ตอนที่แล้วตอนที่ 494 ความลับของการเปลี่ยนเป็นเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 496 ถงเก๋อแห่งวิญญาณมืด

ตอนที่ 495 ศัตรูในหนทางแคบ


ถังเทียนลงพื้นด้วยความไม่เต็มใจความรู้สึกยามบินอยู่ในอากาศตื่นเต้นมาก  ว่องไวราวกับสายฟ้าภายใต้แสงจันทร์เยือกเย็นมีทะเลเมฆไร้ขอบเขต หากเขานำเชียนฮุ่ยมาที่นี่ในเวลานี้ได้ นางคงจะมีความสุขมาก!

เมื่อถังเทียนลงมาอยู่บนพื้นราบน้ำแข็ง  เขาประหลาดใจทันที  บนพื้นราบน้ำแข็งมีคนอยู่หลายคน

“ข้าไม่เคยคาดเลยว่าคลื่นเย็นนี้จะมีผลน่าทึ่งขนาดนี้!”

“ชางหยางหวี่ได้รับโชคใหญ่อยู่เงียบๆจริงด้วย...”

“ดีก็นับว่าดีอยู่หรอก  แต่ช่างน่าเสียดายที่ยังเบาบางไปเล็กน้อย”

คำพูดเหล่านั้นได้ยินชัดเต็มหู  ถังเทียนเข้าใจเล็กน้อย ดังนั้นก็กลายเป็นว่าทุกคนกำลังมองหาผลึกคลื่นเย็น  เขาคิดถึงวันที่เสี่ยวเอ้อและพวกที่เหลือกินผลึกแล้ว  เริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข

เสี่ยวเอ้อไม่พอใจเรื่องทั้งหมดนี้  เขากำลังวางแผนในใจลึกๆ แผนแล้วแผนเล่า  เขาคิดหาวิธีชิงร่างกลับมาและควบคุมไว้

ฆ่าเจ้าเด็กโง่ดีไหม?

เป็นไปไม่ได้!  คนทั้งสองอยู่ในร่างเดียวกัน  เจ้าเด็กโง่ถูกข่มได้ แต่กำจัดไม่ได้ หัวใจเขาไม่สามารถทนรอให้ใครบางคนทุบตีถังเทียน  ถ้าถังเทียนทรมานจากอาการบาดเจ็บหนัก  บางทีเขาอาจมีโอกาสเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กโง่นี่ดูเหมือนจะก้าวหน้ารวดเร็วมาก...

ใบหน้าที่น่ารักของเสี่ยวเอ้อบูดบึ้งเหมือนกับเด็กที่ไม่พอใจพ่อแม่

“เอ๊ะ,สนามพลังร่างวิญญาณ!”

ชายชราคนหนึ่งร้องทักลั่นทำให้ถังเทียนชะงัก  เขาหันมามองชายชราคนหนึ่งและนักสู้ที่มีสีหน้าเยือกเย็นยืนอยู่ข้างๆ  ชายชรามองดูเสี่ยวเอ้อด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

แต่สายตาของถังเทียนจับจ้องอยู่ที่นักสู้อีกคนหนึ่งซึ่งมีสีหน้าเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง

ถังเทียนหรี่ตาแล้วยิ้ม  เป็นศัตรูเก่าหนทางคับแคบจริงๆเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เย่เฉาเกอ!

สายตาของเย่เฉาเกอมองอยู่ที่เสี่ยวเอ้อ  สีหน้าของเขาเยือกเย็นเหมือนปกติ  แต่ดวงตาของเขามีแววประหลาดใจ  ร่างวิญญาณก็คือสนามพลังวิญญาณโบราณ มีคนฝึกได้จริงๆหรือนี่? หลายปีมาแล้ว ร่างวิญญาณถูกกำจัดไปเรียบร้อย และไม่มีใครฝึกฝนได้อีก

สนามพลังวิญญาณในรุ่นปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากขึ้นขณะที่มีขีดจำกัดสำหรับความสามารถของสนามพลังวิญญาณ  และยังคงมีข้อจำกัดของจำนวนเคล็ดวิญญาณวิธีการที่มีประสิทธิภาพคือเป้าหมายสูงสุดของสนามพลังวิญญาณยุคปัจจุบัน

