Chapter 72 : สิ้นสุด – ธุรกิจ
“นี่...มีเรื่องดีๆแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย?”
โจวเฉินที่เดินห่างออกมาจากบ้านแห่งความตะกละรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก เอาจริงๆแล้วเขาเลือกที่จะฆ่ามอนสเตอร์ประหลาดพวกนี้ก็เพราะรังเกียจและเพื่อความสบายใจส่วนตัวล้วนๆไม่ได้คิดถึงรางวัลใดๆเลยแต่ไม่คิดเลยว่ากลับบรรลุภารกิจลับเสียอย่างนั้น
“โชคของเราดีไม่น้อยเลย มาดูดีกว่าว่าสกิลแสงศักสิทธิ์นี่มีความสามารถแบบไหน”
โจวเฉินรีบหยิบคัมภีร์สกิลแสงศักสิทธิ์ออกมาจากช่องเก็บของเพื่อตรวจสอบในทันที
[คัมภีร์สกิลแสงศักสิทธิ์]
[ประเภท : คัมภีร์ระดับทองแดงขั้นต่ำ]
[คำอธิบาย : หลังจากใช้งานคัมภีร์นี้ท่านจะได้รับสกิลเรียกใช้งาน – แสงศักสิทธิ์(ทองแดงขั้นต่ำ)]
[คำอธิบาย2 : แสงศักสิทธิ์นี้มีความสามารถในการสังหารอันเดท มอนสเตอร์ประเภทวิญญาณและสิ่งมีชีวิตประเภทความมืดทั้งหลายที่มีระดับทองแดงขั้นต่ำได้ในครั้งเดียว ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตระดับทองแดงขั้นกลางและขั้นสูงจะได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วงแทน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อยได้อีกด้วย]
[โปรดจำ : ด้วยค่าสถานะจิตวิญญาณ2.1ในปัจจุบันของท่าน ท่านสามารถใช้สกิลแสงศักสิทธิ์นี้ได้เป็นเวลายี่สิบนาทีต่อวันเท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้วมันจะส่งผลต่อร่างกายของท่านเอง]
“ไล่ผีบวกกับฮีลนิดหน่อย...เป็นสกิลที่ไม่เลวแต่ดูเหมือนจะไม่เหมาะใช้กับคนเท่าไหร่”
โจวเฉินรู้สึกว่าสกิลแสงศักสิทธิ์นี้ค่อนข้างดีมากจึงฉีกคัมภีร์เพื่อทำการเรียนรู้ในทันที ไม่นานนักเขาก็พลันสัมผัสได้ถึงพลังงานอ่อนนุ่มสายหนึ่งที่ผสานเข้ากับร่างกายทำให้ร่างกายอันเหนื่อยล้าของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“แสงศักสิทธิ์!”
โจวเฉินเหยียดมือออกไปและเรียกใช้งานสกิล ไม่นานนักบอลแสงสีขาวที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวสิบเซนติเมตรก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาเหนือฝ่ามือของเขา แกนกลางของบอลแสงลูกนี้มีขนาดเท่ากับไข่ไก่เท่านั้นแต่แสงที่มันปล่อยออกมากลับไม่อาจดูถูกได้เลย ถ้ามีคนจ้องมองแสงนี้ตรงๆบางทีอาจจะตาบอดเอาได้ง่ายๆ
“นี่มัน...รู้สึกเหมือนคาถาลูกบอลหมุนๆ(กระสุนวงจักร)ในอนิเมะแนวนินจาเลยแต่ของเรานี่ดูเหมือนจะมีธาตุแสงทรงพลังมากทีเดียว”
หลังจากทดสอบความสามารถของสกิลแสงศักสิทธิ์ที่พึ่งได้มาใหม่อย่างง่ายๆไปหนหนึ่งแล้วโจวเฉินก็ปิดใช้งานมันเนื่องจากเขาพบว่าอัตราการเผาผลาญพลังงานของสกิลนี้ค่อนข้างสูงมาก เพียงไม่นานก็ทำให้จิตของเขาที่เหนื่อยอยู่แล้วรู้สึกล้าขึ้นไปอีก
“ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า”
หลังจากรู้ตัวแล้วว่าสภาพของตัวเองไม่ค่อยดีโจวเฉินจึงตัดสินใจว่าจะไม่ออกตามหาหีบสมบัติอีกและรีบจบภารกิจให้เร็วที่สุด
ยังไงซะกำไรที่เขาได้จากภารกิจเซอร์ไววัลหนนี้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาออกตามหามาก็นานมากแล้วแต่ยังไม่พบหีบสมบัติเลยซักใบดังนั้นต่อให้ใช้เวลาไปมากกว่านี้ก็คงเปล่าประโยชน์
หลังจากผ่านไปอีกราวๆชั่วโมงนึงโจวเฉินก็กลับมาถึงอาคมเคลื่อนย้ายได้สำเร็จ เมื่อมาถึงเขาก็เดินเข้าไปทันที
การเดินทางกลับมายังอาคมเคลื่อนย้ายของเขาไม่ได้ราบลื่นแต่อย่างใด เขาพบกับมอนสเตอร์ศิลาขวางทางอยู่หลายตัวแต่ด้วยความเสียหายมหาศาลจากขวานของเขาบวกกับความาสามารถในการหลบหนีชั้นยอดจากสกิลย่างก้าวสายลมทำให้เขาผ่านมาได้อย่างไม่ยาก
หลังจากเหยียบลงบนอาคมเคลื่อนย้ายเงาร่างของโจวเฉินก็หายไปจากจตุรัสใต้ดินและกลับมายังโซฟาในห้องรับแขกภายในห้องเช่าของเขา
[ท่านบรรลุภารกิจเซอร์ไววัลเรียบร้อยแล้ว รางวัลที่ได้รับ : คัมภีร์กายา(ทองแดงขั้นต่ำ)1ม้วน , เหรียญทอง(ทองแดงขั้นต่ำ) 1 เหรียญ , ขนมปังขาว(ทองแดงขั้นต่ำ) 1 ก้อน]
“คัมภีร์กายานี่โอเคนะแต่ไม่ใช่ว่าไอ้เหรียญทองกับขนมปังนี่มันเพ้อเจ้อไปหน่อยรึไง?”
