ตอนที่ 10 : วิชาบ่มเพาะพลัง
*****ขอแก้ไขชื่อแม่ของดาวิส จาก แคล เป็น แคลร์ ครับ*****
=========================================
“แม่ขอโทษนะดาวิส แต่แม่ไม่มีทางตอนเจ้าบ่มเพาะวิญญาณได้เลยเพราะจุดเริ่มต้นของเรามันต่างกัน แม่จะช่วยได้ก็เมื่อเจ้าเป็นขั้นหมุนเวียนแก่นแท้”
“แต่เจ้าจะต้องพึ่งความเข้าใจเพื่อที่จะเรียนรู้วิธีการบ่มเพาะวิญญาณเจ้าโดยที่ไม่ต้องไปถึงขั้นหมุนเวียนแก่นแท้…”
แคลร์พูดด้วยใบหน้าหมดหนทาง
“ข้าเข้าใจ ท่านแม่”
ดาวิสเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่สัมผัสดวงวิญญาณไม่ได้ถ้าไม่มีพลังบ่มเพาะ แต่นั่นจะไม่หยุดเขาจากการก้าวไปข้างหน้า เขามั่นใจว่าเขาแค่ต้องก้าวเดินมากกว่าคนอื่นจนถึงจุดหนึ่งจนกว่าจะเริ่มบ่มเพาะดวงวิญญาณได้
“ท่านแม่ ข้าอยากได้ตำราบ่มเพาะวิญญาณในขั้นก่อวิญญาณของครอบครัวเราตอนนี้เลย…”
ดาวิสรู้ว่าควรจะเริ่มจากจุดไหน แต่เขาต้องการคำอนุญาตก่อนอย่างเคย
“ดาวิส เจ้าบ่มเพาะพลังไม่ได้จนกว่าจะอายุห้าขวบนะ!”
แคลร์เตือนด้วยสีหน้าแข็งกร้าว
“ข้ารู้ท่านแม่ ข้าแค่อยากจะอ่านหนังสือหาวิธีบ่มเพาะโดยไม่ต้องไปถึงขั้นหมุนเวียนแก่นแท้ ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่บ่มเพาะจนกระทั่งอายุห้าขวบ”
แคลร์ดูหม่นหมอง นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพยักหน้า
“เฮ่อ ข้าจะไปคุยกับพ่อเจ้าให้”
“งั้น เดี๋ยวข้าจะไปเล่นกับคลาร่านะ!”
ดาวิสพูดด้วยความตื่นเต้น
“ได้สิ! แต่คลาร่าสนใจลูกมากกว่าแม่แล้ว ลูกใช้เล่ห์กลอะไรกับน้องกันหา?”
แคลร์ถามพร้อมใบหน้าที่แกล้งโมโห
“ความลับ…”
ดาวิสฉีกยิ้มและวิ่งหนีไป
======
หกเดือนผ่านไป
หลังจากได้รับอนุญาตจากพ่อ เขาได้เรียนและสรุปตำราบ่มเพาะวิญญาณขั้นก่อวิญญาณไปมากมาย
ดาวิสพยายามอย่างหนักเพื่อหาทางที่เขาจะบ่มเพาะวิญญาณให้ได้
โลแกนเป็นคนสอนเขาเรื่องการบ่มเพาะทั้งสามประเภทด้วยตัวเอง โดยเฉพาะพื้นฐานของการบ่มเพาะวิญญาณ
หลังจากหกเดือน ดาวิสก็จับทางการบ่มเพาะวิญญาณตามปกติเมื่อถึงขั้นหมุนเวียนแก่นแท้ได้ แต่เขายังไม่มั่นใจว่าจะบ่มเพาะก่อนมีพลังขั้นนั้นได้อย่างไร
ที่จริงแล้วนั้นก็เป็นปาฏิหาริย์ที่เขาบรรลุขั้นก่อวิญญาณโดยไม่ได้บ่มเพาะจากตำราบ่มเพาะวิญญาณใจ และเมื่อดาวิสหาทางบ่มเพาะไม่ได้ เขาจึงถามหลายคนที่เขาเจอ
“สวัสดีครับเจ้าชาย”
บรรณารักษ์ทักดาวิส
“สวัสดีครับคุณออกซ์ฟอร์ด”
ดาวิสตอบกลับ
คุณออกซ์ฟอร์ดนั้นเป็นบรรณารักษ์ในราชปราสาท เขาสูง 181 เซนติเมตรมาพร้อมกับใบหน้าอ่อนโยนแบบผู้ชาย แต่เขาดูค่อนข้างมีอายุที่เมื่อดูตามมาตรฐานของคนทั่วไปแล้วน่าจะอยู่ที่ 50 ปี อายุจริงของเขานั้นดาวิสยังไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเขาจะได้คำตอบเมื่อเขาถาม
“เจ้าชายของเราขยันเรียนยิ่งนัก อาณาจักรของเราจะต้องมั่นคงเข้มแข็งไปอีกนานแน่นอน”
ออกซ์ฟอร์ดชื่นชมด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“ขอบคุณครับคุณออกซ์ฟอร์ด”
ดาวิสตอบรับด้วยรอยยิ้มกับสีหน้าไร้เดียงสา
“ข้าขอถามอะไรได้ไหม?”
“ท่านจะถามข้ารึ? ข้าจะพยายามตอบนะ”
“คุณออกซ์ฟอร์ดอยู่ในระบบบ่มเพาะรวมแก่นแท้ขั้นใดรึ?”
ดาวิสถามด้วยใบหน้าสงสัย
“ข้าอยู่ในขั้นหมุนเวียนแก่นแท้ แต่ก็เทียบกับองค์จักรพรรดิพ่อของท่านไม่ได้ เขาเพิ่งจะไปถึงขั้นเมล็ดกฎเกณฑ์ก่อนที่การกบฏจะจบลง”
“จริงเหรอ? พ่อข้าบรรลุขั้นเมล็ดกฎเกณฑ์แล้วเหรอ!?”
ดาวิสอึ้ง
ดาวิสอ่านเรื่องพื้นฐานการบ่มเพาะพลังจบแล้ว เขาจึงรู้ลำดับของขั้นบ่มเพาะจนถึงห้าขั้นของระบบบ่มเพาะทั้งสาม
“ถูกต้องแล้ว!”
คุณออกซ์ฟอร์ดตอบด้วยรอยยิ้มภูมิใจ บางทีเขาอาจจะภาคภูมิใจในตัวจักรพรรดิอายุน้อยของอาณาจักร
ขั้นเมล็ดกฎเกณฑ์นั้นคือขั้นที่ห้าของระบบบ่มเพาะรวมแก่นแท้ มันยากที่จะมีพลังไปถึงหากไร้ซึ่งทรัพยากรและความเข้าใจ มีเพียงผู้ทรงอำนาจในทวีปเท่านั้นที่จะมีคนในขั้นเมล็ดกฎเกณฑ์ จักรพรรดิองค์ก่อนผู้เป็นพ่อของโลแกนนั้นก็เคยเป็นยอดฝีมือขั้นเมล็ดกฎเกณฑ์มาก่อน แต่เขาก็เสียชีวิตไป ทำให้เกิดการเริ่มต้นกบฏ
“แล้วการบ่มเพาะวิญญาณของพ่อข้าล่ะ?”
“โอ๊ะ โอ ท่านกำลังรีบเรียนรู้เรื่องพ่อตัวเองอยู่หรือ?”
ออกซ์ฟอร์ดแหย่แต่ก็พูดต่อ
“องค์จักรพรรดิอยู่ในระดับสุดยอดของขั้นวิญญาณอ่อน ซึ่งเป็นขั้นที่สามของการบ่มเพาะวิญญาณ ส่วนข้าเป็นเพียงแค่ขั้นก่อวิญญาณระดับสุดยอด”
ออกซ์ฟอร์ดถอนหายใจ
“แค่ขั้นสามงั้นรึ? และคุณออกซ์ฟอร์ดก็ทำได้แค่ระดับขั้นสุดของขั้นแรกในการบ่มเพาะวิญญาณเหรอ?”
ดาวิสตกใจกับความเชื่องช้าในการบ่มเพาะวิญญาณของพวกเขา
ขั้นวิญญาณอ่อนนั้นเป็นขั้นที่สามของการบ่มเพาะวิญญาณ
“โอ้ มันไม่ง่ายที่จะบ่มเพาะวิญญาณนะเจ้าชาย ฝ่าบาทต้องใช้ทรัพยากรมากมายเพื่อปรับและชำระล้างดวงวิญญาณ นอกจากนั้นท่านต้องรู้สึกถึงพลังของฟ้าดินและตอบรับกับมันเพื่อเข้าถึงปริศนาที่ต้องใช้ในการเข้าสู่ขั้นต่อไป”
“ถ้าหากไม่มีสิ่งเหล่านั้น ท่านก็ก้าวหน้าได้อย่างเชื่องช้าไม่ต่างกับหอยทาก ฝึกวิญญาณน่ะรึ?”
ออกซ์ฟอร์ดราวกับเสียใจที่เขามิอาจบ่มเพาะวิญญาณได้อย่างมั่นคง
“มันยากมากเลยล่ะ”
“ข้าเข้าใจ ไว้เจอกันนะ”
ดาวิสพยักหน้าและเดินจากไป
ดาวิสเดินอย่างเหม่อลอยคิดถึงวิธีการแก้ปัญหาที่กำลังเจอในตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะคิดเท่าใดเขาก็คิดถึงวิธีแก้ไขปัญหาด้วยความรู้ที่มีตอนนี้ไม่ออก
‘ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าก็เจอวิธีปรับวิญญาณเอง!’
ดาวิสยอมแพ้ไปชั่วครามและเดินไปเล่นกับแม่และน้องสาว
คลาร่าในตอนนี้สร้างประโยค 3 ถึง 4 คำพูดได้แล้ว เขาใช้เวลาเล่นและดูแลน้องสาวตัวน้อยและก็มีครั้งที่พลาดทำน้องร้องไห้ ซึ่งแคลร์ก็ตีก้นเขาอย่างแรง
ในชีวิตสูงส่งที่ดูไม่เหมือนกับชีวิตของราชวงศ์ เขาอยู่อย่างอิสระไร้ซึ่งภาระใดในชีวิตนอกเหนือจากการเรียนรู้ธรรมเนียมในราชปราสาทและวิชาอื่นจากอาจารย์
นอกจากไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากราชปราสาทแล้วเขาก็มีอิสระที่จะไปที่ใดและรบกวนใครก็ได้ตราบเท่าที่เขาไม่ใช่จักรพรรดิและราชินี แน่นอนว่าพวกเขามักจะไม่ปฏิเสธนอกเหนือจากว่าพวกเขากำลังทำงานอยู่
======
แปดเดือนต่อมา
ดาวิสได้มาถึงวันเกิดปีที่ห้าและมีอิสระในการบ่มเพาะอย่างเป็นทางการ เขาเรียนรู้เรื่องระบบบ่มเพาะทั้งสามมากขึ้นและได้ตำราบ่มเพาะทั้งสามระบบมาตั้งแต่หกเดือนก่อน
ตำราบ่มเพาะพลังทั้งสามนี้มาจากห้องสมุดราชวงศ์และล้วนเป็นวิชาชั้นนภา
วิชาชั้นนภานั้นถูกเก็บไว้โดยคนของราชวงศ์ที่สร้างคุณประโยชน์อย่างมากต่ออาณาจักรลอเรต วิชาบ่มเพาะชั้นนภานั้นไม่ได้หาได้ง่ายในทวีป พวกมันมิใช่แค่หายากแต่วิชาชั้นนภาทั้งหมดยังอยู่ในมือของมหาอำนาจในทวีปมหาสมุทรด้วย ไม่มีโรงประมูลระดับกลางที่กล้าขายมันด้วยซ้ำไป และอย่างมากก็มีแต่คนทรงอำนาจเท่านั้นที่กล้าเอามันออกมาขาย
วิชาบ่มเพาะที่เขาเลือกนั้นมาจากความช่วยเหลือของพ่อและแม่ที่ชื่อ เคล็ดร่างทรราช พิพากษาสายฟ้าดับสูญ และหมอกแสงศักดิ์สิทธิ์
เคล็ดร่างทรราชนั้นเป็นตำราชั้นนภาระดับกลาง เป็นตำราบ่มเพาะร่างกาย มันมีอยู่ห้าชั้นและแต่ละชั้นจะสื่อถึงขั้นของระบบบ่มเพาะ
ชั้นแรกนั้นคือความเข้าใจในการเข้าสู่ขั้นแรก ชั้นที่สองคือความเข้าใจการเข้าสู่ขั้นที่สอง และเป็นเช่นนี้เรื่อยไป
พิพากษาสายฟ้าดับสูญเองก็เป็นตำราชั้นนภาระดับกลาง มันคือตำราบ่มเพาะรวมแก่นแท้ มันมีห้าชั้นเช่นกัน
หมอกแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นตำราชั้นนภาระดับกลาง มันคือวิชาบ่มเพาะวิญญาณและมีห้าชั้นเช่นเดียวกัน
ไม่มีกลุ่มอำนาจใดในทวีปนี้ที่มีวิชาบ่มเพาะวิญญาณชั้นนภา อย่างน้อยก็อย่างที่รู้กันทั่วไป และมีเพียงอาณาจักรลอเรตที่ผูกขาดมันไว้ผู้เดียว แต่ก็มีบ้างกลุ่มที่แอบถือครองวิชาบ่มเพาะวิญญาณชั้นนภาอยู่แต่ก็มิอาจบ่มเพาะทายาทที่ดีออกมาได้
อาณาจักรลอเรตนั้นมีวิชาบ่มเพาะวิญญาณชั้นนภาถึงสามเล่ม เป็นระดับต่ำสองเล่มและระดับกลางหนึ่งเล่ม
เมื่อได้ตำราบ่มเพาะที่ต้องการมาแล้ว พ่อของเขาก็สอนเขาเรื่องตำราบ่มเพาะทั้งสาม มันเพิ่มความเข้าใจของดาวิสไปจนถึงขั้นสองของระบบบ่มเพาะทั้งสาม
“ท่านพ่อ ข้ายังไม่รู้วิธีการบ่มเพาะวิญญาณเลย”
แต่ดาวิสยังคงเศร้าหมอง เขานั้นเข้าใจพื้นฐานได้กระทั่งขั้นสองของการบ่มเพาะวิญญาณแต่ก็ไม่เห็นทางว่าเขาจะบ่มเพาะวิญญาณได้อย่างไร
“อย่ารีบร้อน ลูกยังเป็นแค่เด็กห้าขวบ ลูกมีโอกาสมากมายที่จะลองความคิดในอนาคต”
“แต่…”
“ไม่มีแต่ เจ้าต้องตั้งใจกับระบบบ่มเพาะอีกสองระบบไปก่อน…”
“หืม?”
โลแกนสังเกตเห็นบางอย่างและเริ่มก้าวเท้ายาว ๆ
“เอ๋? ท่านพ่อ? จะไปไหนน่ะ?”
ดาวิสงุนงงเพราะการพูดคุยของพวกเขายังไม่จบ
“ถึงเวลาที่ข้าจะเพิ่มพลังไปต่อแล้ว!”
โลแกนฉีกยิ้มด้วยความตื่นเต้น