Chapter 80 : ขายศพไวเวิร์น - เมืองยอดเหมันต์
โจวเฉินและคนอื่นๆใช้เวลาในค่ำคืนนั้นอยู่รอบกองไฟ
เช้าวันถัดมาเดฟก็มาพบว่าโจวเฉินและคนอื่นๆกำลังคุยกันถึงเรื่องศพของไวเวิร์นอยู่
“นักรบผู้สังหารไวเวิร์นเอ๋ย ตามกฎของแดนเหนือแล้วเจ้ามีสิทธิในซากของไวเวิร์นโดยสมบูรณ์ เจ้าคิดจะทำเช่นไรกับมันรึ?”
“ผมคิดว่าจะเอามันไปขาย”
โจวเฉินตอบกลับทันที
“แต่ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับตลาดของที่นี่มากนัก ถ้ายังไงรบกวนพวกคุณช่วยผมจัดการให้หน่อยได้ไหม?”
โจวเฉินไม่คุ้นกับสถานที่แห่งนี้ซักเท่าไหร่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตลาดอยู่ที่ไหน ดังนั้นเขาจึงคิดจะหาคนมาช่วย เดฟเป็นคนในพื้นที่ซึ่งน่าจะคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้วนอกจากนี้เขายังเชื่อได้ใจอีกด้วย
“ข้ายินดีที่จะช่วยเจ้าอยู่แล้ว!”
เดฟตอบรับทันที
“นอกจากนี้พวกเรายังมีซากหมีด้วย”
โจวเฉินคิดไปถึงเจ้าหมีขาวร่างยักษ์ที่ถูกฝังอยู่ใต้หิมะนอกเมือง
ดังนั้นในช่วงบ่าย โจวเฉินและชายหนุ่มกับหญิงสาวอีกคนบวกกับเดฟที่นำคนในพื้นที่จากหมู่บ้านใกล้เคียงที่มาพร้อมกับกองคาราวานม้านับสิบตัวมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อขนซากของไวเวิร์นและหมีขาวไป
เมืองที่ว่านั้นมีชื่อว่าเมืองยอดเหมันต์ ตามที่เดฟกล่าวเมืองแห่งนี้ได้ชื่อนี้มาก็เพราะว่ามันตั้งอยู่ ณ ภูเขาซึ่งสูงที่สุดในแดนเหนือ
เมืองยอดเหมันต์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณตีนภูเขา เส้นทางคมนาคมของเมืองแห่งนี้นั้นค่อนข้างสะดวกยิ่งนักและยังค่อนข้างมีสัมพันธ์ทางเศรษฏกิจกับเมืองอื่นๆอย่างใกล้ชิดอีกด้วย เชน่นี้แล้วมันจึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการขายซากไวเวิร์น
“ตามการคาดเดาของข้า ซากของไวเวิร์นตัวนี้น่าจะขายได้อย่างน้อย100เหรียญทองขณะที่หมีขาวนั้นน่าจะได้ราวๆ5เหรียญ”
ระหว่างการเดินทางเดฟก็ได้กล่าวถึงราคาที่น่าจะเป็นให้โจวเฉินกับคนอื่นๆฟัง
“เข้าใจแล้ว ไม่ว่าราคาจะออกมาที่เท่าไหร่ผมจะมอบให้กับคุณ1ส่วน”
ในช่วงเช้าที่ผ่านมาโจวเฉินได้ศึกษาเกี่ยวกับค่าเงินจำพวกเหรียญทองของโลกใบนี้มาบ้างแล้ว ครอบครัวชาวบ้านทั่วๆไปจะหาเงินได้ราวๆหกถึงเจ็ดเหรียญทองต่อดีหรือถ้าเศรษฏกิจดีๆหน่อยก็อาจจะได้ถึงสิบเหรียญทอง
“จิตวิญญาณศักดิสิทธิ์จงเจริญ! เจ้าช่างเป็นนักรบที่ใจกว้างนัก!”
เดฟดูเหมือนจะมีความสุขยิ่งนัก
เนื่องจากเมืองซีดาร์อยู่ไม่ห่างจากเมืองยอดเหมันต์ซักเท่าไหร่นัก ใช้เวลาไปเพียงสามชั่วโมงพวกเขาจึงมาถึงเป้าหมาย
เมืองยอดเหมันต์มีขนาดใหญ่กว่าเมืองซีดาร์ราวๆยี่สิบเท่า ด้านนอกถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยกำแพงหินสูงและมีทหารคุ้มกันยืนเฝ้าระวังอยู่รอบๆกำแพงสูง เดฟพูดคุยกับทหารคุ้มกันเมืองอยู่ซักพักก่อนที่กลุ่มของพวกเขาจะได้รับอนุญาติให้เข้าเมือง
หลังเข้ามาในเมืองยอดเหมันต์โจวเฉินก็พบว่าสถานที่แห่งนี้คึกคักว่าเมืองซีดาร์มากนัก พื้นดินถูกปูด้วยแผ่นหินและบ้านเรือนเองก็เป็นระเบียบเรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้นบ้านส่วนใหญ่ยังเป็นถึงบ้านสามชั้นและกระทั่งบ้านสี่หรือห้าชั้นก็ยังหาดูได้ไม่ยาก
บริเวณใจกลางเมืองมีปราสาทโบราณที่ดูยิ่งใหญ่ตั้งตะหง่านให้เห็น ตามที่เดฟเล่าให้ฟังนั่นคือสถานที่ที่เจ้าเมืองของเมืองยอดเหมันต์อาศัยอยู่
เดฟรีบนำกลุ่มคนเพื่อขนส่งซากของไวเวิร์นกับหมีขาวไปยังตลาดภายในเมืองยอดเหมันต์ในทันที ซากของหมีขาวนั้นถูกขายออกไปอย่างง่ายดายให้กับร้านค้าแห่งหนึ่งในราคาห้าเหรียญทอง ส่วนซากของไวเวิร์นนั้นพวกเขาจำเป็นต้องรอข่าวจากปราสาทของเจ้าเมืองเสียก่อน
“เจ้าเมืองยอดเหมันต์เป็นจอมขมังเวทย์ที่มีชื่อเสียง เขาน่าจะสนใจในซากไวเวิร์นนี้อยู่บ้าง”
เดฟกล่าวกับโจวเฉิน
“เข้าใจแล้ว...”
โจวเฉินพยักหน้าและเอ่ยถามบางย่างเกี่ยวกับสายอาชีพของคนในโลกนี้
ใช้เวลาไม่นานโจวเฉินก็ได้รู้ข้อมูลคร่าวๆ โลกใบนี้มีอาชีพอยู่มากมาย นอกจากอาชีพพื้นฐานอย่างจอมเวทย์และอัศวินแล้วก็ยังมีอาชีพอย่างวอล็อค(พ่อมด)ที่ถือครองพลังแห่งสายเลือด นักบวชผู้ได้รับคำอำนวยพรจากทวยเทพและอื่นๆอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่นตัวเดฟเองก็เป็นอัศวินขั้นกลาง ส่วนจิตวิญญาณศักดิสิทธิ์ที่เขายึดมั่นนั้นก็เปรียบได้ดั่งความเชื่อที่แพร่หลายในพื้นที่บริเวณนี้
โจวเฉินและคนอื่นๆรออยู่ในตลาดของเมืองยอดเหมันต์อยู่กว่าครึ่งชั่วก่อนที่ปราสาทเจ้าเมืองจะส่งคมา หลังจากตรวจสอบสภาพศพของไวเวิร์นแล้วอีกฝ่ายจึงเริ่มต่อรองราคากับเดฟ ท้ายที่สุดเขาก็ซื้อซากของไวเวิร์นไปในราคา112เหรียญทอง หลังจากหักภาษีธุรกิจแล้วโจวเฉินก็ได้เงินมา100เหรียญทอง เขาจึงมอบสิบเหรียญทองให้กับเดฟและชาวท้องถิ่นคนอื่นๆ
โจวเฉินเดิมทีคิดจะมอบบางส่วนให้กับสหายเซอไวเวอร์อีกสองคนแต่คนทั้งสองคนนั้นดูเหมือนจะไม่ยินดีรับเงินตรงนี้ พวกเขายอมรับแค่ในส่วนของซากหมีขาวเท่านั้นแต่ไม่ได้รับเงินไปจากส่วนของไวเวิร์นเลยซักเซนต์เดียว ท้ายที่สุดเมื่อรวมกับเงินที่จะได้ซากของหมีขาวแล้วโจวเฉินจึงมีเงินอยู่ในกระเป๋าถึง91เหรียญทอง
“ด้วยเหรียญทองเท่านี้พวกเราก็น่าจะอาศัยอยู่ในเมืองยอดเหมันต์แห่งนี้ได้ไม่ยาก เท่านี้ก็ผ่านภารกิจไปได้ง่ายๆแล้ว”
ด้วยเงินเหล่านี้โจวเฉินจึงไม่คิดจะกลับไปยังเมืองซีดาร์อีก ยังไงซะสภาพแวดล้อมของที่นั่นก็เทียบกับเมืองแห่งนี้ไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นเมืองซีดาร์กว่าครึ่งยังถูกทำลายไปเนื่องจากลมหายใจเปลวเพลิงของไวเวิร์นอีกด้วย
“นั่นก็จริง ฉันเห็นว่าเรื่องที่ว่าเมืองยอดเหมันต์แห่งนี้ทั้งเป็นระเบียบ ยิ่งใหญ่และเสงบกว่า การใช้เวลาที่เหลือในภารกิจอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพไปเดินชมเมืองมาแล้วในระหว่างที่โจวเฉินเอาซากไวเวิร์นไปขาย เขาประเมินเมืองนี้เอาไว้ค่อนข้างสูงและคิดว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่จะรั้งอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆนี้
“อิงนิสัยของระบบแล้วถ้าพวกเรามุดหัวอยู่ที่นี่เมืองนี้จะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ”
คำกล่าวของหญิงสาวร่างสูงประหนึ่งน้ำเย็นที่ถูกราดลงไปหัวของพวกเขา บ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาคิดง่ายเกินไป
“ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมั้ง เมืองนี้สงบจะตายไป อย่างมากก็อาจจะเจอโจรนิดหน่อยหรือไม่ก็พวกพ่อค้าหน้าเลือด ต่อให้ระบบคิดจะสร้างปัญหาแต่ก็ต้องเป็นไปตามกฏเหมือนกันนะ”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพเอ่ยแย้ง
“อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นจู่ๆเจ้าเมืองก็ส่งคนมาฆ่าพวกเราหรือไม่ก็มีฝูงไวเวิร์นเข้าโจมตีเมือง หรือถ้าไม่งั้นก็คือเกิดสงคราม”
หญิงสาวร่างสูงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นี่...ก็เป็นไปได้จริงๆนั่นแหละ..”
โจวเฉินรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาเล็กน้อยแต่เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวนั้นใช่ว่าจะไร้เหตุผล ดั่งเช่นตอนที่เขากำลังผิงไฟอยู่รอบกองไฟภายในบ้านของเดฟ ตอนนั้นเขาคิดว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีแต่จู่ๆกลับมีไวเวิร์นโผล่มาเผาเมืองจนวอดวาย
“รอให้มันมาค่อยจัดการก็ไม่สาย ตอนนี้ออกหาไอเทมและสกิลที่ระบบเคยบอกว่าพวกเราสามารถซื้อกลับไปยังโลกเพื่อยกระดับตัวเองกันก่อนดีกว่า”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพเองก็ตระหนักได้ถึงอันตรายจากคำกล่าวของหญิงสาวร่างสูงเช่นกันแต่พวกเขาก็ไม่มีวิธีดีๆที่จะหลบเลี่ยงมันได้อยู่ดี พวกเขาจำเป็นต้องรอดูเพียงเท่านั้น
“ตามนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อกี้ฉันถามเดฟมาแล้วและก็มีความคืบหน้านิดหน่อย”
โจวเฉินพาสหายทั้งสองมุ่งหน้าไปยังจุดที่เดฟเอ่ยถึง
ที่แรกคือร้านอาวุธเหมันต์สีเงินภายในเมืองยอดเหมันต์ ตามที่เดฟกล่าวนั้นร้านอาวุธแห่งนี้คือสถานที่ที่ดีที่สุดภายในเมืองสำหรับซื้อขายอาวุธ กระทั่งอัศวินใต้บัญชาของเจ้าเมืองเองก็ยังใช้อาวุธที่สร้างขึ้นมาจากที่นี่เช่นกัน
หลังจากโจวเฉินและคนอื่นๆมาถึงพวกเขาก็พบว่าร้านอาวุธเหมันต์สีเงินนั้นมีขนาดใหญ่มากและดูไมเหมือนร้านค้าซักนิด เพียงแค่ปรายตามองพวกเขาก็เห็นแล้วว่าภายในร้านนั้นมีช่างตีดาบอยู่นับร้อย
พวกเขามองไปยังอาวุธที่มีขายอยู่ภายในร้านและพบว่าบางชิ้นนั้นมีข้อความของระบบถูกแปะเอาไว้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาสามารถซื้อกลับไปยังดาวขั้วฟ้าได้
“ดาบนี่ราคาเท่าไหร่?”
หญิงสาวร่างสูงจับจ้องไปที่ใบดาบงดงามประณีตเล่มหนึ่งที่วางขายอยู่ในร้าน ดาบนี้มีข้อความของระบบแปะเอาไว้ด้วยว่าเป็นถึงอาวุธระดับทองแดงขั้นกลางและยังมีการเสริมพลังแสงศักดิสิทธิ์เอาไว้อีกด้วย
“คุณผู้หญิงมีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก ดาบเล่มนี้เป็นของที่ดีที่สุดในร้านของเราแล้ว ราคาของมันอยู่ที่55เหรียญทองขอรับ”
ชาวพื้นเมืองวัยกลางคนที่รับหน้าที่ต้อนรับลูกค้ายิ้มและเอ่ยตอบ