ร่างวิญญาณผลิตออกมาจากความคิดที่สับสนและวุ่นวายยุคโบราณ เซียนยุคก่อนรู้สึกว่าสวรรค์และโลกรวมกันเป็นหนึ่งรู้สึกว่าชีวิตวุ่นวายและแปดเปื้อนธรรมชาติของร่างวิญญาณมักจะเกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็นแบบสุ่ม  เพราะไม่สามารถควบคุมได้อย่างพิถีพิถันโดยตรง

นี่เป็นแนวความคิดที่แตกต่างกันสองอย่าง  แต่ไม่มีความเปรียบเทียบระหว่างพวกเขา สำหรับใครก็ตามที่เข้าถึงความเป็นเซียนเป็นเรื่องยากมาก, ก้าวหน้าในระดับของเซียนก็ยากมาก ต้องเดิมพันกันด้วยคุณภาพ พวกเซียนย่อมไม่ยินดีแน่นอน ยิ่งพวกเขาเต็มใจจะเลือก ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องทรงพลังมาก  แต่ขอให้เส้นทางของพวกเขาสามารถควบคุมได้อย่างเห็นได้ชัด

นี่คือจุดเริ่มต้นพัฒนาของสนามพลังวิญญาณรุ่นปัจจุบันและตามมาด้วยการพัฒนาของระบบวิทยายุทธของคนยุคปัจจุบันจนมีมาตรฐานในวันนี้  การปรับปรุงประสิทธิภาพจึงอยู่ในสภาพที่สูงสุด

ตัวอย่างเช่นสามารถกำหนดขนาดของสนามพลังวิญญาณได้ พวกเขาเสนอแนวคิดค่าของพลังจิตวิญญาณ ไม่เพียงแต่สนามพลังจิตวิญญาณสามารถวัดค่าพลังจิตวิญญาณได้เท่านั้น  ทุกจิตวิญญาณที่มีค่าก็ต้องใช้ในเคล็ดจิตวิญญาณทั้งนั้นด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถกำหนดเคล็ดจิตวิญญาณที่สามารถฝึกได้  และสิ่งที่พวกเขาควรใช้ในการฝึก

สนามพลังวิญญาณอย่างร่างวิญญาณเช่นนั้นถูกกำจัดไปนานแล้ว

ดังนั้นเย่เฉาเกอจึงประหลาดใจเล็กน้อย   ในยุคสมัยเช่นนั้น ยังมีคนใช้วิธีการที่ล้าสมัยอย่างนั้นฝึกอีกหรือ?

ด้วยความประหลาดใจผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างเขา  เขาไม่แปลกใจ เนื่องจากชายชรามีวิธีคิดการฝึกที่แข็งแกร่ง    ใจของเย่เฉาเกอเย้ยหยันตรงจุดนี้  สิ่งเหล่านั้นถูกกำจัดมานานแล้ว และทั้งหมดนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าล้าสมัยและไม่มีประโยชน์ไม่คุ้มค่ากับความพยายามและเรี่ยวแรงที่ลงไป

แต่สถานะของผู้อาวุโสหวีสูงส่งมาก  เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้อาวุโสหรงและมักจะได้รับคำแนะนำอยู่เสมอ  ดังนั้นเย่เฉาเกอจึงอดกลั้นความรู้สึกไว้  ผู้เฒ่าหวีสนใจคลื่นพลังเย็นมากหลายอย่างที่สามารถบำรุงขุนพลวิญญาณไม่ให้สูญสลายไปได้  แต่ทุกชิ้นมีราคาสูงเทียมฟ้า  อย่างเช่นแผ่นดินน้ำแข็งดึกดำบรรพ์  คุณค่าของมันไม่ธรรมดา

ทั้งสองคนหันและหยุดด้วยความผิดหวังเล็กน้อย  ชางหยาวหวี่ไม่ได้ให้โอกาสคนอื่น  ต้นกำเนิดคลื่นพลังเย็นอยู่ลึกลงไปในเมืองหานกู่  ผลึกน้ำแข็งอยู่ในคลื่นพลังเย็นในอากาศ  ในความเห็นของเขา มันมีเบาบางเกินไปและไม่มีค่ามากสำหรับนักสู้ระดับเซียน

คาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเจอกับร่างวิญญาณที่นี่

เสี่ยวเอ้อยังคงสังเกตเห็นเย่เฉาเกอ ตอนนั้นทุกคนอยู่ในเส้นทางต่อสู้กันอย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย  เมื่อได้พบกันอีกครั้งเขาโกรธกับการปรากฏตัวของเย่เฉาเกอเป็นธรรมดา

อย่างไรก็ตามเขาสงสัยปฏิกิริยาของเจ้าเด็กโง่มากกว่า

“เฮ้,สหาย เจ้าฝึกฝนร่างวิญญาณได้ไม่เลว ไม่เลวเลย” ผู้อาวุโสหวียกย่อง  “ว่าแต่..เจ้าสนใจจะเข้าร่วมกับสมาพันธ์ชาวยุทธบ้างไหม?”

