Chapter 71 : แสงศักสิทธิ์
หลังออกมาจากบ้านแห่งความตะกละการเดินทางส่วนที่เหลือก็ทั้งราบลื่นและน่าเบื่อในคราเดียวกัน พวกเขาไม่พบเจอหีบสมบัติใดๆอีกและพบเพียงมอนสเตอร์ศิลาที่ค่อนข้างอ่อนแอไม่กี่ตัวเท่านั้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นลวดลายทรงกลมที่ดูสับสนและเปล่งแสงจางๆออกมาอยู่ห่างไกลออกมา
พวกเขารู้ทันทีเลยว่านี่คืออาคมเคลื่อนย้ายสำหรับใช้เพื่อออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้เพราะระบบได้แจ้งเตือนเช่นนั้น
“ขอบคุณที่ช่วยมาตลอด เดี๋ยวฉันจะออกไปก่อนแล้วหลังจากนี้ค่อยมาคุยกัน”
หญิงสาวผมยาวเองก็ได้รับแจ้งเตือนจากระบบเช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าหล่อนเห็นอาคมเคลื่อนย้ายที่อยู่ไม่ไกลเจ้าหล่อนก็เอ่ยลาโจวเฉินและเดินตรงไปยังอาคมอย่างไม่รีรอ
เมื่อเงาร่างของเธอเหยียบลงไปบนอาคมเคลื่อนย้ายและหายตัวไปโจวเฉินก็อดถอนหายใจออกมาในใจไม่ได้ หญิงสาวคนนี้ไม่ได้สนใจในหีบสมบัติเลยซักนิดจริงๆและยิ่งไม่มีใจที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อหีบสมบัติเลยด้วย
“ลักษณะทางกายภาพของเธอก็ดูไม่แย่และอาวุธเองก็ไม่เลว หรือจะเป็นสายเปย์?”
เมื่อนึกไปถึงสีหน้าราบเรียบของหญิงสาวตอนที่เอ่ยบอกว่าจะแลกอาวุธระดับทองแดงขั้นกลางหรือเงินสองล้านเหรียญมังกรกับหนังสือหนึ่งเล่มโจวเฉินก็รู้สึกว่าเจ้าหล่อนอาจจะมีวิธีในการหาทรัพยากรของตัวเองโดยที่ไม่ใช่การสู้กับมอนสเตอร์แบบเขา
“หาหีบสมบัติต่อดีกว่า ถ้าไม่มีอะไรแล้วจริงๆก็ค่อยออกไปจากที่นี่”
โจวเฉินดึงความคิดของตัวเองกลับมาและจดจำตำแหน่งที่ตั้งของอาคมเคลื่อนย้ายเอาไว้ในใจก่อนจะหมุนกายจากไป
เดิมทีเขาวางแผนว่าจะย้อนกลับไปยังชั้นที่สองเพื่อเสาะหาหีบสมบัติแต่ตอนนี้เขาเสียพลังกายไปมากและอาวุธเองก็ได้รับความเสียหาย เมืองใต้ดินแห่งนี้เองก็ขนาดไม่ใช่เล็กและเขาก็รู้สึกได้ว่าไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานนักไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาเอาได้
หลังจากออกตามหาอีกซักพักแล้วไม่พบเจอสิ่งใดโจวเฉินก็ตัดสินใจหยิบมันเผาออกมากิน
เขาได้เจ้าสิ่งนี้มาจากภารกิจเซอร์ไววัลที่ป่าแห่งความเงียบ ในตอนนั้นเขาได้อาหารมาเยอะมากและมันเผานี่ก็คือส่วนที่เหลือมาจากตอนนั้น
หลังจากเติมพลังงานแล้วเขาก็ออกตรวจสอบรอบๆจตุรัสใต้ดินที่มีขนาดกว้างใหญ่สุดประมาณแห่งนี้ต่อ ระหว่างทางเขาได้ทำลายมอนสเตอร์ศิลาด้วยขวานไปอีกหลายตัวและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้พบคนคุ้นเคยสองคน ชายหนุ่มร่างกำยำที่ใช้กระบองและโล่กับชายวัยกลางคนท่าทางเจ้าเล่ห์
ดวงตาของคนทั้งสองเปล่งประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นโจวเฉินและจากนั้นก็รีบเอ่ยกับเขาว่า
“น้องชายพวกเรามารวมทีมกันดีไหม?”
ชายร่างกำยำที่เดิมทีไม่ค่อยพอใจโจวเฉินนักเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสอพลอ
“ไปด้วยกันอย่างน้อยก็ยังระวังหลังให้กันได้นะ”
ชายวัยกลางคนยิ้มให้โจวเฉินเช่นกัน
“ไม่จำเป็น”
โจวเฉินปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด
“ฉันชินกับการทำอะไรคนเดียวมากกว่า”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้วเขาก็หมุนกายจากไปทันที ชายร่างกำยำและชายท่าทางเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นดังนี้ก็รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาและทำได้เพียงออกตามหาอาคมเคลื่อนย้ายกันต่อเพียงสองคน
หลังจากนั้นซักพักโจวเฉินก็ยังคงไม่พบหีบสมบัติเพิ่มเติม ระหว่างทางเขาพบเพียงมอนสเตอร์ศิลาเท่านั้นซึ่งพวกมันก็ถูกเขาจัดการเช่นเดิม ก่อนที่ไม่นานนักเขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมา
เขาหันไปตามที่มาของเสียงและเห็นร่างของสตรีตัวเล็กกำลังวิ่งเข้ามา
หญิงสาวตัวเล็กคนนี้กำลังถูกเงาร่างประหลาดและมีท่าทางดุร้ายไล่ล่า
โจวเฉินลองเพ่งมองและพบว่าเงาร่างเล็กๆที่กำลังวิ่งมานั้นเป็นหญิงสาวตัวเล็กที่เขาเคยช่วยเอาไว้ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งตอนที่เธอถูกพวกตัวกินสมองโจมตี มาตอนนี้เขาไม่เห็นชายหนุ่มท่าทางสุภาพที่อยู่กับอีกฝ่ายก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนเงาร่างดุร้ายที่ไล่ตามมาจากทางด้านหลังนั้นเป็นสตรีสองคนที่โจวเฉินกำลังตามหาอยู่ พวกนั้นได้เผยร่างที่แท้จริงออกมาแล้ว ร่างกายของพวกเธอแตกหักพังทลายและผสมผสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นอสูรร้ายน่าหวาดหวั่นที่มีหัวเละๆสองหัว สี่แขนและสี่ขาราวกับอสูรในตำนาน
“ทั้งสองคนนี้ตายไปนานแล้วจริงๆด้วย ให้เดาก็น่าจะตายด้วยเงื้อมมือของนักรบศิลาตัวนั้นนั่นแหละ”
โจวเฉินสังเกตุลักษณะน่าหวาดหวั่นที่พวกนั้นแสดงให้เห็นและประเมินออกมาคร่าวๆ
“วิ่ง!”
หญิงสาวร่างเล็กวิ่งค่อนข้างเร็วมาก เจ้าหล่อนหันมาเตือนเขาหนหนึ่งก่อนจะวิ่งผ่านไป
โจวเฉินไม่สนใจคำกล่าวของเธอและไม่ได้หลบหนีด้วยเช่นกัน กลับกันเขายังคงยืนนิ่งและสังเกตดูมอนสเตอร์ที่กำลังพุ่งเข้ามา
“เจ้าตัวนี้ค่อนข้างประหลาดอยู่เหมือนกันแต่ก็น่าจะทำลายทิ้งได้ โชคไม่ดีที่กระบี่กับดาบที่ทั้งสองคนเคยใช้ดูเหมือนจะหายไปแล้ว”
โจวเฉินพบว่าอสูรร้ายที่เกิดขึ้นมาจากซากศพของสตรีทั้งสองนั้นไม่มีอาวุธที่ทั้งสองคนเคยใช้ติดอยู่กับตัวอีกต่อไป ดูแล้วอีกฝ่ายน่าจะสูญสิ้นสติสัมปชัญญะหลังจากกลายเป็นอสูรและไม่อาจใช้อาวุธได้ ไม่อย่างนั้นแล้วโจวเฉินคงได้กำไรเพิ่มอีกนิดหน่อยจากการชิงอาวุธพวกนั้นมา
อสูรร้ายที่ก่อตัวขึ้นจากซากศพยิ่งมาก็ยิ่งเข้าใกล้โจวเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นดูจากทิศทางที่หัวเละๆทั้งสองหัวเล็งมาแล้วเห็นได้ชัดเลยว่าเป้าหมายของมันเปลี่ยนมาเป็นโจวเฉินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โจวเฉินเองก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขารีบหมุนตัวและออกวิ่งทันที เขาวางแผนว่าจะใช้เจ้าสิ่งนั้นจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้
นั่นก็เพราะว่าเขาเคยมีประสบการณ์มาแล้วว่าเจ้าตัวพวกนี้มันอึดขนาดไหนเมื่อครั้งตอนที่สู้กับชายหนุ่มผมเทาที่กลายร่าง การโจมตีปกติแทบจะไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลยถ้าอยากจะจัดการพวกมันต้องทำลายทิ้งให้เด็ดขาด
มอนสเตอร์ตัวนี้เองก็ค่อนข้างเร็วแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับโจวเฉิน เขาไม่จำเป็นต้องเปิดใช้สกิลย่างก้าวสายลมด้วยซ้ำไม่เช่นนั้นแล้วเจ้ามอนสเตอร์นี่คงถูกสะบัดจนหลุดเป็นแน่
ยี่สิบนาทีให้หลังโจวเฉินก็นำเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้มาถึงสิ่งก่อสร้างที่ทำจากหินแห่งหนึ่งหรือก็คือบ้านแห่งความตะกละนั่นเอง
เจ้านี่แหละคือขุมกำลังหลักที่เขาวางแผนจะใช้ในการจัดการกับมอนสเตอร์ตัวนี้
อ๊า!
หัวเละของสตรีทั้งสองหัวของอสูรซากศพส่งเสียงกรีดร้องชวนหดหู่ออกมา ขาทั้งสี่ข้างของพวกมันวิ่งกวดเข้าใส่โจวเฉิน โจวเฉินที่ยืนนิ่งๆอยู่หน้าบ้านแห่งความตะกละมองดูมอนสเตอร์ที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆด้วยสายตาเฉยเมย จากนั้นในตอนที่เขากับมันอยู่ห่างกันราวๆสามเมตรเขาก็พลันเปิดใช้สกิลย่างก้าวแห่งสายลมและกระโดดขึ้นไปด้านบน ทำให้เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้พุ่งผ่านจุดเดิมที่เขาอยู่และทะลุผ่านประตูของบ้านแห่งความตะกละเข้าไป
เจ้ามอนสเตอร์ที่เกือบจะหลุดเข้าไปด้านในพยายามใช้รยางค์ทั้งแปดของมันคว้าขอบประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้หลุดเข้าไปลึกกว่านี้
“ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นภัยกับแกจริงๆสินะ...”
โจวเฉินเข้าใจได้ทันที เห็นแบบนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าบ้านแห่งความตะกละนั้นสามารถทำลายเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ได้แน่นอน เขาเปิดใช้งานสกิลลอยตัวของย่างก้าวแห่งสายลมก่อนจะพุ่งเข้าใส่ร่างของมอนสเตอร์ซากศพที่ยืนขวางประตูบ้านแห่งความตะกละเอาไว้และใช้หอกกระแทกเข้าไปที่ร่างของมันอย่างแรง
ด้วยความช่วยเหลือของโจวเฉินเจ้ามอนสเตอร์นี่จึงหลุดเข้าไปด้านในในที่สุด ประตูเองก็ปิดลงดัง ‘ปัง’ จนทำให้ปลายหอกของโจวเฉินแตกกระจายไปด้วย
โจวเฉินไม่มีเหตุผลให้ต้องเสียใจเพราะผ่านไปอีกซักพักหอกนี้มันก็คงพังยับอยู่แล้ว
หลังจากประตูของบ้านแห่งความตะกละปิดลงเสียงอื้ออึงก็ดังตามขึ้นมาเหมือนเช่นคราวก่อนราวกับเสียงยักษ์กำลังเคี้ยวอาหาร
กระบวนการนี้นานกว่าครั้งที่แล้ว โจวเฉินไม่คิดจะรอจึงหันกายและจากมาทันที เขาคิดว่าจะลองออกตามหาหีบสมบัติต่ออีกซักหน่อย ถ้ายังไม่เจออะไรอีกก็คิดว่าจะออกจากที่นี่ซักที
ยังไงก็ตามเพียงเดินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ในหัวของเขาก็พลันมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
[ตรวจพบว่าท่านมีส่วนร่วมในการสังหาร ‘สิ่งผิดปกติ’ ทั้งหมดในดันเจี้ยนแห่งนี้ ภารกิจลับเสร็จสิ้น : สังหารพวกสิ่งผิดปกติ...รางวัล : คัมภีร์สกิล – แสงศักสิทธิ์]