาได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เพราะพลังของคนๆ หนึ่ง เขาเหนือกว่าถังเทียนจิ่งหาวและพวกที่เหลือ วันนี้ชื่อเสียงของถังเทียนติดลมบน อย่างไรก็ตามเย่เฉาเกอเปลี่ยนไปสิ้นเชิง คนนับไม่ถ้วนที่คิดจะเหยียบย่ำเขาสร้างชื่อเสียงมีนับไม่ถ้วนแต่ไม่มีใครทำได้สำเร็จ
“เดี๋ยวก่อน!” ถังเทียนตะโกน “ถ้าข้าแพ้เขา อย่างนั้นข้าจะจากไป แต่ถ้าข้าชนะเล่า?”
“เจ้าชนะ?” ผู้อาวโสหวีชะงัก ผู้อาวุโสหวีหัวเราะโดยไม่ตั้งใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเย่เฉาเกอจะแพ้จึงอดหัวเราะไม่ได้ “สหายน้อยมีความมั่นใจในตนเองมาก ถ้าอย่างนั้น ข้าจะวางเดิมพันสักหน่อย นี่คือกระดูกเซียน เป็นสมบัติเก็บสะสมของข้า มันไม่มีประโยชน์สำหรับคนอื่นแต่สำหรับร่างวิญญาณของเจ้า ถือว่ามีประโยชน์มาก เจ้าไม่ต้องชนะก็ได้ ข้าแค่ต้องการให้เจ้าทนรับการโจมตีของเขาได้ยี่สิบกระบวนท่า”
กระดูกที่ดูไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของผู้อาวุโสหวี ของชิ้นนี้เป็นของสะสมและไม่มีค่าแต่อย่างใด
ชิ้นกระดูกมีขนาดเท่านิ้วมือ เต็มไปด้วยฝุ่นเหมือนกับโคลนปั้นชิ้นเล็กๆ เท่านั้น
ตาของเสี่ยวเอ้อเป็นประกายทันที กลิ่นของกระดูกชิ้นนี้ช่าง...
ถังเทียนพูดอย่างไม่สบายใจ “เฮ้, ผู้เฒ่า, อย่าเอากระดูกอะไรก็ไม่รู้มาอ้างว่าเป็นกระดูกเซียนดีกว่า ท่านมาจากสมาพันธ์ชาวยุทธจริงๆ หรือเปล่า? โกหกกันหรือเปล่า? คนจากสมาพันธ์ชาวยุทธร่ำรวยกันทั้งนั้น”
โกหก....
เย่เฉาเกอทำสีหน้าประหลาด
สีหน้าของของผู้อาวุโสหวีดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาควบคุมความโกรธในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวร่างวิญญาณจะสูญพันธุ์ไปจนเขายอมพูดก่อน เขาคงฆ่าเจ้าเด็กนี่โดยไม่ลังเลเลย รอจนกว่าเจ้าจะตกมาในเงื้อมมือข้าก่อน เจ้าจะกลายเป็นร่างแห้งในงานสะสมของข้าอีกชิ้นหนึ่ง ร่างวิญญาณในรุ่นนี้นับว่าเป็นของสะสมที่ไม่เลว
เมื่อคิดถึงจุดมุ่งหมายตรงนี้แล้วผู้อาวุโสหวีกล่าวอย่างอดทน “นี่คือกระดูกเซียนแน่นอน เมื่อเซียนโบราณตายไป จะมีการสูญสลายหายไปโดยไม่เหลืออะไรไว้ในโลก มีเพียงเซียนไม่กี่คนที่ยังมีกระดูกที่มิได้หายไปอย่างสิ้นเชิง กระดูกที่ยังเหลืออยู่นี้เรียกว่ากระดูกเซียน ตำนานบอกไว้ว่ากระดูกเซียนคืออาหารที่ดีที่สุดของร่างวิญญาณ”
ถังเทียนไม่เชื่อเขา ได้แต่พึมพำ “ข้าหาเก็บเอาตามสุสานสองสามชิ้น ยังดูดีกว่านั้นอีก กระดูกเซียน เจ้ากำลังแกล้งหลอกใครอยู่? เซียนที่ไหนกัน?”
“.....” ผู้อาวุโสหวีหน้าตึงขึ้น เขาพึมพำพลางขบฟัน “เจ้าว่าไงนะ?”
ถ้าไม่มีคนอยู่ที่นี่มาก.....
ไม่!ช่างมันก่อน, ข้าต้องกำจัดความเกลียดในใจข้าทิ้งไป รอจนกว่าเจ้าตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้าก่อนดูซิว่าข้าจะเล่นงานเจ้ายังไง......
“การ์ดวิญญาณเพิ่มการ์ดวิญญาณอีกด้วยเป็นไง” ถังเทียนชูนิ้ว “เฮ้,ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสมาพันธ์ชาวยุทธ อย่ามัวแต่เก็บขยะริมถนนอยู่เลย!”
พอถึงจุดนี้เซียนหลายคนให้ความสนใจความเคลื่อนไหวและการสนทนาของพวกเขาและสังเกตดูจากระยะไกล
ถังเทียนใช้รูปลักษณ์ที่น่าสงสัยและตัดสินผู้อาวุโสหวี “เฮ้, ข้าสงสัยจริงๆว่าเจ้ามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ หรือว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ?”
สิบแปดมงกุฎ....
ผู้อาวุโสหวีโกรธจัดจนหน้าเหี่ยวๆ กระตุกเหมือนกับมีชั้นระลอก เขาคร้านจะพูดไร้สาระและชักการ์ดวิญญาณออกมา “การ์ดวิชาใบนี้ คือวิชาแสงอรุณ”
เย่เฉาเกอตื่นเต้น วิชาแสงอรุณเป็นหนึ่งในการ์ดเคล็ดวิชาจิตที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับเซียนชั้นบรอนซ์ เขารู้คุณค่าของการ์ดวิชาจิตดี ต่อให้มีการขายในสมาพันธ์ชาวยุทธเอง ราคาของมันก็แตะระดับ 200 พันล้าน! และไม่ใช่ของที่จะซื้อหากันได้ง่ายๆ
สำหรับผู้อาวุโสหวีเมื่อชักการ์ดวิชาจิตวิญญาณออกมา เย่เฉาเกอรู้ว่าสถานการณ์ไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด
คนแปลกหน้าที่อยู่ข้างหน้าเขาดูแล้วไม่มีค่าถึง200 พันล้านเหรียญดาวเลย
เขารู้สึกว่ามีแรงกดดันทันที ถ้าเขาปล่อยให้ผู้อาวุโสหวีสูญเสียการ์ดวิชาจิตวิญญาณไป ก็หมายความว่าสูญเสียถึง 200พันล้านเหรียญดาว สำหรับผู้อาวุโสหวีนับเป็นความเจ็บปวดแน่นอน
พริบตานั้นเขาระวังทันที
เสียงร้องฮือฮาดังขึ้นทันทีทำให้ถังเทียนรู้ว่าการ์ดเคล็ดวิชาจิตเป็นของดีแน่นอน
ถังเทียนรับคำโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว “ก็ได้, แต่เจ้าต้องให้ของข้าก่อนประกันว่าท่านจะไม่เอาคืนทีหลัง ยังไงก็ตามพวกท่านไม่กลัวว่าข้าจะหนีอยู่แล้ว”
รังสีฆ่าฟันวาบขึ้นในใจของผู้อาวุโสหวี สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนเขาโยนการ์ดวิญญาณให้ “หึหึ ก็ดี,เด็กหนุ่ม เจ้าฉลาดมาก อย่างไรก็ตามเจ้าต้องพิสูจน์พลังของเจ้าให้เราเห็น ตอนนี้ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกต่อไปแล้ว”
เขาต้องการประกาศให้ชัดเจนกับผู้ชมว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีโอกาสเสียใจแล้ว ความเสียใจของสมาพันธ์ชาวยุทธมิได้ให้กันได้ง่ายๆ
แล้วไง ถ้าเราอยู่ในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์? ตราบใดที่มีเหตุผล การฆ่าจนโลหิตนองเป็นสายธารไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกลัว
ถังเทียนเก็บของ
คนที่ได้รับทราบข่าวมีเพิ่มขึ้น เย่เฉาเกอไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียง แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์น้อยที่สุดในกลุ่มนักสู้เซียน แต่เมื่อบรรลุระดับเซียนขณะอายุเยาว์อย่างนี้นับว่าเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
การต่อสู้ย่อมคุ้มค่ากับการดูแน่นอน