ตอนที่แล้วตอนที่ 489 - เลือดเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 491 - เขยเราเก่งขนาดไหน

ตอนที่ 490 - ฆ่ายักษ์ไตตัน ยกระดับทั่วหน้า


สิบชั่วโมงต่อมา

ไตตันโบราณผู้สูญเสียพลังเรี่ยวแรงต่อสู้ไปจนหมด และในพริบตาที่เขาตาย เขาร่วงลงมาจากการโจมตีครั้งสุดท้ายของเย่ว์หยาง

ร่างมหึมาของเขากระแทกเข้าที่ผืนน้ำสีเลือดของทะเลสาบในหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตทำให้น้ำกระเด็นกระจายไปทั่วทุกที่ เย่ว์หยางเหน็ดเหนื่อยแทบตายก็คลายใจและหมดสติร่วงลงกับพื้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

นางเงือกวายุใช้หางปลาที่งดงามของนางโล้มาตามคลื่นอย่างรวดเร็วตรงเข้าหาเย่ว์หยาง

นางยื่นวงแขนที่เรียวงามรับตัวเย่ว์หยางไว้ ก่อนที่ตัวนางจะต้านคลื่นที่ถาโถมเข้ามาไว้ได้

ตอนนี้ในท้องฟ้ายังมีนางพญากระหายเลือดหงและตั๊กแตนมัจจุราชพยายามจะบินขึ้นเพื่อหนีให้พ้น แต่ก็ช้าเกินไปเพราะความเหนื่อยล้าจึงพยุงร่างให้บินต่อไปไม่ได้

นางพญากระหายเลือดยังดีที่ร่วงลงใกล้ฉลามเสือทองและขึ้นหลังมันได้ แต่ตั๊กแตนมัจจุราชร่วงลงกระแทกน้ำอย่างเต็มที่ ปีกของมันล้าไร้เรี่ยวแรงทำได้แต่ตีน้ำกระจายไปทั่ว ดูสภาพแล้วน่าสมเพช ถ้าไม่ใช่เพราะเมดูซ่าศิลาดึงมันขึ้นมาจากน้ำทันเวลา มันคงเป็นตั๊กแตนมัจจุราชตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่จมน้ำตายก็เป็นได้

ไม่ใช่แต่พวกเขาทั้งสองเท่านั้น แต่สัตว์อสูรทั้งหมดที่เข้าร่วมต่อสู้ต่างก็หมดแรงไปตามๆ กัน

มีเพียงโคเงาอาหมันที่ยังคงเหลือเรี่ยวแรงกายอยู่บ้าง นางไม่มีทางหมดแรงตราบเท่าที่ยังยืนอยู่บนพื้นแผ่นดิน นอกจากนางแล้วภูตเพลิง, นาคาสายฟ้า, อสรพิษน้ำแข็งและนางพญาดอกหนามมงกุฏทองตั่วตั่ว หรือแม้แต่เสี่ยวเหวินหลีก็หมดแรงกันหมด

แม้ว่าอูซูจะสูญเสียร่างกายไปครึ่งหนึ่ง และเหลืออยู่แต่เพียงพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง แต่สิ่งมีชีวิตอย่างไตตันโบราณก็มีความสามารถต่อสู้จนถึงขั้นนี้ได้ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคัมภีร์อัญเชิญหรือสมบัติวิเศษ ทั้งหมดเป็นการใช้เรี่ยวแรงตนเองล้วนๆ

ไตตันโบราณแข็งแกร่งสมชื่อของเขาจริง

ถ้าอูซูไม่ถูกพันธนาการหรืออยู่ในสภาพที่สุดยอดพร้อมต่อสู้ ถ้าเขามีคัมภีร์อัญเชิญ หรือมีอสูรพิทักษ์ หรือมีสมบัติวิเศษใช้ต่อสู้ ผลการต่อสู้อาจตรงกันข้ามก็ได้

เหตุผลที่เย่ว์หยางสามารถเอาชนะอูซูได้ไม่ใช่เพราะจำนวนของอสูรหรือพลังปราณ แต่สาเหตุหลักมาจากโซ่ล่ามเทพ

มันใช้พันธนาการอูซูและจำกัดความเคลื่อนไหวของเขาไว้

เขาถูกใช้เป็นเหมือนกระสอบทราย อาจกล่าวได้ว่าอูซูอาศัยกำลังความแข็งแกร่งของร่างกายในฐานะที่เป็นชาวไตตันต่อสู้มาได้จนบัดนี้

“ข้าจะจดจำเจ้าไว้ เจ้าแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ” เย่ว์หยางผ่านการต่อสู้มาหลายศึก อูซูต่อสู้คนเดียวโดยใช้ฝีมือไม่ได้ใช้อุบายลูกไม้ใดๆ เขาหยิ่งและใช้ความแข็งแรงของร่างกายและอดทนสู้ด้วยอย่างเดียวเท่านั้น

ตอนนี้ในมือของเย่ว์หยางถือหัวใจขนาดยักษ์ไว้

หัวใจของยักษ์ไตตันตอนแรกมีขนาดใหญ่กว่าบ้าน แต่เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตกลั่นปรับขนาดลดลงต่อเนื่อง

หลังจากผ่านเผาผลาญด้วยเพลิงอมฤตสิบนาที ในที่สุดมันก็หดตัวลงเหลือขนาดเพียงผลแตงโม แข็งราวกับโลหะแต่ชัดใสเหมือนแก้วผลึก เลือดเทพเจ็ดสีส่องรัศมีสว่างไหลออกมาจากภายในช้าๆ เมื่อเลือดเทพไหลออกมา มันส่องรัศมีสว่างโดยรอบ ทำให้ยากจะมองเลือดเทพที่มีคลื่นพลังมหึมาขณะกำลังหยดลงได้ พลังของมันมากจนแทบจะควบคุมสำนึกของเย่ว์หยางไว้ได้ แต่เขาคาดเอาไว้อยู่แล้ว เขาถ่ายปราณก่อกำเนิดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ลำแสงเพลิงอมฤตควบแน่นและถ่ายเข้าไปในผนึกต่อเนื่อง เข้าต้องการท้าทายความเป็นไปไม่ได้ นั่นคือกลั่นเลือดเทพด้วยปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤต

เย่ว์หยางไม่สนใจสำนึกเทพที่ปรากฏอยู่ภายในเลือดเทพ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ เพราะเย่ว์หยางต้องการแต่พลังงานภายในเท่านั้น

สำนึกเทพที่อยู่ภายในเลือดเทพจะแข็งแกร่งกว่า หรือเป็นเพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิดจะทรงพลังมากกว่ากัน?

ยี่สิบนาทีต่อมา สำนึกเทพภายในเลือดเทพเริ่มจางหายไป หยดเลือดเทพสีทองเกือบโปร่งใสปนทองและสีแดง นี่คือปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา เพราะหลังจากเพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิดขับไล่สำนึกเทพแล้ว สำนึกของเย่ว์หยางก็เข้าควบคุมเลือดเทพได้อย่างสิ้นเชิง

อสูรอื่นๆ ไม่สนใจสำนึกเทพที่ระเหยออกมา มีแต่ภูตเพลิงที่ไล่ซึมซับสำนึกเทพไว้ภายใน

เย่ว์หยางไม่ได้ห้ามนาง ตรงกันข้าม เขารู้สึกว่า นี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้

“แค่เลือดเทพหยดเดียวก็ทรงพลังมากมายแล้ว” เย่ว์หยางเพ่งความสนใจไปที่หยดเลือดเทพที่ได้รับการกลั่นฟอก แค่เพียงเลือดเทพหนึ่งหยดก็เท่ากับพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบแล้ว

“หูว!” เสี่ยวเหวินหลียิ้มหวานให้เย่ว์หยาง เธอพยายามเก็บเลือดเทพนี้ไว้ให้เย่ว์หยาง

“ลูกสาวคนดี, ข้าจะให้ของนี้กับเจ้านะ!” เย่ว์หยางยื่นเลือดเทพให้ต่อหน้าเสี่ยวเหวินหลี

“….” เสี่ยวเหวินหลียิ้ม เธอโบกมือแล้วสั่นศีรษะ

“เจ้าไม่ชอบเหรอ?” เย่ว์หยางตะลึง

“….” เสี่ยวเหวินหลีกางแขนแล้วจากนั้นกอดขาเย่ว์หยางแน่น แสดงให้เห็นว่าเธอมีสิ่งที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว ดังนั้นเธอไม่ต้องการเลือดเทพ เย่ว์หยางตอนแรกตกใจ แม่หนูน้อยผู้นี้เป็นเช่นนี้เสมอมา เธอมักจะเป็นคนแรกที่ออกมายืนหยัดต่อสู้ แต่เธอไม่เคยโลภอยากได้รางวัลใดๆ เลย เธอไม่สนใจแม้แต่เลือดเทพซึ่งทุกคนไล่ไขว่คว้าตามหาแทบคลั่ง

“ข้าจะมอบร่างไตตันทั้งหมดกับตั่วตั่ว, และให้เลือดไตตันกับตั๊กแตนน้อยกับเมดูซ่าเท่าที่เจ้าต้องการ หัวใจไตตันมอบให้อาหมัน เนื่องจากเสี่ยวเหวินหลีไม่ต้องการหยดเลือดเทพนี้ ข้าจะให้เจ้าก็แล้วกัน” เย่ว์หยางรู้สึกว่าหยดเลือดเทพนี้จะช่วยผู้หญิงของเขาได้มาก แต่เขาเกรงว่าร่างกายพวกนางจะรับไม่ได้ นางเซียนหงส์ฟ้าอาจรองรับได้ แต่นางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นสุดยอดไปแล้ว ดังนั้นการยกระดับของนางคงเป็นไปได้ช้า เย่ว์หยางตัดสินใจมอบให้อสูรพิทักษ์ของเขาแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหมัน, หงและตั่วตั่วกำลังหลักทั้งสาม เขาให้ความสำคัญพวกนางเป็นพิเศษ

“ขอบคุณนายท่าน, แต่หงไม่ต้องการเลือดเทพ” หง นางพญากระหายเลือดสั่นศีรษะและโบกมือ มิใช่แต่นางผู้เดียวเท่านั้น เนื่องจากอาหมันก็ทำเหมือนกัน

“แล้วเจ้าเล่า ตั่วตั่ว?” เย่ว์หยางงงงัน ทำไมพวกนางถึงไม่ต้องการ?

“คิก คิก.. ข้าก็เหมือนกัน” นางพญาดอกหนามมงกุฎทองไม่ยอมรับเลือดเทพในมือเย่ว์หยาง แต่นางกลับแลบลิ้นเลียบาดแผลบนตัวเย่ว์หยางอย่างมีความสุขแทน มองดูเหมือนลูกแมวน้อย ปกติเย่ว์หยางจะต้องโกรธ เนื่องจากเขาไม่ได้ตั้งใจฝึกนางให้เป็นแวมไพร์สักหน่อย

“เจ้าชอบเลือดของข้ามากกว่าอย่างนั้นหรือ?” พอเห็นเช่นนี้ ดูเหมือนเย่ว์หยางจะจับเค้าลางบางอย่างได้

“หวานอร่อยมาก!” ลักษณะของตั่วตั่วเมื่อมีวิวัฒนาการแล้วจะกลายเป็นสาวงามหยาดเยิ้ม แต่นิสัยของนางยังไม่โตสมวัย ยังดูเหมือนเด็กวัยรุ่นอยู่

ว่ากันในแง่วิวัฒนาการลักษณะภายนอก นางวิวัฒนาการได้ดีกว่าหง

นางมีสติปัญญาฉลาดด้วยเช่นกัน แต่ยังด้อยกว่าหงในเรื่องพัฒนาการอารมณ์แบบมนุษย์

ความจริงหงเพิ่งจะมีวิวัฒนาการเหนือตั่วตั่วเมื่อเร็วๆ นี้เอง ถ้านางพญาดอกหนามมงกุฏทองไม่ได้ใช้เวลาวิวัฒนาการส่วนใหญ่ไปกับการจำศีลมากเกินไป หรือถ้าหงนางพญากระหายเลือดมิได้รับแรงบันดาลใจจากเย่ว์หยางและภรรยาของเขา เช่นหญิงงามอู๋เหิน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและนางเซียนหงส์ฟ้า บางทีหงคงยังไม่อาจเทียบได้กับราชินีพฤกษาตั่วตั่ว

แม้ว่าตั่วตั่วและหงจะไม่ตอบออกมาตามตรง แต่เย่ว์หยางก็ได้คำตอบของเขาแล้ว

บางทีการสนองตอบของพวกนางอาจมาจากสัญชาตญาณ เนื่องจากพวกนางเองไม่สามารถทำความเข้าใจได้ อย่างไรก็ตามหลังจากเมื่อเย่ว์หยางนึกย้อนถึงการทำสัญญาวิญญาณโลหิตของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี, เสี่ยวเหวินหลีถือกำเนิดใหม่ด้วยเลือดของเขา และจากนั้นพฤติกรรมชอบเลียเลือดของเขาของนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง และเรื่องอัศจรรย์เมื่อคราวที่ตั๊กแตนมัจจุราชและภูตเพลิงได้รับจากเลือดของเขา เย่ว์หยางคงจะโง่ถ้ายังจะสงสัยเรื่องของตนเองอีกต่อไป

เย่ว์หยางมักคิดเสมอว่าปราณก่อกำเนิดในเลือดของเขาคงสร้างผลสะท้อนที่พิเศษมาตลอด แต่ตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่จริงไปทั้งหมดเสียแล้ว

ปราณก่อกำเนิดเพิ่มประโยชน์ให้มันได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากเลือดของตัวเย่ว์หยางเอง

บางทีนักพรตเฒ่าที่เตะเขาข้ามมิติมา คงได้เพิ่มพลังอมตะลงมาในสายเลือดของเขา จากนั้นเป็นต้นมาสภาพร่างกายของเขาจึงเปลี่ยนไป

หรือเป็นไปได้ว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงปกติของร่างกายเขา เมื่อเทพธิดากระบี่ฟ้าให้เขากินยาอายุวัฒนะจากกระเป๋าวิเศษของนางระหว่างที่เขาเกือบตายเนื่องมาจากการเดินทางข้ามมิติ?

เย่ว์หยางไม่อาจหาผลสรุปได้

แต่เนื่องจากหงและตั่วตั่วชอบเลือดของเขามากกว่าเลือดเทพ ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้จุดหนึ่ง แม้ว่าเลือดของเขาจะไม่ใช่เลือดเทพ แต่ก็ต้องดีพอ อาจจะคล้ายๆ กับเนื้อของพระถังซัมจั๋ง ที่พวกหัวหน้าปีศาจชอบอ้างอยู่เรื่อยว่ากินไปแล้วจะเป็นอมตะไม่แก่ไม่เฒ่า เย่ว์หยางเดาสุ่มไปทั่ว แต่เขาก็ยังไม่ได้ผลสรุป ดังนั้นเขาตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยๆ รอและค้นคว้าดูในอนาคต

เขาเก็บเลือดเทพไว้ก่อนและจากนั้นใช้ดาบเพลิงอมฤตค่อยๆ ชำแหละร่างไตตันโบราณ

นอกจากแขนขวาแล้ว ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่จะยกให้นางพญาดอกหนามมงกุฎทอง เพื่อที่ว่านางจะได้ยกระดับเพิ่มขึ้นได้อีก… เมื่อไม่นานนี้นางพญาดอกหนามมงกุฎทองเพิ่งจะกินนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปมากรวมทั้งมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์ ดังนั้นนางสามารถยกระดับได้อย่างน้อยที่สุดก็เป็นอสูรในตำนานได้ ขอเพียงแต่นางย่อยร่างพวกที่กินไปก่อนหน้านั้นทั้งหมด

ตอนนี้ ยังเพิ่มร่างไตตันโบราณอีก เย่ว์หยางเดาว่าอนาคตนางคงจะไม่มีขีดจำกัด

แน่นอนว่า ศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของนางพญาดอกหนามมงกุฎทองจะสูงล้ำแน่นอน และเย่ว์หยางมักจะให้ส่วนที่ดีที่สุดกับนาง ดังนั้นเขาไม่ลังเลที่จะยกศพไตตันให้

“รอให้ข้าตื่นจากจำศีลเสียก่อน ข้าจะทำงานหนักตอบแทนเจ้านายแน่” นางพญาดอกหนามมงกุฏทองกอดและจูบเย่ว์หยางก่อนจะกลับเข้าไปจำศีลต่อ

“รวบรวมเลือดทั้งหมดไว้แล้ว” นางเงือกวายุรวบรวมเลือดทั้งหมดไว้ในอ่าง และสร้างเป็นรูปบอลโลหิตก่อนที่นางจะยกขึ้นในอากาศและค่อยเคลื่อนส่งไปไว้ต่อหน้าเย่ว์หยาง

นางเป็นหนึ่งในอสูรที่มีวิวัฒนาการทางปัญญารวดเร็ว รวมทั้งเมดูซ่าศิลา

เมื่อเงือกวายุสามารถพูดได้อย่างชัดเจน เมดูซ่าศิลาและพวกที่เหลือก็ยังเรียนภาษามนุษย์ได้อย่างตะกุกตะกัก แม้แต่เสี่ยวเหวินหลีเจ้านายของพวกนางก็ยังพูดไม่ได้ แต่เย่ว์หยางสงสัยว่าเสี่ยวเหวินหลีคงจะรู้วิธีพูดแล้ว เธออาจเป็นเหมือนสาวกิเลนปิงหยิน ผู้ไม่ต้องการจะพูดเนื่องจากเสียงของนางยังเด็กมาก นอกจากนี้นี่อาจเป็นนิสัยส่วนตัวของนาง

เลือดไตตันนับว่าเป็นของชั้นดี เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าสามารถเอามากลั่นให้ยิ่งขึ้น ก็อาจเป็นตัวเลือกระดับสูงเพื่อฝึกฝนยกระดับอสูรชั้นดี คงไม่เป็นของสูญเปล่าแน่นอน

แต่ปัญหาก็คือเขาไม่มีเวลา และไม่มีพลังมากพอจะกลั่นเพิ่ม

ดังนั้นเย่ว์หยางทำได้เพียงแต่เก็บเลือดไตตันไว้

เขาแยกเก็บไว้ในแหวนแพลตตินัมของเขาและค่อยหาเวลาจัดการทีหลัง

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปขณะที่เย่ว์หยางเผาโซ่ล่ามเทพด้วยเพลิงอมฤตของเขา

ทันใดนั้น แสงมากมายเปล่งออกมาจากร่างเย่ว์หยาง, เสี่ยวเหวินหลี, หงนางพญากระหายเลือด, โคเงาอาหมัน, ตั๊กแตนมัจจุราช, ภูตเพลิง, เมดูซาศิลาและอสูรที่เหลือ เหตุผลก็เพราะว่าการต่อสู้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว คัมภีร์อัญเชิญลอยมาอยู่ด้านข้างเย่ว์หยาง ขณะที่ “โลก” อสูรพิทักษ์ยิงลำแสงออกมาทำให้รัศมีม่านพลังแต่เดิม 80 เมตรเพิ่มขนาดไปเกินกว่าร้อยเมตร

อสูรทั้งหมดยกระดับพร้อมๆ กันรวมทั้งเสี่ยวเหวินหลีที่ยกระดับได้ยากที่สุดในกลุ่มพวกเขา

เธอได้ยกระดับต่อเนื่องหลังจากจู่โจมทำร้ายจักรพรรดิชื่อตี้ ลอบสังหารจักรพรรดิสมุทรและร่วมต่อสู้กับอูซู การต่อสู้ทั้งสามรอบนี้ เป็นเพราะต้องต่อสู้ด้วยความพยายามเต็มที่จึงเชื่อมโยงกับการยกระดับได้

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอได้รับพลังของอุทกแม่พระธรณีหมื่นปีด้วย

พลังของเธอจึงเพิ่มขึ้นทันที

ทั้งหมดนี้รวมกับการฝึกฝนและประสบการณ์ที่เธอได้รับจากในการต่อสู้ครั้งนี้ เธอจะไม่ยกระดับได้ยังไง?

เสี่ยวเหวินหลียกระดับจากอสูรเพชรระดับห้า เป็นอสูรเพชรระดับหก

เดิมทีเย่ว์หยางตั้งใจฆ่าอูซูเพื่อใช้ฝึกฝนหนูน้อยอสรพิษน้อยผู้นี้ เมื่อเห็นว่าเธอผ่านระดับห้ากลายเป็นอสูรเพชรระดับหกได้ในที่สุด ทำให้เขาปลาบปลื้มใจยิ่งนัก

แสงรุ้งขาวกระจายไปทั่วทุกที่และเต็มไปทั้งห้อง กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วห้องทำให้จิตใจของทุกคนผ่อนคลาย

เสี่ยวเหวินหลีค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศภายใต้แสงแพรวพราว ตลอดทั้งตัวของเธอดูเป็นประกายระยิบระยับและโปร่งใสเหมือนกับเป็นชิ้นหยกขาวขณะที่เธอขยายขนาดขึ้น แม้ว่าเธอยังเป็นเด็กหญิงน้อยอยู่ แต่เย่ว์หยางก็พบอย่างตื่นเต้นว่าเสี่ยวเหวินหลีเติบโตอีกครั้ง เขาต้องวางแผนฝึกแม่หนูน้อยนี่ต่อไป ดูเหมือนว่าเขาได้เห็นผลที่ชัดเจนแล้ว

ชั่วเวลาขณะนั้น เย่ว์หยางรู้สึกว่าได้รับความสำเร็จมากมายมหาศาลและโล่งใจไปพร้อมกัน

**************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด