ตอนที่ 493 - สาวน้อยอี้หนาน
อาณาจักรสือจินและกองกำลังนรกดำร่วมกันประกาศสงครามกับอาณาจักรต้าเซี่ยและเทียนหลัวอย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่า อาจถูกมองว่าเป็นสงครามขนาดย่อย
ทหารฝีมือดีสามพันนายของกองกำลังนรกดำยึดเมืองเซี่ยฟง, เมืองโฮ่วถู่และเมืองจางมู่ แม้ว่าจุนอู๋โหย่วจะมีคำสั่งให้เจ้าเมืองทั้งสามถอนกำลังหนีทันทีอยู่หลายครั้ง ในการพยายามลดพื้นที่ต่อสู้ตามแผนของพวกเขา เพื่อป้องกันการสูญเสียอย่างไร้ความหมาย เจ้าเมืองทั้งสามปฏิเสธราชโองการของจุนอู๋โหย่วด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อเป็นนักรบ พวกเขาต้องปกป้องเมืองแม้พวกเขาอาจต้องตายก็ตาม
ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าเมืองทั้งสามผู้เป็นคนส่วนน้อยที่ไม่ยอมรับสินบนจากอาณาจักรสือจิน จึงต้องตายในสนามรบทั้งหมด
เมื่อฝ่ายตรงข้ามรวมกำลังทัพยึดเมืองไปสามเมือง พวกเขาไม่ได้ดำเนินการสังหารหมู่
กลับดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างดี เพื่อเอาชนะใจของพวกเขา
พวกเขายังให้คนส่งศพเจ้าเมืองทั้งสามไปยังเมืองฉางจิง เพื่อให้จุนอู๋โหย่วจัดพิธีศพให้พวกเขา
เมื่อเย่ว์หยางได้ทราบข่าว เขาส่งคนไปถามว่าพวกเขาต้องการให้แก้แค้นกับคู่ต่อสู้หรือไม่
“ไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า ถ้าไม่มีใครตายก็คงไม่เรียกว่าสงครามแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องเหล่านี้” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ไม่ให้โอกาสเย่ว์หยางแทรกแซง
“ราชาเฮยอวี้ให้เป็นหน้าที่ของเจ้า เรื่องการศึกปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเรา คนแก่เฒ่าอย่างเราจะมีประโยชน์ก็ในเวลานี้” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโน้มน้าวเย่ว์หยางให้ยอมรับ สำหรับเจ้าอ้วนไห่, เย่คง, เสวี่ยทันหลางและพวกที่เหลือที่อาสาออกศึก ก็ถูกเขาดุด้วยเช่นกัน “ทหารสู้กับทหาร, ขุนพลสู้กับขุนพลและจักรพรรดิสู้กับจักรพรรดิ เจ้าสามารถฆ่าทหารได้ทั้งหมดกี่คนเชียว? สามพัน, สามหมื่นหรือสามแสน? นั่นมีประโยชน์อะไร? พวกเจ้าทราบไหมว่ามีปีศาจอยู่ในแดนอเวจีเท่าไหร่? หรือมีทหารรับจ้างอยู่ในหอทงเทียนอยู่เท่าไหร่? ในโลกนี้จะไม่มีปัญหาการขาดแคลนทหาร, มีเพียงขุนพลและจักรพรรดิเท่านั้นที่ขาดแคลน ดังนั้นจงไปทำเรื่องที่พวกเจ้าจำเป็นต้องทำ ฝึกฝนและยกระดับซะ! สงครามเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น จะยังไม่จบภายในเวลาเดือนหนึ่งแน่ อย่างน้อยก็หลายปีหรือเป็นสิบๆ ปี ราชาเฮยอวี้แค่โยนหินถามทางเท่านั้น พวกเจ้าเข้าใจหรือเปล่า? เขาแค่เริ่มเดินหมากตัวแรกในกระดานเท่านั้น ดังนั้นเราต้องตอบสนองโดยการเดินหมากของเราเช่นกัน ถ้าพวกเขาหุนหันพลันแล่น อย่างนั้นจะให้เราดำเนินการต่อไปได้ยังไง? สิ่งที่ควรจะทำในตอนนี้ก็ควรเป็นการเดินหมากเท่านั้น”
เนื่องจากเหล่าผู้อาวุโสเชี่ยวชาญในกิจการและจัดการให้มั่นคงได้ เย่ว์หยางคงไม่เข้าไปก้าวก่ายอีก
จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า พวกเขาจะแพ้ก่อนจากนั้นจึงค่อยชนะ การร่วมเป็นพันธมิตของราชอาณาจักรต้าเซี่ยและเทียนหลัวจะใช้ประโยชน์จากเวลาและพื้นที่มิติสู้กับกองกำลังนรกดำและกองทัพสือจิน
ยิ่งกว่านั้นเย่ว์หยางคาดว่าป่านนี้ราชาเฮยอวี้ยังคงไล่ทุบม่านพลังสีทองอยู่เป็นแน่
ถ้าไม่ได้รับสมบัติเพื่อเสริมพลังให้เขาเอง เขาคงไม่ลงมือเองทันที
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ในที่สุดเย่ว์หยางก็รู้เหตุผลที่ราชาเฮยอวี้ประกาศสงคราม โอวเกินจากสมาคมนักรบได้เขียนจดหมายถึงไตตันน้อย ในจดหมาย เขากล่าวว่า เผ่าพันธุ์ทะเลในหอทงเทียนชั้นแปดและชั้นเก้าโกรธแค้นและตัดสินใจล้างแค้นเมื่อพวกเขาได้ทราบข่าวว่าจักรพรรดิสมุทรถูกอันซีและไตตันน้อยร่วมมือกันสังหารเขา ราชินีแมงกระพรุนของจักรพรรดิสมุทรส่งกองกำลังฝีมือดีจากเผ่าพันธุ์ทะเลมากกว่าแสนคน นำโดยราชาที่เหลืออยู่คนเดียวก็คือ ราชาฉลาม ภายในเวลาสามเดือน พวกเขาจะกรีฑาทัพเข้าทวีปมังกรทะยานผ่านเส้นทางผ่านโบราณเพื่อตามหาไตตันน้อยผู้ฆ่าจักรพรรดิสมุทรและรัชทายาทไห่หลงของพวกเขา
กองกำลังนรกดำส่วนใหญ่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับสมาชิกเผ่าพันธุ์ทะเลแสนคน ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดฉากโจมตีก่อนเพื่อความได้เปรียบ
ชื่อของไตตันน้อยในปัจจุบันนี้สั่นสะเทือนไปทั้งหอทงเทียนแล้ว
ไม่ใช่แค่เพียงมือใหม่ที่สังหารเนียนหู่, เอ้อเมิ่งและเยาถงเท่านั้น นักสู้ปราณก่อกำเนิด ทุกคนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดต่ำกว่าระดับห้า ดังนั้นพวกเขายังไม่ถูกมองว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แท้จริง แต่การฆ่ามารมังกรฟ้าทำให้คนอื่นๆ ตกตะลึง มารมังกรฟ้าไม่ใช่คนธรรมดา ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน
โชคดีที่วังมารฟ้าไม่ได้ติดตามเอาเรื่องกับเย่ว์หยาง ดังนั้นจึงมีคนรู้เรื่องนี้ไม่มาก
แต่เรื่องที่น่าตกใจที่ไตตันน้อยก่อเอาไว้หลังจากที่ไม่อาจปิดบังไว้ได้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
นามของจักรพรรดิสมุทรก้วนหลาน หนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งหอทงเทียนบนเสาแก้วผลึกธรรมชาติต้องอับแสงลงในวันนั้น… นั่นหมายความว่ายังไง?
เขาตายแล้ว!
แล้วใครกันที่สามารถฆ่าจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานได้?
มีการแสดงผลออกมาสองชื่อ หนึ่งในนั้นก็คืออันซีราชามือสังหาร อีกคนหนึ่งก็คือไตตันน้อย เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่หอทงเทียนชั้นที่หก เขาลงทะเบียนในฐานะเป็นนักสู้ระดับหกขั้นกลางเท่านั้น ระดับที่ไม่มีความหมายอะไรเลยต่อก้วนหลาน เขาสามารถฆ่าคนได้หลายร้อยเพียงแค่ชี้นิ้วเท่านั้น
แต่ไตตันน้อยรอดชีวิตจากการต่อสู้ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์นั้น
แต่จักรพรรดิสมุทรและอันซี นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงตายทั้งคู่
จนกระทั่งถึงบัดนี้เองที่นักรบหอทงเทียนเพิ่งค้นพบความจริงอันน่าตระหนกว่าไตตันน้อยได้ฆ่าเนียนหู่, เอ้อเมิ่งและเยาถงซึ่งทั้งสามคนเป็นนักสู้วิบัติระดับปราณก่อกำเนิดในป้อมสายฟ้าและจากนั้นก็ฆ่ามารมังกรฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในสิบมารฟ้าของวังมาร ยิ่งกว่านั้น วังมารฟ้ายังไม่ติดใจตามเอาเรื่องนี้ ผู้นำของเขามารสัมฤทธิ์ฟ้าทำเป็นเหมือนไม่รู้ว่ามารมังกรฟ้าตายแล้ว มีข่าวลือก่อนนี้ว่า ไตตันน้อยได้ไปยังวังปีศาจด้วยตนเองและฆ่าพันธมิตรของจ้าวปีศาจบารุธต่อหน้าต่อตาเจ้าปีศาจหลายตน และแม้ด้วยวิธีนั้น เมื่อเผ่าปีศาจบูรพาลักพาจักรพรรดิของทวีปมังกรทะยานคนหนึ่งไป จักรพรรดิมังกรของเผ่าพันธุ์นั้นตัดสินใจปล่อยจักรพรรดิที่ลักพาตัวมา เมื่อได้ยินชื่อเสียงความกล้าหาญของเย่ว์หยาง
ยังคงไม่มีคนรู้ว่าเป็นกองกำลังนรกดำหรือเป็นผู้อื่นที่มีแรงจูงใจให้ทำเช่นนี้ แต่นักรบทุกคนในหอทงเทียนก็ได้รู้จักชื่อจริงของไตตันน้อยได้ในที่สุด
ในทวีปมังกรทะยาน บุรุษผู้นี้นามว่าเย่ว์หยาง
ด้วยพรสวรรค์ธรรมชาติและความพยายามของตนเอง เย่ว์หยางเป็นอัจฉริยะที่ฝึกฝนตนเองจนกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดในวัยยี่สิบปี ไม่มีใครทำได้อย่างเขามาก่อน และน่าเชื่อได้ว่าจะไม่มีใครประสบความสำเร็จได้อย่างเขาเช่นกัน
“ไอ้ภาพวาดใบประกาศนำจับวาดได้น่าเกลียดมาก” โอวเกินจดมายถึงเย่ว์หยางพร้อมใบประกาศนำจับเย่ว์หยางที่วาดโดยเผ่าพันธุ์ทะเล พวกเขาเสนอรางวัลสิบล้านเหรียญทองสำหรับจับเขา บวกกับสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ สมบัติสมุทรลึกลับสิบอย่างที่มากกว่าระดับเจ็ดและผลปัญญาอีกร้อยผล เย่ว์หยางไม่พอใจกับภาพวาดหน้ากากเจมินี่ของเขา เขารู้สึกว่ามันน่าเกลียดมาก แต่เขาพอใจกับรางวัลค่าหัวของเขา เนื่องจากทำให้เขาเป็นอาชญากรที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์หอทงเทียน
“เสี่ยวซาน ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะมีค่าตัวแพงมากขนาดนั้น” เย่ว์หวี่เห็นเช่นก็ยังหัวเราะอย่างใจเย็น