โจวเฉินรู้สึกพูดไม่ออกกับรางวัลจากภารกิจเซอร์ไววัลหนนี้ยิ่งนัก แม้เขาจะโชคดีพอจึงได้คัมภีร์กายาซึ่งถือว่าเป็นคัมภีร์ที่มีค่าที่สุดในบรรดาคัมภีร์ค่าสถานะทั้งหมดที่เขาพูดถึงกันในฟอรั่มแต่ไอ้รางวัลสุ่มๆอีกสองอย่างนี่มันอะไรไม่ทราบ? ขนมปังขาวอย่างน้อยก็ยังใช้เป็นอาหารได้แต่เหรียญทองนี่เอาไว้ทำอะไร? เอาออกมาขายในฐานะของสะสมรึไง?
โจวเฉินหยิบคัมภีร์กายาออกมาจากช่องเก็บของและใช้งานมันทันที จากนั้นเขาก็เปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ
[ชื่อ : โจวเฉิน]
[ฉายา : นักลอบสังหาร]
[ร่างกาย : 2.2]
[ความเร็ว : 2.0]
[จิตวิญญาณ : 2.1]
[พรสวรรค์ : ช่วงชิงสกิลติดตัว]
[สกิลเรียกใช้งาน : ย่างก้าวสายลม (ระดับ2)]
[สกิลติดตัว : พิษซากศพ(ระดับ1) , พิษงู(ระดับ1) , พิษโลหิต(ระดับ1) , กระหายเลือด(ระดับ1) , เสริมแกร่งความเร็ว(ระดับ1) , เสริมแกร่งจิตวิญญาณ(ระดับ1) , เสริมแกร่งกายา(ระดับ1) , พลังช้างสาร(ระดับ1) , ศาสตร์การต่อสู้(ระดับ1) , ศาสตร์การใช้หอก(ระดับ1) , ศาสตร์การใช้มีด(ระดับ1) , มองเห็นในที่สลัว(ระดับ1) , มองเห็นในที่มืด(ระดับ1) , ฟื้นฟูพลังชีวิต(ระดับ1) , หายใจใต้น้ำ(ระดับ1) , กลั้นลมหายใจ(ระดับ1) , ฟื้นฟูร่างกาย(ระดับ1) , แปลงพลังงานแสง(ระดับ1) , ผิวทองแดงกระดูกเหล็ก(ระดับ1) , โมโนลิธ(ระดับ1) , ทรหด(ระดับ1)]
[พลังรบโดยรวม : ทองแดงขั้นกลาง]
หลังจากยืนยันแล้วว่าทุกอย่างบนหน้าต่างค่าสถานะปกติดีเขาจึงหยิบเหรียญทองที่มีขนาดเท่าฝาขวดขึ้นมาตรวจสอบเป็นลำดับต่อไป
เหรียญทองนี้ดูแล้วประณีตยิ่งนัก ด้านหนึ่งนั้นสลักรูปชายวัยกลางคนเอาไว้และอีกด้านมีลวดลายดอกไม้ล้อมรอบดาบและโล่เอาไว้ ดูจากลักษณะแล้วคล้ายกับเหรียญยุโรปในยุคโบราณยิ่งนัก
‘ระบบนี่กลับสร้างเหรียญแบบนี้ขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้...’
โจวเฉินบ่นอยู่ในใจและส่งเหรียญทองกลับเข้าไปนอนในช่องเก็บของตามเดิม
“ได้เวลาทำธุรกิจแล้ว”
หลังจากตรวจสอบของรางวัลเส้นสิ้นโจวเฉินก็เปิดหน้าต่างรายชื่อเพื่อนขึ้นมาและเริ่มตรวจสอบ
ชื่อเล่นของหญิงสาวผมยาวคือ ‘สายลมยามอรุณรุ่ง’ หลังจากใส่ชื่อเล่นลงไปเขาก็พบว่ามีเซอร์ไวเวอร์ไม่มากนักที่มีชื่อเล่นนี้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มตรวจสอบไปทีละคนเพื่อยืนยัน
ยังไงก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้หาจนพบเขากลับได้รับการแจ้งเตือนเสียก่อนว่ามีคนเพิ่มชื่อเขาเป็นเพื่อน ชื่อเล่นของคนที่แอดมาก็คือ ‘สายลมยามอรุณรุ่ง’
“รออยู่งั้นหรอ? ไม่สิเวลาในโลกแห่งความจริงมันผ่านไปพริบตาเดียวเท่านั้นดังนั้นเจ้าหล่อนก็น่าจะไม่ได้รอนานซักเท่าไหร่”
โจวเฉินปลายตามองชื่อของคนที่แอดมาเพื่อยืนยันว่าเป็นตัวหนังสือลับตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อยืนยันได้แล้ว เขาจึงตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของอีกฝ่าย
[สายลมยามอรุณรุ่ง : ถ้านายสนใจที่จะขายฉบับคัดลอกของหนังสือเล่มนั้นรบกวนช่วยติดต่อฉันกลับด้วย]
“เธออยากจะได้หนังสือนี่ขนาดนั้นเชียว? อย่าบอกนะว่ามันมีค่ามากจริงๆ?”
โจวเฉินคิดอยู่ซักพักและตัดสินใจตอบกลับ
[ดวงดาว : คืนนี้จะให้คำตอบ]
หญิงสาวส่งอีโมจิว่าโอเคมาอย่างรวดเร็ว
โจวเฉินปิดหน้าต่างรายชื่อเพื่อนลงและเริ่มทำการค้นหาหนังสือ ‘ตำราหุ่นเชิดศิลา’ ภายในตลาดซื้อขายในทันที จากนั้นเขาก็พบว่ามีคนขายเจ้าสิ่งนี้อยู่จริงๆแต่มีคนขายเพียงคนเดียวเท่านั้น ราคาเองก็สูงลิบลิ่วถึงสิบล้านเหรียญมังกร
“ไอ้หนังสือนี่มีค่าถึงสิบล้านเชียวหรอ? ไร้สาระน่าแต่ที่เจ้าหมอนี่ขายมันต้นฉบับนี่หว่า...”
โจวเฉินมองดูเวลาที่คนผู้นี้วางขายหนังสือและพบว่ามันผ่านมาเกือบจะครึ่งเดือนแล้ว มีรายงานการลดราคาอยู่หลายครั้งส่วนราคาเริ่มต้นที่อีกฝ่ายตั้งจริงๆนั้นคือยี่สิบล้าน
จากนั้นเขาจึงตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในฟอรั่มต่อ
อย่างแรกที่เขาค้นหาก็คือคำว่า ‘ตำราหุ่นเชิดศิลา’ แต่กลับไม่เจอผลลัพธ์ใดๆ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พูดคุยถึงหุ่นเชิดศิลา
“ดูเหมือนจำนวนของหนังสือเล่มนี้จะมีน้อยมาก มีแค่เซอร์ไวเวอร์ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีมัน”
โจวเฉินคิดกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็ค้นหาเกี่ยวกับหนังสือและบทความเหนือธรรมชาติและพลังเหนือมนุษย์ ในบรรดาหัวเรื่องเหล่านี้เขาได้ข้อมูลมามากมาย มีหนังสือวิชายุทธมากมายแสดงขึ้นมายกตัวอย่างเช่น ‘หมัดพยัคฆ์’ และ ‘ฝ่ามือเหล็ก’ บทความนั้นบอกเอาไว้ว่าทางองค์กรได้ทำการโปรโมตเกี่ยวกับวิชายุทธนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง
[องค์กรเซอร์ไวเวอร์ประจำจักรวรรดิมังกรทำการกว้านซื้อหนังสือประเภทเหนือธรรมชาติและเหนือมนุษย์ทุกรูปแบบมาเป็นเวลานานมากแล้ว ใครก็ตามที่สนใจอยากจะแลกเปลี่ยนโปรดติดต่อพวกเรา...]
“ทางองค์กรกำลังรวบรวมหนังสือประเภทนี้อยู่จริงๆด้วยแต่ ‘ตำราหุ่นเชิดศิลา’ ก็มีอยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนนี่น่า ทำไมพวกนั้นถึงไม่ซื้อไป? ทางองค์กรมีอยู่แล้วหรือคิดว่ามันแพงเกินไปรึเปล่า?”
โจวเฉินจ้องประกาศที่ทางองค์กรลงไว้และคิดถึงเหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุด