ตอนที่ 95 ครอบครัวแกรนท์ออกเดินทาง (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 95 ครอบครัวแกรนท์ออกเดินทาง
จูลี่ใช้เวลากว่า 5 วินาทีถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอขายบ้านได้แล้ว "อา... ขอแสดงความยินดีกับบ้านใหม่ของคุณค่ะ คุณแกรนท์"
ตอนนี้เธอปฏิบัติต่อแม็กนัสด้วยความยำเกรงขั้นสูงสุด
“โอเคฮะ แม่ พ่อ เรามาชมบ้านใหม่กันดีกว่าฮะ คราวนี้เดินดูแบบชิลๆ ทำไมวันพ่อไม่สั่งพิซซ่ามากินกันล่ะฮะ ผมหิวแล้ว” แม็กนัสเสนอ
อดัมมองดูนาฬิกาและเห็นว่ายังมีเวลาอีกเยอะก่อนจะเข้างาน “ได้เลยแม็ก”
เมื่อจูลี่กับเท็ดถูกปล่อยให้อยู่กันตามลำพัง ในที่สุดจูลี่ก็ถามจนได้ “เด็กนั้นเป็นใครหรอคะ? เขาตัดสินใจพวกสัญญาได้ยังไงกัน?”
เท็ดกระแอมในลำคอและตอบว่า "คุณจำเขาไม่ได้จริงๆ เหรอครับ? เขาคือแม็กนัส แกรนท์ ผู้รับเหรียญกล้าหาญจอร์จ ครอสที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้เขายังเป็นอัจฉริยะด้วย จบมัธยมปลายแล้วตอนนี้เขาอายุเพียง 11 ขวบ แล้วเขาเป็นถึงเจ้าของบริษัทส่วนตัวด้วยซ้ำ เขาเป็นคนซื้อบ้าน ไม่ใช่พ่อแม่เขา”
-_-
เรื่องนี้ทำให้จิตใจของจูลี่ปลิวไปทันที "เอ่อ... ส-สิบเอ็ดขวบเหรอคะ? บ-บ้าไปแล้ว คุณคิดว่าเขาจะซื้อพวกอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในภายหลังหรือเปล่าคะ?”
เท็ดพยักหน้า "แน่นอนครับ เขาเป็นนักลงทุนที่กระตือรือร้นในด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างยิ่ง ตราบเท่าที่เขาสามารถหาอสังหาริมทรัพย์ที่เหมาะสม ใหญ่โต หรูหรา หรือแม้แต่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ เขาก็จะซื้อมันทันที"
จูลี่แอบถึงจุดสุดยอดทันทีที่ได้ยิน สิ่งที่เท็ดบอกเธอดุจเสียงดนตรีที่ไพเราะที่สุดขับกล่อมกระแทกเข้ารูหูเธอโดยตรง "นั่นวิเศษมากเลยค่ะ โปรดแนะนำฉันด้วยนะคะหากเขากำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม ฉันขอเบอร์ติดต่อคุณได้ไหมคะ ถ้าฉันพบที่ดีๆ ฉันจะรีบบอกคุณก่อนใครเลย”
เท็ดยื่นนามบัตรให้เธอและเข้าไปข้างในเพื่อเข้าร่วมฉลองบ้านใหม่กับแม็กนัส คำชมทั้งหมดที่เท็ดร่ายถึงแม็กนัสเมื่อครู่นั้น ตัวแม็กนัสเป็นคนวางแผนเองทั้งหมด
แม็กนัสบอกให้เท็ดบอกใครก็ตามที่ถามว่าเขาเป็นใคร เก่งและอัจฉริยะขนาดไหน แม็กนัสรู้ว่าทั้งหมดนี้จะช่วยเขาได้ในภายหลัง มันเป็นกลยุทธ์สำหรับอนาคต
…
หลังจากซื้อบ้านหลังใหม่และฉลองด้วยการกินพิซซ่าด้วยกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่แม็กนัสจะต้องกลับบ้านและปล่อยให้พ่อแม่ของเขาไปทำงาน จากโทรศัพท์บ้าน พ่อแม่ของเขาเรียกรถทหารให้ตัวเอง ขณะที่เท็ดขับรถพาแม็กนัสและรักนาร์กลับไปที่บ้านเลขที่ 10 ซอยพรีเว็ต
เมื่อแม็กนัสไปถึงที่นั่น เขาเห็นบ็อบบี้กำลังรอเขาอยู่นอกบ้าน เขาไม่รู้ว่าทำไมบ๊อบบี้ถึงมาหาในวันนี้ เพราะตอนนี้เขาควรจะไปโรงเรียนแล้ว
ทันทีที่แม็กนัสลงจากรถ บ็อบบี้ก็มาหาเขาและพูดว่า "นายพูดถูก พ่อของฉันเป็นมะเร็ง แต่อยู่ในระยะแรก สามารถรักษาให้หายได้ง่าย"
แม็กนัสตบไหล่บ็อบบี้อย่างเห็นใจ "ดูแลเขาให้ดีล่ะ ฉันบอกรักนาร์กับสเนปให้ปรุงยาเพื่อสุขภาพไว้นานแล้ว พวกเขาทำสำเร็จแล้ว ไม่มีอะไรที่พลิกแพลงเกินไป มันแค่ช่วยให้ร่างกายได้รับการบำรุงและรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มันจะช่วยพ่อของนายได้ตอนเขาเริ่มใช้ยา”
รักนาร์วิ่งเข้าไปในบ้านและนำขวดยามาให้ "เอ้านี่ บ๊อบบี้ นี่คือยา วันละ 3 ครั้ง หนึ่งช้อนชากับนมหนึ่งแก้ว"
แม็กนัสเห็นหน้าเครียดๆ ของบ็อบบี้ก็พาเขาเข้ามาในบ้าน “ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า มันอยู่ในระยะเริ่มต้น เขาจะสบายดีในไม่ช้า นอกจากนี้ นายยังมีเพื่อนเป็นพ่อมดนะ เราพร้อมช่วยเหลือนายทุกอย่างอยู่แล้ว ยังไงก็เหอะลองเดาดูซิ ว่าเราไปไหนกันมา? ฉันซื้อบ้านหลังใหญ่หลังใหม่ล่ะ”
"อะไรนะ? ทำไมล่ะ?" บ๊อบบี้ถาม
"เมื่อคืน เราถูกลอบโจมตีโดยพวกผู้เสพความตาย พวกเขาจะมาจับฉันไป มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก แต่ฉันสามารถกำจัดพวกมันออกไปได้ 4 ตัว" แม็กนัสกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
"นี่นายอายุแค่ 11 ขวบแถมยังไม่ได้เป็นกษัตริย์ด้วยซ้ำ ยังต้องเผชิญหน้ากับการพยายามลอบสังหารและลักพาตัวแล้วหรอ ฉันเดาไม่ถูกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนนายขึ้นครองราชย์" บ๊อบบี้พึมพำ
"เมื่อฉันขึ้นเป็นกษัตริย์ ฉันจะสามารถฆ่าพวกมันโดยที่ประกาศเรื่องนี้แก่สาธารณชน” แม็กนัสตอบและเข้าไปในบ้านของเขา
"เอ็บ จอร์จ ทำอาหารดีๆ ให้เรากินหน่อยสิ” แม็กนัสบอกพวกเอลฟ์
“ครับท่าน” ทั้งสองยุ่งอยู่ในครัว
บ๊อบบี้อ้าปากค้างเมื่อเห็นสัตว์ประหลาด "พ-พวกเขาเป็นใครน่ะ?"
"พวกเขาเป็นสายพันธุ์ที่น่าสงสารมากเลยเพื่อน ถูกกระทำการให้เป็นทาส โดนบังคับใช้แรงงาน และครอบงำความคิดที่ถูกบังคับให้เปลี่ยนตามเจ้านาย” แม็กนัสตอบ
“พวกเขาเป็นทาสหรอ?” บ๊อบบี้ถาม
"เปล่าๆ พวกเขาไม่ใช่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ที่นี่ พวกเขาเป็นเอลฟ์ประจำบ้าน พวกเขาต้องอาศัยพลังเวทมนตร์ของนายจ้าง นายน่าจะจินตนาการถึงการเอารัดเอาเปรียบที่พวกเขาอาจได้รับจากสิ่งนั้นได้นะ ตระกูลเลือดบริสุทธิ์ในอังกฤษถือว่าพวกเขาเป็นทาส” แม็กนัสชี้แจง
"อืม... พวกเหยียดเชื้อชาติ ฆาตกร ทาส... นี่ยังเหลืออะไรอีกไหมในโลกผู้วิเศษเนี่ย ฉันก็นึกว่าพวกเขาน่าจะดีกว่านี้ซะอีก" บ๊อบบี้ผิดหวัง
แม็กนัสถอนหายใจ “ฉันก็ถามคำถามนี้อยู่ทุกวัน บ็อบบี้”
...
วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟอย่างเป็นทางการ แม็กนัสต้องกลับไปที่ฮอกวอตส์ในวันที่ 2 มกราคม
แต่คืนนี้ เขาจะพาพ่อแม่ไปที่คาเมล็อต เขาต้องการให้พวกเขาเห็นว่าความหมายที่แท้จริงของการเป็นทายาทของเมอร์ลินและอาเธอร์คืออะไร เขานึกภาพใบหน้าที่ตกตะลึงของแม่ไว้แล้ว แต่เขาจำเป็นต้องแน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้กินอะไรก่อนที่จะไปใช้กุญแจนำทางที่นั่น
เกรซและอดัมเพิ่งกลับมาจากการทำงาน และแม็กนัสทิ้งระเบิดตู้มใหญ่ทันที "
แม่ฮะพ่อฮะ วันนี้ผมอยากพาพวกท่านไปที่คาเมล็อตฮะ มันเป็นเกาะลับที่มีปราสาทใหญ่ขนาดมหานครเลยฮะ"
เกรซและอดัมกระพริบตาปริบๆ หลายครั้งขณะมองหน้าแม็กนัส "ปราสาทที่ว่านี้อยู่แถวไหนหรอจ๊ะ?"
"ทางตะวันตกของสกอตแลนด์ในมหาสมุทรแอตแลนติกฮะ เราจะเดินทางผ่าน กุญแจนำทาง มันวิธีการเดินทางเวทมนตร์ ในทางวิทยาศาสตร์ เราเรียกมันว่าการเทเลพอร์ต” แม็กนัสอธิบาย
"อะไรนะ?! นี่ลูกจะบอกว่าพ่อมดมีความเชี่ยวชาญในการเทเลพอร์ตงั้นหรอ” อดัมถามด้วยความตกใจ เขาเป็นวิศวกรจึงเข้าใจว่าแนวคิดนี้บ้าบอเพียงใด
“ฮะ พวกเขารู้เรื่องนี้มาหลายศตวรรษแล้วด้วย” แม็กนัสตอบ
“แม็ก กินข้าวเย็นก่อนนะจ๊ะ แล้วค่อยไปกัน” เกรซแนะนำ
"นั่นเอ่อ... จะดีกว่าถ้าไม่กินอะไรเลยฮะ แม่พอเข้าใจไหมฮะ ครั้งแรกที่เทเลพอร์ตมันมีผลกับร่างกายโดยตรงฮะ แม่จะรู้สึกคลื่นไส้และอยากอาเจียน” แม็กนัสเตือนพวกเขา
รักนาร์ผงกศีรษะอย่างแรง "ใช่ ใช่ครับ... พวกคุณไม่อยากทำแบบนั้นหรอก เชื่อผมสิครับ"
"อีกอย่าง จะมีงานเลี้ยงต้อนรับเราในภายหลังในปราสาทของผมเอง ไปกันเถอะครับ เราจะบินไปที่ปราสาทของผมนอกลอนดอนก่อน" แม็กนัสกล่าว
"บินหรอ? บนอะไร? ลูกจ้างพลขับเครื่องบินคอปเตอร์มาหรอจ๊ะ?” เกรซถาม
แม็กนัสยิ้มยิงฟัน "ฮิฮิ... บินไปบนไม้กวาดฮะ"
...
"เอิ่มม... ลูกรัก แน่ใจนะว่าจะบินได้" เกรซถามขณะที่เธอมองไปที่ไม้กวาด พวกเขาออกมาที่สวนสาธารณะเพื่อบินจากที่นี่ไป
“ใช่ฮะหม่ามี้ มันวิเศษมาก แค่นั่งซ้อนหลังผมแล้วแม่จะเข้าใจทุกอย่าง” แม็กนัสยืนยันกับเธอ
ด้วยความสงสัย เธอจึงขึ้นไม้กวาดและนั่งชิดหลังแมกนัส ส่วนอดัมจะเดินทางไปกับรักนาร์
“กอดผมแน่นๆ เราจะขึ้นไปแล้ว” แม็กนัสเตือนเธอ และค่อยๆ ลอยตัวเพิ่มระดับความสูงโดยไม่พุ่งไปข้างหน้า
ในตอนแรกเกรซรู้สึกประหม่าเมื่อเท้าของเธอลอยขึ้นจากพื้นและไม่มีอะไรอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอเพื่อรองรับหรือทรงตัวบนไม้กวาด
แต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะตกไม้กวาดได้ทุกเมื่อ แต่เธอยังกอดแม็กนัสไว้ซะแน่น
"โอเค เราจะบินไปแล้วนะฮะ ชมวิวไปเถอะฮะแม่" แม็กนัสพูดและออกตัว ค่อยๆ เพิ่มความเร็วอย่างช้าๆ
ในที่สุด เกรซก็เลิกรู้สึกกลัวตก และเริ่มเพลิดเพลินไปกับลมหนาวที่สัมผัสใบหน้าของเธอ
"นี่มันสดชื่นมาก" เธอแสดงความคิดเห็น
"ฮิฮิ แม่จะรู้สึกสดชื่นกว่านี้อีกถ้าได้สูดอากาศของคาเมล็อต สถานที่นั้นไม่มีมลพิษมาแตะต้อง ผมเดาว่าการมีเซนทอร์ ก็อบลิน และวีล่าอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเรื่องดีนะฮะ" แม็กนัสพึมพำ
ผ่านไป 20 นาทีพวกเขาก็มาถึงปราสาท แม็กนัสบินวนโชว์ให้พวกเขาดูรอบหนึ่ง มันไม่ต่างจากบ้านผีสิงตอนที่พวกเอลฟ์ยังอยู่ในกระบวนการทำความสะอาด
จากนั้นเขาก็พาพวกเขาไปที่ห้องกุญแจนำทาง "มาวางมือบนรูปปั้นนี้ฮะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าปล่อยมือออกจากมันเด็ดขาดเลยนะฮะ โอเค เราไปกันเถอะฮะ"
"กุญแจนำทาง"
ทันทีที่แม็กนัสพูดกุญแจนำทางก็เปิดใช้งานทันที และ แม็กนัสก็มาถึงในห้อง กุญแจนำทางใต้ดินในปราสาทคาเมล็อต
เหมือนทุกครั้งที่มีกำแพงไฟอยู่รอบๆ พวกเขา แต่มันก็ยังคงอยู่อย่างนั้นเพราะพวกเขาไม่ใช่ผู้บุกรุก สำหรับสภาพของเกรซและอดัม ทั้งคู่ล้มลงกับพื้นด้วยอาการคลื่นไส้
แม็กนัสกับรักนาร์ทำได้ดีขึ้นในครั้งนี้ แม็กนัสอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเพราะเขาเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ” จู่ๆ มาร์ธาก็เข้ามา
"คุณยายมาร์ธาฮะ พอมีอะไรช่วยท้องพวกเขาไหมฮะ?" แม็กนัสถาม
"แน่นอนเจ้าค่ะฝ่าบาทที่รัก ดิฉันนำมาด้วย น้ำมะนาวนี้ช่วยได้มากเลยเจ้าค่ะ" เธอพูดแล้วยื่นแก้วน้ำมะนาวให้พวกเขา
แต่ทันทีที่มาร์ธามาหาเกรซเพื่อมอบแก้วให้ เกรซก็โผเข้ากอดเธอทันที "อ๊าา... เธอน่ารักจัง"
"ฮิฮิ...ขอบคุณที่ชมนะคุณหนู" มาร์ธาหัวเราะเบาๆ
แม็กนัสกระแอม “คุณแม่ฮะ คุณยายมาร์ธาอายุร่วม 200 ปี แล้วนะฮะแถมเป็นคุณย่าของแชดด้วย”
เกรซปล่อยมาร์ธาทันทีและมองหน้าแม็กนัสและมาร์ธาด้วยความตกใจ "จริงเหรอจ๊ะ? นานขนาดนั้นเชียว?"
“ฮ่า… ผมก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกันตอนได้ยินเรื่องนี้เหมือนกันฮะ ไปกันเถอะฮะ เดี่ยวผมจะโชว์ให้พ่อแม่เห็นตั้งแต่วิวจากด้านบนของปราสาทเลยฮะ” แม็กนัสเดินนำไป
ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงระเบียงชั้นบนสุดของปราสาท และจากที่นั่น เกรซและอดัมก็ได้เห็นว่าปราสาทนี้ใหญ่โตเพียงใด มันมีขนาดมหึมาและตามความต้องการของแม็กนัส ปราสาททั้งหลังยังได้รับการประดับประดาด้วยแสงไฟวิเศษสำหรับคริสต์มาสและมันก็ดูสวยงามเป็นพิเศษ
"นี่คือเกาะมหัศจรรย์ที่ผมเป็นเจ้าของ คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้และยังสามารถซ่อนตัวจากเทคโนโลยีของมักเกิ้ลได้อีกด้วย ชอบไหมฮะ” แม็กนัสถาม
"นี่มันบ้าไปแล้ว ใครจะไม่ชอบที่จะเป็นเจ้าของเกาะล่ะลูก? แถมยังได้ปราสาททั้งหลังอีกด้วย” อดัมพูดอย่างรวดเร็ว
"พ่อกับแม่มาที่นี่ได้ตลอดเวลาที่อยากเลยฮะ บางทีหลังจากที่พ่อแม่สองคนเกษียณแล้ว พ่อแม่อาจจะมีความสุขกับชีวิตเกษียณที่นี่ก็ได้” แม็กนัสเสนอ
"ขอโทษนะจ๊ะลูกรัก แต่แม่คงจะไม่เลิกในเร็วๆ นี้ หรอกจ่ะ เทคโนโลยีของโลกกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีวิธีการรักษาใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเกินไป" เกรซกล่าวอย่างกระตือรือร้น
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ แผนการของแม็กนัสที่จะสร้างโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลกสำหรับเธอและการซื้อบริษัทเมดโทรนิคด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็รู้สึกหอมหวาน ใบหน้าของเขายิ้มกว้าง ตอนนี้เขากำลังจะซื้อโรงพยาบาลที่มีอยู่ในอังกฤษและปรับปรุงโรงพยาบาลในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ก่อนอื่น เขาต้องการเงินจำนวนมากสำหรับมัน
"คุณยายมาร์ธาฮะ เรามาโชว์ห้องนิรภัยให้พวกเขาดูกันก่อนดีกว่าฮะ” แม็กนัสตัดสินใจ นอกจากนี้เขายังจำเป็นต้องนำของบางอย่างจากที่นั่นซึ่งจะช่วยให้เขาได้รับเงินสดได้ง่าย
_____________________________