“สมาพันธ์ชาวยุทธ!” ถังเทียนแสดงสีหน้าตื่นเต้น “ข้าได้ยินมาว่าคนของสมาพันธ์ชาวยุทธล้วนแข็งแกร่งทรงพลังทั้งนั้น”

เสี่ยวเอ้อเบือนหน้า  เขาไม่อาจทนดูได้สีหน้าของเจ้ามันโกหกยิ่งกว่า?

ผู้อาวุโสหวีตรงกันข้ามเขาเพลิดเพลินกับคำสรรเสริญ “สมาพันธ์ชาวยุทธมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เรามีคัมภีร์โบราณอยู่ทุกชนิด ตราบใดที่เจ้ายินดีฝึกฝนอย่างหนัก  อย่างนั้นเจ้าจะต้องดีกว่าคนที่เหลืออย่างแน่นอน”

ถังเทียนปั้นหน้าท่าทางและผงกศีรษะ  “แต่คำพูดยังไม่ใช่ข้อพิสูจน์ ทุกคนบอกว่าสมาพันธ์ชาวยุทธแข็งแกร่งทรงพลังมาก  ข้าไม่เชื่อเรื่องนั้น”

ผู้อาวุโสหวีหว่านล้อมเขา  “อย่างนั้นเจ้าต้องการพิสูจน์จึงจะเชื่อใช่ไหม?”

“สู้กับเขา”  ถังเทียนชี้ไปที่เย่เฉาเกอ  “ถ้าเขาชนะ ข้าจะร่วมกับพวกท่าน”

ผู้อาวุโสหวีหัวเราะหลังจากนั้นชั่วครู่  “ขอยกย่องเจ้าเลยว่ากล้าหาญจริงๆ  เฉาเกอ ไปซ้อมมือกับสหายน้อยสักสองสามท่าดูอย่ารุนแรงมากนักล่ะ”

ในสายตาของผู้อาวุโสหวี สหายน้อยข้างหน้าในสายตาของเขาต้องรู้จักเย่เฉาเกอแน่  ความคิดจะแสดงพลังผ่านการต่อสู้ของเขาจะได้รับการตอบรับที่ดี  ถือเป็นเรื่องดีที่คนหนุ่มมีความคิดชอบแข่งขันชิงดีกัน  เย่เฉาเกอคืออัจฉริยะที่รู้จักกันอย่างกว้างและเป็นธรรมดาที่คนอื่นอยากเปรียบเทียบด้วย

ผู้อาวุโสหวีเผชิญสถานการณ์เช่นนั้นมามากมายแล้วเนื่องจากเรื่องที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินดีเข้าร่วมสมาพันธ์ชาวยุทธ  เขาไม่เคยพบมาก่อน  การได้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ย่อมได้ความร่มเย็นและสมาพันธ์ชาวยุทธ สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด  ใครจะกล้าปฏิเสธพวกเขา?  สำหรับเด็กหนุ่ม  เขาจะทรงพลังขนาดไหน เย่เฉาเกอไม่สนใจ เขาสนใจแต่เพียงสนามพลังที่เป็นเป็นร่างวิญญาณ ถ้าร่างวิญญาณไม่ใช่สนามพลังวิญญาณของนักสู้ชั้นเซียน  เขาคงคว้ามันไว้ก่อนแล้ว

แม้ว่าจะดึงดูดคู่ต่อสู้มา  แต่เขาก็เพียงต้องการทดสอบเท่านั้น

เย่เฉาเกอยังคงไม่สนใจ  เขายืนตรง เขาพบเจอกับสถานการณ์เช่นนั้นมามากมายแล้วเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้วที่เขาจะพบกับการท้าทาย

