ตอนที่แล้วตอนที่ 486 เสี่ยวเอ้อกางร่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 488 พูดน้อย

ตอนที่ 487 การคาดเดาของปิง


เสียงหวีดหวิวต่ำดังมาจากด้านบนศีรษะและค่อยๆห่างออกไป ในที่สุดทุกคนก็รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ทุกคนขุดชั้นน้ำแข็งออกแล้วปีนออกมาจากถ้ำใต้น้ำแข็งที่ราบน้ำแข็งเปลี่ยนสภาพไปเกินกว่าจะจำได้จากก่อนหน้านี้  ในพื้นที่ไกลเท่าที่พวกเขามองเห็น ต้นไม้ หินเนินเขาเล็กทุกอย่างหายไปหมด พื้นที่ราบหิมะแต่เดิมในตอนนี้เต็มไปด้วยหลุมนับพัน

ปิงคิดอยู่ชั่วขณะและจากนั้นระเบิดถ้ำน้ำแข็ง ลบหลักฐานของร่มดวงดาว

ทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อลอยตัวลงมาที่พื้นพร้อมกับร่มเขาหยิบชิ้นผลึกสีน้ำเงินชิ้นหนึ่ง แครก แครก แครก เขากัดมัน ถังเทียนสังเกตว่ามีผลึกน้ำเงินกระจายอยู่ทั่วพื้นหิมะ  รูปร่างของผลึกไม่เหมือนกัน มันเหมือนกับชิ้นน้ำแข็งสีน้ำเงินแตกหัก  ถ้าไม่ใช่เพราะสีที่แตกต่างจากพื้นหิมะและมันปะปนอยู่ในพื้นหิมะ คงไม่มีใครจำแนกออกเป็นแน่

“นี่คืออะไร?” ถังเทียนยื่นมือไปหยิบขึ้นมา

ติงเฉินสีหน้าเปลี่ยนรีบห้ามเขาทันที  “นายท่าน ไม่ได้นะ!”

ถังเทียนหยุดและหันมาถามด้วยความสงสัย  “ทำไม?”

“ของพวกนี้คือผลึกคลื่นเย็น!”  ติงเฉินรีบกล่าว  “ทุกครั้งหลังจากคลื่นพลังเย็นผ่านไป จะมีบางส่วนของคลื่นพลังเย็นที่กลายเป็นผลึก  มันมีพลังกัดกร่อนปราณแท้แข็งแกร่งกว่าคลื่นพลังเย็นในอากาศเป็นร้อยเท่า นักสู้ที่อ่อนแอพอสัมผัสมันแม้แต่ตันเถียนก็ยังเยือกแข็ง ดังนั้นจึงไม่ควรแตะต้อง ท่านไม่ควรจะเหยียบมันด้วย”

คำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนทันที

“ผลึกคลื่นเย็นคงอยู่ได้ไม่นาน พวกมันจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งและผสมเข้ากับอากาศ”  ติงเฉินกระตุ้นเตือน “ทุกคนต้องจำไว้ว่าอย่าแตะมันเลิกสงสัยซะ”

ติงเฉินมองดูเสี่ยวเอ้อเขาไม่สามารถค้นหาอะไรได้เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับขุนพลวิญญาณที่สามารถกินผลึกคลื่นพลังเย็น  เสี่ยวเอ้อเป็นจิตวิญญาณยุทธ  ปราณของมันคล้ายกลับขุนพลวิญญาณมาก  ดังนั้นติงเฉินจึงสำคัญผิดว่ามันคือขุนพลวิญญาณ  แต่เขาไม่พูดสักคำ ผลงานแห่งความกล้าหาญของเสี่ยวเอ้อทำให้เขาตกตะลึงสิ้นเชิง ขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดนั้นย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

ปิงหูตั้งทันที เขาหยิบผลึกคลื่นเย็นขึ้นมาชิ้นหนึ่งและเริ่มกัดเหมือนกับเสี่ยวเอ้อบ้างเขาหลับตารู้สึกพอใจ หลังจากนั้นชั่วขณะเขาลืมตาและแสดงความเห็น “อร่อยดี!”

“ข้ากินบ้างได้ไหม?”  ถังเทียนกระตือรือร้นหลังจากเห็นพวกเขา  มีหยาหยาอยู่ข้างตัวเขาแสดงท่าทางเหมือนกับเขา

“เจ้าไม่สามารถกินได้”  ปิงตอบตามตรง “นี่เป็นอาหารเสริมชั้นดีสำหรับขุนพลวิญญาณแต่ถ้าคุณภาพของขุนพลวิญญาณไม่สูงพอ  เขาคงไม่สามารถต้านทานพลังมันได้”

หยาหยาร่าเริงหยิบผลึกขึ้นมาชิ้นหนึ่งและเคี้ยว มันเริ่มกัดกินอย่างมีความสุข

ปิงมองดูพื้นน้ำแข็งที่กว้างใหญ่  สีหน้าแววตาเป็นประกายแปลก  ที่นี่เหมาะสำหรับใช้ชำระวิญญาณไม่ใช่หรือ?

สำหรับนักสู้คลื่นพลังเย็นคือพิษร้ายแรง แต่สำหรับขุนพลวิญญาณ มันคืออาหารชั้นดีที่สุด  กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือที่ราบหิมะนี้ดีมากสำหรับการใช้ฝึก และเหมาะเป็นที่ชำระวิญญาณ

หัวใจของปิงเริ่มปั่นป่วน  เนื่องจากหิมะน้ำแข็งดึกดำบรรพ์เป็นพื้นที่ชำระวิญญาณชั้นดีและสำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็เป็นสถานที่เติมเต็ม  ถังเทียนมีขุนพลวิญญาณจำนวนมากอยู่ภายใต้บัญชาการของเขาและถ้าพวกเขาสามารถบำรุงเลี้ยงที่นี่ได้ พวกเขาก็อาจมีความก้าวหน้ามากขึ้นก็ได้

เราควรยกกองทัพมาที่นี่เลยดีไหม...

โอวไม่นะ, ข้าต้องไม่คล้อยตามเจ้าเด็กโง่นั่น เพราะฉะนั้นความคิดของข้าควรเปลี่ยนไปที่กองทัพ ปิงรีบกำจัดความคิดซึ่งก้าวร้าวและไม่พิจารณาต่อแต่อย่างใด

คนที่มีสติปัญญาระดับสูงต้องใช้สติปัญญาคิด

ในบางความรู้สึกบางส่วนของที่ราบหิมะนี้ควรจะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์

ชางหยางหวี่ตระหนักตรงจุดนี้หรือไม่?

ความคิดนี้ทำให้ตาปิงเป็นประกาย  แต่เขาปฏิเสธจะคาดเดาทันที

นักสู้ระดับทองอาจไม่สามารถตระหนักถึงการใช้คลื่นพลังเย็น  แต่นักสู้ระดับเซียนจะตระหนักได้แน่นอนเพราะนักสู้เซียนจะฝึกอยู่สนามพลังวิญญาณ ดังนั้นความเข้าใจของพวกเขาเรื่องขุนพลวิญญาณคือสิ่งที่นักสู้คนใดไม่สามารถเทียบได้

ชางหยางหวี่จะเห็นเรื่องนี้ได้แน่นอน  ถ้าเขาไม่เห็นเรื่องนี้ทำไมเขาไม่ใช้พื้นที่หิมะนี้เล่า?

ทันใดนั้นปิงพูดกับติงเฉินทันที  “ในลานหิมะกว้างใหญ่นี้ นอกจากพื้นที่ฝึก  ยังมีสถานที่อื่นอีกไหม?”

ติงเฉินพยักหน้า  “ถูกแล้ว ไม่ไกลจากค่ายฝึก ยังมีเมืองหนึ่งที่เรียกว่าเมืองหานกู่อยู่ภายใต้การดูแลของธิดาของอาจารย์นามว่าฟู่จือหง  หลี่เหลียงชิวและคนอื่นเป็นทหารรักษาการณ์ในปกครองของแม่นางจือหง  แม่นางจือหงเป็นคนดี  ทุกคนเคารพนาง

“ที่นั่นมีอะไรถึงต้องใช้ทหารรักษาการณ์?”  ปิงถาม

ติงเฉินสะดุ้งชั่วขณะ  เขาส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้”

แต่ปิงตาเป็นประกายเนื่องจากเขาคิดบางอย่างได้

เสี่ยวเอ้อบิดร่มดวงดาวในมือของมันผลึกน้ำแข็งบนพื้นเริ่มถูกดูดทีละก้อนๆ บินตรงเข้าหาร่มที่กำลังปั่นหมุน  ผลึกทุกก้อนปะทะกับร่มเปลี่ยนเป็นประกายและผงน้ำเงินโปร่งใสซึ่งถูกดูดซับเข้าไปในผิวของร่ม

หยาหยางงงวยไปชั่วขณะและเริ่มเพิ่มความเร็วในการดูดบ้าง  แต่เมื่อเทียบกับเสี่ยวเอ้อแล้ว  ผลงานของมันแย่กว่า

ร่มดวงดาวหยุดทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อมองดูหยาหยาอย่างว่างเปล่า

หยาหยาลืมตากว้างแสดงความไม่พอใจ  หัวใจของมันเต็มไปด้วยความอิจฉาโดยไม่รู้ตัว

เสี่ยวเอ้อกวักมือเรียกหยาหยาทันที

หยาหยาอึ้งไปชั่วขณะและร้องด้วยความดีใจแทน มันก้าวขาพุ่งเข้าหาเสี่ยวเอ้อและในช่วงท้ายของการวิ่งมันบินขึ้นไปบนฟ้าตีลังกาสองสามรอบ

เสี่ยวเอ้อหันร่างมาโดยบังเอิญ

แปะ

หยาหยาแนบอยู่กับหลังที่เหมือนวุ้นของเสี่ยวเอ้อกอดคอเสี่ยวเอ้อและส่งเสียงร่าเริง

ร่างของเสี่ยวเอ้อยืนมั่นคงสีหน้าว่างเปล่าไร้อารมณ์ เขาเริ่มหมุนร่มดวงดาวอีกครั้ง

วูบ...เสี่ยวเอ้อเหมือนกับพายุหมุนน้ำเงินบินไปตามพื้น ทุกที่ซึ่งเขาผ่านไปผลึกน้ำแข็งจะถูกดูดซับเข้าร่มดวงดาวไปหมด ผลึกคลื่นเย็นที่หนาแน่นกลายเป็นหมอกเข้าไปในร่างพวกมันอย่างต่อเนื่อง

ปิงตาแดงเขาหยุดสูบบุหรี่และตะโกนแล้วพุ่งหาพายุหมุนทันที “เสี่ยวเอ้อ!  ยังมีข้าอีกคน  รอข้าด้วย....”

วูบบบพายุหมุนสีฟ้าเหมือนกับสะดุ้งลอยห่างออกไปชั่วครู่

“บัดซบ!พวกเจ้าไม่พาข้าไปด้วยจริง!พวกเจ้าอย่าให้ข้าจับได้ดีกว่า...” ปิงโวยวายด้วยความโกรธได้ยินแต่ไกล

ทุกคนมองหน้ากันเองภาพข้างหน้าพวกเขา ขุนพลวิญญาณเฒ่าที่คลุมเครือ เป็นขุนพลวิญญาณคนเดียวกันกับที่ให้ความรู้สึกมีอำนาจเหมือนเมื่อครู่นี้หรือเปล่า?

ถังเทียนเบือนหน้า  เขาไม่สามารถทนดูได้

น่าเสียดายเขาไม่สามารถกินผลึกน้ำแข็งได้แต่เท่าที่ดูเสี่ยวเอ้อและหยาหยามองดูเหมือนกับมีความสุข...

หลังจากผ่านไปราวสิบนาทีเสี่ยวเอ้อก็หยุด ผลึกรอบตัวถูกกวาดเรียบ ร่างของเสี่ยวเอ้อและหยาหยาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด  ผิวของหยาหยากลายเป็นงดงามเรียบเนียนและธงที่ปักอยู่ที่บั้นท้ายของมันกลายเป็นสีน้ำเงิน  สูทลินินของเสี่ยวเอ้อกลับดูประณีตงดงามมากและใบหน้าที่ละเอียดอ่อนแต่เดิมตอนนี้เรียบเนียนเหมือนตุ๊กตาลายครามตาสีดำขลับเป็นประกายด้ามร่มดวงดาวในมือของเขาเป็นประกายแสงและโปร่งใสเหมือนผลึกน้ำแข็งในระหว่างดวงดาวไม่มีที่สุด ตอนนี้มีชั้นสลัวๆ ของเนบิวลา

ผลึกน้ำแข็งโดยรอบถูกเก็บกวาดเรียบว่างเปล่า ถ้ามาจากด้านบน หิมะที่ปกคลุมด้วยจุดน้ำเงิน มีเพียงรอบๆถังเทียนและที่เหลือเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีจุดน้ำเงินเลย

“เสี่ยวเอ้อ เก็บผลึกน้ำแข็งรอบๆนี้และนำมาตรงนี้ ”ปิงรีบเตือน

คราวนี้เสี่ยวเอ้อเหมือนกับว่าจะฉลาดมากขึ้น  อากาศมีลมพัดเป็นวังวนกวาดเอาผลึกคลื่นเย็นทั้งหมดน้ำมากองรวมกัน

ทันใดนั้นถังเทียนหูไว เขาตะโกนพอได้ยิน “มีคนมาที่นี่!”

เสี่ยวเอ้อหยาหยาและปิงหายไปทันที

ติงเฉินพูดเบาๆ“ให้ข้ารับสถานการณ์เอง  ทุกคนใจเย็นไว้”

มีจุดสองสามจุดปรากฏอยู่ในท้องฟ้าในพริบตาเดียวพวกเขาก็ลงมาอยู่ต่อหน้าทุกคน หัวหน้าเป็นคนหน้าดำร่างใหญ่

หน้าของติงเฉินมีแววแปลกใจและร้องเสียงดัง“ผู้กล้า!”

บุรุษหน้าดำกวาดตามองดูทุกคนทุกคนอยู่ในสภาพเสียใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งประสบหายนะมาสีหน้ายังคงมีวี่แววสั่นด้วยความกลัว เขาพูดอย่างอ่อนโยน  “ติงเฉินเจ้าโชคดีมากเลยนะ ดีแล้วที่เจ้ายังรอดชีวิตได้ เจ้าพาพวกเขาไปซ่อนอยู่ที่ไหน?”

ติงเฉินชี้ไปที่ถ้ำน้ำแข็งซึ่งพังทลายด้านหลังพวกเขา  เสียงเขาสั่นเล็กน้อย  “พวกท่านยังจำได้ไหมว่ามีถ้ำน้ำแข็งอยู่ตรงนี้?  โชคดีที่เราอยู่ไม่ห่างจากถ้ำน้ำแข็งนัก  ถ้าไม่อย่างนั้น....”

บุรุษหน้าดำคิดว่าติงเฉินกลัวเขาถอนหายใจกล่าว  “นับว่าโชคดีจริงๆ”

เขามองดูถ้ำน้ำแข็งที่พังถล่ม  คนจำนวนมากรู้จักถ้ำน้ำแข็งนี้  ปกติผู้คนที่ลาดตระเวนจะมาพักที่นี่เพื่อหลบลมและหิมะ

“เจ้าเห็นหน่วยของหลี่ฟู่บ้างไหม?”บุรุษหน้าดำถามขึ้นกระทันหัน

“ไม่เห็นเลย” ติงเฉินส่ายศีรษะเขาตื่นตัวเสียงสั่นทันที “เป็นไปได้ไหมว่าหน่วยของหลี่ฟู่...”

“หวังว่าเขาจะมีโชคเช่นกัน”บุรุษหน้าดำส่ายศีรษะถอนหายใจ จากนั้นเขากล่าว “เจ้าพาพวกเขาไปค่ายฝึกเถอะ ช่วงนี้จะสับสนวุ่นวายบ้างเราเองก็มีเวลาที่ลำบากอยู่เหมือนกัน  ดังนั้นดีที่สุดพวกเจ้าจงอยู่ในค่ายฝึก  ขนาดของคลื่นพลังเย็นครั้งนี้เกินคาดจริงๆ  นายท่านและอาจารย์หลี่จะมาถึงพรุ่งนี้  รีบกลับไปซะ ข้าจะไปค้นหาต่อ”

ติงเฉินอุทาน  “ขอบคุณท่าน”

เมื่อบุรุษหน้าดำหันหน้าและจากไปทันที  ทุกคนถอนหายใจโล่งอก

ติงเฉินกล่าวเบาๆ  “ท่านเมื่อครู่นี้ เขาเป็นทหารรักษาเมืองหานกู่  กับท่านหลงไห่หวี  พวกเขาเป็นศิษย์ของอาจารย์และเป็นศิษย์พี่ของแม่นางที่ดูแลเมือง แข็งแกร่งมาก

ถังเทียนพยักหน้า  “แม้ว่าจะแข็งแกร่งมากกว่าหลี่เหลียงชิว แต่ก็ยังมีนักสู้ระดับทองถึงสี่คนอยู่ข้างตัวเขา”

ปิงลอยออกมาและกล่าว  “เราจะไปยังค่ายฝึกฝน”

“ทำไมล่ะ?เราจะไม่เข้าไปพื้นที่ฝึกฝนชั้นในหรือ? เรามีเวลาไม่มากแล้ว!”  ถังเทียนงง

ปิงส่ายศีรษะ  “ที่ราบหิมะดึกดำบรรพ์นี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน สองเซียนถึงกับมาที่นี่ เจ้าไม่พบว่ามันแปลกบ้างหรือ? การปรากฏตัวของหลี่รั่วเป็นเรื่องธรรมดา  ลูกชายของเขาพบกับสถานการณ์ลำบาก  แต่ฟู่จงซานเล่า?มาพบธิดาเขาอย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นเรื่องธรรมดาก็พอจะอภัยได้ แต่กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์มีความเคลื่อนไหวในมุมมืด  ดังนั้นหลายคนเริ่มก่อกวน  แล้วยังจะมีเวลาออกมาได้ยังไง?”

ปิงถามติงเฉินทันที  “คลื่นพลังเย็นมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”

“จะมีคลื่นพลังเย็นทุกปี แต่ขนาดจะไม่ใหญ่  ครั้งนี้คลื่นพลังเย็นนับว่าใหญ่ที่สุดแล้วครั้งก่อนคลื่นลูกใหญ่ๆ ก็ต้องเมื่อหกปีก่อน ครั้งนั้นอาจารย์ทั้งสามก็มาเหมือนกัน” ติงเฉินพยายามระลึกถึง

ปิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “สำนักฝึกฝนชั้นนอกเป็นที่แบบไหนกันถึงมีค่าพอให้นักสู้ชั้นเซียนทั้งสามคนมาที่นี่?  ที่นี่ไม่มีอะไรที่ควรค่าแก่การมา  นั่นเป็นเรื่องแปลก! อีกทั้งยังเป็นดินแดนกันดารรกร้างทำไมจึงต้องใช้ยอดฝีมือปกป้องเป็นจำนวนมาก? มีอะไรต้องปกป้องอยู่หรือ?”

ถังเทียนส่ายศีรษะ  “แต่ สิ่งที่คุ้มค่าอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับ...”

ปิงขัดจังหวะ เขากลัวว่าเจ้าโง่ถังเทียนจะพูดคำว่าดวงตาเซกซ์แทนส์ออกมา  เขาพูดอย่างจริงจัง “ไม่มีปัญหา  เรายังไม่รีบร้อนในช่วงสองวันนี้  เราจะได้รับข่าวสารใหม่แน่”

เขาโบกมือขึ้นอย่างกระตือรือร้น  “เสี่ยวเอ้อ หยาหยา รีบไปเก็บผลึกน้ำแข็งกัน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด