Chapter 79 : หนังไวเวิร์น - แหล่งพลังเปลวเพลิง
โจวเฉินกระชับหอกโลหะเอาไว้ในมือแน่นและเปิดใช้งานสกิลย่างก้าวสายลมก่อนจะพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวเขาก็ปีนขึ้นมาอยู่บนตัวของไวเวิร์นแล้ว ยังไงก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้ขึ้นไปถึงหัวของมันมันก็พลันสะบัดปีกบินขึ้นไปบนฟ้าเสียก่อน
เดฟที่กำลังกระหน่ำรัวหมัดเข้าใส่หัวของเจ้าไวเวิร์นจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องหยุดโจมตีและคว้าหัวมันเอาไว้แทนเพื่อไม่ให้ตนเองถูกสะบัดตกลงจากฟ้า ส่วนโจวเฉินที่กำลังปีนขึ้นมาที่หัวของเจ้าไวเวิร์นก็ต้องเผชิญกับแรงต้านจากกระแสลมรุนแรงจนทำให้เขาช้าลงมาก
โจวเฉินพยายามใช้หอกแทงใส่ร่างของมันอยู่หลายครั้งแต่ก็พบว่าหอกของเขาแทบจะฝ่าการป้องกันของมันไม่ได้เลย ในสถานการณ์เช่นนี้เขาควรจะแทงใส่ตาของมันมากกว่า
ดังนั้นขณะที่ไวเวิร์นโผบินด้วยความเร็วสูงอยู่บนฟ้าโดยพยายามจะสลัดเดฟให้ล่วงลงไปบนพื้นอยู่นั้น โจวเฉินก็ค่อยๆเข้าใกล้หัวของมันเรื่อยๆ
เดฟเองก็สังเกตเห็นเขาแล้วเช่นกันและก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าโจวเฉินสามารถยืนอยู่บนหลังของไวเวิร์นได้อย่างมั่นคงไม่เหมือนกับเขาที่ถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาราวกับลูกตุ้ม
ด้วยความสามารถอันทรงพลังของสกิลย่างก้าวสายลมโจวเฉินจึงค่อยๆไต่ไปข้างๆหัวของไวเวิร์นได้สำเร็จ หอกของเขาเข้าใกล้ดวงตาของมันมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
ไวเวิร์นเองก็สัมผัสถึงภัยคุกคามจากโจวเฉินได้แล้วเช่นกัน มันเริ่มสะบัดหัวไปมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อสะบัดโจวเฉินให้หลุด หลังจากพยายามอยู่ซักพักมันกลับพบว่ามันไม่อาจสลัดหรือชะลอการเคลื่อนไหวของโจวเฉินได้เลย มันจึงอ้าปากออกและพ่นไฟไปมาอย่างบ้าคลั่งราวกับต้องการใช้อุณหภูมิอันร้อนจัดของเปลวเพลิงทำให้โจวเฉินหวาดกลัวจนต้องถอยร่น
หากแต่โจวเฉินที่ในที่สุดก็มองเห็นโอกาสในการเข้าประชิดตัวเจ้าไวเวิร์นตนนี้และตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารมันลงให้ได้เขาย่อมไม่หวาดกลัวกับอุปสรรคแค่นี้อยู่แล้ว เขายังคงคงสภาวะสกิลย่างก้าวสายลมเอาไว้และเกาะหนึบอยู่บนหัวของไวเวิร์นไม่ยอมปล่อย ขาของเขาเหยียบลงไปบนหัวของมันอย่างมั่นคงและแทงหอกเข้าใส่ดวงตาของมัน
เสียงกรีดร้องน่าสังเวชของไวเวิร์นดังกึกก้องขึ้นมา หยาดโลหิตสาดกระจายทั่วท้องฟ้า ร่างของไวเวิร์นซึ่งเดิมทีบินอยู่บนฟ้าจู่ๆก็ชักกระตุกอยู่หลายครั้งและล่วงลงมาประหนึ่งว่าวสายป่านขาดก่อนจะกระแทกกับพื้นดินจนกลายเป็นหลุม
แต่แม้ไวเวิร์นจะล่วงลงมาแล้วโจวเฉินกลับยังไม่ได้ผ่อนคลาย เขายังคงเปิดใช้งานสกิลย่างก้าวสายลมเพื่อลดความเสียหายจากแรงกระแทกให้เหลือน้อยที่สุดและเมื่อร่างของไวเวิร์นตกกระทบพื้นเขาก็กดหอกลึกเข้าไปในหัวของมันเป็นครั้งสุดท้าย
[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ทำการช่วงชิงสกิลของไวเวิร์นพ่นไฟ – [หนังไวเวิร์น (ระดับ2)] , [แหล่งพลังเปลวเพลิง(ระดับ2)] ต้องการทำการดูดซับหรือไม่?]
