ตอนที่ 492 เคลื่อนในพริบตาและเสี่ยวเอ้อเปลี่ยนไป
หลังจากใช้เวลาสามวันเต็มถังเทียนก็เรียนรู้วิธีบิน และคุณค่าที่จ่ายไปก็แพง ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าร่างกายพลังเป็นศูนย์มีความแข็งแกร่งทนทานแล้วถังเทียนสงสัยว่าเขาคงไม่มีชีวิตอยู่ในโลกเป็นแน่
แต่ข้าก็เรียนรู้วิธีเหาะได้ในที่สุด!
ถังเทียนรู้สึกดีใจ เด็กหนุ่มสามารถเที่ยวไปในท้องฟ้าจนได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจและเขารอจนกระทั่งท้องฟ้ามืดค่ำก่อนที่จะออกไปลอง
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเซียนในเรื่องการเหาะ เหมือนกับชั้นกระดาษบางๆที่คั่นระหว่างดินแดนแห่งการบินและเซียน เซียนไม่เคยเห็นดินแดนแห่งการบินและไม่ต้องมีการแนะนำใดๆ เซียนจะใช้ประสบการณ์จากวิชาตัวเบาเพื่อทำการบินการทำลายขีดคั่นที่เบาบางเหมือนกระดาษนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขา
แต่ก็ต้องขอบคุณเสี่ยวเอ้อ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพาถังเทียนบิน ถังเทียนคงไม่รู้ว่าเซียนสามารถบินด้วยอาการแบบนี้เช่นกัน
เทียบกับเซียนส่วนใหญ่ผู้บรรลุขอบเขตชั้นเซียนใหม่ๆและเป็นเซียนหลังจากบรรลุสนามพลังวิญญาณ นั่นเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ ไม่มีเซียนคนไหนที่อยู่ในบังคับบัญชาของถังเทียนที่บินได้
จากตรงนั้นทุกคนสามารถแยกช่องว่างระหว่างเซียนที่ได้รับพลังตกทอดและเซียนที่ไม่มีพลังตกทอดได้อย่างชัดเจน แต่กลุ่มดาวหมีใหญ่ในปัจจุบันสามารถมองได้ว่าเป็นมหาอำนาจทรงอิทธิพลขนาดเล็กมีความมั่งคั่งมาก แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ แต่ก็ยังดี ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ ความสามารถในการระดมพลของพวกเขามิอาจจะดูถูกได้เลย
จำนวนของเซียนในกลุ่มดาวหมีใหญ่กำลังเพิ่มขึ้นในแต่ละวันและกลุ่มดาวหมีใหญ่เริ่มมีการจัดตั้งหน่วยเซียนพิเศษเพื่อรวบรวมวัตถุดิบทุกอย่างเพื่อการอบรมฝึกฝนเซียน เหลียงฟงและเซียนที่เหลือล้วนได้พลังกระตือรือร้น มีผู้หนุนหลังใหญ่ช่างน่ากลัวจริงๆ แม้ว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่จะยังมิอาจเทียบได้กับตำหนักระนาบสุริยุปราคาได้ก็ตาม แต่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเหมือนกับกลุ่มดาวมังกรเก่าแน่ แม้แต่กลุ่มดาวมังกรขาดแคลนพลังรวบรวมนักสู้ระดับเซียน ดังนั้น เซียนอื่นๆที่กระจัดกระจายอยู่จะทำอะไรได้?
ดังนั้นเมื่อถังเทียนมีบัญชา พวกเขาทุกคนจึงเต็มไปด้วยความดีใจพวกเขาทุกคนมีวิธีทำอยู่หลายอย่างแล้ว เพียงแต่พวกเขายังขาดแคลนทุนสำหรับดำเนินงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา
แม้แต่วิชาเซียนเหาะที่ง่ายที่สุดก็ต้องใช้งบประมาณดำเนินการถึงหมื่นล้านเหรียญดาว
หมื่นล้านเหรียญสำหรับกลุ่มดาวเล็กหลายกลุ่มดาวเป็นจำนวนที่น่าอึ้งและเกินเอื้อมแต่สำหรับระดับเซียน ยังถือว่าไม่มาก
ดังนั้นเมื่อถังเทียนเห็นว่าในช่วงเวลาแค่สองสามวันรายการค่าใช้จ่ายที่หน่วยเซียนใช้ไป ถึงกับทำให้หน้าของเขาเขียวทันที340 พันล้าน!
โส่วจินและผี่ผาพยายามแล้วที่จะทักท้วงเรื่องการใช้จ่ายของหน่วยเซียน(โครงการพญาหมี) นั่นเป็นบ่อที่ไร้ก้นและยังต้องให้กองทัพใช้โครงการแปลงพลังงานซึ่งต้องใช้จ่ายกันมากมายอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกลุ่มดาวหมีใหญ่ยังมีอสูรประหลาดที่ผลิตทองของกลุ่มดาวเตาหลอมได้ พวกเขาคงไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลได้ แต่อย่างไรก็ตามนี่ยังทำให้โส่วจินและผี่ผาต้องควบคุมกันอย่างยากลำบาก
ถังเทียนเห็นด้วยกับคำขอโส่วจินและผี่ผาโดยไม่ลังเล สหายอาวุโสจากหน่วยงานเซียนกำลังดื่มด่ำกับความสุข พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวได้มาก พวกเขาย่อมพอใจมากอยู่แล้ว
แต่เมื่อถังเทียนพบเรื่องผลของการเก็บเกี่ยว เขาเข้าใจทันที 340 พันล้าน ใช่ว่าจะถูกใช้ไปอย่างไม่ได้อะไรเลย
วิชาที่ระดับต่ำกว่าชั้นเซียนได้รับยกย่องว่าเป็นวิทยายุทธ และเมื่อบรรลุระดับเซียนวิธีการรบก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพและได้รับการยกย่องเป็นวิชาระดับจิตวิญญาณ
วิชาจิตวิญญาณบินอาจมองว่าดูธรรมดา แต่ก็มีหลายระดับสำหรับวิชานี้และมูลค่าของวิชาบินก็แตกต่างกันไปมีความแตกต่างกันมากในแง่ของความเร็วและความคล่องตัว ตัวอย่างเช่น ม่านพลังป้องกัน จะเป็นวิชาจิตวิญญาณเพื่อป้องกันระดับที่เซียนส่วนใหญ่ใช้กัน แต่เคล็ดคุณสมบัติการป้องกันและความเร็วในการรั้งพลัง ยังคงแตกต่างกัน
ถ้าเราจะพูดถึงการฝึกวิชาต่อสู้ก็คือเส้นทางรู้แจ้งสนามพลังวิญญาณนั่นเอง จากนั้นวิชาจิตวิญญาณเป็นผลมาจากการอนุมานและเข้าใจกฎต่างๆ
สำหรับเซียนที่อยู่ภายใต้บัญชาของถังเทียน นี่คืองานเลี้ยงฉลองแน่นอน แม้ว่าจะมีเคล็ดวิชาจิตวิญญาณอยู่สองสามอย่างที่พวกเขาไม่สามารถฝึกได้ แต่ก็ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเขาได้
วิชาจิตวิญญาณครอบคลุมถึงกฎและไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ มีแต่ต้องเข้าใจจากประสบการณ์ ดังนั้นผลผลิตนี้จึงถูกยกย่องว่าเป็นการ์ดวิชาจิตวิญญาณ
340พันล้านไม่สามารถยกระดับเซียนของหน่วยเซียนเข้าสู่ระดับใหม่ได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถเพิ่มคุณความสามารถในการต่อสู้ของหน่วยเซียนได้ทั้งหมด
แน่นอนว่ามียกเว้นอยู่สองคนคือถังเทียนและจิ่งหาว คนหนึ่งเป็นสนามพลังร่างวิญญาณ อีกคนหนึ่งเป็นสนามพลังภูตกระบี่ซึ่งหาได้ยาก จิ่งหาวจะดูดีกว่าเล็กน้อย เขามีเส้นทางที่ถูกต้องซึ่งระบุได้ และไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก แค่เพียงต้องอดทนเท่านั้น แต่ถังเทียนมีเรื่องที่ต้องปวดหัวมากกว่า เขากับเสี่ยวเอ้อสามารถสื่อสารกันได้ ใช่แล้ว แต่การสื่อสารทำได้ยากมาก
มีเพียงการ์ดวิชาจิตวิญญาณวิชาเดียวที่ตกมาถึงมือของถังเทียนและเป็นการ์ดที่มีมูลค่าเกินกว่า 100 พันล้าน และเป็นการ์ดวิชา ‘เคลื่อนในพริบตา’ ที่มีชื่อเสียง!
เหลียงฟงเป็นจอมประจบอย่างแท้จริง เขามาพบติงตังโดยยอมเดินทางมาเองทั้งคืนด้วยความเร็วสุดยอดและนำการ์ดไปมอบให้เอง
เคลื่อนในพริบตา(คล้ายเทเลพอร์ต) เกี่ยวพันกับกฎของมิติ มูลค่าของมันสูงเทียมฟ้า ยิ่งกว่านั้นยังใช้ประโยชน์ได้มากอาจทำให้เซียนเคลื่อนร่างในพริบตาได้อย่างสมบูรณ์ในระยะร้อยเมตร
นั่นคือไม้ตายที่ทรงพลังอย่างแน่นอน!
แต่เสี่ยวเอ้อจะใช้การ์ดวิชาพลังจิตวิญญาณนี้ได้ยังไง?
ถังเทียนมองดูการ์ดวิชาจิตวิญญาณในมือของเขา เขายังคงกังวล แต่ทันใดนั้นเมื่อถึงตอนที่เสี่ยวเอ้อกินการ์ดวิชาและจากนั้นเขาส่งการ์ดวิญญาณให้เสี่ยวเอ้อ
เสี่ยวเอ้อรับการ์ดวิชาไว้และใส่ปากโดยไม่ลังเล
กร้วมกร้วม
แก้มของเขาเริ่มป่องจากนั้นใช้กำลังเคี้ยว สีหน้าเสี่ยวเอ้อใคร่ครวญ ตาดำขลับของเขาเริ่มมีประกายแก่กล้าขึ้น
เมื่อชิ้นสุดท้ายในปากหมดเสี่ยวเอ้อก็หยุดนิ่ง
ถังเทียนคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเสี่ยวเอ้อและถามอย่างกระตือรือร้น “เป็นไงบ้าง เป็นไงบ้าง?”
ทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อหายไปต่อหน้าต่อตาเขา มันหายวับไปในทันที มันไม่ปรากฏอยู่ในสายตาไม่มีอากาศเคลื่อนไหว หายไปอย่างสิ้นเชิง
แทบจะในเวลาเดียวกันลมกระโชกผ่านหลังคอของเขาไป ทำให้ผมขนที่ด้านหลังของถังเทียนลุกชัน
เมื่อหันหลังไปดู เสี่ยวเอ้อลอยตัวอยู่ด้านหลังเขาพร้อมกับร่ม
นี่คือเคลื่อนในพริบตาหรือนี่....น่ากลัวมาก...
ทันใดนั้นถังเทียนเอื้อมมือไปคว้าเสี่ยวเอ้อไว้เหวี่ยงเสี่ยวเอ้อกระแทกกับพื้น เขาดุ “เจ้ายังจะโม้อะไรอีก! เจ้างี่เง่า ข้าจะเอาให้สะใจเชียวเจ้าจับข้าเหวี่ยงไปมาตั้งหลายครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าในที่สุดเจ้าก็ตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้า วันนี้จะให้เจ้าได้รู้จักว่าอะไรคือความเจ็บปวด...”
เสี่ยวเอ้อผู้น่าสงสารถูกถังเทียนเหวี่ยงกระแทกบ้างจนเขาเห็นดาวและใบหน้าที่ว่างเปล่ากลายเป็นเศร้าสร้อยหดหู่ เป็นหน้าของผู้พ่ายแพ้
หลังจากระบายความโกรธ ถังเทียนอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาลูบคางและเริ่มไตร่ตรอง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าพบเซียนที่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตา?
โอวพอคิดเรื่องนี้แล้ว เมื่อตอนที่เสี่ยวเอ้อหายไป ข้าก็มีปฏิกิริยาอยู่เล็กน้อย
ถังเทียนหวั่นไหวเมื่อคิดดูมีวิธีอะไรที่จะทำให้ไม่พ่ายแพ้? วิทยายุทธหรือเคล็ดจิตวิญญาณจะมีต้องมีหนทางเอาชนะวิชาเหล่านี้ได้แน่นอน
“เสี่ยวเอ้อ เสี่ยวเอ้อ”
ถังเทียนตะโกน แต่เสี่ยวเอ้อยังนอนเฉยเมยอยู่บนพื้น ถังเทียนขมวดคิ้วและพูดอย่างโมโห “ถ้าเจ้าไม่ลุกขึ้น ข้าจะทุบเจ้าอีก!”
ควั่บ,เสี่ยวเอ้อลอยตัวทันที การทุบตีก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าส่งผลแล้ว
“ใช้วิชาเคลื่อนในพริบตาอีกสองครั้งซิ” ถังเทียนตะโกน
ควั่บควั่บ เสี่ยวเอ้อใช้ท่าเคลื่อนในพริบตาสองครั้ง
“ถ้าข้าไม่บอกให้หยุด ก็อย่าหยุด!” ถังเทียนกล่าว
ควั่บควั่บ ควั่บ....
ร่างของเสี่ยวเอ้อปรากฎอยู่ทั่วห้อง ความเคลื่อนไหวของเขาว่องไวมาก ไม่มีย่อหย่อนแม้แต่น้อย
ถังเทียนจดจ่ออยู่กับความรับรู้และความรู้สึกรอบตัวโอ มีปฏิกิริยาอย่างหนึ่ง เมื่อเสี่ยวเอ้อหายตัวไป ข้ามักจะได้ร่องรอยของปฏิกิริยานั้น อาการสนองตอบนี้แตกต่างจากระลอกพลังงาน โอ.. มันเป็นคลื่นอากาศหรือเปล่า? ใช่แล้ว! เคลื่อนย้ายพริบตาไม่สามารถทำให้เงียบและไร้ความรู้สึกได้ เพราะต้องอาศัยการหายตัวไปในอากาศโดยตระหนักรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในมิติ
ตราบใดที่สัญชาตญาณของเขายังถึงระดับที่แน่นอนข้าจะสามารถรู้สึกได้ถึงความผันแปรของมิติ ไม่ใช่แค่เพียงสัญชาตญาณเท่านั้น แต่ยังมีสมบัติสองสามรูปแบบหรืออาจเป็นการหยั่งรู้เกี่ยวกับวิชาจิตวิญญาณบางอย่าง ทำให้สามารถรู้สึกได้
พลังของเคล็ดเคลื่อนไหวพริบตาขึ้นอยู่กับความเร็ว
เมื่อถึงระยะห้าร้อยเมตรนั่นหมายความว่าตราบใดที่ศัตรูอยู่ในระยะห้าร้อยเมตรห่างจากเขา ก็หมายความว่าเขาเข้ามาในพื้นที่โจมตีของเขา และเขาสามารถโจมตีได้เป็นปกติ นอกจากนั้น เขายังสามารถหลบออกจากสถานการณ์ใดๆ และฉวยโอกาสหลบหนีได้
และแล้วถังเทียนก็ได้ตระหนัก เสี่ยวเอ้อไม่สามารถกระพริบเคลื่อนย้ายได้ติดต่อกันสองครั้งต้องชะงักห้าวินาที ห้าวินาทีต่อครั้งก็ไม่ได้มีความหมายมากสำหรับคนธรรมดาพื้นฐาน แต่ในการสู้รบเพียงพอให้ศัตรูฆ่าท่านได้อย่างเหลือเฟือ
พอถังเทียนไตร่ตรอง เสี่ยวเอ้อก็หยุดทันที
“เอ่อ, ทำไมเจ้าถึงหยุดเล่า?” ถังเทียนมอง และตระหนักได้ทันที “ไม่มีพลังเหลือต่อไปแล้ว”
ถังเทียนตระหนักถึงปัญหาอีกข้อได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือปัญหาเรื่องพลังงาน เซียนอื่นตามธรรมดาจะมีพลังอยู่ในตัวเขาเองและสนามพลังวิญญาณก็ใช้พลังงานในร่างของพวกเขา แต่ร่างของเสี่ยวเอ้อไม่มีพลังงานและเมื่อไม่มีพลังงานวิชาจิตวิญญาณทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์ ทางแก้ของถังเทียนในปัจจุบันก็คือเอาวิธีการตอนที่อยู่ในถ้ำน้ำแข็งมาใช้ซึ่งก็คือใช้พลังหินดวงดาว
ถังเทียนพกหินดวงดาวมากมายและเขายังเป็นเจ้ากลุ่มดาวเอง เขาจะมีปัญหาเรื่องหินดวงดาวได้ยังไง ปัญหาก็คือ ในช่วงการต่อสู้ที่รุนแรงช่วงวิกฤติของการสู้รบบ่อยครั้งที่มีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีและเขาจะมีเวลาทำลายหินดวงดาวในระหว่างรบได้ยังไง?
ถังเทียนมองดูเสี่ยวเอ้อที่อยู่ในอาการมึนงง
ทันใดนั้นเขาล้วงหินดวงดาวก้อนหนึ่งออกมาให้เสี่ยวเอ้อ
เสี่ยวเอ้อรีบรับหินดวงดาวและเคี้ยวกินทันที เมื่อเห็นเช่นนั้นถังเทียนให้อาหารเขาต่อเสี่ยวเอ้อไม่ปฏิเสธและยังคงกินในเวลาอันรวดเร็ว
ในพริบตาถังเทียนให้หินดวงทีละก้อนๆจนเกินกว่าสิบก้อนแล้ว แต่ดูเหมือนเสี่ยวเอ้อไม่ตั้งใจจะหยุดเลย
ถังเทียนตะลึงหรือว่าท้องของเจ้าตัวเล็กนี่เป็นโลกอีกโลกหนึ่ง?
แต่ถังเทียนยังคงสงสัยมาก เสี่ยวเอ้อกินหินดวงดาวไปตั้งมากมายหลายก้อน แต่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลย
ใช้เวลากินอยู่หนึ่งชั่วโมง
ในที่สุดเสี่ยวเอ้อก็ไม่รับหินดวงดาวจากถังเทียนอีกต่อไป ทำให้ถังเทียนดีใจทันที
วูบบบ!
ตาของเสี่ยวเอ้อมีประกายแสงสว่างทันที
แสงรังสีในดวงตาของเสี่ยเอ้อหรี่ลงทีละนิด ดวงตาทั้งคู่กระจ่างมากและเต็มไปด้วยแววแห่งปัญญา วินาทีต่อมาใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเสี่ยวเอ้อกระด้างขึ้น จากนั้นแสดงสีหน้าสองสามอย่างราวกับว่ามันเป็นรูปสลักที่กลับมีชีวิต
เสี่ยวเอ้อที่เดิมทีมีลักษณะคล้ายกับถังเทียนลักษณะหน้าตาดี ขาดแต่อารมณ์โกรธทำให้ผู้คนคิดว่ามันคือขุนพลวิญญาณ
แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยพลังงานทำให้เสี่ยวเอ้อดูมีชีวิตชีวา
เขาเงยหน้าขึ้น จากนั้นมองดูร่มในมือของเขา และมองดูฝ่ามือแล้วมองดูสูทลินินที่เขาสวมอยู่และก้มหน้ามองขาของเขา
จากนั้นสายตาของเขาก็มองดูถังเทียนที่ตะลึงปากอ้าตาค้าง เห็นได้ชัดว่าดวงตาเขามีแววโกรธถังเทียน
“เจ้าทำเรื่องไร้สาระนี้เองหรือ?”
คำถามเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เสียงเหมือนกับทารกร้องกินนม
ถังเทียนยิ่งตะลึงมากกว่าเดิม
ร่างของเสี่ยวเอ้อแข็งค้าง สีหน้าของเขาเขียวคล้ำกว่าเดิม ตาของเขาเต็มไปด้วยอาการแตกตื่น
นี่...นี่มันเสียงของข้าหรือนี่..........