ตอนที่ 489 - เลือดเทพ
ปราสาทตระกูลเย่ว์
ผ่านไปหนึ่งวัน แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่กลับมา
ทุกคนกังวล แต่ไม่มีใครช่วยอะไรได้ หลังจากออกมาจากหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตแล้ว เสวี่ยทันหลาง เย่คงและเจ้าอ้วนไห่พยายามกลับเข้าไปในหอนั้นอีก แต่ไม่สำเร็จ หอลงทัณฑ์บ่อโลหิตปิดตัวอย่างสิ้นเชิง พวกเขาจึงไม่มีทางเข้าไปได้อีก ทำให้พวกเขาจนใจจำต้องออกมาจากทางผ่านของดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพและเทเลพอร์ตกลับปราสาทตระกูลเย่ว์ และจุดเทเลพอร์ตเข้าทางผ่านโบราณที่ได้บันทึกไว้ก่อนนั้นได้หายไป
แม้แต่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทเลพอร์ตและองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของอาณาจักรต้าเซี่ยและเทียนหลัวจะอยู่ใกล้ๆ แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกได้แต่ยกเลิกแผนกลับไปตามหาเย่ว์หยาง
แม้ว่าจุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และเหล่าผู้อาวุโสอื่นจะไม่แสดงอาการภายนอกออกมาให้เห็น แต่ในใจพวกท่านก็กังวลด้วยเช่นกัน คู่ต่อสู้ของเย่ว์หยางไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดธรรมดา แต่เป็นเผ่าพันธุ์ไตตันโบราณ
จะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือที่คนธรรมดาคนเดียวจะสู้กับไตตันโบราณที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสุดยอดตามลำพัง?
คงเป็นเรื่องโกหกถ้าจะบอกว่าพวกท่านไม่ห่วงใยเลย
เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินได้รับทราบข่าว พวกนางถึงกับกระสับกระส่ายและไม่สบายใจ มีแต่เพียงเย่ว์ปิงที่ยืนยันเชื่อมั่นในพี่ชายนางว่าจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังนี้ได้และกลับมาได้โดยปลอดภัย นางมีความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวพี่ชายนางอย่างอธิบายไม่ถูก แม่สี่เองก็มีความคิดที่คล้ายกับเย่ว์ปิง
แม่สี่มักจะปลอบโยนเย่ว์หวี่, เจ้าเมืองโล่วฮัวและอู๋เหินอย่างอ่อนโยนอยู่เสมอ จากนั้นนางยังต้องปลอบอี้หนานให้คลายกังวล หลังจากที่อี้หนานทราบข่าวก็รีบเร่งกลับมาทันที
“ไตตันโบราณเป็นตัวอะไรเหรอ?” คงมีแต่หนูน้อยเย่ว์ซวงผู้ไร้เครื่องกังวลคิดว่าไตตันโบราณก็คงคล้ายกับคนขายขนมหวานตามท้องถนนในเมืองฉางจิง
“ไปนอนเสียไป, พี่ของเจ้าจะกลับมาในอีกไม่ช้า.. ทุกอย่างจะไม่เป็นไร พวกเจ้าทุกคนก็ควรจะพักผ่อนได้แล้ว” แน่นอนแม่สี่ก็กังวลห่วงใยเย่ว์หยางด้วยเช่นกัน แต่นางรู้ว่า ในฐานะที่เป็น “มารดา” ของครอบครัว นางไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้ลูกๆ นางเห็น นางต้องเชื่อมั่นศรัทธาในบุตรชายนาง ต่อให้คนทั้งโลกไม่สนับสนุนเขา แต่นางคงไม่หวั่นไหวแน่
“ตอนนี้ข้าหลับไม่ลงเลย ขอรอต่อสักครู่เถอะ!” เจ้าเมืองโล่วฮัวฝืนยิ้มปลอบโยนแม่สี่
หอลงทัณฑ์บ่อโลหิต ชั้นที่ห้า
การต่อสู้กำลังเข้มข้นถึงจุดสูงสุด
ในการต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางและไตตันโบราณอูซู ทั้งสองฝ่ายพยายามอย่างสุดฝีมือเพื่อฆ่าฝ่ายตรงข้ามในหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตและคว้าชัยชนะให้ได้
ถ้าเย่ว์หยางไม่ยั้งมือและใช้ลูกไม้สกปรกบรรดามีกับอูซู การต่อสู้คงจบไปนานแล้ว อูซูสูญเสียอิสรภาพและร่างกายไปครึ่งหนึ่ง ไม่สามารถสู้กับเย่ว์หยางที่มีทั้งเพลิงอมฤตหุ้มตัว, วงจักรล้างโลก สนามพลังกลืนกินและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ เมื่อสนามพลัง “ปลดพลัง” ของอูซูสูญเสียผล โซ่ล่ามเทพได้จำกัดชะตากรรมของอูซูไว้แล้ว
แต่เย่ว์หยางไม่รีบฆ่าศัตรูของเขา ซึ่งไม่มีทางหลบหนีออกไปจากหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตได้เลย
เขาต้องการใช้อูซูสำหรับฝึกฝนฝีมือ
ก็เหมือนกับในเกมสู้กับเดียโบลในเกม (อาร์ พี จี) เดียโบล2 เขาต้องการค่อยๆ บดขยี้ เขาจะฝึกฝนและยกระดับทักษะต่อสู้ของเขา ขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาบาดเจ็บ เขาต้องการได้รับประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งนี้มากขึ้น
ถ้าสื่อจินโหว คู่ต่อสู้คนแรกที่สามารถเล่นงานเย่ว์หยางจนปางตายคืออันเดเรียล อย่างนั้นซุ่นเทียนก็คือดิวเรียล ถ้าจักรพรรดิสมุทรคือเมมฟิสโต อย่างนั้นไตตันในปัจจุบันก็คือเดียโบล และราชาเฮยอวี้ก็คือจอมปีศาจบาล สำหรับจักรพรรดิชื่อตี้ สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ ซิวคง, จิ่วเซียวและหมิงเย่ว์กวง เย่ว์หยางยังไม่อาจกำหนดสถานะของพวกเขาได้ชัดเจนนัก
คนพวกนี้ เขายังไม่สามารถเอาชนะได้ในตอนนี้
ดังนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจใช้โอกาสที่ดีนี้เพื่อฝึกฝนและยกระดับฝีมือ
เขาคงไม่สามารถพบกับคู่ต่อสู้เช่นนั้นในการต่อสู้ในอนาคตอีกแล้ว ศัตรูที่ถูกตรึงไว้กับหน้าผาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ยังปลอดภัยกว่าดิ้นรนต่อสู้กับจักรพรรดิชื่อตี้ในผนึกโบราณเป็นร้อยเท่า
ตราบใดที่อูซูไม่สามารถฆ่าเขาได้ทันที ชัยชนะจะตกเป็นของเขาที่ยังเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแน่นอน
“เจ้ามนุษย์ที่น่ารำคาญ ไม่ว่าเจ้าจะใช้อุบายอะไรกับข้า เจ้าไม่มีทางฆ่าข้าได้ เพราะข้าคือเผ่าไตตันโบราณ ข้าได้อาบน้ำทิพย์เมื่อตอนที่ข้าถือกำเนิด เมื่อข้าเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ข้าก็ได้รับมอบเลือดเทพจากกษัตริย์ไตตัน ด้วยร่างอมตะอย่างข้า เจ้าคิดหรือจะสังหารข้าได้ด้วยกริชเล่มกระจ้อยของเจ้า? เจ้ามนุษย์ที่น่ารำคาญ เจ้าทำเช่นนี้ไปก็ไม่มีความหมาย แต่ถ้าเจ้าช่วยข้าเผาโซ่ล่ามเทพได้ ข้าอาจไตร่ตรองยอมปล่อยให้เด็กน้อยอย่างเจ้ารอดชีวิตต่อไปได้ เราไม่ต้องสู้กันต่อไปอีกแล้ว มาผูกสัมพันธ์กันดีกว่า ถ้าเจ้าช่วยข้าให้เป็นอิสระได้ ข้าจะมอบเลือดไตตันให้เจ้า ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะได้มีร่างเป็นอมตะและยังมีพลังของไตตัน ที่สำคัญที่สุด เราไตตันโบราณสืบเชื้อสายได้ชีวิตอมตะมาจากเทพ?” อูซูอยู่ในสภาพทุลักทุเล ตอนนี้เขามีบาดแผลอยู่ทั่วร่าง
ตอนนี้ เขาเข้าใจในที่สุดแล้วว่า เขาคงไม่สามารถฆ่าเด็กมนุษย์เจ้าเล่ห์ผู้นี้ได้แล้ว
เขาไวเกินไป และฉลาดเกินไป
อูซูไม่สามารถฆ่าเย่ว์หยางได้ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใดก็ตาม ในทางตรงกันข้าม เย่ว์หยางมีเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกที่สามารถทำร้ายเขาให้ได้รับบาดเจ็บมากมาย
อูซูเบื่อหน่ายการต่อสู้แบบนี้ ซึ่งเขาไม่มีทางเอาชนะได้ ดังนั้นเขาตัดสินใจขอยุติการต่อสู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เขายอมเจรจากับฝ่ายตรงข้าม ด้วยหวังว่าเย่ว์หยางจะใช้เพลิงอมฤตเผาโซ่ล่ามเทพ
ไม่มีอิสรภาพ อูซูก็ไม่สามารถแสดงฤทธิ์ของเขาได้เต็มที่
เย่ว์หยางจะยอมรับข้อเสนอนี้หรือ? แน่นอนว่าไม่! เมื่อได้ยินคำพูดของอูซู เย่ว์หยางยิ้มและเรียกคัมภีร์อัญเชิญของเขาออกมาเป็นครั้งแรก แสงสีทองฉายออกและกางม่านพลังป้องกัน อสูรโลกกางม่านพลังออกมาและสูบพลังงานของสนามพลัง “ปลดพลัง” เข้าไปในสนามพลังตนเองอย่างต่อเนื่อง
โคเงาอาหมัน, หง นางพญากระหายเลือด, ตั่วตั่ว นางพญาดอกหนามมงกุฎทอง, ตั๊กแตนมัจจุราชและภูตเพลิงแผ่นดินก็ถูกเรียกออกมา
เหลืออยู่แต่เพียงสาวมังกรที่ยังอยู่ในภาวะจำศีล นางยังอยู่ในภาวะว้าวุ่นสับสน จึงยังไม่ถูกเรียกออกมา
อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหวินหลีเปลี่ยนร่างเป็นรุ้งลอยออกมาข้างนอก
ขณะที่อูซูยังตะลึงอยู่นั้น เธอเรียกคัมภีร์ของเธอออกมาและเรียกเมดูซ่าศิลา, นางเงือกวายุ, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งออกมาทีละตนๆ
“เจ้ามีอสูรในตำนานถึงสองตนได้ยังไง? อาไม่, นี่คือคัมภีร์เพชร, นางไม่ใช่… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” อูซูตกใจแทบบ้า ตอนนี้คู่ต่อสู้ของเขา ไม่ได้อ่อนแอกว่าเล็กน้อยในการต่อสู้แล้ว แต่กลับเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นทุกที
“ข้ารู้ว่ามีเลือดเทพอยู่ในหัวใจของเจ้าแล้ว ข้าชอบมัน ดังนั้นข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะชิงมันมา” เมื่อเย่ว์หยางชูมือ อสูรทั้งหมดก็เข้ามารายล้อมเขา ก่อตัวเป็นรูปครึ่งวงกลม ขณะที่พวกเขาเตรียมพร้อมเข้าต่อสู้ เย่ว์หยางไม่เคยคิดเจรจากับอูซูอยู่แล้ว ไม่คิดจะสงบศึกกับเขาด้วย สำหรับไตตันโบราณผู้นี้ เขาไม่ต้องการสืบสาวถึงเรื่องราวในอดีตของเขา ไม่ปรารถนาหาหนทางเจรจาต่อไป ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือฆ่ายักษ์ตนนี้ ชิงเอาเลือดเทพ ยกระดับตนเอง จากนั้นค่อยไปฆ่าราชาเฮย์อวี้ จากนั้นเป็นจักรพรรดิชื่อตี้ จากนั้นเขาจะไปแดนสวรรค์และฆ่าสองในสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ ซิวคงและจิ่วเซียว
“เจ้ากำลังหลอกลวงตัวเอง เปล่าประโยชน์ ไม่ว่าเจ้าจะใช้อสูรที่เจ้ามีมากแค่ไหนก็ตาม” แม้ว่าอูซูจะพูดเช่นนี้ แต่หัวใจเขาเริ่มสั่นสะท้าน
ภาพที่เห็นทั้งหมดแสดงว่าเย่ว์หยางฝึกอสูรของเขามาเป็นอย่างดี
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขามั่นใจว่าจะฆ่าไตตันโบราณได้
เขาจะจัดการอย่างไรดี?