หลังจากได้ยินเสียงประกาศจากระบบก็คือการยืนยันแล้วว่าไวเวิร์นได้ตายลงแล้ว เขาดึงหอกเหล็กออกมาจากดวงตาของมันและทำการตรวจสอบสกิลติดตัวทั้งสองอย่างที่พึ่งได้มา
[หนังไวเวิร์น(ระดับ2)]
[ประเภท : สกิลติดตัวระดับทองแดงขั้นกลาง]
[คำอธิบาย : ผิวหนังของท่านจะต้านทานความเสียหายทางเวทย์และกายภาพในระดับทองแดงขั้นต่ำอย่างสมบูรณ์ ลดความเสียหายจากความเสียหายในระดับทองแดงขั้นกลางอย่างมหาศาลและลดความเสียหายเล็กน้อยในระดับทองแดงขั้นสูง]
[แหล่งพลังเปลวเพลิง(ระดับ2)]
[ประเภท : สกิลติดตัวระดับทองแดงขั้นกลาง]
[คำอธิบาย : ร่างกายของท่านจะสร้างพลังงานธาตุไฟขึ้นมาตลอดเวลา หลังจากปลดปล่อยออกมามันจะก่อตัวขึ้นเป็นเปลวเพลิงที่มีอุณหภูมิร้อนจัด - สร้างความเสียหายธาตุไฟในระดับทองแดงขั้นกลาง]
“ดูดซับให้หมด!”
หลังจากอ่านรายละเอียดของสกิลทั้งสองสกิลแล้วโจวเฉินก็ทำการดูดซับมันแบบไม่ลังเล
ไม่นานนักเขาพลันสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลที่เกิดขึ้นกับผิวหนังของตนเอง ตอนนี้ผิวหนังของเขามันทั้งแข็งแกร่งและเหนียวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ร่างกายของเขายังปลดปล่อยคลื่นความร้อนอันทรงพลังออกมาเป็นระยะๆอีกด้วย คลื่นความร้อนนี้ทำให้ร่างกายที่เย็นยะเยือกของเขาอบอุ่นขึ้นมา
“คลื่นความร้อนที่อยู่ในตัวของเขานี่น่าจะเป็นไอ้ที่มันเรียกว่าพลังงานธาตุไฟล่ะมั้ง รู้สึกได้เลยว่าตราบใดที่มันยังสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแบบนี้อีกซักครึ่งชั่วโมงก็คงปลดปล่อยไฟที่รุนแรงมากๆออกมาได้แล้ว”
หลังจากดูดซับสกิลติดตัวอย่าง – แหล่งพลังงานเปลวเพลิงเข้ามาในร่างกาย ในสมองของโจวเฉินก็ปรากฏข้อมูลอย่างคร่าวๆขึ้นมาทำให้เขาพอจะอนุมานได้ถึงระยะเวลาการสะสมพลังและวิธีการใช้งานพลังงานธาตุไฟในร่างกาย
“ขอบคุณท่านวิญญาณศักดิสิทธิ์ที่คอยคุ้มครอง!”
ในตอนที่โจวเฉินกำลังคิดกับตัวเองอยู่นั้นเสียงของเดฟที่อยู่ข้างๆก็ดังขึ้นมา ร่างกายของเจ้าหมอนี่ทรงพลังมากทีเดียวและไม่ได้เสียชีวิตไปจากการที่ไวเวิร์นดิ่งพื้นแต่อย่างใด มีเพียงบริเวณมุมปากของอีกฝ่ายเท่านั้นที่มีรอยเลือดติดอยู่บ้างและเขายังคงสามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างไม่ยากเย็น
“ผู้อพยพเอ๋ยความกล้าของเจ้าน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! ความสำเร็จครั้งนี้ของเจ้าเป็นที่จดจำของเมืองซีดาร์ไปอีกยาวนานแน่นอน!”
เขามองมาที่โจวเฉินก่อนจะเอ่ยชื่นชม
“ขอบคุณที่ชมแต่ผมคิดว่าพวกเราไปดับไฟก่อนน่าจะดีกว่า”
โจวเฉินยิ้มบางๆตอบกลับเมื่อได้ยินและเอ่ยเตือนเดฟว่านี่ยังไม่ใช่เวลามาผ่อนคลาย
เดฟนึกขึ้นมาได้จึงรีบออกวิ่งไปทางบ้านของเขาในทันที
โจวเฉินเองก็ตามไปติดๆ เมื่อเขามาถึงก็พบว่ามีพื้นที่บ้านของเดฟเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกไฟไหม้ ส่วนที่ไหม้นั้นก็ถูกภรรยาของเดฟและคนอื่นๆช่วยกันดับด้วยหิมะไปแล้ว หญิงสาวร่างสูงและชายหนุ่มท่าทางสุภาพเองก็กำลังช่วยอยู่เช่นกัน
“ขอบคุณท่านวิญญาณศักดิสิทธิ์ที่คอยคุ้มครอง!”
เดฟถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าภรรยาของเขายังปลอดภัยดี ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อวิ่งไปกอดเจ้าหล่อนก่อนจะวิ่งไปช่วยครอบครัวอื่นๆดับไฟ
บ้านบางหลังยังคงมีไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากใช้เครื่องมือหลากหลายชนิดตักหิมะขึ้นมาเพื่อใช้ดับไฟ
โจวเฉินเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เขา หญิงสาวร่างสูงและชายหนุ่มท่าทางสุภาพออกช่วยคนในเมืองดับไฟโดยหวังว่าจะได้รับความประทับใจดีๆจากคนเหล่านี้และทำให้หลายวันถัดจากนี้ผ่านไปได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ทุกๆคนทำงานกันจนกระทั่งกลางคืนมาเยือนจึงสามารถดับไฟลงได้ในที่สุด พวกเขาพบว่ามีบ้านทั้งหมดสามหลังในเมืองที่ถูกเผาจนกลายเป็นตอตะโก ประชากรกว่าครึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากเปลวเพลิงเลย
นอกจากบ้านที่ถูกเผาจนใช้การไม่ได้แล้วยังมีชาวเมืองอีกกว่าสามสิบคนที่ถูกเผาจนเสียชีวิตและสูญหายอีกนับสิบคน บรรยากาศแห่งความโศกเศร้าแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง
ชาวเมืองที่เหลือรอดของเมืองซีดาร์รีบทำการประชุมภายใต้การนำของเหล่าผู้อาวุโสหลายคนในเมืองเพื่อหารือถึงการสร้างเมืองและการดูแลผู้บาดเจ็บในทันที
โจวเฉิน หญิงสาวร่างสูงและชายหนุ่มท่าทางสุภาพเดินกลับมายังบ้านของเดฟเพื่อผิงไฟกันต่อและหยิบมันเผาที่ถูกวางเอาไว้ข้างกองไฟขึ้นมารับประทาน
“นี่ครึ่งนึงของหนู”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพแบ่งครึ่งมันฝรั่งและยื่นให้กับสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ หญิงสาวที่ดูเหมือนจะตกตะลึงไปชัวครู่รีบยื่นมือออกมาหยิบมันไปในทันที หลังจากกัดเข้าไปแล้วปากของเจ้าหล่อนถูกความร้อนลวกจนเกือบจะพ่นมันฝรั่งออกมา
“กินช้าๆสิ”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพหรี่ตาและยิ้มให้อีกฝ่าย
“เนื้อของไวเวิร์นมันกินได้ไหม?”
จู่ๆอีกฝ่ายก็มองมาที่โจวเฉินที่นั่งจ้องกองไฟและกินมันฝรั่งอยู่เงียบๆก่อนจะถามขึ้นมา
“ไม่มั่นใจ...ลองถามพวกชนพื้นเมืองดูสิ”
โจวเฉินตอบกลับทันที
“ฉันลองถามดูแล้ว พวกชนพื้นเมืองที่นี่เขาบอกว่ากินได้แต่ถ้าขายจะดีกว่า”
หญิงสาวร่างสูงที่เป็นคนพูดน้อยที่สุดในกลุ่มเอ่ยขัดขึ้นมา
“ตามนั้นเลยถ้างั้นก็ขายเอาเงินแล้วกัน เดี๋ยวไว้ฉันจะแบ่งกำไรให้”
โจวเฉินยิ้ม
แม้ว่าคนทั้งสองจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการสังหารไวเวิร์นแต่ถ้าเขาจะเก็บผลประโยชน์เอาไว้คนเดียวทั้งๆที่ยังรวมทีมกันอย่แบบนี้คงไม่ดี...ดังนั้นโจวเฉินจึงคิดจะมอบผลประโยชน์ให้กับอีกฝ่ายนิดๆหน่อยๆ