ตอนที่ 488 พูดน้อย
ขนาดของโครงสร้างของสนามฝึกน้ำแข็งดึกดำบรรพ์มีขนาดใหญ่มาก แต่หลังจากคลื่นพลังเย็นกวาดผ่านไปความเสียหายที่เกิดขึ้นใหญ่โตรุนแรงมาก ติงเฉินพาทุกคนกลับไปและได้รับคำสั่งให้ช่วยกันสร้างใหม่ทันที
ห้องฝึกในค่ายฝึกสร้างด้วยก้อนน้ำแข็งมีความหนาแน่นมั่นคงและมีคลื่นพลังเย็นเหลืออยู่ จึงตัดได้ยากมาก และสำหรับนักสู้คนหนึ่ง นับว่าเป็นตารางการฝึกฝนที่ไม่เลว
ไม่เพียงแต่ในค่ายเท่านั้น แม้แต่เมืองหานกู่ก็มีโครงสร้างทำด้วยก้อนน้ำแข็ง ทุกๆ ชิ้นจะยาวราวสิบเมตรและกว้างสามเมตรสูงเท่าตัวมนุษย์
การผลิตก้อนน้ำแข็งใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย ก้อนน้ำแข็งทุกก้อนต้องใช้กำลังคนมาก เมืองหานกู่ถูกสร้างโดยนักสู้ พลังป้องกันของก้อนน้ำแข็งใหญ่นั้นแข็งแกร่งมาก มันสามารถทนทานการโจมตีของกองทัพได้แข็งแกร่งทนทานยิ่งกว่าศิลาเสียอีก
ปิงคือขุนพลวิญญาณและมีความรู้สึกที่ไวต่อสิ่งต่างๆเป็นพิเศษ ดังนั้นยิ่งยืนยันข้อสงสัยในใจของเขามากยิ่งขึ้น
เขาเทียวไปเทียวมาระหว่างค่ายทหารใหม่และเมืองสามวิญญาณทุกวันจากเมืองสามวิญญาณเขาสามารถรู้ความก้าวหน้าของเจ็ดดาวเหนือได้ สำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ในปัจจุบันนี้ ถ้าแผนเจ็ดดาวเหนือสำเร็จ ก็จะทำให้พลังของกลุ่มดาวหมีใหญ่มีคุณภาพอย่างก้าวกระโดด
ทรัพยากรสนับสนุนวิชาการต่อสู้ในวันนี้เป็นการแบ่งปันพอๆ กันระหว่างสมาพันธ์ชาวยุทธ,องค์การวิญญาณมืดและสิบสองตำหนักระนาบสุริยะ ถ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่ต้องการจะเพิ่มพลัง ก็มีอยู่สองวิธีคือหนึ่งกลืนกลุ่มดาวอื่นต่อไปไม่มีหยุด และอีกวิธีหนึ่งก็คือพัฒนาระบบใหม่ล่าสุด
ฐานปัจจุบันของถังเทียนเกิดขึ้นโดยวิถีของการต่อสู้ แต่เป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มดาวราชสีห์และสมาพันธ์ชาวยุทธซึ่งทำให้ถังเทียนได้โอกาสเช่นนั้น ด้วยพลังปัจจุบันของกลุ่มดาวหมีใหญ่ ถ้าพวกเขาพัฒนาต่อไป พวกเขาจะสามารถกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มมหาอำนาจใหญ่ อย่างไรก็ตาม มันอาจสะดุดหยุดลงได้และศักยภาพสูงสุดบางทีอาจจะเทียบเท่ากลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาก็ได้
สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาไม่ดีพอจะตอแยได้ องค์การวิญญาณมืดหมอบซุ่มรออยู่ในความมืดอยู่แล้วและสามารถแยกเขี้ยวกางเล็บได้ทุกเมื่อความสำเร็จของถังเทียนอาจกล่าวได้ว่าอาศัยโชคนับไม่ถ้วน ดังนั้นเป็นไปได้ยังไงที่ปิงจะยอมฝากความหวังทั้งหมดไว้กับโชค?
โครงการพญาหมีคือเนื้อแท้ในสายตาของเขา เพราะโครงการพญาหมีมีความเป็นไปได้ที่จะพลิกคว่ำระบบวิชาต่อสู้ในปัจจุบัน และปิงเห็นได้ชัดว่าพลังที่ได้จากการนี้สามารถพลิกคว่ำระบบวิชาต่อสู้ด้วย
กองทัพดาวกางเขนใต้พ่ายแพ้ปีนั้นเป็นเพราะเรื่องนั้น
โครงการพญาหมีเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดและปิงจะไม่เคลื่อนกำลังพลในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น แม้แต่เซียนนักสู้ในเมืองอัลเคด ก็ยังถอนกำลังกลับมาโดยปิงขอให้ดำเนินการค้นคว้าวิจัยต่อไป
ปิงวางแผนเพาะสร้างเมล็ดพันธุ์และรอคอยอย่างอดทน
เป็นเรื่องดีที่ติงเฉินยังคงรับผิดชอบถังเทียนและกลุ่ม ทุกคนเงียบและตั้งหน้าตั้งตาทำงานหลังจากผ่านประสบการณ์เดินทาง พวกเขาต้องการเวลาปรับตัว พวกเขาจำเป็นต้องสร้างก้อนน้ำแข็งซึ่งมีขนาดเล็กมาก ขนาดหนึ่งตารางฟุต
ถังเทียนไม่คิดอะไรมากการตัดก้อนน้ำแข็งสำหรับเขาแล้วเป็นประสบการณ์ใหม่ คลื่นความเย็นในก้อนน้ำแข็งไม่มีผลอะไรต่อเขา และความแข็งแรงของเขาแข็งแกร่งเหลือเชื่อเขาแค่ฟันลงไปอย่างบ้าคลั่ง
ก้อนน้ำแข็งที่คุมได้ยากวางอยู่ต่อหน้าของเขาการฟันอย่างรวดเร็วทำให้มันเป็นเหลี่ยมได้สมบูรณ์แบบ เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจและเล่นอย่างสนุกสนาน เศษน้ำแข็งกระเด็นกระจายไปทั่ว ในพริบตาเดียวก็มีก้อนน้ำแข็งกองอยู่ข้างหน้าเขามากมาย
ประสิทธิภาพที่น่าทึ่งของถังเทียนดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายทันที
“พี่ติง เจ้าช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้คนแข็งแกร่งมาคนหนึ่ง!” อาจารย์สอนชั้นอื่นคุยกับติงเฉิน
ติงเฉินหัวเราะ “ก็แค่ใช้พลังถึก ยังมีอะไรต้องให้ฝึกอีก”
“แค่นั้นก็ไม่เลวแล้ว ตัดสิบครั้งในแต่ละก้อนเขาใช้กำลังภายนอกได้ดี ประสิทธิภาพของเขาก็ดี พื้นฐานของเจ้าผู้นี้แข็งแกร่ง เขาคือเมล็ดพันธุ์ชั้นดี!” ครูมวยผู้นั้นประเมินในพริบตา
ติงเฉินเถียง“เมื่อถึงเวลาให้เจ้าแนะนำ อย่าตระหนี่ก็แล้วกัน!”
“แน่นอน! ไม่มีปัญหา!” อีกฝ่ายหนึ่งตอบอย่างมีความสุข
ติงเฉินมาหาถังเทียนเขาเตรียมจะพูด แต่ทันใดนั้นสุภาพสตรีอายุราว 40 ปีเดินเข้ามาหา นางกวาดมองไปรอบๆ เมื่อนางเห็นกองอิฐน้ำแข็งขนาดภูเขาย่อมๆอยู่หน้าถังเทียน นัยน์ตานางเป็นประกาย นางพูดขึ้น “เสี่ยวติง!”
ติงเฉินเงยหน้าเมื่อเห็นเป็นสตรีวัยกลางคน เขาวิ่งมาหาทันที “เจ๊อิง! ทำไมท่านมาที่นี่เล่า?”
สตรีนามว่าเจ๊อิงยิ้ม “ยังมีการขาดแคลนกำลังคนงานก่อสร้าง ข้ามาหาคนสองสามคนไปช่วยข้างใน และข้าเห็นว่ามีคนฝีมือดีอยู่ในกลุ่มนี้”
ติงเฉินคร่ำครวญอยู่ในใจ เจ้ากลัวอะไรสักอย่างน่ะสิถึงได้มาหาคนทำงานให้สำเร็จ เขารีบตอบ “พ่อหนุ่มคนนี้มีแต่แรงถึกนะ แต่ท่านก็เห็นแล้วว่า ลักษณะของเขา... อาจจะไม่เหมาะอยู่บ้าง...”
ติงเฉินรู้สึกตัวแข็ง เขาคร่ำครวญในใจและเรียกเจ้านายผู้อัปลักษณ์ต่อหน้าเขาเขาจะปล่อยให้สถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าเขาได้ยังไง? นายท่าน, ข้าเรียกท่านว่าอาโฉ่วเป็นเพราะข้าถูกสถานการณ์บังคับ ไม่มีทางเลือก....
เจ๊อิงมองดูถังเทียนตานางเป็นประกายด้วยความเสียดาย นางจ้องมองติงเฉิน “รูปร่างแบบนี้แล้วจะมีอะไร? จิตวิญญาณของสหายน้อยนี่ เขาจะต้องมีโอกาสที่ดีอย่างแน่นอน”
“ข้าแค่เกรงว่าเขาจะทำให้เจ๊อิงขัดเคือง...” ติงเฉินพูดอย่างไม่เต็มใจนัก
สีหน้าของเจ๊อิงไม่พอใจ นางชี้หน้าติงเฉินและดุ “อะไรนะ? ในใจของเจ้า ความบกพร่องแค่นี้คนแบบไหนกันแน่ที่ชอบตัดสินคนจากลักษณะ? เสี่ยวติง ดูเหมือนว่าข้าจะมองดูเจ้าผิดไปนะ! ทำไม? เจ้าคิดจะไม่ให้เขาใช่ไหม?”
ใจติงเฉินเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง โอวพระเจ้า ข้าบริสุทธิ์ใจนะ...
เขาไม่กล้าเผยความคิดของเขาแม้แต่น้อยได้แต่กล่าว “เมื่อเจ๊อิงตระหนักในตัวเขา ถือว่าเป็นโชคดีของเขาแล้ว ข้าจะกล้าห้ามได้ยังไง ให้ข้าคุยกับเขาหน่อย ลักษณะของอาโฉ่วค่อนข้างจะแข็งกระด้าง เจ๊อิงท่านต้องอดกลั้นไว้บ้าง!”
เจ๊อิงผ่อนคลายมากขึ้น “ไปเถอะน่า ข้าจะดูแลเขาเองก็แค่ไปช่วยงานก่อสร้างสองสามวันเท่านั้น กลางคืนก็กลับมาให้เขาฝึกเพิ่มเติมบางอย่างก็จะไม่ส่งผลต่อการฝึกของเขา”
เมื่อทราบเช่นี้ติงเฉินเห็นด้วย
ติงเฉินดึงถังเทียนมาข้างๆและพูดอย่างจนใจ “นายท่าน! ไม่มีทางเลือก ท่านต้องไปที่จวนเจ้าเมือง”
“ข้าจะไป ข้ารู้สึกว่าเจ๊อิงเป็นคนดี” ถังเทียนทำตรงข้ามกับที่คาดไว้ เขาไม่ได้กลัว เขาลอบฟังคำสนทนาของพวกเขาและมีความรู้สึกที่ดีกับเจ๊อิง
“เจ๊อิงเป็นคนดีจริงๆ” ติงเฉินมองดูถังเทียน ในใจเขารู้สึกทึ่ง เจ้านายไม่รู้ตัวเลยหรือว่าท่านกำลังไปเป็นสายลับ? จะไม่มีอันตรายจากการเป็นสายลับหรือ?
“อย่างนั้นข้าจะไปก็ได้!” ถังเทียนยิ้ม
ติงเฉินกังวล และตะโกนออกมาด้วยความระมัดระวังทันที“นายท่าน, ที่จวนเจ้าเมืองเป็นสถานที่ชุมนุมพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน ข้าไม่แน่ใจตำแหน่งของพวกเขาเนื่องจากข้าไม่เคยเข้าไปมาก่อน ดังนั้นข้าไม่รู้อะไร แต่นายท่านไม่ว่ายังไงก็ตาม โปรดพูดให้น้อยที่สุด!”
“พูดให้น้อยลง?” ถังเทียนสงสัย
“ถูกแล้ว!” ติงเฉินพยักหน้ายืนยันหนักแน่น “ยิ่งท่านพูดน้อย ก็ยิ่งผิดพลาดน้อย ถ้าท่านไม่พูด ท่านก็ไม่ทำอะไรผิดพลาด!”
ถังเทียนพึมพำอย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่เชื่อใจข้า...”
เราจะตายกันหมด ถ้าเราเชื่อเจ้า!
ติงเฉินพูดหนักแน่น “นายท่าน, โปรดสัญญากับข้า! ข้าน้อยทราบสถานการณ์ที่นี่ชัดเจนมากกว่าท่าน!”
“ก็ได้ ก็ได้” ถังเทียนได้แต่พูดเช่นนั้น เขาสามารถบอกได้ว่า เขารู้สึกว่าติงเฉินรู้สึกได้ ติงเฉินเข้าใจสถานการณ์ได้ดีกว่าเขาอย่างชัดเจน
“ท่านต้องพูดให้น้อยลง!” ติงเฉินอดพูดอีกครั้งไม่ได้
“ข้าจะพูดให้น้อยลง ข้าจะพูดให้น้อย!” ถังเทียนย้ำ ดูเหมือนว่าเขาต้องการประทับคำนี้ไว้ในใจ เมื่อเห็นถังเทียนเป็นอย่างนั้น ติงเฉินรู้สึกโล่งใจมากขึ้น
แม้ว่าเจ้านายจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่เขาก็ยังรับฟังความเห็นของคนอื่น
“นายท่าน โปรดระวังตัวให้ดี”
ติงเฉินส่งถังเทียนและเจ๊อิงออกไปจากค่าย ด้วยความรู้สึกกังวลมาก
ในระหว่างทางเจ๊อิงถามคำถามสองสามข้อ แต่ดูเหมือนถังเทียนจะมีนิสัยเงียบขรึม จิตใจนางรู้สึกสงสารเด็กคนนี้ไม่เพียงแต่อัปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเก็บกดสงวนท่าทีจนน่าสงสารจริงๆ
ขนาดของจวนเจ้าเมืองใหญ่โตโอฬารมากขณะที่เจ๊อิงพาถังเทียนมา ผู้คนที่พบตามทางล้วนแต่ทักทายนาง
“จวนเจ้าเมืองมีลานอยู่สี่ลานลานหลักอยู่ที่ตรงกลาง อาโฉ่วจำไม่ได้ว่าเข้าไปใกล้ลานใหญ่ อีกสามลานอยู่ข้างหน้าลานใหญ่ก็คือลานตะวันออกและลานตะวันตก สถานที่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าอยู่ที่ลานตะวันตก”
นางพาถังเทียนไปยังจวนเจ้าเมืองที่ลานด้านตะวันตก กำแพงน้ำแข็งในมุมพังทลายไปครึ่งแถบ และโดยรอบมีวัสดุกองน้ำแข็งกองใหญ่ เจ๊อิงบอกถังเทียนเบาๆ “อาโฉ่วช่วยทำวัสดุน้ำแข็งนี้ให้เป็นแบบก้อนอิฐนะ แค่ให้เหมือนกับที่ทำในค่ายฝึก
“ตกลง” ถังเทียนตอบ เขาภาวนาอยู่ในใจ “พูดน้อยๆ พูดน้อยๆ...”
“งั้นข้าจะไปทำงานต่อ” เจ๊อิงกล่าว
“ได้” ถังเทียนตอบ เขาก้มหน้าก้มตาทำก้อนอิฐน้ำแข็ง
ปิงปรากฏตัวเงียบเขาพูดด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามีศักยภาพทางด้านนี้จริง เจ้าสามารถอดกลั้นกับเขาก็ได้”
ถังเทียนมองอย่างระมัดระวัง “ลุง มันเจ็บปวดมากขนาดนั้นเชียว เราบุกฆ่าพวกมันโดยตรงกันเลยดีไหม?”
ถูกถามในระหว่างทางตั้งมากมาย ถังเทียนต้องคอยภาวนา “พูดน้อยๆ”เพื่อหักห้ามใจตนเอง และมีอยู่สองสามครั้งที่เขาเกือบปล่อยไก่เสียแล้ว
“อดทนเอาไว้ อดทนเอาไว้ เดี๋ยวดีเอง!” ปิงปลอบโยนเขา เขาคิดในใจอย่างระมัดระวัง และพูดต่อ “ดีแล้ว นี่คือมาตรฐานของฐานที่มั่นข้าเคยบอกไปแล้วว่าเมืองหานกู่แห่งนี้ไม่ธรรมดา การป้องกันที่นี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเมืองสามวิญญาณของเราเลย”
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?” ถังเทียนประหลาดใจเล็กน้อย เมืองสามวิญญาณผ่านประสบการณ์การสู้มาหลายครั้ง ดังนั้นมาตรฐานการป้องกันจึงสูงมาก
“แข็งแกร่งขนาดนั้น!” ปิงสรรเสริญ “ดูกำแพงนี้สิ เจ้าไม่รู้สึกว่ามันสูงเกินไปหรือ? นอกจากนี้ความหนานี้ทำเพื่อลานภายใน ทำไมพวกเขาต้องใช้กำแพงน้ำแข็งที่หนาขนาดนั้น?”
“นั่นก็จริง” ถังเทียนผงกหัว
“เอ่!”ปิงพูดเบาๆ ดูเหมือนเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ แต่ไม่แน่ใจ เขาพูดเบาๆ “ลองให้เสี่ยวเอ้อออกมาค้นหารายละเอียดเถอะ เสี่ยวเอ้อมีความรู้สึกไวที่สุดต่อระลอกพลังงาน”
“มีอะไรบางอย่างหรือ?” ถังเทียนสะดุ้ง เขารีบตะโกนเรียก “เสี่ยวเอ้อ ออกมาลองดูซิ!”
เสี่ยวเอ้อลอยออกมาจากร่างของถังเทียน เขาหลับตา หลังจากผ่านไประยะสั้น เขาลืมตาทันทีกางร่มดวงดาวซึ่งชี้ตรงไปทางลานด้านเหนือ
มีปฏิกิริยาและถังเทียนกระตือรือร้นถามทันที “เสี่ยวเอ้อ ที่นั่นมีอะไร?”
เสี่ยวเอ้อมองดูด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ถังเทียนรู้ว่าเขาไม่สามารถได้คำตอบจากท่าทีว่างเปล่านั้น อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เสี่ยวเอ้อชี้ไป ต้องมีบางอย่างอยู่แน่
“เราจะไปสืบดูเงียบๆ ตอนกางคืน” ปิงกล่าวอย่างลึกซึ้ง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสดชื่น
ข้อเสนอนี้ทำให้ถังเทียนกระตือรือร้นทันที เทียบกับการสืบดูไปรอบๆ การแอบย่องเข้าไปตรงๆเหมาะกับอัธยาศัยของถังเทียนมากกว่าอย่างมากก็ฉะกับชางหยางหวี่และชิงเอาดวงตาเซกซ์แทนส์มา การเป็นสายลับช่างน่ารำคาญนัก!
สีหน้าเขาปั่นป่วนทันที “มีคนกำลังมา!”
ปิงและเสี่ยวเอ้อรีบเข้าไปในร่างของถังเทียนทันที ถังเทียนหันหน้าไปตัดก้อนน้ำแข็งต่อไป
หลังจากนั้นในเวลาสั้นๆเสียงฝีเท้าก็มาถึงที่ด้านหลังของเขา