Chapter 76 : ทุ่งหิมะแดนเหนือ
สองวันให้หลังในที่สุดก็ถึงเวลาที่ภารกิจเซอร์ไววัลครั้งที่หกของโจวเฉินจะมาถึง
[ภารกิจเซอร์ไววัลกำลังจะเริ่มต้นขึ้น โปรดเตรียมตัวให้พร้อม]
[เริ่มต้นการเคลื่อนย้าย..]
[ทุ่งหิมะแดนเหนือ]
[ระดับความยาก : ทองแดงขั้นกลาง]
[ภารกิจ : เอาชีวิตรอดให้ได้สิบวัน]
[คำแนะนำ1 : การสังหารมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนี้จะไม่ได้ไอเทมดรอปแต่ไอเทมบางอย่างที่ได้รับมาจากชนพื้นเมืองในที่แห่งนี้จะสามารถนำกลับไปยังดาวขั้วฟ้าได้ นอกจากนี้ท่านยังสามารถเรียนรู้สกิลจากชนพื้นเมืองได้อีกด้วย]
[คำแนะนำ2 : สถานะแรกเริ่มของท่านในดันเจี้ยนนี้คือผู้อพยพ]
[คำแนะนำ3 : ท่านได้รับพื้นฐานภาษาพื้นเมืองของชนพื้นเมืองและสามารถสื่อสารกับพวกเขาได้]
ในเวลานี้โจวเฉินพบว่าตัวเองยืนอยู่บนตีนเขาของภูเขาหิมะแห่งหนึ่ง สภาพแวดล้อมโดยรอบของเขาเต็มไปด้วยหิมะสีขาวและเกล็ดหิมะมากมายที่ลอยล่วงลงมาจากฟ้า กระทั่งด้วยร่างกายอันทรงพลังของเขาก็ยังรู้สึกหนาวอยู่หน่อยๆ
นอกจากเขาแล้วห่างออกไปราวสิบเมตรยังมีคนอื่นๆยืนอยู่อีกสองคน หนึ่งนั้นเป็นชายหนุ่มผอมสูงและมีท่าทีสุภาพเรียบร้อยสวมใส่ชุดหนังสีดำและแว่นดำกึ่งไร้ขอบ อีกคนหนึ่งนั้นเป็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งท่าทางขึงขังที่มาพร้อมกับกระบี่ที่สะพายเอาไว้ที่เอวและสวมใส่ชุดลำลองสีขาว
ชายหนุ่มสวมแว่นเองก็กำลังตรวจสอบเพื่อนร่วมทีมเช่นเดียวกัน เขาปรายตามองไปที่หญิงสาวท่าทางขึงขังและจากนั้นจึงมองมาที่โจวเฉิน ไม่นานนักใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา
“พี่ชายเสื้อผ้าของนายดูบางมากเลยนะ เอาอะไรของฉันไปใส่หน่อยไหม?”
“ขอบคุณแต่ไม่จำเป็น”
โจวเฉินยิ้มตอบและกล่าวปฏิเสธไป
“คุณล่ะคุณผู้หญิง?”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพหันไปหาหญิงสาวรูปร่างสูงที่ยืนอยู่ห่างๆ
“ไม่”
น้ำเสียงของหญิงสาวเย็นชาเฉกเช่นเดียวกับใบหน้าของเจ้าหล่อน บรรยากาศในวงสนทนาพลันเริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากเงียบไปซักพักชายหนุ่มท่าทางสุภาพก็กระแอมออกมาเบาๆและกล่าวต่อ
“ในเมื่อพวกเราเข้ามาเจอกันในภารกิจนี้ก็คงต้องนับว่าเป็นโชคชะตาและก็คงไม่จำเป็นต้องสงวนท่าที ให้ผมแนะนำตัวเองก่อนแล้วกันผมแซ่หวง พวกคุณจะเรียกผมว่าเสี่ยวหวงก็ได้ ผมค่อนข้างเชี่ยวชาญในด้านการหามอนสเตอร์”
“ฉันแซ่โจว ถนัดด้านการต่อสู้กับมอนสเตอร์”
“แซ่หลี่ ถนัดทั้งการฆ่ามนุษย์และมอนสเตอร์”
หญิงสาวร่างสูงแต่เย็นชากล่าวต่อจากโจวเฉิน
“โอ้ถ้างั้นทีมเราก็ถือว่าครบเครื่อง มาร่วมมือกันเอาตัวรอดให้พ้นสิบวันนี้กันเถอะ”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพพยักหน้า
“พวกเราลองออกตามหากลุ่มชนพื้นเมืองดูกันเถอะจะได้ลองดูว่าพอจะหยิบยืมสถานที่ของพวกเขาเพื่ออยู่อาศัยได้รึเปล่า”
โจวเฉินสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆและเอ่ยแนะออกมา
“อืม...อุณหภูมิที่นี่ค่อนข้างต่ำดังนั้นการจะเอาชีวิตรอดให้ได้สิบวันโดยที่ไม่มีที่พักแทบจะไม่สมเหตุสมผลเลย พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากชนพื้นเมืองจริงๆนั่นแหละ”
ชายหนุ่มตอบรับคำทันทีและจ้องมองไปทางหญิงสาว
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวร่างสูงยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้าคนทั้งสองจึงเลือกที่จะเดินออกมาจากตีนเขาของภูเขาหิมะ ยังไงซะก็คงไม่มีใครอยากจะปีนผู้เขาหิมะอยู่แล้ว
คนทั้งสามเดินอยู่ภายในโลกแห่งหิมะนี้อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งไปเจอเข้ากับสิ่งก่อสร้างกลมๆที่ปรากฏอยู่ท่ามกลางหิมะ
“บ้านของพวกชนพื้นเมืองงั้นหรอ?”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพเร่งฝีเท้าและเข้าไปตรวจสอบ
ไม่กี่วินาทีให้หลังคนทั้งสามก็ได้เห็นสิ่งปลูกสร้างที่ว่าอย่างชัดเจน เจ้าสิ่งนี้คือกระท่อมทรงพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำแข็งและหิมะ นอกจากกองขี้เถ้าสีเทาแล้วภายในห้องก็ไม่มีอะไรอยู่อีก
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพเดินเข้าไปด้านในและย่อตัวลงสัมผัสกับเศษขี้เถ้าบนพื้น ดวงตาของเขาทันใดนั้นก็พลันเปล่งประกายออกมา
“ยังร้อนอยู่เลย ดูเหมือนเมื่อไม่นานมานี้ที่นี่จะยังมีคนอยู่”
โจวเฉินกวาดตามองไปรอบๆแต่กลับไม่พบรอยเท้าใดๆเลย พวกมันน่าจะถูกหิมะที่ตกลงมากลบไปจนหมดแล้ว
“ไปต่อกันเถอะ พวกเราต้องหาพวกชนพื้นเมืองให้เจอก่อนโดยเร็วที่สุด”
คนทั้งสองออกเดินทางต่อท่ามกลางหิมะ ระหว่างทางนั้นพวกเขามักจะทิ้งรอยเท้าเหยียบลึกเอาไว้และศรีษะกับเสื้อผ้าเองก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะสีขาว
หลังจากนั้นอีกหลายสิบนาทีให้หลังในที่สุดพวกเขาก็พบเข้ากับชนพื้นเมืองแต่ชนพื้นเมืองที่เจอผู้นี้มีร่างกายกำยำและไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
มันคือหมีขาวนั่นเอง หมีขาวตัวนี้มีส่วนสูงราวๆสี่เมตรและเพียงแค่ความสูงของไหล่ก็เท่ากับความสูงของมนุษย์ผู้ใหญ่แล้ว เมื่อมันเห็นคนทั้งสามที่อยู่ห่างออกไป100เมตรมันก็รีบพุ่งเข้ามาหาพวกเขาราวกับรถถัง
“หนีหรือสู้?”
เมื่อเห็นหมีขาวร่างยักษ์ตนนี้ชายหนุ่มท่าทางสุภาพก็ปรายตามองไปที่โจวเฉินกับหญิงสาวร่างสูงที่อยู่ข้างๆด้วยแววตาราบเรียบ
“สู้”
หญิงสาวร่างสูงตอบกลับ จากนั้นเจ้าหล่อนก็ชักกระบี่ออกมาและพุ่งเข้าใส่หมีขาว
โจวเฉินเองก็ไม่พูดให้มากความ เขาหยิบหอกเหล็กไม้บุนนาคที่พึ่งซื้อมาเมื่อไม่นานมานี้ออกมาและวนอ้อมร่างของเจ้าหมีขาวไป
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพเองก็เดินตรงเข้าหาหมีขาวเช่นกันแต่เขาเดินอย่างช้าๆและเลือกที่จะอยู่ด้านหลัง
ในเวลานี้หญิงสาวร่างสูงได้เริ่มห้ำหั่นกับเจ้าหมีขาวแล้ว เจ้าหล่อนใช้ความปราดเปรียวหลบหลักการกระโจนของสัตว์ร้ายไปได้และรีบปีนป่ายขึ้นไปบนตัวมันก่อนจะแทงกระบี่เข้าใส่ตาของมัน
ยังไงก็ตามเจ้าหมีขาวตัวนี้ก็ไม่โง่ มันยกกงเล็บที่มีขนาดใหญ่กว่าศรีษะมนุษย์เป็นเท่าตัวขึ้นมาป้องกันดวงตาเอาไว้ ในเวลาเดียวกันมันก็กลิ้งไปบนพื้นหิมะโดยหวังว่าจะสลัดร่างของหญิงสาวให้หล่นหรือไม่ก็บดให้เจ้าหล่อนสิ้นชีพไปซะ
ยังไงก็ตามการกระทำของมันกลับไร้ผล การเคลื่อนไหวของหญิงสาวร่างสูงทั้งปราดเปรียวและว่องไว เจ้าหล่อนเลือกที่จะกระโดดลงมาจากร่างของมันและถอยออกมาอยู่ในจุดปลอดภัยเสียก่อน
เมื่อเจ้าหมีขาวสัมผัสได้ว่าศัตรูผู้น่าชังของมันถอยออกไปแล้วและกำลังคิดจะไล่ล่าเจ้าหล่อนต่อการโจมตีของโจวเฉินก็มาถึงพอดี
โจวเฉินเองก็รวดเร็วไม่ต่างกัน หอกเหล็กของเขาแทงเข้าใส่ต้นขาของมันอย่างแม่นยำจนทำให้มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอกาสนี้แหละ! ฉันสามารถหยุดมันเอาไว้ได้ครึ่งวิ!”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพท่ยืนอยู่ด้านหลังจู่ๆก็ตะโกนออกมา จากนั้นแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้ก็กวาดผ่านชั้นบรรยากาศออกมา หมีขาวที่เดิมทีมีท่าทีดุร้ายจู่ๆก็พลันเซื่องซึมลงไป
หญิงสาวร่างสูงที่อยู่ใกล้ๆรีบใช้จังหวะนี้พุ่งเข้าใส่ร่างของหมีขาวราวกับสายฟ้าและแทงกระบี่เข้าใส่ดวงตาข้างหนึ่งของมัน
โจวเฉินเองก็แทงเข้าใส่ดวงตาอีกข้างของมันเช่นกัน
หนึ่งวินาทีให้หลังเจ้าอสูรร่างยักษ์ตนนี้ก็ดิ้นไปมาอย่างอ่อนแอหรืออาจจะเรียกได้ว่าร่างบิดไปบิดมาอยู่หลายครั้งก่อนจะสิ้นชีพ
“เป็นการร่วมงานที่ดีมาก พวกเราจะจัดการกับศพนี้ยังไงดี?”
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพที่ยืนอยู่ห่างออกไปหลายเมตรมองมาที่โจวเฉินและหญิงสาวร่างสูงพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ชำแหละมัน”
หญิงสาวตอบกลับทันที
“ไม่ต้องรีบหรอก พวกเราซ่อนมันเอาไว้ก่อนดีกว่า เนื้อของมันพวกเราสามารถเก็บเอาไว้หรือขายให้กับชนพื้นเมืองทีหลังก็ยังได้”
โจวเฉินรู้สึกว่าคนทั้งสองนี้ไม่น่าจะเชี่ยวชาญในด้านการชำแหละนัก ยิ่งไปกว่านั้นการแบกซากไปไหนมาไหนหลังจากการชำแหละยังค่อนข้างเป็นปัญหาอีกด้วย ดังนั้นเอาไปซ่อนเอาไว้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจทีหลังดีกว่า
“ฟังดูเข้าท่า ที่นี่ไม่มีใครเลยและอุณหภูมิก็ต่ำมากดังนั้นการจะเก็บมันเอาไว้ซักหลายวันก็น่าจะไม่ใช่ปัญหา”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
หญิงสาวร่างสูงที่เห็นเช่นนี้ก็ยอมตามน้ำไป เจ้าหล่อนเก็บกระบี่เข้าฝักและช่วยคนอื่นๆในกลุ่มฝังศพของเจ้าหมีขาวเอาไว้ในหิมะ
กระบวนการนี้ค่อนข้างเรียบง่ายและใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นก็แล้วเสร็จ งานส่วนที่เหลือก็ให้เป็นหน้าที่ของหิมะที่กำลังตกลงมาไปแล้วกัน
หลังจากทำสัญลักษณ์เอาไว้แล้วคนทั้งสามก็ออกเดินทางเพื่อหาชนพื้นเมืองต่อไป