ตอนที่ 100 ผู้จัดการประมูลกับผู้เข้าร่วมการประมูล (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 100 การประมูลกับผู้เข้าร่วมการประมูล
หลังจากกลับถึงบ้าน สเนปก็ตรงไปที่ห้องของเขาโดยไม่สนใจแม่ของเขาที่เรียกให้เขาไปทานอาหารกลางวันที่เธอทำเพื่อเขาโดยเฉพาะ ตอนนี้เธอกำลังพยายามที่จะเป็นแม่ที่ดี เนื่องจากความจิตป่วยของเธอได้พรากชีวิตเธอไป และเธอไม่มีหน้าพอที่จะทำผิดซ้ำได้อีก
สเนปไม่สนใจเธอและขังตัวเองอยู่ในห้องของเขา เขาเข้าไปในห้องน้ำจ้องมองดูตัวเองในกระจก
~ฉันไม่เคยมีโอกาสเลย... แล้วดูเขาสิ... สายเลือดของเมอร์ลิน อนาคตพระราชาแห่งอังกฤษ ในขณะที่ฉัน เด็กน้อยผู้น่าสงสาร น่าเกลียด และอ่อนแอ~
*ซ่าา*
เขาเติมน้ำในอ่างล้างหน้าแล้วเอาหัวจุ่มน้ำ เขาไม่ได้พยายามจะฆ่าตัวตาย แค่ต้องการหลีกหนีจากเสียงทุกสิ่งรอบตัวเขา
เมื่อทุกอย่างเงียบลงแล้ว เขาก็ลืมตาขึ้น น้ำทำให้ทุกอย่างดูพร่ามัว แต่ดูเหมือนสมองจะเล่นตลกกับเขา เพราะภาพเบลอนั้นให้ความรู้สึกเหมือนภาพในจินตนาการ
"การรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องได้รับการตอบรับเสมอไป หากนายห่วงใยเธอจริงๆ นายก็ควรจะพยายามหาความสุขจากข้อเท็จจริงง่ายๆ นี่ ว่าเธอเองก็มีความสุขที่สุดเช่นกัน”
"นายไม่อาจและยิ่งไม่ควรบังคับความรู้สึกของใครบางคนให้มารักนายได้ เพราะถึงแม้นายอาจจะให้พวกเขายอมจากการฝืนใจบังคับ แล้วนั่นยังจะเรียกว่าความรักที่แท้จริงได้อีกงั้นหรอ?”
คำพูดเหล่านี้โผล่ขึ้นมาในความคิดของเขาเอง พวกมันไม่ได้ถูกพูดโดยแม็กนัสหรือรักนาร์ มันไม่ได้ถูกพูดจากคนที่มีชีวิตอยู่ คำพูดเหล่านี้มาจากภาพของเมอร์ลินกับอาเธอร์ซึ่งอยู่ในภาพเหมือนของเมอร์ลิน
จากนั้นสเนปก็ได้เห็นอีกฉากหนึ่งในน้ำ มันเป็นภาพไม่นานมานี้นี่เอง เพิ่งมาจากเมื่อคืนก่อน
“เราเป็นพี่น้องกัน ฉันจะอยู่เคียงข้างนายเสมอ” นี่คือคำพูดของแม็กนัสในจดหมาย
"อื้อออออ..." ทันใดนั้นสเนปก็หมดลมหายใจและเงยหัวออกมาจากน้ำ เขาล้มลงบนพื้น
“แฮ่ก...แฮ่ก....” เขาหายใจแรง
เขาเสยผมที่ยุ่งเหยิงไปด้านหลังแล้วถอนหายใจ
“พี่น้องสินะ? ฮ่าๆ... ฉันนี่มันช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร สุดท้ายแล้วฉันก็ได้ทุกอย่างที่ฉันเคยฝันถึง มีเพื่อนที่เป็นเหมือนครอบครัว แม่ที่เป็นอิสระในที่สุด มีเงินทองมากพอไม่ยากจนอีกต่อไป
ฉันชอบเธอแล้วไงล่ะ ทีนี้ฉันจะมาโทษแม็กนัสเพราะความชอบส่วนตัวของเธอที่มีต่อแม็กนัสงั้นหรอ? หมอนั่นไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอด้วยซ้ำ สำหรับแม็กนัส เธอคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน แต่เธอโชคร้ายกว่าเพราะเธอไม่ใช่เพื่อนสนิทของเขาด้วยซ้ำ” เขาคุยกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากพื้นและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เขามองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ตอนนี้เขามั่นใจขึ้นมาก "ชีวิตได้ให้โอกาสกับฉันอีกครั้ง ฉันจะไม่ยอมสูญเสียมันไป ฉันจะกลายเป็นนักปรุงยาที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ พร้อมกันกับแม็กนัส รักนาร์ และบ็อบบี้ ฉันจะช่วยทำให้โลกนี้ดีขึ้น"
หลังจากนั้นเขาก็รีบออกไปจากห้องที่ล็อกไว้ เขาลงไปที่โต๊ะอาหารชั้นล่าง ที่นั่นเขาเห็นแสงไฟสลัวและแม่ของเขานั่งเหงาอยู่คนเดียว มองดูอาหารในจานของเธออย่างหดหู่ใจ
สเนปรู้สึกแย่มากที่เพิกเฉยต่อเธอ เมื่อเธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเป็นแม่ที่ดี ดังนั้นเขาจึงปรับรอยยิ้มบนใบหน้าและเดินไปข้างหลังเธอ จากนั้นเขาก็กอดคอของเธอ
“ขอโทษครับแม่ ผมดีขึ้นแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะครับ หลังจากนั้นเราค่อยไปสวนสาธารณะกัน” เขาพูดปลอบโยน
เมื่อเอเลนมองไปที่ใบหน้าฉายรังสีความสุขของสเนป เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันใดและลุกขึ้นไปตักอาหารใส่จานของสเนป
“ดีเลยจ่ะ กินข้าวกันเถอะนะจ๊ะลูกรัก” เธอจุดกับเขา
~ฉันรักความรู้สึกนี้~ เธอคิดกับตัวเอง เธอเกือบจะลืมไปแล้วว่าเคยรักลูกของเธอแค่ไหนในอดีต แต่ตอนนี้จิตใจของเธออยู่ในที่ที่ดีแล้ว
“เซฟจ๊ะ ลูกไม่ต้องกังวลเรื่องเงินตลอดเวลาก็ได้นะ อีกไม่นานหม่ามี้จะหางานทำให้ได้ แม่รู้ดีว่าแม่ไม่ค่อยฉลาดหรือมีคุณสมบัติมากนัก แต่แม่คิดว่าแม่พอจะทำอะไรได้บ้าง” เธอบอกเขา
สเนปสนับสนุนเธอสุดใจ เธอจำเป็นต้องออกไปจากสถานที่อันมืดมนนี้และทำอย่างอื่นนอกจากนั่งเฉยๆ "อืม... ผมพอรู้จักเจ้าของร้านปรุงยาในตรอกไดแอกอนครับ เหมือนเขาจะอยากได้ลูกจ้าง บางทีแม่อาจจะเป็นเสมียนร้านของเขาก็ได้นะครับ"
“จริงเหรอจ๊ะ? งั้นแม่จะรีบไปสมัครที่นั่นหลังจากนี้ทันทีเลย” เธอกล่าวอย่างกระตือรือร้น
สเนปแอบยิ้มบางๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง และเขาคิดกับตัวเอง
~ใช่ การได้เห็นคนที่นายห่วงใยมีความสุขก็ทำให้นายรู้สึกมีความสุขได้เหมือนกัน~
...
ลอนดอน, สนามบินฮีทโธรว์
แม็กนัส, รักนาร์, เกรซ, อดัมและเท็ด มาถึงสนามบินเพื่อขึ้นเครื่อง ก่อนการประมูลเพียง 1 วัน แม็กนัสได้ส่งเพชรและเหรียญสมัยศตวรรษที่ 10 ของเขาไปยังริยาดแล้ว มันอยู่ในสาขาของธนาคารกริงกอตส์ในซาอุดิอาระเบีย เท็ดสามารถได้รับตำแหน่งที่ตั้งนั้นจากการประมูลครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าสินค้าของเขาจะได้เข้าร่วมการประมูลหรือไม่ยังไม่ถูกตัดสิน เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องตรวจสอบก่อน
พวกเขาตกลงที่จะให้ช่องหลังจากได้ยินว่าเพชรมีขนาดใหญ่เพียงใด ทีแรกพวกเขาคิดว่าเท็ดเป็นพวกนักเลงหรือไม่ก็อาจจะเป็นคนพิเรนทร์ สุดท้ายเท็ดต้องแจ้งว่าเขาเป็นตัวแทนของเจ้าของบริษัท Dragon Holdings ซึ่งเป็นเจ้าของหุ้น 15% ของ Intel และอีกมากมาย นอกจากนี้ แม็กนัส ยังวางแผนที่จะลงทุนในบริษัทผู้ผลิตชิปรายอื่นที่ชื่อว่า AMD หรือที่รู้จักกันในชื่อ Advanced Micro Devices พวกเขามีแววจะขึ้นเป็นบริษัทมหาชนในช่วง กันยายน 1972
แม็กนัส เข้าหาพวกเขาและออกทุนให้ เนื่องจากการลงทุนของเขาจะเพิ่มมูลค่าของบริษัทและนั่นจะทำให้ราคาหุ้นดีขึ้น แต่รายละเอียดเฉพาะยังต้องคุยกันอีกที
เท็ดผู้น่าสงสารไม่สามารถทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้น เขาจึงได้ก่อตั้งบริษัทกฎหมายและที่ปรึกษาของตัวเองขึ้นมา และตั้งชื่อว่า Tonks and Tonks ทำไมต้องท็องส์งั้นหรอ? นั่นมันสำหรับชื่อลูกสาวของเขาที่กำลังจะเกิดมาในไม่ช้า
แม็กนัส ไม่ได้ลงทุนในบริษัทของเขามากนัก เขาลงทุนไปเพียง 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับเงินทุนเริ่มต้น จากนั้นเท็ดก็จ้างพวกเด็กจบใหม่จำนวนมากจากโรงเรียนกฎหมายชื่อดังในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เขายังจ้างพวกที่อยู่มานานเรียกอีกอย่างว่าผู้มีประสบการ์สองสามคนเพื่อให้เป็นที่ปรึกษาจากความเชี่ยวชาญของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม แม็กนัสยังไม่ได้ลงนามในสัญญาการประมูลอย่างสมบูรณ์ และเขาจะทำมันหลังจากเขาโน้มน้าวผู้เชี่ยวชาญนั่นได้แล้วเท่านั้น
"แม่จ๋า... เร็วเข้าฮะ!" แม็กนัสวิ่งโผลเข้าหาเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำใหญ่อย่างตื่นเต้น
เกรซหัวเราะเมื่อเห็นเขาตื่นเต้น ผู้คนยังยิ้มเมื่อเห็นเขาเป็นเด็กไร้เดียงสาที่สนุกสนาน ไม่มีใครรู้ เขาอาจเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในรอบหลายศตวรรษที่ผ่านมา
ในทางกลับกันรักนาร์กลับรู้สึกประหม่ามาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขึ้นเครื่องบิน และเขามีเพียงสิ่งเดียวที่จะพูด
~ฉันรู้สึกปลอดภัยมากกว่าตอนอยู่บนไม้กวาด~
แต่โชคดีที่ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส นั้นเปิดโล่งและสะดวกสบายมาก จนรักนาร์ลืมความกลัวของเขาทันทีที่แอร์โฮสเตสสาวสวยเริ่มเสิร์ฟให้อาหารพวกเขา
แม็กนัสเอนหลังลงบนเบาะโซฟาปรับเอนได้พลางพูดคุยกับเท็ด “แล้วหาสล็อตมาได้ยังไงครับเนี่ย”
"ประมาณว่าผมรู้จักผู้ชายคนหนึ่ง...ที่รู้จักผู้ชายอีกคนหนึ่ง...คนที่...รู้จักผู้ชายอีกคน และพ่อของภรรยาลุงของผู้ชายคนนั้นทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทประมูล เขาให้ผมคุยกับเจ้าของบริษัท” เท็ดตอบขณะจิบวิสกี้
แม็กนัสทำหน้าบูดบึ้งและลุกขึ้นไปหาแม่ของเขาเพื่อนวดศีรษะ "พวก คุณเมาเกินไปแล้ว... คุณรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรอยู่"
...
เที่ยวบินนี้ใช้เวลาเดินทางกว่าหกชั่วโมงครึ่งเพื่อไปถึงริยาด ในฐานะผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส พวกเขาต้องชำระเงินได้สะดวกรวดเร็วและง่ายดาย
แต่เมื่อพวกเขาออกจากสนามบิน ที่พวกเขาคิดกันว่าริยาดจะร้อนมากนั้นพิสูจน์แล้วว่าผิด พวกเขาต้องหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางและสวมมันทันทีเพราะตอนนี้พวกเขากำลังโชว์โง่โดยการแต่งตัวเป็นชุดฤดูร้อน
“อา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงมองว่าเราเป็นตัวตลก” อดัมแสดงความคิดเห็น
"แล้วเราจะไปจากที่นี่ยังไงต่อ?" แม็กนัสถาม
“อืม โรงแรมที่ผมจองน่าจะส่งรถคันใหญ่มาให้เรานะครับ” เท็ดพูดขณะมองไปที่ถนน
ไม่นานรถลีมูซีนสีดำคันยาวก็แล่นเข้ามาหาพวกเขา อดัมในฐานะผู้ที่ชื่นชอบรถจำรุ่นรถได้ทันที "โอ้ ไครสเลอร์ อิมพีเรียล เลอบารอน ปี 1968 หรอ?”
และอย่างที่พวกเขาคาดไว้ มันก็หยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา คนขับออกมาขอโทษเป็นภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็วว่า "ขอโทษครับๆ รถติดที่ลานจอดครับ”
เท็ดยักไหล่ “ไม่เป็นไรครับ”
คนขับเอากระเป๋าใส่ท้ายรถพาไปส่งที่โรงแรมใหญ่ระดับ 5 ดาว ที่นั่นพวกเขารได้รับประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะผู้คนรีบมาบริการพวกเขาทุกอย่าง
~ อืม สมัยก่อนพวกราชาอ้วนใช้ชีวิตแบบนี้เหรอ? ฉันหวังว่าฉันจะไม่อ้วนหลังจากได้มงกุฎแล้วนะ~ แม็กนัสคิดเรื่อยเปื่อย
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับบริการอย่างดีไปที่ห้องของพวกเขา พวกเขาได้จองเพนต์เฮาส์ที่มีขนาด 4 ห้อง ห้องนั่งเล่น ห้องเด็กเล่น และห้องครัว
"แม่ฮะพ่อฮะ อีกสักครู่ผมจะกลับมานะฮะ ผมต้องรีบไปงานประมูลกับเท็ด พ่อแม่พักผ่อนเถอะฮะ ไว้เราจะสำรวจเมืองกันเย็นนี้ฮะ” แม็กนัสบอกแผนพวกเขา
ระหว่างทาง เกรซและอดัมมีความเชื่อใจในตัวเท็ดพอสมควรแล้ว และพวกเขารับรู้แล้วว่าเขาเป็นพ่อมดด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
“รักนาร์ อยากจะมาด้วยกันไหม?” แม็กนัสถาม
รักนาร์ไม่ตอบ และในไม่ช้าเสียงกรนก็เริ่มดังมาจากโซฟา
“ฮ่าๆ ผมว่าเขาคงเหนื่อยจากอาการเจ็ตแล็ก งั้นผมไปล่ะฮะ” แม็กนัสเดินออกไป
“แล้วเกรซจ๋า เราจะกินอะไรดีล่ะ?” อดัมรีบเลือกเมนูและพวกเขาก็เริ่มสนุกกัน เป็นเวลานานมากแล้วที่พวกเขาได้ไปเที่ยวพักผ่อน
...
ขณะเดียวกัน แม็กนัสไปถึงสถานที่จัดประมูล ที่นั่น เขาถูกพาไปพบเจ้าของบริษัทประมูล เขาไปเอาเพชรระหว่างทางที่มาแล้ว
เจ้าของงานประมูลเอ็มพีเรียมเป็นชายชรา เขาอาจจะเป็นคนในท้องถิ่นเพราะเขาสวมเสื้อคลุมสีขาวชุดท้องถิ่นสำหรับผู้ชาย
เขามองแม็กนัสอย่างพินิจพิจารณา เดาว่าเขาไม่ใช่คนสำคัญ แต่มิได้ริเริ่มพูดแสดงตนเป็นใหญ่
แม็กนัสกลอกตาและวางเพชรลงบนโต๊ะ เขาไม่ได้ทำอย่างนุ่มนวล แม็กนัสวางเพชรลงบนโต๊ะกระจกอย่างแรงจนมันเกือบแตก ถึงมันเป็นกระจกหนาที่มีราคาแพงและแทบจะเป็นกระจกกันกระสุนด้วยซ้ำ ตอนนี้มันเกิดรอยร้าวเป็นวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนในบริษัทคนใดที่รู้สึกรำคาญกับโต๊ะที่พัง พวกเขาอ้าปากค้างและตาของพวกเขากำลังจะหลุดออกจากเบ้า
จากนั้น ชายชราค่อยๆ ยื่นมือไปทางเพชร พวกเขากำลังสั่น เขาพยายามหยิบมันขึ้นมา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างรู้สึกว่ามันหนักเกินไป นั่นคือน้ำหนักของเงินตรา
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา "พระประสงค์ของอัลลอฮ์! มันอัศจรรย์มาก! คุณพูดความจริงไม่หมดแต่กลับมองข้ามความงามและขนาดของมัน อา! นี่ควรเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์... แต่... ตอนนี้อยู่ที่นี่แล้ว เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงให้ผู้ที่กล้าครอบครองมัน"
แม็กนัสพยักหน้าและหยิบเอกสารสัญญามาอ่าน มันบอกว่า 10 เปอร์เซ็นต์จะถูกยึดโดยบริษัทจัดการประมูล
แม็กนัส ผู้ซึ่งเกลียดการสูญเสียเงินอย่างที่สุด ไม่สามารถทนต่อสิ่งนี้ได้ เพชรเม็ดนี้จะขายได้หลายร้อยล้าน
เขาเย้ยหยันว่า "ให้แค่ 3 เปอร์เซนต์จะรับหรือไม่รับ"
“อะฮ่าฮ่า… ลูกชาย ฉันขอคุยกับคุณเท็ดก่อนนะ…” เขาพยายามไม่สนใจแมกนัส
เท็ดขมวดคิ้ว “คุณอาเหม็ด คุณเข้าใจผิดแล้ว เขาเป็นเจ้าของ Dragon Holdings และเป็นเจ้าของเพชรเม็ดนี้”
สร้างความตกใจให้กับทุกคนอีกครั้ง อาเหม็ดเครียดขึ้นมาทันที ~ เขาเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารด้วยเหรอ ~
"อา คุณคือคุณแกรนท์ คุณเห็นสัญญานี่ไหม 10 เปอร์เซ็นต์เป็นค่ามาตรฐาน ข-..."
เขาถูกขัดจังหวะโดยแม็กนัสซึ่งตอนนี้กำลังเล่นกับเพชร "2 เปอร์เซนต์ จะเอาหรือไม่เอา คุณเป็นลูกค้าแล้ว คุณอาเหม็ด ถ้าผมตัดสินใจได้ว่าจะไม่ขายมันที่นี่และให้ไปถวายให้ราชินีแห่งอังกฤษ หรืออาจจะเป็นพวกประเทศเผด็จการที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง พวกเขาน่าจะจ่ายเงินให้ผมตามที่ผมต้องการ และจะไม่มีการหักค่านายหน้า"
อาเหม็ดเริ่มเหงื่อตก ตอนนี้เขาเห็นแม็กนัสเป็นปีศาจทุนนิยมที่เขาเคยเรียนจากในโรงเรียนในสมัยก่อน
"อาฮ่าฮ่า... ดูเหมือนคุณแกรนท์จะโกรธแล้ว โปรดลอง..."
“หรือคุณอยากได้แค่ 1 เปอร์เซ็นต์เอาไหม?” แม็กนัสถามอีกครั้งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด
-_-
"ค-ครับ ครับ... 3 ก็ได้ไม่เป็นไร..." อาเหม็ดพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
แม็กนัสขมวดคิ้ว “จบลงที่ 2 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะได้รับ”
~เดี๋ยวนะ เราหรือเขากันแน่ที่เป็นผู้จัดประมูล~ ทุกคนในบริษัทคิด พวกเขารู้สึกว่าผมจะร่วงได้ทุกวินาทีที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนนี้
"ครับดีล..." อาเหม็ดยอมรับโดยดี ตอนนี้เขาแค่ต้องขายมันในราคาที่สูงที่สุดและเขาก็ยังสามารถทำเงินได้พอสมควร อีกอย่างเพชรเม็ดนี้จะเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มสถานะของบริษัทของเขาให้ดังไกลไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เขาได้รับคำเตือนอย่างจริงจังว่าอย่าเปิดเผยตัวตนของแม็กนัสให้ผู้ใดรู้โดยเด็ดขาด
[เย่ ตอนที่ 100 แล้ว]
_____________________________
ไครสเลอร์ อิมพีเรียล เลอบารอน ปี 1968