“ไม่หรอก เขายังห่างไกลอีกเยอะ ต้องกำจัดอะไรต่างๆ อีกมาก อย่างเช่นจักรพรรดิมังกร, จักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดิบาดาล แล้วค่อยเพิ่มค่าหัวเป็นสิบล้าน นั่นจะน่าประทับใจมากขึ้น” เจ้าเมืองโล่วฮัวอยู่ในช่วงอารมณ์ดี ขณะที่นางกอดจูบเย่ว์หยาง และขอให้เขาพยายามให้ยิ่งขึ้น
“ถ้าเขาฆ่าสี่จักรพรรดิทั้งหมด ใครจะกล้าไล่ล่าตามเขาเล่า? ยิ่งกว่านั้น ไม่มีใครมีเงินมากขนาดนั้น” อู๋เหินรู้สึกว่ารางวัลสิบล้านน่าจะเป็นข้อจำกัดสูงสุดแล้ว
“ใช่แล้ว ค่าหัวของปู่อันซีก็ห้าล้านแล้ว ก็ยังแค่เพียงครึ่งเดียวของพี่ชายเลย” เย่ว์ปิงรู้สึกภูมิใจตัวพี่ชายของนาง
“นั่นเป็นเพราะท่านผู้เฒ่าตายแล้ว ถ้าไม่มีคนมาแสดงสิทธิ์ที่พึงได้รับจากเขา ของๆ เขาก็จะตกเป็นของข้า” เย่ว์หยางยิ้มและโบกมือพัลวัน “อย่าไปสนเรื่องเผ่าพันธุ์ทะเลตอนนี้เลย ให้เราสนใจที่การฝึกฝนจะดีกว่า เมื่อมีพลังก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาขวางทางเรา โล่วฮัวและอู๋เหินพวกเจ้าหยุดพักได้สักชั่วขณะก่อน อี้หนาน คนสำคัญที่สุดที่จะต้องยกระดับคือเจ้า ตามข้ามา”
“เดี๋ยว…” โล่วฮัวคว้าข้อมือเย่ว์หยาง นางเชิดหน้าถาม “เจ้าคุยเรื่องเจี้ยงอิงแล้ว ข้าต้องการรู้เรื่องไห่อิงอู่ตอนนี้ ถ้าไม่มีใบประกาศนำจับนี้ ดูเหมือนว่ายังมีหลายเรื่องที่เราไม่รู้ เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ได้หรือไม่?”
“เสี่ยวซาน เจ้าต้องอธิบายหลายเรื่องให้ชัดเจน” รอบนี้ เย่ว์หวี่ไม่เข้าข้างเย่ว์หยาง
“พี่สามคงไม่ชอบธิดาจักรพรรดิสมุทรแน่นอน เป็นไปไม่ได้ พี่สามเป็นศัตรูของนาง เนื่องจากเขาฆ่าบิดาของนาง” เย่ว์ปิงเป็นคนเดียวที่มักเชื่อใจเย่ว์หยาง
“แม้ว่ามีบางอย่างคงดำเนินต่อไป แต่ก็ไม่มีความแตกต่างอะไรกับการเพิ่มไห่อิงอู่เข้ามา” แม้ว่าคำพูดของอู๋เหิน ดูเหมือนจะทำให้สถานการณ์แย่ลง แต่ก็มาจากก้นบึ้งหัวใจนางแน่นอน
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างข้ากับนางจริงๆ เราเพียงแต่รู้จักกันเฉยๆ” เย่ว์หยางโบกมืออย่างเก้อเขิน แสดงว่าเขาเป็นคนดีไม่ได้พยายามจะเล่นอะไรบ้าๆ แน่นอน
“จริงหรือ? ก็ได้, ข้าเชื่อเจ้า….หามิได้” ว่าแล้วโล่วฮัวก็หยิกอกเย่ว์หยางอย่างเมามัน
“พอเถอะ พอเถอะ, เขาก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนั้นก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ หยุดคาดคั้นต่างๆ นานาได้แล้ว ข้ารู้สึกว่ามันยังคงเป็นไปไม่ได้” อี้หนานช่วยเย่ว์หยางจากกรงเล็บโล่วฮัว นางลูบอกให้เย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล “เจ็บหรือเปล่า? คุยกันดีๆ ก็ได้ ทำไมท่านต้องหยิกเขาด้วย!”
“ฮึ่ม.. แค่นี้เขาไม่ตายหรอก” ปกติเจ้าเมืองโล่วฮัวจะไม่อาละวาดอย่างนี้ แต่พอเห็นอี้หนานพยายามปกป้องเย่ว์หยาง นางจึงรู้สึกหงุดหงิด นางต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อยั่วเด็กสาวนี่ที่กล้าเข้ามามีส่วนร่วมโดยไม่ขออนุญาตผู้ปกครองนางก่อน และบอกว่านางต้องการหมั้นหมายน้องสาวให้เย่ว์หยางเป็นข้ออ้าง อี้หนานยังคงอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น เมื่อตอนที่นางพบเย่ว์หยางนางอายุสิบหกปี ตอนนั้นนางยังเป็นเด็กวัยรุ่น ความจริงนางกล้าหมั้นหมายตัวเองตอนอายุสิบหกปี เทียบกันแล้ว เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกว่านางยังเป็นเหมือนดอกไม้บริสุทธิ์เมื่อตอนอายุสิบหกปี
“ฝากไว้ก่อน คืนนี้ข้าค่อยคิดบัญชีกับเจ้า…” เย่ว์หยางไม่ได้พูดออกมา แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจน เขากำลังเตือนเจ้าเมืองโล่วฮัวว่า อย่าเพิ่งย่ามใจนัก มิฉะนั้นเขาจะลงโทษนาง
“เจ้าคิดว่า ข้าจะกลัวคนลามกอย่างเจ้าหรือ?” เจ้าเมืองโล่วฮัวก็ไม่พูดเช่นกัน แต่สีหน้าของนางบ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่า คำเตือนของเย่ว์หยางไร้ผล อย่างมากก็เล่นบทโฉมงามสู้กับราชาอสูรทั้งคืน
อี้หนานและเย่ว์ปิงมองไม่เห็น ต่อให้พวกนางเห็น พวกนางก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเย่ว์หยางกับเจ้าเมืองโล่วฮัวสื่อสารอะไรกัน
มีเพียงเย่ว์หวี่ที่เห็นและเข้าใจ
นางรีบออกมาจากตรงนั้นด้วยหัวใจเต้นรัว
เมื่ออี้หนานตามเย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์และเริ่มการฝึกให้นาง เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบความก้าวหน้าของนาง เขาต้องตกใจกับสิ่งที่เขาเห็น
เมื่อเขาตระหนักได้ว่า อี้หนานก้าวหน้าเกินไปกว่าที่เขาคาดไว้มาก นางแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาดไว้ถึงสิบเท่า ในแง่การเตรียมตัว อย่าว่าแต่พลังต่อสู้เลย อี้หนานแข็งแกร่งกว่าเย่ว์หวี่, อู๋เหิน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและยังมากกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในด้านจิตใจอีกด้วย นางน่าจะพอๆ กับเสวี่ยอู๋เสียและมีระดับต่ำกว่านางเซียนหงส์ฟ้าผู้เป็นเจ้าของทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ และตัวเขาเองซึ่งมีบัวเพลิงฟ้าพิโรธ
เด็กสาวผู้นี้ฝึกได้อย่างไรกัน?
ผลของการฝึกฝนก้าวหน้าได้รวดเร็วมากได้ยังไงกัน?
เย่ว์หยางรู้สึกทึ่ง
อาจเป็นได้ว่าป้าของอี้หนานคงมีสมบัติวิเศษบางอย่างช่วยให้อี้หนานเพิ่มพลังได้เร็ว? หรืออาจเป็นได้ว่าหุบเขาหมื่นบุปผาจะมีแหล่งลับที่ทรงคุณค่าจนอี้หนานสามารถใช้เสริมพลังได้รวดเร็วโดยการฝึกฝนที่นั่น?
“ความจริง, เป็นเพราะ…” อี้หนานดูเหมือนรู้ว่าเย่ว์หยางต้องการถามอะไร นางเริ่มพูดออกมาและค้างคาไม่จบประโยค ขณะที่นางมีอารมณ์สุขใจและอึดอัดผสมปนเปกัน
***************