อูซูตัดสินใจเลือกฆ่าอสูรที่อ่อนแอที่สุดก่อน ตัวอย่างเช่น ตั๊กแตนมัจจุราช
พลังสายฟ้ามหาศาลรวมอยู่ในมือของเขา จากนั้นอัดแน่นรวมตัวเป็นบอลสายฟ้าสีเงิน
สายฟ้าพุ่งวาบเข้าหาตั๊กแตนมัจจุราชด้วยความเร็วไวกว่าเสียง สิ่งที่ทำให้อูซูตระหนกก็คือตั๊กแตนมัจจุราชไม่อาจหลบหรือหนีได้ทันเมื่อบอลสายฟ้าขนาดมหึมาพุ่งวาบเข้าหามัน อาจเป็นไปได้ว่ามันช้าเกินกว่าจะตอบสนองได้ทัน?
เย่ว์หยางไม่ทำอะไร ขณะที่เขามองดูอย่างเงียบเฉย
นาคาสายฟ้าบินตรงเข้าหาบอลสายฟ้าอย่างกล้าหาญ เมื่อมองดูนาง ไม่ได้เห็นว่านางมีทีท่าว่าจะขัดขวางบอลสายฟ้าที่อูซูขว้างออกมา แต่ดูเหมือนว่านางจะกอดมันไว้แทน
ขณะที่ภูตเพลิงก็ทำสิ่งที่นางทำได้มากกว่าปกติ นางพยายามกลืนกินบอลสายฟ้า
ทั้งที่ยังอยู่ในกลางอากาศ ภูตเพลิงก็ใช้ร่างของนางม้วนห่อตัวรอบบอลสายฟ้า นางพยายามอย่างหนักเพื่อจะกลืนและย่อยให้ได้ในคำเดียว แต่เพราะเป็นไปไม่ได้ ในที่สุดสายฟ้าก็ซึมออกมาจากร่างที่เป็นธาตุของนางและทะลุร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว นาคาสายฟ้าพยายามรับเอาไว้ นางใช้มือถือบอลสายฟ้าขึ้นมา จากนั้นดูดซับพลังไฟฟ้าในบอลสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้นางยังใช้พลังระเบิดของบอลสายฟ้าเป็นแรงขับเคลื่อนให้บินอยู่ได้
ภูตเพลิงไม่ยินยอมจึงพุ่งเข้ามา นางอ้าปากกว้างพยายามแย่งนาคาสายฟ้าดูดซับพลังงานเหมือนกับเด็กแย่งขนมกินกัน
อูซูมองอย่างตะลึงงัน…
อสูรเหล่านี้สามารถดูดซับพลังไฟฟ้าจากบอลสายฟ้าที่ไตตันยิงออกมาด้วยหรือนี่?
“ข้าจะตีเจ้าให้ตายทั้งหมด” อูซูโกรธโน้มตัวลงมาและเงื้อมือยักษ์ข้างขวา จากนั้นตบลงไปยังภูตเพลิงและนาคาสายฟ้าที่อยู่บนพื้น
“กรรรร!”
เสียงแผดคำรามเหมือนฟ้าร้อง
อูซูรู้สึกว่ามือข้างซ้ายของเขาถูกพลังที่แข็งแกร่งรุนแรงควบคุมไว้ ขณะที่เขาตบสองอสูรข้างล่างพลาด ทิ้งรอยฝ่ามือจมลึกไปในพื้น ทั่วทั้งหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตสั่นสะเทือนจากแรงกระแทก
แต่อูซูตะลึง
เขาลืมไปกี่พันปีแล้ว แม้เมื่อก่อนที่เขาจะถูกจองจำ เขาต้องถูกปีศาจเบเฮม็อธโบราณคอยควบคุมเขา นอกจากนั้นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นไม่สามารถควบคุมเขาได้ ต่อให้เป็นมังกรยักษ์ก็ตาม แต่วันนี้สิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งสามารถฉุดดึงมือซ้ายของเขาได้ มันคือสิ่งมีชีวิตชนิดใดกันแน่?
อูซูหันศีรษะไปจ้องมองดู
ในมุมหนึ่งของหอลงทัณฑ์บ่อโลหิต ยังมีร่างสาวน้อยตัวบอบบางมีเขาคอยฉุดรั้งโซ่ล่ามเทพที่ล่ามมือข้างซ้ายของเขาไว้
เป็นนาง หญิงสาวมีเขาคอยฉุดรั้งมือซ้ายของเขาไว้
“สตรีเผ่าแกะ ไม่ใช่ นี่เผ่ากระทิง เกิดอะไรขึ้น เผ่าโคป่าโง่งมขนาดไหน แล้วนางวิวัฒนาการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง? เหมือนคน และสมบูรณ์แบบมาก ต่อให้นางวิวัฒนาการ ก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งกว่าข้า…” อูซูตระหนักว่านางโคป่าตัวนี้เพิ่มพลังขึ้น เมื่อเขาพบว่า นางแทบจะมีพลังพอๆ กับเขา เขาก็ยิ่งตกใจมาก
“อาหมัน, เจ้าแข็งแกร่งน่าประทับใจยิ่งนัก ลากเขาลงกับพื้นเลย” นางพญากระหายเลือดปรบมือชื่นชมอาหมัน
“ฝันไปเถอะ” อูซูแทบคลั่ง แม้แต่นางโคเถื่อนตัวกระจิ๊ดจะลากเขาที่เป็นไตตันยักษ์ลงกับพื้นหรือ? ต่อให้เขาสูญเสียขาทั้งสอง เขาก็ยังสามารถสั่นสะเทือนภูผาได้ด้วยกำลังแขนของเขา
“ฮ่าห์….” พลังของโคเงาอาหมันน่ากลัวมาก แขนทั้งสองเกร็งและขาทั้งสองจมลึกลงไปในพื้นแข็ง นางกำลังลองกำลังกับอูซู
ความจริงระดับพลังของนางยังห่างไกลกับไตตันโบราณมากนัก
แต่ด้วยอำนาจของหัวใจธรณีสาร นางจะไม่มีทางรู้สึกอ่อนแรง พลังมหาศาลมาจากจุดลึกลงไปในโลกเชื่อมต่อถ่ายเทเข้าร่างนางอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นพลังของนาง ต่อให้นางไม่สามารถลากอูซูลงพื้นได้ แต่นางก็สามารถต้านทานได้เป็นเวลานาน อย่างน้อยที่สุดนางสามารถยื้อแขนซ้ายของอูซูได้ตลอดการต่อสู้… ภายใต้พลังของโคเงาเถื่อนอาหมัน ถ้าอูซูไม่ต้องการกลายเป็นยักษ์ไตตันตนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกสิ่งมีชีวิตรุ่นหลังลากลงพื้น อย่างนั้นเขาจะต้องแบ่งความสนใจตนเองคอยระมัดระวังอาหมันเอาไว้
นางเงือกวายุเป่าสังข์พายุทำให้ฟ้าเหนือหอลงทัณฑ์มีฟ้าแลบแปลบปลาบ มีเมฆครึ้มอยู่ในท้องฟ้า
เปรี้ยง!
ฝนเทลงมาอย่างหนัก
ตั๊กแตนมัจจุราชบินขึ้นไปในท้องฟ้าและเริ่มฆ่าอสูรปีศาจที่ยังเหลืออยู่ ขณะที่นางพญากระหายเลือดพุ่งลงมาและปล่อยเสียงกรีดสะท้านขวัญออกมา
“หนวกหูนัก” อูซูเอื้อมมือขวาออกมาไล่คว้าจับนางตั้งใจจะบีบนางให้ตายคามือ
“….” เสี่ยวเหวินหลีหายวับมาอยู่ต่อหน้าเขา ใช้ดวงตางามจ้องด้วยความโกรธและปล่อยทักษะโซ่ล่องหน
“เลือดเทพจะตกเป็นของข้าเดี๋ยวนี้!” เย่ว์หยางถือโอกาสซัดของสิ่งหนึ่งที่ปล่อยรัศมีสว่างไปที่ยักษ์อูซู นั่นคือผนึกเทพแห่งจักรพรรดิอวี้ แม้ว่ามันยังไม่ยอมรับเย่ว์หยางเป็นนาย แต่มันก็ยังมีพลังมากพอใช้ต่อต้านใครบางคนได้ จักรพรรดิชื่อตี้เป็นคนแรกที่มีประสบการณ์เช่นนี้ พร้อมกับกริชสังหารเทพอยู่ในมือซ้ายของเขาและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์อยู่ที่มือข้างขวา เขาแทงหัวใจของอูซูด้วยพลังสุดยอดกระบี่ไร้ลักษณ์
*****************