ตอนที่ 491 สนามพลังร่างวิญญาณ
ถังเทียนรู้ว่าหลังจากเคลื่อนไหวใหญ่จากคืนก่อนนี้ไม่เหมาะที่เขาจะทำอะไรต่อในช่วงสองสามวันนี้ ในเวลาอันรวดเร็ว ข้อมูลของติงตังก็ทำให้เขาตัดสินใจได้
ดวงตาเซกซ์แทนส์อยู่ที่เมืองหานกู่จริงๆ
และมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวดวงตาเซกซ์แทนส์ที่ปรากฏออกมากล่าวกันว่าดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์ถือครองสมบัติไว้มหาศาลนับไม่ถ้วนอยู่ภายในและที่สำคัญที่สุดมีกฎจิตวิญญาณอย่างหนึ่งเก็บอยู่ในนั้น
ในทางทฤษฎีถ้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถดึงดูพวกเซียนนักสู้ได้ทันที อย่างนั้นกฎจิตวิญญาณก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เรียกว่ากฎจิตวิญญาณคือบันทึกหรือองค์แห่งความรู้ที่เซียนนักสู้เหลือทิ้งไว้ซึ่งภายในนั้นมีทั้งความรู้แจ้งและความเข้าใจของเซียนนักสู้ในเรื่องกฎวิญญาณนั้น ไม่มีเซียนนักสู้คนใดที่มีคุณสมบัติเขียนกฎวิญญาณได้ มีแต่เพียงเซียนระดับทองจึงจะมีคุณสมบัติทำเช่นนั้นได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าความรู้แจ้งและความเข้าใจในเรื่องสนามพลังวิญญาณของพวกเขาค่อนข้างสมบูรณ์แบบแล้วและแทบจะเป็นพื้นฐานที่แท้จริงของสนามพลังวิญญาณ
ไม่สามารถวัดหรือกำหนดไปว่ากฎวิญญาณจะสามารถช่วยเซียนนักสู้ได้มากเพียงใด
หลังจากได้บรรลุระดับเซียนแล้วทุกย่างก้าวเพื่อความก้าวหน้าเป็นไปอย่างยากลำบาก และความยากลำบากของระดับเซียนนักสู้ระดับล่างไม่สามารถเข้าใจได้ เซียนทุกคนเกิดจากการฆ่าและต่อสู้กับผู้คนมานับไม่ถ้วน พรสวรรค์ ความเพียรและการประยุกต์ของปราณไม่ใช่สิ่งที่จะขาดหายไปได้ ทุกคนคือมังกรในมวลหมู่มนุษย์และเป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะ การแข่งขันระหว่างนักสู้ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ทั้งหมดผู้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดเป็นเรื่องโหดร้ายและสิ้นหวังโดยเฉพาะ
ทุกตารางนิ้วของความมุ่งมั่นเพื่อให้สนามพลังวิญญาณก้าวหน้าเป็นเรื่องที่สำเร็จได้ยากมาก สนามพลังวิญญาณกับระบบที่สำเร็จ สำหรับเซียนที่มีการรู้แจ้งก็เป็นเหมือนกับเปิดหน้าต่างอีกบานให้เขา นอกจากนี้ท่านสามารถเรียนรู้เส้นทางวิถีชองกฎจิตวิญญาณได้ เพราะเส้นทางนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้ดี
เรื่องเกี่ยวกับดวงตาเซกซ์แทนส์เป็นเรื่องที่มิได้ส่งลงไปในกลุ่มนักสู้และแพร่กระจายไปเฉพาะนักสู้ระดับเซียนเท่านั้น แม้แต่เซียนของกลุ่มดาวหมีใหญ่สองสามคนก็ยังรู้เรื่อง ติงตังยังเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหานกู่พร้อมกับตัวแทนสองสามคนจากผู้ทรงอำนาจพร้อมทั้งเหล่าเซียนนักสู้ที่มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน
เมืองหานกู่มีคนนอกหลั่งไหลเข้ามาและเหมือนกับว่าทหารยามของเมืองหานกู่ต้องเผชิญกับศัตรูกลุ่มใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่งที่กำลังบินอยู่อาจเป็นเซียนนักสู้ก็ได้สามารถกำจัดพวกเขาได้โดยใช้เพียงนิ้วเดียว พวกเขาไม่เคยคิดว่าในชีวิตของพวกเขา จะมีวันที่พวกเขาเห็นนักสู้ระดับเซียนมากมายหลายคน พวกเขาสะท้านอยู่ในใจที่มีนักสู้ระดับเซียนปรากฏตัวขึ้นหลายคน
เพียงสิ่งเดียวที่ปลอบโยนพวกเขาได้ก็คือการป้องกันเมืองหานกู่
ชางหยางหวี่ดูเหมือนจะคาดสถานการณ์ไว้ก่อนแล้วและตำแหน่งสถานที่เมืองหานกู่ก็บังเอิญว่าเป็นพื้นที่ซึ่งมีคลื่นความเย็นหนาแน่นที่สุดและใช้ประโยชน์จากความเย็นของก้อนน้ำแข็ง พวกเขาค่อยดึงคลื่นความเย็นลงสู่ใต้พื้นและหลังจากนั้นเป็นเวลานานความหนาแน่นของคลื่นความเย็นในกำแพงเมืองจึงมีความหนาแน่นอย่างน่าทึ่ง ความสามารถในการป้องกันของพวกเขานั้นก็น่าทึ่งด้วย คลื่นพายุความเย็นครั้งล่าสุดทำลายกำแพงเมืองชั้นในไปมากมาย แต่อิฐน้ำแข็งที่สร้างกำแพงชั้นนอกเมืองไม่เป็นอันตราย
นอกจากนั้นเมืองหานกู่ได้จัดเตรียมสมบัติไว้สิบสองชิ้น หนึ่งในนั้นคือสมบัติเซียน! สมบัติเซียนแห่งกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ เซกซ์แทนส์ฟ้าซึ่งอยู่ในเมือง สำนักชางหยางอยู่ในความควบคุมของกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์มาหลายปี แต่ไม่เคยมีข่าวรั่วไหลออกมาว่าสมบัติเซียนอยู่ในมือพวกเขามาก่อน นี่เองทำให้การป้องการของเมืองหานกู่เพิ่มถึงระดับสูงสุด พวกเซียนนักสู้มีความรู้สึกไวต่อพลังงาน ดังนั้นสำหรับพวกเขาเมืองหานกู่จึงดูแตกต่างไปมากจากสายตาของนักสู้ธรรมดาเนื่องจากมีความหนาแน่นของพลังงานที่น่ากลัว
“เมืองนี้ไม่ได้สร้างขึ้นในวันเดียว ชางหยางหวี่คงเค้นสมองอย่างแท้จริงถึงได้วางแผนเป็นระบบออกมาอย่างนี้เป็นเวลานาน!” คนที่พูดคือชายชราที่มีผมขาวสีหน้าของเขาเคร่งเครียด สวมชุดผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธ ราศีของเขาสง่างาม สถานะของเขาเป็นที่น่านับถือ เขาคือผู้อาวุโสหรงปัวแห่งสมาพันธ์ชาวยุทธผู้อาวุโสที่มีอำนาจในกลุ่ม เพื่อที่เขาจะได้มีส่วนร่วมด้วยตนเอง อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาแสดงความจริงจังกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ที่ข้างตัวเขาคือเย่เฉาเกอซึ่งทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร ตาของเขาตรวจดูพลังงานปั่นป่วนรอบเมืองหานกู่ ความต้องการจะสู้แฝงอยู่ในดวงตาของเขา
เซียนนักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธอีกคนหนึ่งพูดขึ้น “จากที่เห็นนี้ ความทะเยอทะยานของชางหยางหวี่ไม่ใช่เล็กน้อย กับศิษย์ที่เป็นนักสู้ชั้นเซียนสามคน ดวงตาเซกซ์แทนส์คือข้อต่อรองที่ดีใช้ทำการตกลงได้มากพอจะทำให้เขาดำเนินธุรกิจได้สำเร็จ”
หรงปัวถามทันที“พวกเจ้าพบเรื่องของชางหยางหวี่บ้างไหม?”
“ไม่”บริวารของเขาทำเสียงเหมือนละอาย “เราสืบค้นดูข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์แล้ว แต่ไม่มีที่กล่าวถึงชางหยางหวี่ และเราไม่พบว่าชางหยางหวี่มีสหายคนไหน ศิษย์ทั้งสามเป็นเด็กกำพร้าทุกคน เขาพบพวกเขาหลังจากสร้างสำนักแล้ว”
หรงปัวร้อง “โอว” และถามต่อ “อย่างนั้นในช่วงสองสามปีนี้เขาไปอยู่ที่ไหนมา?”
“เขาไม่เคยออกจากกลุ่มดาวเซกซ์แทนมาก่อน” บริวารของเขายิ่งละอายมากขึ้นหน่วยข่าวกรองของสมพันธ์ชาวยุทธแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่คาดเลยว่าพวกเขาจะไม่พบอะไร
“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่มีนิสัยง่ายๆเลย” หรงปัวอุทาน
เย่เฉาเกอถามขึ้นทันที “ผู้อาวุโส,ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์มีสมบัติเก็บไว้จริงๆ หรือ?
เมื่อได้ยินเช่นนี้หรงปัวหัวเราะ “เฉาเกอ,เจ้าก็ตื่นเต้นไปด้วยหรือ? ข่าวลือนี้มีแนวโน้มว่าจริง เราสืบดูมาก่อนแล้ว ดวงตาเซกซ์แทนส์จู่ๆ หายสาบสูญไปเมื่อยี่สิบก่อนและตกอยู่ในมือของบุคคลผู้ลึกลับ เหตุผลที่เราต้องสอดแนมเขาในเวลานั้นเป็นเพราะเขามีคนที่รู้จักฝากสมบัติไว้ เขาเก็บดวงตาเซกซ์แทนส์และหายสาบสูญไป เราสงสัยว่าทำไมถึงเป็นดวงตาเซกซ์แทนส์ด้วย? หลังจากนั้นผู้อาวุโสสำนักค้นคว้าดูจึงได้รู้ว่าดวงตาเซกซ์แทนส์มีความลับมาก มีรูปแบบทำงานที่ไม่ซ้ำกันมาก”
“รูปแบบการใช้งานอะไร?” เย่เฉาเกอถาม
“ดวงตาเซกซ์แทนส์ใช้ล็อคตำแหน่ง” สีหน้าของหรงปัวจริงจัง “ดวงดาวของสวรรค์วิถีจะเปลี่ยนไปได้ทุกเมือและแม้แต่ประตูดวงดาวก็ยังเปลี่ยนไป ดังนั้นสมบัติหลายอย่างจึงถูกผนึกไว้ไม่อาจหาพบได้ เพราะบันทึกในอดีตถูกเก็บไว้ผ่านเวลามานาน และดวงตาเซกซ์แทนส์สามารถล็อคตำแหน่งได้ ดังนั้นไม่ต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของเวลาจึงสามารถระบุตำแหน่งของปีนั้นได้ว่าอยู่ที่ไหนในวันนี้”
เย่เฉาเกอตื่นเต้น “มีวิธีใช้ที่ฉลาดอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”
“ใช่!” หรงปัวหัวเราะ “ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนทิ้งเบาะแสไว้ เราจะไม่มีทางให้ความสนใจดวงตาเซกซ์แทนส์ และจะไม่มีทางคิดว่าดวงตาเซกซ์แทนส์ที่ดูเหมือนธรรมดานี้จะใช้ประโยชน์ได้ดีขนาดนั้นนอกจากนี้ยังเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากมีสมบัติล้ำค่าหลายอย่างแม้ว่าระดับของมันจะไม่สูง แต่ก็มีประโยชน์ใช้งานได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่พลังของเวลามีความแข็งแกร่งมาก จะกู้คืนตำแหน่งเวลาในอดีต จำเป็นต้องให้ดวงตาเซกซ์แทนส์กลายเป็นสมบัติทองเสียก่อน ดังนั้นตำแหน่งจะปรากฏ”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” เย่เฉาเกอรู้ทันทีแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่บ้าง “อย่างนั้นทำไมชางหยางหวี่จึงต้องประกาศต่อสาธารณชนด้วยเล่า?”
“ประกาศต่อสาธารณชน? เขาถูกบังคับให้ต้องทำเช่นนั้น” หรงปัวหยุดยิ้ม“ในอดีตไม่ค่อยมีคนรู้นักหรอก แต่องค์การวิญญาณมืดมีข้อมูลอยู่แน่นอน องค์การวิญญาณมืดอาจต้องการชิงมันและชางหยางหวี่เป็นคนเจ้าความคิดเจ้าวางแผนเช่นกันทำไมเขาจะให้องค์การวิญญาณมืดต้องได้เปรียบพวกเขา? เขาอาจประกาศได้เช่นกัน วิธีหนึ่งก็คือแบ่งปันข้อมูล อีกอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทรัพยากร ชางหยางหวี่อาจคิดไว้ดีแล้วจริงๆ”
เย่เฉาเกอผงกศีรษะและไม่พูดอะไรอีกต่อไป
“เฉาเกอไม่ต้องห่วง” หรงปัวพูดอย่างนุ่มนวล “ผู้อาวุโสอันอาจโปรดปรานจิ่งหาวและวางเดิมพันไว้กับจิ่งหาว แต่ในสายตาข้า เจ้าแข็งแกร่งมากกว่าเขา ตระกูลของเราเป็นสหายกันและเจ้าก็เหมือนหลานของข้า เจ้าแค่มุ่งมั่นกับการฝึก และปล่อยเรื่องทั้งหมดให้ข้ารับมือเอง”
“ขอรับ” เย่เฉาเกอคำนับ
หรงปัวหัวเราะและโบกมือ “ไปกันเถอะครั้งนี้ยากจะได้เห็นพวกเซียนจริงๆ ได้มีประสบการณ์เห็นกับตาตนเองนับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี”
********
เนื่องจากเขารู้ว่าดวงตาเซกซ์แทนอยู่ในเมืองหานกู่ ถังเทียนไม่มีความกังวล เขาได้พบบางวิธีการที่ใช้ต่อสู้เคียงข้างกับเสี่ยวเอ้อ ในช่วงเวลาอย่างนี้ เป็นเวลาที่สำคัญมาก เนื่องจากกายมีพลังเป็นศูนย์มีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถบินได้ เขาจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน และจะต้องได้รับอันตรายแน่
ถังเทียนขังตัวฝึกในห้อง
เขาเรียนรู้อย่างเร่งด่วนว่าจะบินกันอย่างไร โชคดีที่เขาเป็นเจ้ากลุ่มดาวและมีบริวารสองสามคน ในเวลาอันรวดเร็วพวกเขาก็พบวิธีฝึกจากร่างวิญญาณเพื่อสนับสนุนถังเทียน
แต่ถังเทียนก็ตระหนักว่าเสี่ยวเอ้อแตกต่างจากร่างวิญญาณอื่นไปมากมาย
ความรู้สึกถึงพลังงานรอบๆตัวเขาเดี๋ยวกล้าแข็ง เดี๋ยวอ่อน ถังเทียนรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกเหมือนจมอยู่ใต้น้ำแล้วถูกกระชากออกมา ความรู้สึกของสนามพลังวิญญาณบินและวิชาตัวเบาแตกต่างกันอย่างมากมายเนื่องจากสนามพลังวิญญาณบินเป็นการใช้พลังงานเคลื่อนที่โดยตรง เมื่อเขาเห็นวิธีที่เสี่ยวเอ้อควบคุมพลังงานมันดูดีและโดดเด่น
แต่เมื่อคนและจิตวิญญาณรวมเป็นหนึ่งข้อผิดพลาดหลายอย่างก็เกิดขึ้น เป็นภาพที่น่าเศร้าจริงๆ
ทันใดนั้นพลังงานรอบตัวของเขาเพิ่มอย่างพุ่งพรวด ถังเทียนรู้สึกว่ามันเป็นภาพที่แย่ เขาตะโกนทันที “หยุด หยุด หยุด...”
ร่างของเขาถูกยกขึ้นอย่างรวดเร็วสูงขึ้นๆจากครึ่งเมตร เมตรครึ่งกลายเป็นหกเมตร เก้าเมตรอย่างรวดเร็ว....
หน้าของถังเทียนซีดขาว พลังงานรอบตัวเขาเกินกว่าจะควบคุมได้ แย่แล้ว!
ถังเทียนซึ่งลอยอยู่ในอากาศลอยขึ้นทันทีลอยเป็นแนวโค้ง จากนั้นพลิกคว่ำ เขาพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วและกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
ปัง!
เสียงร่างกายที่แข็งแกร่งของเขากระแทกใส่พื้นจากแรงปะทะอย่างรุนแรง ทำให้เขามองเห็นดาวเต็มไปหมด ความคิดว่างเปล่า
ถังเทียนกระตุกอยู่บนื้น แขนขาของเขาฟาดไปมา และก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติ พลังงานก็เริ่มโคจรรอบตัวเขาอีกและทำให้เขาลอยขึ้นอีกครั้ง
โอวไม่นะ!
ถังเทียนหลับตาด้วยความสิ้นหวัง ร่างของเขาร่วงลงอีกครั้ง
ปัง!
ท่าร่วงสมบูรณ์แบบเขากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ด้วยพลังที่มหาศาล พื้นที่แข็งและใหญ่ถูกกระแทกยุบเป็นรูปมนุษย์
ปัง ปัง!!
ปัง ปัง ปัง!
เสียงกระแทกดังออกมาอย่างต่อเนื่อง กระแทกเพดาน ลงมาที่พื้น กระแทกผนังถังเทียนรู้สึกว่าตัวเป็นลูกเด้งที่เด้งไปเด้งมาอยู่ในห้อง
เสี่ยวเอ้อคงจะชอบเล่นแน่นอน...เขาชอบเล่นกับหยาหยามาก เด็กน้อยต้องระมัดระวังจริงๆ ยามมีเพื่อน...
ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีพลังกายเป็นศูนย์ เขาคงกลายสภาพเป็นเนื้อแหลกเหลวไปแล้ว โดนลากไปทั่วห้อง แม้ว่าเขาจะไม่กลายเป็นเนื้อแหลกเหลว แต่เมื่อเห็นสภาพภายในห้องฝึกฝนที่แตกหักไปทุกที่ มีรอยยุบที่พื้น,ผนังและเพดาน และมีรูอยู่ทุกที่ ถังเทียนเริ่มน้ำตาคลอเบ้า
เชียนฮุ่ย หนุ่มชาวฟ้ากำลังพยายามอย่างหนัก เจ้าจะรู้เรื่องนั้นบ้างไหม?
ปัจจัยล้มเหลวทั้งนั้น...
บอกทีร่างวิญญาณกับข้าจะเชื่อมโยงกันได้ยังไง?
บอกทีร่างวิญญาณของข้าและข้าจะสามารถผสานกันทั้งมนุษย์และวิญญาณได้ยังไง?
บอกทีว่าร่างวิญญาณของข้าและข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งกันใช่ไหม?
ถังเทียนตระหนักรู้ได้อย่างสิ้นเชิงจากจินตนาการทั้งหมดขณะที่บินไปในอากาศ ยินดีกับความเร็วและเพลิดเพลินกับแรงกระแทกปะทะ
สนามพลังรูปแบบร่างวิญญาณ ควรจะเรียกว่าร่างวิญญาณของคนอื่นมากกว่า...
เป็นความรู้แจ้งที่เจ็บปวดจริงๆ