ถังเทียนมีชื่อเสียงโด่งดังหลังจากสู้กับเขาแต่ด้วยการสู้กันครั้งนั้น  เขาได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น  เพราะพลังของคนๆ หนึ่ง เขาเหนือกว่าถังเทียนจิ่งหาวและพวกที่เหลือ วันนี้ชื่อเสียงของถังเทียนติดลมบน อย่างไรก็ตามเย่เฉาเกอเปลี่ยนไปสิ้นเชิง คนนับไม่ถ้วนที่คิดจะเหยียบย่ำเขาสร้างชื่อเสียงมีนับไม่ถ้วนแต่ไม่มีใครทำได้สำเร็จ

“เดี๋ยวก่อน!”  ถังเทียนตะโกน  “ถ้าข้าแพ้เขา อย่างนั้นข้าจะจากไป แต่ถ้าข้าชนะเล่า?”

“เจ้าชนะ?”  ผู้อาวโสหวีชะงัก  ผู้อาวุโสหวีหัวเราะโดยไม่ตั้งใจ  เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเย่เฉาเกอจะแพ้จึงอดหัวเราะไม่ได้  “สหายน้อยมีความมั่นใจในตนเองมาก  ถ้าอย่างนั้น ข้าจะวางเดิมพันสักหน่อย  นี่คือกระดูกเซียน เป็นสมบัติเก็บสะสมของข้า  มันไม่มีประโยชน์สำหรับคนอื่นแต่สำหรับร่างวิญญาณของเจ้า ถือว่ามีประโยชน์มาก เจ้าไม่ต้องชนะก็ได้ ข้าแค่ต้องการให้เจ้าทนรับการโจมตีของเขาได้ยี่สิบกระบวนท่า”

กระดูกที่ดูไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของผู้อาวุโสหวี  ของชิ้นนี้เป็นของสะสมและไม่มีค่าแต่อย่างใด

ชิ้นกระดูกมีขนาดเท่านิ้วมือ เต็มไปด้วยฝุ่นเหมือนกับโคลนปั้นชิ้นเล็กๆ เท่านั้น

ตาของเสี่ยวเอ้อเป็นประกายทันที  กลิ่นของกระดูกชิ้นนี้ช่าง...

ถังเทียนพูดอย่างไม่สบายใจ  “เฮ้, ผู้เฒ่า, อย่าเอากระดูกอะไรก็ไม่รู้มาอ้างว่าเป็นกระดูกเซียนดีกว่า  ท่านมาจากสมาพันธ์ชาวยุทธจริงๆ หรือเปล่า?  โกหกกันหรือเปล่า?  คนจากสมาพันธ์ชาวยุทธร่ำรวยกันทั้งนั้น”

โกหก....

เย่เฉาเกอทำสีหน้าประหลาด

สีหน้าของของผู้อาวุโสหวีดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย  เขาควบคุมความโกรธในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวร่างวิญญาณจะสูญพันธุ์ไปจนเขายอมพูดก่อน  เขาคงฆ่าเจ้าเด็กนี่โดยไม่ลังเลเลย  รอจนกว่าเจ้าจะตกมาในเงื้อมมือข้าก่อน เจ้าจะกลายเป็นร่างแห้งในงานสะสมของข้าอีกชิ้นหนึ่ง  ร่างวิญญาณในรุ่นนี้นับว่าเป็นของสะสมที่ไม่เลว

เมื่อคิดถึงจุดมุ่งหมายตรงนี้แล้วผู้อาวุโสหวีกล่าวอย่างอดทน “นี่คือกระดูกเซียนแน่นอน เมื่อเซียนโบราณตายไป จะมีการสูญสลายหายไปโดยไม่เหลืออะไรไว้ในโลก มีเพียงเซียนไม่กี่คนที่ยังมีกระดูกที่มิได้หายไปอย่างสิ้นเชิง  กระดูกที่ยังเหลืออยู่นี้เรียกว่ากระดูกเซียน ตำนานบอกไว้ว่ากระดูกเซียนคืออาหารที่ดีที่สุดของร่างวิญญาณ”

ถังเทียนไม่เชื่อเขา  ได้แต่พึมพำ “ข้าหาเก็บเอาตามสุสานสองสามชิ้น ยังดูดีกว่านั้นอีก  กระดูกเซียน เจ้ากำลังแกล้งหลอกใครอยู่?  เซียนที่ไหนกัน?”

“.....”  ผู้อาวุโสหวีหน้าตึงขึ้น  เขาพึมพำพลางขบฟัน  “เจ้าว่าไงนะ?”

ถ้าไม่มีคนอยู่ที่นี่มาก.....

ไม่!ช่างมันก่อน, ข้าต้องกำจัดความเกลียดในใจข้าทิ้งไป  รอจนกว่าเจ้าตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้าก่อนดูซิว่าข้าจะเล่นงานเจ้ายังไง......

“การ์ดวิญญาณเพิ่มการ์ดวิญญาณอีกด้วยเป็นไง” ถังเทียนชูนิ้ว  “เฮ้,ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสมาพันธ์ชาวยุทธ อย่ามัวแต่เก็บขยะริมถนนอยู่เลย!”

พอถึงจุดนี้เซียนหลายคนให้ความสนใจความเคลื่อนไหวและการสนทนาของพวกเขาและสังเกตดูจากระยะไกล

ถังเทียนใช้รูปลักษณ์ที่น่าสงสัยและตัดสินผู้อาวุโสหวี  “เฮ้, ข้าสงสัยจริงๆว่าเจ้ามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ หรือว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ?”

สิบแปดมงกุฎ....

ผู้อาวุโสหวีโกรธจัดจนหน้าเหี่ยวๆ กระตุกเหมือนกับมีชั้นระลอก เขาคร้านจะพูดไร้สาระและชักการ์ดวิญญาณออกมา  “การ์ดวิชาใบนี้ คือวิชาแสงอรุณ”

เย่เฉาเกอตื่นเต้น  วิชาแสงอรุณเป็นหนึ่งในการ์ดเคล็ดวิชาจิตที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับเซียนชั้นบรอนซ์  เขารู้คุณค่าของการ์ดวิชาจิตดี  ต่อให้มีการขายในสมาพันธ์ชาวยุทธเอง  ราคาของมันก็แตะระดับ 200 พันล้าน! และไม่ใช่ของที่จะซื้อหากันได้ง่ายๆ

สำหรับผู้อาวุโสหวีเมื่อชักการ์ดวิชาจิตวิญญาณออกมา  เย่เฉาเกอรู้ว่าสถานการณ์ไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด

คนแปลกหน้าที่อยู่ข้างหน้าเขาดูแล้วไม่มีค่าถึง200 พันล้านเหรียญดาวเลย

เขารู้สึกว่ามีแรงกดดันทันที  ถ้าเขาปล่อยให้ผู้อาวุโสหวีสูญเสียการ์ดวิชาจิตวิญญาณไป  ก็หมายความว่าสูญเสียถึง 200พันล้านเหรียญดาว สำหรับผู้อาวุโสหวีนับเป็นความเจ็บปวดแน่นอน

พริบตานั้นเขาระวังทันที

เสียงร้องฮือฮาดังขึ้นทันทีทำให้ถังเทียนรู้ว่าการ์ดเคล็ดวิชาจิตเป็นของดีแน่นอน

ถังเทียนรับคำโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว  “ก็ได้, แต่เจ้าต้องให้ของข้าก่อนประกันว่าท่านจะไม่เอาคืนทีหลัง ยังไงก็ตามพวกท่านไม่กลัวว่าข้าจะหนีอยู่แล้ว”

รังสีฆ่าฟันวาบขึ้นในใจของผู้อาวุโสหวี  สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนเขาโยนการ์ดวิญญาณให้  “หึหึ ก็ดี,เด็กหนุ่ม เจ้าฉลาดมาก อย่างไรก็ตามเจ้าต้องพิสูจน์พลังของเจ้าให้เราเห็น  ตอนนี้ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกต่อไปแล้ว”

เขาต้องการประกาศให้ชัดเจนกับผู้ชมว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีโอกาสเสียใจแล้ว  ความเสียใจของสมาพันธ์ชาวยุทธมิได้ให้กันได้ง่ายๆ

แล้วไง ถ้าเราอยู่ในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์?  ตราบใดที่มีเหตุผล การฆ่าจนโลหิตนองเป็นสายธารไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกลัว

ถังเทียนเก็บของ

คนที่ได้รับทราบข่าวมีเพิ่มขึ้น  เย่เฉาเกอไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียง แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์น้อยที่สุดในกลุ่มนักสู้เซียน  แต่เมื่อบรรลุระดับเซียนขณะอายุเยาว์อย่างนี้นับว่าเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง

การต่อสู้ย่อมคุ้มค่ากับการดูแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด