ตอนที่ 492 - คุณชาย! เชิญรับน้ำชา
หลังจากการต่อสู้ที่หอลงทัณฑ์บ่อโลหิตแล้ว เย่คง, เจ้าอ้วนไห่, เสวี่ยทันหลาง, องค์ชายเทียนหลัวและพวกที่เหลือได้ยกระดับมากน้อยแตกต่างกันไป
ในกลุ่มพวกเขา เสวี่ยทันหลาง, เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ยกระดับได้มากที่สุด
ภายใต้คำชี้แนะของเย่ว์หยางและการฝึกหนักของพวกเขา รวมทั้งทรัพยากรทั้งสองอาณาจักรที่ได้ใช้ส่งเสริมพวกเขา เสวี่ยทันหลางได้รับการคาดการณ์เป็นอย่างสูงว่าจะกลายเป็นบุคคลที่สองที่จะได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดในวัยยี่สิบปีต่อจากเย่ว์หยาง เขาเป็นระดับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปแล้ว และใกล้จะได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเต็มที ขอเพียงกินยาเพิ่มพลังยุทธ ก็จะเป็นการรับรองว่าเขาจะยกระดับกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดและเข้าสู่โลกนักสู้ในระดับนี้ แน่นอนว่า เขาไม่ได้กลายเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดจากการฝึกฝนตนเหมือนวิธีที่เย่ว์หยางทำ ถ้าไม่ใช่เพราะการแนะนำของเย่ว์หยาง เขาคงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าสิบปีหรือนานกว่านั้นกว่าจะมาถึงในระดับปัจจุบันนี้
และเพราะเหตุนี้เอง เสวี่ยทันหลางจึงไม่ยินดีจะทำลายสถิติเดิมของเย่ว์หยาง เขาจึงไม่ยอมกินยาเพิ่มพลังยุทธทันที
เขาเตรียมตัวรอต่อไปอีกหนึ่งเดือนก่อนที่จะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
ด้วยวิธีอย่างนั้น เขาจะยังมีระดับต่ำกว่าเย่ว์หยาง
“สิ่งที่ข้าต้องการก็คือแสวงหาความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดยั้ง และไม่แซงใครโดยหลอกตัวเองอีกด้วย” เสวี่ยทันหลางรู้สึกว่าถ้าเขาทำลายสถิติของเย่ว์หยาง ก็จะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติพี่เขยของเขา
เสวี่ยทันหลางรู้ว่า หากปราศจากการแนะนำจากเย่ว์หยาง เขาคงไม่สามารถยกระดับได้ง่ายๆ
เย่ว์หยางช่วยเขาชำระไขกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นผ่านการดับแล้วเกิดใหม่ จากนั้นถ่ายทอดความรู้แจ้งของเขาให้เสวี่ยทันหลาง ทำให้ทุ่นระยะเวลาฝึกฝนไปห้าสิบหรือร้อยปี ถ้าเสวี่ยทันหลางทำลายสถิติอายุของเย่ว์หยาง และขึ้นไปอยู่ในระดับสุดยอดของนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ผ่านการฝึกฝนตนเอง ไม่เพียงแต่เป็นการไม่ให้เกียรติและเคารพเท่านั้น แต่นี้ยังเรื่องน่าละอายอย่างมิอาจอภัยให้ตนเองได้
“ทำไมต้องใส่ใจกับเรื่องนี้นักเล่า? ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าพี่เขยของเจ้าแข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้น ต่อให้เจ้าไม่ทำลายสถิติของเขา เย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงก็คงจะทำลายได้ในอนาคตแน่นอน” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพยายามหว่านล้อม อย่างไรก็ตาม เสวี่ยทันหลางยังคงปฏิเสธเขาอยู่ดี
“แนวคิดหลักในทวีปมังกรทะยานก็คือเป็นสุภาพบุรุษที่มีเกียรติ ถ้าเย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุยี่สิบ ทุกคนจะรู้ถึงต้นเหตุ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ใส่ใจ แต่ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง ข้าทำเช่นนี้ไม่ได้ พี่เขยข้าจะอยู่ในจุดสุดยอดของประวัติศาสตร์ทวีปมังกรทะยานเสมอ ไม่มีใครอยู่เหนือเขาได้ ข้าจะไม่มีทางทำลายชื่อเสียงของเขา กับแค่การเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดช้าไปอีกเดือนจะเป็นไรไป” เสวี่ยทันหลางยังคงยืนยันความตั้งใจเช่นนี้ นี่ถือว่าเป็นการพูดยาวที่สุดแล้วนับตั้งแต่เสวี่ยทันหลางบุรุษน้ำแข็งเป็นผู้ใหญ่
“….” เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ๆ ปลาบปลื้มใจกันมากเมื่อพวกท่านได้ยินเช่นนี้ มีหรือที่พวกท่านจะไม่รู้ว่านี่เป็นผลมาจากความพยายามของเย่ว์หยาง? พวกท่านแค่กังวลว่าจะทำความไม่พอใจให้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดเยาว์วัยมากกว่า
พวกที่มีฝีมือไล่ตามหลังเสวี่ยทันหลาง ผู้เป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดมาอย่างใกล้ชิดก็คือเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่มากนัก
ตอนนี้พวกเขาเป็นสู้ระดับแปดขั้นกลางแล้ว
ยังมีช่องว่างอยู่บ้างก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่ระดับความเร็วที่พวกเขาก้าวหน้าในปัจจุบันนี้ คงเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
ต้องทราบไว้ก่อนว่าเย่คงกับเจ้าอ้วนไห่นั้นเป็นนักสู้ระดับพื้นๆ ทั่วไป การฝึกฝนของพวกเขาจึงลำบากยากเย็นยิ่งขึ้น
เมื่อเจ้าอ้วนไห่พบเย่ว์หยางครั้งแรก เขาเพิ่งเริ่มเป็นนักสู้ระดับสามขั้นต้น อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเป็นเจ้าของก็คือแรดเหล็กชั้นทองแดง ตอนนี้เจ้าอ้วนไห่เป็นเจ้าของไม่เพียงแค่นกนางนวลสายลมแสนรู้เท่านั้นยังมี ยังมีอสูรที่แข็งแกร่งอีกสามตัวคือ แรดเกราะเพชร อสูรแพลตตินัมระดับสามซึ่งมีศักยภาพมากที่สุด ฮิปโปโปเตมัส อสูรทองระดับห้า สำหรับแมมม็อธสายฟ้าอสูรทองระดับแปด แม้ว่าตอนนี้ถือว่ามันแข็งแกร่งก็จริง แต่มันใช้ศักยภาพของมันไปหมดแล้ว ดังนั้นอนาคตของมันจะอ่อนแอกว่าฮิปโปโปเตมัสและแรดเกราะเพชรในอนาคต
เย่คงก็เช่นกัน ก่อนที่เขาจะพบกับเย่ว์หยาง เขาเกือบจะอดตายอยู่แล้ว
เขาทอดอาลัยตายอยากในชีวิต
ในวันนี้แม้จะไม่มีคัมภีร์อัญเชิญแต่อย่างใด แต่เขาเคี่ยวเข็ญตนเองภายใต้คำแนะนำของเย่ว์หยางและมอบคิงคองปีศาจและด้วงจอมพลังจนเขาแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าอ้วนไห่ เขาเป็นผู้แข็งแกร่งเป็นลำดับสองในกลุ่มอย่างมิต้องสงสัย
เมื่อเย่ว์หยางไม่อยู่ด้วย เย่คงจะกลายเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขามีความเป็นผู้นำที่น่าประทับใจ แม้แต่บุรุษน้ำแข็งอย่างเสวี่ยทันหลางก็ยังต้องฟังเขา
นอกจากสามคนก่อนนั้นก็คือ องค์ชายเทียนหลัวที่ตอนนี้เป็นนักสู้ระดับแปดขั้นกลางก็มีแนวโน้มจะได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเช่นกัน
เขามีจุดเริ่มต้นที่สูงและพบกับเย่ว์หยางหลังคนอื่น ดังนั้นความก้าวหน้าของเขาจึงไม่พรวดพราดเด่นชัดเมื่อเทียบกับเย่คงและเจ้าอ้วนไห่
แต่ทักษะธรรมชาติของเขาไม่ด้อยไปกว่าเสวี่ยทันหลางเลย เขาจะมีอนาคตที่สดใสเช่นกัน
สำหรับพี่น้องตระกูลหลี่, ลีน, แอนนา, เป่าเอ๋อ, หลิวเย่, เลโอ, ฟ่านหลุนเถี่ยและพวกที่เหลือ พวกเขายังไม่สามารถเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ในระยะเวลาสั้นๆ พวกเขายังคงห่างจากการเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องฝึกฝนต่อไปอีกระยะหนึ่ง
“จงฝึกหนักต่อไป อย่าปล่อยให้ฮุยไท่หลางแซงพวกเจ้าได้!” คำพูดของเย่ว์หยางทำให้ฮุยไท่หลางกระดิกหางอย่างมีความสุข
แน่นอนว่า เย่ว์หยางไม่ได้พูดเกินจริง
ด้วยมาตรฐานในปัจจุบันของเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ พวกเขายังไม่อาจเทียบได้กับฮุยไท่หลางจริงๆ
ฮุยไท่หลางได้ยกระดับเป็นอสูรในตำนานไปแล้วยิ่งทรงพลังมากกว่าเดิม ถ้าเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถไล่ทัน ระยะก็จะยิ่งห่างขึ้นเรื่อยๆ อย่าว่าแต่ตามเย่ว์หยางให้ทันเลย แค่ตามฮุยไท่หลางให้ทันก็หืดจับเสียแล้ว เป็นเพราะความกดดันเช่นนี้เองจึงทำให้เสวี่ยทันหลาง, เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพวกที่เหลือฝึกฝนตนเองกันเป็นบ้าเป็นหลัง พวกเขาไม่ต้องการแพ้ฮุยไท่หลางเลยจริงๆ
พวกเขายังทำใจได้ถ้าแพ้เย่ว์หยาง เพราะเขาเป็นอัจฉริยะที่ผิดมนุษย์ธรรมดา
แต่ถ้าแพ้ฮุยไท่หลาง….
พวกเขาคงทำให้มนุษย์ทั้งโลกอับอายเป็นแน่
เหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซายังไม่ค่อยรู้สึกพอใจเนื่องจากพวกเขาเพิ่งยกระดับเป็นนักสู้ระดับเจ็ดหลังจากฝึกฝนอย่างหนัก เมื่อพวกเขาเข้ามาสัมผัสใกล้กับกลุ่มของเย่ว์หยาง พลังของพวกเขากลายเป็นอ่อนแอกว่าทันที นอกจากหลิวเย่และเป่าเอ๋อแล้ว พวกเขายังอ่อนแอกว่าสี่สาวเผ่าคิวบัวร์ (มนุษย์หมูป่า) เสียอีก ความจริงพวกเขาเป็นอัจฉริยะที่กลายเป็นนักสู้ระดับเจ็ดตอนอายุยี่สิบปี เมื่อย้อนดูในประวัติศาสตร์ของทวีปมังกรทะยาน พวกเขาสามารถอยู่เหนือกลุ่มอัจฉริยะสองสามร้อยคน แต่ปัญหาก็คือว่าภายใต้การนำของเย่ว์หยางอัจฉริยะที่ผิดมนุษย์ ทวีปมังกรทะยานจึงเข้าสู่ยุคระเบิดพลัง
แม้ว่าเย่คง, หลี่ชิวและหลี่เกอไม่ได้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญแต่ก็ยังเป็นนักสู้ระดับแปดไปแล้ว
ดังนั้นนี่จึงทำให้สองคู่หูที่เพิ่งยกระดับเป็นนักสู้ระดับเจ็ดดูน่าสมเพช
“มาฝึกฝนด้วยกันเถอะ เรื่องที่ผ่านมาก็แล้วกันไป อนาคตของพวกเราไม่ได้อยู่แค่เพียงในทวีปมังกรทะยาน ไม่ได้อยู่แค่เพียงหอทงเทียนหรือแม้แต่ในแดนสวรรค์” มีการเปิดทางอำนวยความสะดวกแฝงอยู่ในคำพูดของเย่ว์หยาง ความจริงเหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซารู้ว่าระดับสูงสุดที่พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ก็คือได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แดนสวรรค์น่ะหรือ? มีแต่เย่ว์หยางที่สามารถบินสูงได้ขนาดนั้น นั่นไม่ใช่ที่ของเขา
“เขากลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว ก่อนนั้นข้าก็ยังห่วงเรื่องความดื้อรั้นของเขาอยู่เหมือนกัน” จุนอู๋โหย่วมีความสุขมากที่ได้เห็นเช่นนี้ เย่ว์หยางเต็มใจให้เหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซาเข้าร่วมกับกลุ่มเขาเป็นการรวมตัวของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ฉะนั้นตระกูลใหญ่ทั้งสี่จะได้ผูกพันเชื่อมโยงกัน พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องความขัดแย้งภายในที่จะทำลายพวกเขาให้แตกแยกจากกัน
“ที่ไหนกัน ข้ายังเห็นเขาเป็นเด็กอยู่ดี” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เปลือกนอกถ่อมตน แต่ความจริงเขาภูมิใจมาก
“เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง…” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หลังจากออกจากปราสาทตระกูลเย่ว์ เย่ว์หยางกลับไปที่มิติลวงในวังหลวงเทียนหลัว
ก่อนที่จะได้พบกับแม่สี่ เย่ว์หยางเข้าไปถวายเลือดไตตันที่กลั่นแล้วแก่จักรพรรดิหัวซิ่วรี่แห่งเทียนหลัว
เขาแสดงความขอบคุณที่หัวซิ่วรี่อนุญาตให้แม่สี่ได้พำนักอย่างปลอดภัยในเทียนหลัว คงไม่ใช่เรื่องดีถ้าเขาจะไม่ตอบแทนความมีน้ำใจของเขาหรือนาง ซึ่งเขาก็ยังสงสัยอยู่ เขาคาดว่าหัวซิ่วรี่น่าจะเป็นสตรี ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงไม่รู้สึกว่านางเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อตอนที่เขาตกลงไปในมิติลวงครั้งแรก ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขาเป็นบุรุษ แม่สี่คงไม่สามารถอยู่ที่นี่เป็นช่วงเวลายาวนานขนาดนั้น
ทำไมแม่สี่ถึงไม่ยอมอยู่ในวังต้าเซี่ย?
ทำไมจักรพรรดินีราตรีถึงได้สนิทกับจักรพรรดิเทียนหลัวผู้ลึกลับมากขนาดนี้?
เย่ว์หยางต้องการค้นหาคำตอบข้อสงสัยเขาหลายอย่าง ดังนั้นเขาจึงหาทางไปเข้าเฝ้าหัวซิ่วรี่เป็นพิเศษภายใต้ข้ออ้างถวายเลือดไตตันให้เขาหรือนาง
“จักรพรรดิส่งข้ามาเรียนท่านว่าพระองค์รับของขวัญท่านไว้และตรัสขอบคุณท่าน แต่เนื่องจากพระองค์ประชวรเล็กน้อย จึงมาพบท่านไม่ได้ นอกจากนี้ จักรพรรดิทรงได้ยินว่าคุณชายสามกำลังสร้างหุ่นโบราณในตอนนี้ ดังนั้นพระองค์อยากจะพระราชทานสมบัติเพื่อช่วยให้งานท่านสำเร็จ” ราชองครักษ์หญิงของจักรพรรดิเทียนหลัวให้คำตอบเย่ว์หยาง นางยิ้มแล้วคำนับให้เย่ว์หยาง ขณะที่นางให้คำปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าพบหัวซิ่วรี่
“อย่างนั้นข้าขอถวายพระพรให้พระองค์สุขภาพดียิ่งขึ้น” เย่ว์หยางค่อนข้างมั่นใจว่าหัวซิ่วรี่เป็นสตรีแน่นอน แต่จักรพรรดินีราตรีจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างไร? เป็นพี่สาว? ญาติ? หรือสหายของนาง?
เขายังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ในขณะนี้
เมื่อเย่ว์หยางไปพบกับแม่สี่ เห็นได้ชัดว่านางทราบข่าวว่าเขากลับมาได้แล้ว แม้ว่านางจะดูสงบภายนอก แต่ความจริงนางตื่นเต้นมาก
เป็นเย่ว์ปิงที่กระโดดโลดเต้นดีใจเมื่อนางเห็นว่าพี่ชายของนางกลับมาแล้ว
นางรีบกระโดดเข้าอ้อมอกของเย่ว์หยางก่อนอี้หนานเสียอีก
อี้หนานวิ่งมาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง นางมีสีหน้าที่น่ารักซึ่งทำให้นางดูเหมือนพยายามจะกลั้นน้ำตาเต็มที่ นางขบริมฝีปากข่มความต้องการของตนเอง
นางต้องการกอดบุรุษผู้นี้ผู้ที่นางคิดถึงเป็นพันครั้ง
แต่นางไม่มีความกล้าจะแสดงความรู้สึกของนางในทางปฏิบัติ
เย่ว์หยางลอบยื่นมือไปช่วยเช็ดน้ำตาที่นองแก้มให้นาง “อย่าห่วงไปเลย ข้าปลอดภัยดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ข้าสบายดี?”
อี้หนานหน้าแดงขณะที่นางกันมือของเขาออกไป ดูเหมือนนางไม่ต้องการให้ทุกคนเห็นท่าทีที่สนิทสนมของเขา
นางพยายามทำเข้มแข็งอยู่ต่อหน้า “ข้าไม่ได้ร้องไห้!”
ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค น้ำตาเจ้ากรรมพลันไหลออกมาอีก
เย่ว์ซวงส่ายศีรษะสำรวจดู และพยายามจะเบียดแทรกพี่สาวของเธอ “ข้าก็ไม่ได้ร้องเหมือนกัน ข้าว่าง่ายมาตลอด ไม่ร้องแม้แต่ตอนท่านแม่หวดก้นด้วย” เย่ว์ซวงมองดูเย่ว์หยางและขอให้เขาชมเธอ
อี้หนานรู้สึกว่านางเป็นตัวตลก ดังนั้นจึงรีบเช็ดน้ำตา และโทษเย่ว์หยางแก้เก้อ “เป็นความผิดของเจ้าคนเดียว!”
เมื่อเย่ว์หยางยื่นมือมาประคองนาง อี้หนานเห็นว่าเจ้าเมืองโล่วฮัว, หญิงงามอู๋เหินและเย่ว์หวี่กำลังยืนยิ้มให้ทุกคน นางรีบหลบด้วยความเขินอายทันที นางผลักเย่ว์ซวงให้อยู่ในอ้อมกอดเย่ว์หยาง และหลีกเลี่ยงการสัมผัสมือของเย่ว์หยางไปในขณะเดียวกัน เย่ว์ซวงไม่เกรงใจ เธอกอดพี่ชายและหอมแก้มเขาสองครั้งทันที เมื่อเห็นผงผลไม้บดในมือเย่ว์หยาง เธอคว้ามั่บทันทีและพูดกับพี่ชายเธออย่างอ่อนหวานที่สุด
คำพูดของเธอหวานไพเราะมาก ทำให้คนฟังรู้สึกหวานในหัวใจไปด้วย
เย่ว์ปิงตีก้นเย่ว์ซวงและตำหนิเธอเบาๆ “เจ้ารู้จักแต่เรื่องกิน ลงมาเดี๋ยวนี้เลย พี่สามเพิ่งกลับมา ยังเหนื่อยมากอยู่เลย”
เย่ว์ซวงไม่กลัวอะไรเลยเว้นแต่พี่สาวผู้เข้มงวดผู้นี้ ผลไม้ผงก็อยู่ในมือเธอแล้ว ดังนั้นเธอกระโดดออกจากอ้อมอกเย่ว์หยางและเบ้หน้าล้อเย่ว์ปิง “พี่สามไม่เหนื่อยหรอก..” เธอหันหน้ามาอีกครั้งต้องการจะฟ้องแม่สี่ “แม่, พี่สาวตีข้า ยังเจ็บก้นอยู่เลย”
แม่สี่ไม่พยายามจะปกป้องเธอ นางยกมือขึ้นและทำท่าว่าจะตีเธอด้วยเช่นกัน เย่ว์ซวงหันไปซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดเย่ว์หวี่ทันที
เธอรู้ว่าพี่สาวรองใจดีที่สุด ไม่เพียงแต่ไม่ตีเธอ แต่ยังหลงเธอมากอีกด้วย
เมื่อเย่ว์ซวงเสร็จเรื่องแล้ว เจ้าเมืองโล่วฮัวถลันขึ้นมาอยู่ข้างหน้าทันที นางจับแขนเย่ว์หยางอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วรีบถาม “บอกข้ามา เกิดอะไรขึ้นกับไตตันโบราณ เจ้าเอาชนะไตตันโบราณได้ด้วยใช่ไหม? ทำได้ยังไงกัน? ถ้าข้ารู้ ข้าต้องไปด้วยแน่ น่าเสียดายจริงๆ เป็นโอกาสดีมากเสียด้วย ว่าแต่เจ้าได้สมบัติอะไรมาบ้าง? ไม่ ไม่ เจ้าต้องเริ่มเล่าแต่ต้น ข้ากังวลมากนะ เร็วเข้าบอกเรามาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น หญิงงามอู๋เหินอดหัวเราะไม่ได้ “ให้เขาพักดื่มน้ำเสียก่อนเถอะ, ยังมีเวลาถามอีกมาก”
เจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นเย่ว์หวี่นำน้ำชาเข้ามา นางรีบชิงมาถือไว้ทันทีแล้วยื่นส่งให้เย่ว์หยางด้วยท่าทีอ่อนน้อม “เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ คุณชาย!
นางทำให้ทุกคนที่เหลือ พูดไม่ออก…
***************