บทที่ 19 ค่ายกลเจ็ดดาว
"อะไรนะ ลู่อวิ๋นหายไปแล้ว!"
ลู่หยวนโหวได้ยินคนเข้ามารายงาน ลุกยืนขึ้นในทันที
เมื่อถูกข่มขู่ด้วยค่ายกลมังกรเก้าพิทักษ์ของลู่อวิ๋น ผู้ฝึกยุทธ์เซียนในเมืองไม่กล้าไปหาเรื่องกับลู่อวิ๋น ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะไปสอดแนมเขา
อย่างน้อยเพื่อไม่ให้ผู้ชายคนนั้นเห็นว่าพูดจาขัดหู จากนั้นเปิดค่ายกลยักษ์ ทำลายพวกเขาทั้งหมดอยู่ที่ตรงนี้
สองสามวันหลังจากลู่อวิ๋นออกจากเมืองเฉวียนโจว จึงมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์เซียนตระกูลชั้นสูงของเมืองเฉวียนโจวเท่านั้นที่สังเกตเห็นความผิดปกติ
ในตอนนี้ จวนผู้ว่าราชการผู้คนลาลับห้องหับว่างเปล่า
"ในเมื่อเขาออกเมืองเฉวียนโจวแล้ว นั่นก็คือเขากำลังหาที่ตาย… ไล่ล่าให้กับข้า!"
ลู่หยวนโหวสั่งการทันที
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้ เซียนสี่คนภายใต้คำสั่งของลู่หยวนโหวถูกลู่อวิ๋นสังหาร กลับกลายเป็นทหารหยินของลู่อวิ๋น… คนที่สั่งได้ ก็มีแต่เพียงผู้ใต้บังคับบัญชาของเฟิงหลี
ในเรื่องนี้ เฟิงหลีไม่กล้ามีข้อโต้แย้งใดๆ
ที่แดนสวรรค์หลางเสี๋ยทั้งหมด เฟิงหลีไม่มีอะไรมากไปกว่าคุณชายที่ไม่ได้รับการสนับสนุน ถ้าไม่ใช่เพราะกอดขาหนาใหญ่ของรัชทายาท เรื่องของที่นี่ก็จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา
แต่อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนโหวเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของต้นตระกูลลู่ ถึงจะยังไม่เป็นเซียน แต่ก็เป็นบุคคลในช่วงเวลานั้นของแดนสวรรค์หลางเสี๋ยเช่นกัน
อีกนัยหนึ่ง หากว่าลู่หยวนโหวสังหารเฟิงหลี รัชทายาทก็ทำได้เพียงส่งคนอื่นไปแทนอย่างโดยดีเท่านั้น
"พี่ลู่ไม่ต้องทำเช่นนี้!"
เฟิงหลีรีบหยุดลู่หยวนโหว "ลู่อวิ๋นตอนนี้ยังเป็นผู้ว่าราชการเฉวียนโจว เป็นคนของแดนสวรรค์หลางเสี๋ย หากไล่ล่าฆ่าอย่างโจ๋งครึ่ม ข้าเกรงว่าจะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หากจักรพรรดิแห่งสวรรค์รับรู้ จะต้องมีความผิดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
"หือ?"
ลู่หยวนโหวขมวดคิ้ว "แล้วเจ้าคิดว่าไง"
ลู่หยวนโหวไม่รู้ว่าผู้เฒ่าของตระกูลทำอะไรทิ้งไว้บนโอสถทองเก้าทวาร
"เราไปที่เทศมณฑลฉวนสุ่ยและรอเขาที่นั่น! เขาต้องไปที่เทศกาลฉวนเหอ… ถ้าเขาไม่ไป ข้าคนเดียวก็จะสามารถกล่าวประณามเขา ปลดเขาออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการเฉวียนโจวได้"
เฟิงหลีกุมไข่มุกแห่งปัญญาไว้ในมือ
เทศกาลฉวนเหอได้รับการอนุมัติจากราชสำนักแดนสวรรค์หลางเสี๋ย สำหรับเทศกาลฉวนเหอที่จัดขึ้นครั้งเดียวในทุกหนึ่งร้อยปี ผู้ว่าราชการเฉวียนโจวต้องไปด้วยตนเอง
เฉวียนโจวมีปีศาจชั่วร้ายที่เกินกว่าระดับจักรพรรดิอยู่ในสุสาน ราชสำนักแดนสวรรค์หลางเสี๋ยได้ส่งเซียนระดับสูงหลายคนมาตรวจสอบที่นี่อย่างต่อเนื่อง แต่ทันทีที่เข้าไปในเฉวียนโจว พวกเขาก็ถูกปีศาจชั่วร้ายในสุสานกลืนกิน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เฉวียนโจวกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับเซียนระดับสูง เซียนที่มีระดับเซียนทองคำขึ้นไป ถ้าเข้าไปก็จะต้องตาย
อีกทั้งเทศกาลฉวนเหอได้กลายเป็นประเพณีในเฉวียนโจวมานับพันปี ผู้ว่าราชการเฉวียนโจวที่สืบต่อเนื่องกันมาของเฉวียนโจว ไม่มีใครกล้าไม่ไป
…
เทศมณฑลฉวนสุ่ยอยู่ทางตอนเหนือของเฉวียนโจว ใกล้กับทะเลเหนือ
เทศกาลฉวนเหอจะจัดขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำฉวนเหอในเทศมณฑลฉวนสุ่ย
ในโรงเตี๊ยมของตัวเมืองเทศมณฑลฉวนสุ่ย ลู่อวิ๋นมาพร้อมกับว่านเฟิงและเก่อหลง
ยู่หยิงไม่ได้ติดตามเขา แต่เข้าไปในประตูนรกแทน
ตอนนี้ ยู่หยิงคือทูตแห่งสังสารวัฏของลู่อวิ๋น สภาพแวดล้อมในประตูนรกมีประโยชน์อย่างมากกับนาง การฝึกยุทธ์ในประตูนรกก็ดีสำหรับการกู้คืนพลังยุทธ์ของนางด้วย
"คุณชายท่านนี้ นายท่านของข้าขอเชิญท่านไปพบ"
ขณะที่ลู่อวิ๋นเพิ่งย้ายเข้ามาไม่นาน ก็มีคนมาหาที่ประตู
หัวใจของลู่อวิ๋นเต้นอย่างแรงในฉับพลัน
"ทำไมเจอข้าเร็วนัก?"
เมื่อตอนที่เขาออกมาข้างนอก ลู่อวิ๋นได้ทำการปลอมตัว แม้ว่าว่านเฟิงจะยืนอยู่ต่อหน้าลู่อวิ๋นก็ตาม นางก็จะจำเขาไม่ได้
แต่ไม่ได้คาดหวังว่า
ทันทีที่มาถึงเทศมณฑลฉวนสุ่ย คนของผู้ว่าการเทศมณฑลก็มาถึงในที่สุด
"นายท่านของเจ้าคือใคร"
ลู่อวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย
"นายท่านของข้าคือผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ย"
ชายคนนั้นมองไปที่ลู่อวิ๋น และหัวเราะออกมาเบาๆ
"กลายเป็นผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ยนี่เอง"
ลู่อวิ๋นพยักหน้า ต่อจากนั้นเขาก็พูดกับว่านเฟิงและเก่อหลงว่า "ว่านเฟิง เก่อหลง พวกเจ้าทั้งสองรออยู่ที่นี่”
"ขอรับ-เจ้าคะ"
ว่านเฟิงยังต้องการติดตามลู่อวิ๋น แต่เมื่อเห็นสีหน้าของลู่อวิ๋น นางก็ได้แต่พยักหน้า
ส่วนเก่อหลง เขาไม่ได้กังวลอะไรทั้งสิ้น
ประตูนรกมีผีระดับเซียนสี่ตน เพียงแค่ความคิดของลู่อวิ๋น ผีทั้งสี่ก็จะปรากฏตัว ไร้ผู้ที่จะคุกคามความปลอดภัยของลู่อวิ๋นในเมืองฉวนสุ่ยได้
แม้ลู่อวิ๋นจะออกมาครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะแอบออกมา แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยไว้เล็กน้อย จุดประสงค์ก็คือเพื่อที่จะขุดหลุมศัตรูสองสามคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
เป็นผลให้ ผู้คนที่หวาดกลัวลู่อวิ๋นเหล่านั้น แม้ว่าทุกคนจะปรารถนาให้ลู่อวิ๋นตายในทันทีก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าตรวจสอบเขามากเกินไป ทำให้ตลอดทางเรื่อยมาจากเมืองเฉวียนโจวสงบเงียบ
…
"ช่างสมกับเป็นผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ย!"
มาถึงประตูจวนของเจ้าเมือง ลู่อวิ๋นก็มองดูฮวงจุ้ยจวนอยู่ชั่วขณะ และก็อดไม่ได้ที่จะกระดกลิ้นชื่นชม
"นี่มันจวนผู้ว่าการที่ไหนกัน นี่มันจวนของชนชั้นสูงผู้เป็นบุตรแห่งสวรรค์ชัดๆ ที่มาของผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ยคงไม่ธรรมดาอย่างที่คิด”
ในขณะเดียวกัน ลู่อวิ๋นก็เพิ่มความระแวดระวังในใจของเขา
รูปแบบฮวงจุ้ยของจวนผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ยกำลังรุ่งเรือง แข็งแกร่งกว่ารูปแบบฮวงจุ้ยของจวนผู้ว่าราชการมณฑลหลายพันเท่า
พลังอำนาจของผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ยดีกว่าผู้ว่าราชการเฉวียนโจวของลู่อวิ๋นอย่างมาก
คนรับใช้ของจวนผู้ว่าการพาลู่อวิ๋นเดินผ่านประตูหลักของจวนผู้ว่าการ พาอ้อมไปที่ประตูหลังของจวนเจ้าเมือง แล้วก็เข้าไปทางประตูหลัง
ประตูหลังของจวนผู้ว่าการนำไปสู่สวนด้านหลังของจวนผู้ว่าการ
พอเข้าสวนหลังจวนนี้ ลู่อวิ๋นก็ตัวแข็งทื่ออีกครั้ง
"นี่… ค่ายกลเจ็ดดาว"
ลู่อวิ๋นเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากตอนนี้เป็นเวลากลางคืน เช่นนั้นลู่อวิ๋นจะต้องสามารถมองเห็นดาวกระบวยเหนือท้องฟ้าและสอดประสานเข้ากับรูปแบบฮวงจุ้ยของที่แห่งนี้
"นี่น่าจะเป็นค่ายกลที่ทรงอำนาจมาก แต่ตอนนี้ของข้าเป็นเพียงแค่กึ่งผู้เชี่ยวชาญค่ายกลที่ทำได้เพียงครึ่งๆ กลางๆ ข้าจึงยังไม่เห็นว่ามีอะไรลึกลับเกี่ยวกับค่ายกลนี้”
แต่ถึงแม้ว่า ลู่อวิ๋นจะไม่สามารถมองทะลุผ่านค่ายกลได้ แต่เขาก็รู้จักรูปแบบฮวงจุ้ยของที่นี่ ช่องโหว่ของรูปแบบฮวงจุ้ย นั่นก็คือข้อบกพร่องของค่ายกล
"ท่านผู้ว่าราชการ ที่แห่งนี้เป็นที่พักหลักของผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ย อย่าวิ่งวุ่นวาย หากสูญเสียชีวิตเพราะเหตุนี้ จะโทษคนอื่นไม่ได้!”
ทันใดนั้น คนรับใช้ข้างๆ ลู่อวิ๋นก็ยิ้มเล็กน้อย ทันทีที่ร่างของเขาขยับ เขาก็หายไปต่อหน้าลู่อวิ๋น
โอม――
ทันใดนั้น เสียงค่ายกลก็ดังออกมาจากข้างกายลู่อวิ๋น
ฟ้าดินทั้งหมดมีการเปลี่ยนแปลง
เกล็ดหิมะขนาดเท่าฝ่ามือ เทลงจากความว่างเปล่า
แต่เกล็ดหิมะเหล่านี้ไม่ใช่เกล็ดหิมะจริง แต่เป็นเส้นสายของปราณกระบี่ที่คมชัดอย่างยิ่งซึ่งควบแน่นและไม่กระจาย รวมตัวเป็นรูปเกล็ดหิมะ
"ผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ยต้องการฆ่าข้างั้นหรือ?"
ลู่อวิ๋นมีสีหน้ามืดมน "ไม่ถูกต้อง ทันทีที่ชายคนนั้นพาข้าเดินไปทั่วเมือง เขาเดินผ่านประตูจวนหลักของเมืองฉวนสุ่ย เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ทุกคนเห็นข้าเข้ามาในจวนหลัก… ถ้าเป็นเช่นนั้น หากข้าตายในที่แห่งนี้ ผู้ว่าการเมืองฉวนสุ่ยนี้จะเป็นคนแรกที่โชคร้าย”
"แต่บุคคลนั้นสามารถพาข้ามาที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย เขาคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าเขาคนของจวนหลักของเมืองฉวนสุ่ย"
ลู่อวิ๋นโยกซ้ายขวาเบาๆ หลบเกล็ดหิมะ ในตอนนี้ที่เขายืนอยู่นี้ เป็นจุดบอดของพื้นที่ที่ค่ายกลเจ็ดดาวนี้ครอบคลุม
หิมะโดยรอบเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ลู่อวิ๋นเหมือนเดินอยู่ในสวน ท่ามกลางหิมะนี้ ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
จริงอยู่ที่ลู่อวิ๋นเป็นผู้เชี่ยวชาญค่ายกลที่เพิ่งเริ่มต้น… แต่ความสำเร็จทางด้านฮวงจุ้ยของเขานั้นมาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว
เขาได้เรียนรู้หลักสูตรโมจิน(1) ซึ่งนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์โมจินคือโจรปล้นสุสานที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ค่ายกลเจ็ดดาวข้างหน้านี้ช่างงดงาม แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่าตอนจบ ในสายตาของลู่อวิ๋น มันมีช่องโหว่อยู่ทุกแห่งหน
แม้กระทั่งลู่อวิ๋นในตอนนี้ หากต้องทำลายค่ายกลนี้ ก็เพียงแค่ต้องใช้วิธีบางอย่างเท่านั้น
รูปแบบฮวงจุ้ยของสุสานโบราณบนโลกนั้น มันมีสถานการณ์ซับซ้อนกว่านี้ร้อยเท่า
ติง ติง ตัง ตัง ――
ยามที่เขาเดินไปนั้น หิมะหนาหนักที่ควบแน่นจากปราณกระบี่ก็เริ่มบางลงเรื่อยๆ ได้ยินเสียงที่คมชัดและไพเราะของกู่ฉินดังมาจากระยะไกล
อดไม่ได้ ลู่อวิ๋นเดินออกจากค่ายกลเจ็ดดาวตามเสียงกู่ฉินไป
มันเป็นสถานที่น่ามอง เป็นทะเลสาบขนาดเล็ก กลางทะเลสาบ มีเก๋งจีนเล็กๆ ตั้งอยู่กลางทะเลสาบ
ในเก๋งจีนริมทะเลสาบนั้น เด็กสาวในชุดผู้ชายกำลังเล่นกู่ฉินอยู่
เด็กสาวชุดชายนี้ดูเหมือนจะมีอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ใบหน้าสวย ผิวขาวราวกับหิมะที่สามารถแตกสลายได้จากการเป่า ผมยาวดุจปุยเมฆของนางถักเป็นรูปมงกุฎ ใส่เสื้อสีเขียว ดูองอาจกล้าหาญ
ที่สำคัญก็คือ… บนร่างของเด็กสาวชุดชายนี้ ลู่อวิ๋นรู้สึกถึงกระแสพลังที่คุ้นเคย กระแสพลังเซียน
เด็กสาวชุดชายนี้เป็นเซียนอย่างน่าประทับใจ
ดูเหมือนจะรับรู้ถึงการมาถึงของลู่อวิ๋น เด็กสาวชุดชายได้หยุดเล่นกู่ฉิน
"มิทราบว่าท่านผู้ว่าราชการกำลังมา เจ้าหน้าที่ระดับล่างมิได้ออกไปต้อนรับ โปรดขออภัยท่านผู้ว่าราชการด้วย”
เด็กสาวชุดชายนี้ก้มหน้าเล็กน้อยให้กับลู่อวิ๋น
—-----------------------------------------------------
(1) 摸金 โมจิน แปลว่า สัมผัสทอง เป็นอาชีพทางประวัติศาสตร์ในยุคสามก๊ก โจโฉจะใช้กองทัพไปขุดสุสานของเจ้าชายและขุนนางในราชวงศ์ก่อน ๆ และแม้กระทั่งสุสานของราชวงค์ฮั่น ผู้คนเรียกกองทัพนี้ว่า นายทหารโมจิน