Chapter 73 : ว่างงาน
“‘ตำราหุ่นเชิดศิลา’ ค่อนข้างหายากแต่ก็ไม่ได้ล้ำค่าขนาดนั้น ในเมื่อมันไม่น่าจะมีประโยชน์กับเราซักเท่าไหร่ก็ขายไปดีกว่าแต่คงต้องเพิ่มราคาซักหน่อย”
หลังจากตรวจสอบโจวเฉินก็ส่งข้อความไปหาหญิงสาวผมยาวเพื่อบอกว่าเขาสามารถขายฉบับคัดลอกของตำรานี้ให้ได้แต่ราคานั้นจำเป็นต้องเพิ่มขึ้น ราคาที่เขาต้องการก็คืออาวุธระดับทองแดงขั้นกลางประเภทหอกและเงินอีกหนึ่งล้านเหรียญมังกร
โจวเฉินมองดูอาวุธระดับทองแดงขั้นกลางในตลาดแลกเปลี่ยน บางชิ้นก็ถูกขายออกไปแล้วแต่ทั้งหมดนั้นล้วนมีราคาแพงทั้งสิ้น ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ราวๆ2ล้านเหรียญมังกร
เหตุผลไม่ใช่เพราะว่าอาวุธระดับทองแดงขั้นกลางมันมีคุณภาพสูงกว่าเท่านั้นแต่ยังเป็นเพราะ ณ ขณะนี้ยังมีเซอร์ไวเวอร์ระดับทองแดงขั้นกลางอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น ความต้องการของไอเทมระดับทองแดงขั้นกลางจึงต่ำไปด้วยดังนั้นราคามันจึงไม่เคยลดลงเลย
หลังจากเขาส่งราคาไปให้กับหญิงสาวผมยาวเจ้าหล่อนก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วโดยบอกว่าราคาที่เขาเรียกไปมันค่อนข้างสูงเกินไปหน่อยและต้องการจะตัดราคาลง
โจวเฉินไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นักและเริ่มต่อรองราคากับอีกฝ่าย หลังจากต่อรองราคากันแล้วทั้งสองฝ่ายก็ได้ข้อสรุปที่ราคา2.6ล้านเหรียญมังกร นี่เท่ากับอาวุธระดับทองแดงขั้นกลางบวกกับเงินอีก5ถึง6แสนเหรียญ
โจวเฉินยอมรับข้อเสนอนี้เพราะอยากต้องการอาวุธใหม่ที่เหมาะมือและไม่อยากจะพลาดโอกาสเช่นนี้
หลังจากทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันเสร็จสิ้น โจวเฉินก็หาอะไรกินและพักผ่อนซักครู่ก่อนจะเริ่มเตรียมตัว
เขามุ่งหน้าออกจากบ้านและซื้อเครื่องปริ้นซ์ขนาดเล็กและกระดาษที่มากพอสำหรับทำฉบับสำเนา เขาลงมือทำด้วยตัวเองเพื่อให้มั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลในหนังสือ
กว่าเขาจะจัดการฉบับสำเนาของตำราหุ่นเชิดเสร็จก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายพอดี เมื่อเสร็จสิ้นเขาจึงทำการแลกเปลี่ยนกับหญิงสาวผมยาวผ่านทางระบบเพื่อเงินจำนวน2.6ล้านเหรียญ
“ความรู้นี่เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดจริงๆ”
โจวเฉินถอนหายใจ
‘ตำราหุ่นเชิดศิลา’ ไม่สามารถยกระดับความแข็งแกร่งของคนผู้หนึ่งได้ในทันทีแตกต่างจากอาวุธดีๆซักเล่ม ในสายตาของเซอร์ไวเวอร์ส่วนใหญ่มันอาจจะยังมีค่าไม่เท่ากับดาบเหล็กทั่วๆไปด้วยซ้ำแต่โจวเฉินเพียงแค่โชคดีไปเจอคนที่สนใจมันจริงๆก็เท่านั้น คนผู้นี้ดูเหมือนจะรวยมากเสียด้วยดังนั้นเขาจึงได้กำไรไม่น้อย
ด้วยเงินที่ได้มาโจวเฉินจึงเริ่มค้นหาอาวุธที่เขาต้องการผ่านทางตลาดแลกเปลี่ยน เขาค้นหาภายในตลาดแลกเปลี่ยนเขตจักรวรรดิมังกรอยู่ซักพักก่อนที่ในที่สุดจะจัดสินใจซื้ออาวุธระดับทองแดงขั้นกลางชิ้นหนึ่งมาในราคา2,030,000
[หอกเหล็กบุนนาค]
[ประเภท : อาวุธระดับทองแดงขั้นกลาง]
[คำอธิบาย : ปลายหอกทำจากเหล็กชั้นดีและคมกริบ ส่วนของเพลาหอกทำขึ้นมาจากไม้บุนนาคและแข็งแกร่งทนทานยิ่ง ความเมตรโดยรวมของหอกนี้คือ2.3เมตรและเหมาะสมยิ่งในการต่อสู้ตัวต่อตัว]
โจวเฉินค่อนข้างพอใจไม่น้อยหลังจากหยิบหอกเหล็กบุนนาคขึ้นมาดูและเล่นกับมันอยู่ซักพักภายในห้องนั่งเล่น อาวุธชิ้นนี้ดีกว่าหอกทั่วๆไปที่เขาใช้ก่อนหน้านี้มากและน่าจะอยู่กับเขาไปได้อีกนาน
พอเล่นจนหนำใจโจวเฉินก็เก็บหอกกลับไปในช่องเก็บของและคิดจะเอาของที่เขาไม่ต้องการไปวางขายในตลาดแลกเปลี่ยนแต่กลับได้รับสายโทรศัพท์เข้าเสียก่อน เป็นเถ้าแก่หลิวที่โทรมาหาเขา
“นี่...เรามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องธุรกิจจนลืมไปทำงานซะสนิทเลย...”
โจวเฉินที่รู้สึกพูดไม่ออกกดรับสาย
“เสี่ยวโจว ลูกชายของฉันกำลังจะมารับฉันไปอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศดังนั้นฉันคงต้องปิดโรงฝึกแล้ว ขอโทษด้วยนะเพื่อเป็นการชดเชยฉันจะจ่ายเงินเดือนให้เธอสามเดือนแล้วกัน”
เถ้าแก่หลิวไม่ได้โทรมาถามโจวเฉินว่าทำไมเขาถึงไม่ไปทำงานแต่กลับบอกเขาว่าเขากำลังจะไปอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศแทน โจวเฉินคงไม่สามารถทำงานในฐานะของผู้ช่วยหัวหน้าโรงฝึกได้อีกต่อไป
“ไม่เป็นไรครับ หวังว่าคุณจะมีชีวิตที่ดีในต่างประเทศนะครับ”
โจวเฉินแสดงความยินดีกับเถ้าแก่หลิว
เขารู้ดีว่าเถ้าแก่หลิวคิดถึงลูกอยู่ตลอด ครั้งนี้ในที่สุดเขาก็ได้ในสิ่งที่เขาปรารถนาซักที
“ไม่คิดเลยว่าจู่ๆจะเสียงานเสียการไปแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ยังไงซะก็ถือว่าตอนนี้ว่างแล้ว”
โจวเฉินไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากนัก เขายังมีเงินอยู่กับตัวอีกกว่า850,000 , ถ้าเอาไปจ่ายภาษีเด็กกำพร้าแล้วก็ยังเหลือมากกว่า6แสนอยู่ดี นอกจากนี้เขายังมีของที่สามารถวางขายในตลาดแลกเปลี่ยนได้อีกดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลเรื่องเงินเลย
“คงต้องหาที่สำหรับฝึกใหม่ในอนาคตซะแล้ว เมื่อไหร่ที่เรามีเงินมากพอบางทีเราอาจจะเปิเดโรงฝึกเองเลยก็ได้”
โจวเฉินชอบฝึกในโรงฝึกยิ่งนัก ตอนนี้เมื่อโรงฝึกเว่ยเจยีงปิดตัวลงเขาจึงจำเป็นต้องหาที่อื่น
เขาจัดการวางขายไอเทมที่เขาไม่คิดจะใช้ลงในตลาดแลกเปลี่ยนและตั้งราคา ยกตัวอย่างเช่นท่อนเหล็กที่เขาได้มาจากชายหนุ่มผอมสูงบนชั้นแรกของเมืองใต้ดินและเทียนที่ได้มาจากป่าไร้เสียง
จากนั้นเขาก็นำหนังสือ ‘ตำราหุ่นเชิดศิลา’ ออกมาและเริ่มอ่านมัน ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่พลิกอ่านผ่านๆเท่านั้น ครั้งนี้เขาจึงคิดจะอ่านมันอย่างละเอียดดูซักครั้ง
เขาอ่านจนกระทั่งถึงช่วงหัวค่ำและได้รับความเข้าใจในเนื้อหาของหนังสืออย่างสมบูรณ์
“กลับกลายเป็นว่าหุ่นเชิดศิลาพวกนี้คือหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ประเภทหนึ่งซึ่งจัดเป็นหนึ่งในผลงานของเหล่านักเชิดหุ่น วัสดุบางชนิดสำหรับใช้ในการสร้างหุ่นเชิดศิลาไม่มีอยู่ในดาวขั้วฟ้าและสามารถหาซื้อได้ในตลาดแลกเปลี่ยนเท่านั้น การสร้างเจ้าสิ่งนี้ค่อนข้างใช้เงินมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นยังจำเป็นต้องมีค่าสถานะจิตวิญญาณสูงในระดับหนึ่งด้วย ถ้าค่าจิตวิญญาณต่ำวงจรตรรกะก็ยิ่งสร้างได้ยาก เทคนิคนี้ดูแล้วน่าอัศจรรย์และไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลยซักนิดแต่ก็น่าจะใช้การได้จริงๆเนื่องจากมันถูกรองรับโดยระบบ”
แม้ว่าโจวเฉินจะยังไม่คิดจะสร้างกระทั่งหุ่นเชิดศิลาแบบง่ายที่สุดแต่เขาก็ยังเชื่อในความเป็นไปได้ของเนื้อหาในหนังสือเนื่องจากมันมาจากระบบและระบบก็อาจจะกล่าวได้ว่าสามารถทำได้ทุกอย่าง
“จากคำอธิบาย ระดับสูงที่สุดของหุ่นเชิดศิลาในระดับทองแดงขั้นต่ำดูเหมือนจะเป็นนักรบศิลาที่เราเคยเจอ เจ้าตัวนั้นมันก็ทรงพลังจริงๆนั่นแหละแต่จะสร้างได้ก็ต่อเมื่อเชี่ยวชาญในระดับปรมาจารย์แล้วเท่านั้น ส่วนหุ่นเชิดศิลาทั่วๆไปจะอ่อนแอกว่ามากและจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีพวกมันเยอะๆเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายิ่งเปลืองงบ”
หลังจากค้นคว้าอยู่ซักพักโจวเฉินก็รู้สึกว่าหุ่นเชิดศิลาพวกนี้ไม่ใช่อะไรที่คนจากครอบครัวธรรมดาๆควรจะเรียนรู้เลย สำหรับคนประเภทเขาแล้วให้เข้าสนามรบไปสู้ด้วยตัวเองยังง่ายกว่า
เขาปิดหนังสือลงและยัดมันกลับไปในช่องเก็บของก่อนจะพบว่าเขาได้รับข้อความมาโดยไม่รู้ตัว
[สายลมยามอรุณรุ่ง : หินสีดำที่นายได้มาจากเมืองใต้ดินคือหินปูนประดับสีดำใช่ไหม? สนใจจะขายรึเปล่า?]
เมื่อโจวเฉินเห็นข้อความนี้เขาก็ตอบกลับทันทีด้วยถ้อยคำเรียบง่ายตรงไปตรงมา
[ดวงดารา : หนึ่งล้าน]
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับ โจวเฉินไม่ได้แปลกใจเพราะเขาเองก็รู้สึกว่าราคานี้มันค่อนข้างสูงเกินไปหน่อย หินปูนประดับสีดำไม่ใช่วัสดุหุ่นเชิดศิลาที่ล้ำค่าอะไร เขาเรียกราคานี้ก็เพื่อให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสต่อรองเท่านั้น
ยังไงก็ตามหลังจากผ่านไปซักพักแทนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับโจวเฉินกลับได้รับข้อเสนอแลกเปลี่ยนแทน
[สายลมยามอรุณรุ่งได้ส่งข้อเสนอแลกเปลี่ยน – หนึ่งล้านเหรียญมังกรแลกกับหินปูนประดับสีดำ โปรดวางสิ่งของตามข้อแลกเปลี่ยนเพื่อให้การแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด]
“เชี่ย...เงินของยัยนี่เขาล่วงมาจากฟ้ารึไง?!”
โจวเฉินตกตะลึงยิ่งนักเมื่อเห็นเงินหนึ่งล้านเหรียญถูกวางเอาไว้ในช่องแลกเปลี่ยน