ตอนที่ 487 การคาดเดาของปิง
เสียงหวีดหวิวต่ำดังมาจากด้านบนศีรษะและค่อยๆห่างออกไป ในที่สุดทุกคนก็รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ทุกคนขุดชั้นน้ำแข็งออกแล้วปีนออกมาจากถ้ำใต้น้ำแข็งที่ราบน้ำแข็งเปลี่ยนสภาพไปเกินกว่าจะจำได้จากก่อนหน้านี้ ในพื้นที่ไกลเท่าที่พวกเขามองเห็น ต้นไม้ หินเนินเขาเล็กทุกอย่างหายไปหมด พื้นที่ราบหิมะแต่เดิมในตอนนี้เต็มไปด้วยหลุมนับพัน
ปิงคิดอยู่ชั่วขณะและจากนั้นระเบิดถ้ำน้ำแข็ง ลบหลักฐานของร่มดวงดาว
ทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อลอยตัวลงมาที่พื้นพร้อมกับร่มเขาหยิบชิ้นผลึกสีน้ำเงินชิ้นหนึ่ง แครก แครก แครก เขากัดมัน ถังเทียนสังเกตว่ามีผลึกน้ำเงินกระจายอยู่ทั่วพื้นหิมะ รูปร่างของผลึกไม่เหมือนกัน มันเหมือนกับชิ้นน้ำแข็งสีน้ำเงินแตกหัก ถ้าไม่ใช่เพราะสีที่แตกต่างจากพื้นหิมะและมันปะปนอยู่ในพื้นหิมะ คงไม่มีใครจำแนกออกเป็นแน่
“นี่คืออะไร?” ถังเทียนยื่นมือไปหยิบขึ้นมา
ติงเฉินสีหน้าเปลี่ยนรีบห้ามเขาทันที “นายท่าน ไม่ได้นะ!”
ถังเทียนหยุดและหันมาถามด้วยความสงสัย “ทำไม?”
“ของพวกนี้คือผลึกคลื่นเย็น!” ติงเฉินรีบกล่าว “ทุกครั้งหลังจากคลื่นพลังเย็นผ่านไป จะมีบางส่วนของคลื่นพลังเย็นที่กลายเป็นผลึก มันมีพลังกัดกร่อนปราณแท้แข็งแกร่งกว่าคลื่นพลังเย็นในอากาศเป็นร้อยเท่า นักสู้ที่อ่อนแอพอสัมผัสมันแม้แต่ตันเถียนก็ยังเยือกแข็ง ดังนั้นจึงไม่ควรแตะต้อง ท่านไม่ควรจะเหยียบมันด้วย”
คำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนทันที
“ผลึกคลื่นเย็นคงอยู่ได้ไม่นาน พวกมันจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งและผสมเข้ากับอากาศ” ติงเฉินกระตุ้นเตือน “ทุกคนต้องจำไว้ว่าอย่าแตะมันเลิกสงสัยซะ”
ติงเฉินมองดูเสี่ยวเอ้อเขาไม่สามารถค้นหาอะไรได้เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับขุนพลวิญญาณที่สามารถกินผลึกคลื่นพลังเย็น เสี่ยวเอ้อเป็นจิตวิญญาณยุทธ ปราณของมันคล้ายกลับขุนพลวิญญาณมาก ดังนั้นติงเฉินจึงสำคัญผิดว่ามันคือขุนพลวิญญาณ แต่เขาไม่พูดสักคำ ผลงานแห่งความกล้าหาญของเสี่ยวเอ้อทำให้เขาตกตะลึงสิ้นเชิง ขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดนั้นย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
ปิงหูตั้งทันที เขาหยิบผลึกคลื่นเย็นขึ้นมาชิ้นหนึ่งและเริ่มกัดเหมือนกับเสี่ยวเอ้อบ้างเขาหลับตารู้สึกพอใจ หลังจากนั้นชั่วขณะเขาลืมตาและแสดงความเห็น “อร่อยดี!”
“ข้ากินบ้างได้ไหม?” ถังเทียนกระตือรือร้นหลังจากเห็นพวกเขา มีหยาหยาอยู่ข้างตัวเขาแสดงท่าทางเหมือนกับเขา
“เจ้าไม่สามารถกินได้” ปิงตอบตามตรง “นี่เป็นอาหารเสริมชั้นดีสำหรับขุนพลวิญญาณแต่ถ้าคุณภาพของขุนพลวิญญาณไม่สูงพอ เขาคงไม่สามารถต้านทานพลังมันได้”
หยาหยาร่าเริงหยิบผลึกขึ้นมาชิ้นหนึ่งและเคี้ยว มันเริ่มกัดกินอย่างมีความสุข
ปิงมองดูพื้นน้ำแข็งที่กว้างใหญ่ สีหน้าแววตาเป็นประกายแปลก ที่นี่เหมาะสำหรับใช้ชำระวิญญาณไม่ใช่หรือ?
สำหรับนักสู้คลื่นพลังเย็นคือพิษร้ายแรง แต่สำหรับขุนพลวิญญาณ มันคืออาหารชั้นดีที่สุด กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือที่ราบหิมะนี้ดีมากสำหรับการใช้ฝึก และเหมาะเป็นที่ชำระวิญญาณ
หัวใจของปิงเริ่มปั่นป่วน เนื่องจากหิมะน้ำแข็งดึกดำบรรพ์เป็นพื้นที่ชำระวิญญาณชั้นดีและสำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็เป็นสถานที่เติมเต็ม ถังเทียนมีขุนพลวิญญาณจำนวนมากอยู่ภายใต้บัญชาการของเขาและถ้าพวกเขาสามารถบำรุงเลี้ยงที่นี่ได้ พวกเขาก็อาจมีความก้าวหน้ามากขึ้นก็ได้
เราควรยกกองทัพมาที่นี่เลยดีไหม...
โอวไม่นะ, ข้าต้องไม่คล้อยตามเจ้าเด็กโง่นั่น เพราะฉะนั้นความคิดของข้าควรเปลี่ยนไปที่กองทัพ ปิงรีบกำจัดความคิดซึ่งก้าวร้าวและไม่พิจารณาต่อแต่อย่างใด
คนที่มีสติปัญญาระดับสูงต้องใช้สติปัญญาคิด
ในบางความรู้สึกบางส่วนของที่ราบหิมะนี้ควรจะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์
ชางหยางหวี่ตระหนักตรงจุดนี้หรือไม่?
ความคิดนี้ทำให้ตาปิงเป็นประกาย แต่เขาปฏิเสธจะคาดเดาทันที
นักสู้ระดับทองอาจไม่สามารถตระหนักถึงการใช้คลื่นพลังเย็น แต่นักสู้ระดับเซียนจะตระหนักได้แน่นอนเพราะนักสู้เซียนจะฝึกอยู่สนามพลังวิญญาณ ดังนั้นความเข้าใจของพวกเขาเรื่องขุนพลวิญญาณคือสิ่งที่นักสู้คนใดไม่สามารถเทียบได้
ชางหยางหวี่จะเห็นเรื่องนี้ได้แน่นอน ถ้าเขาไม่เห็นเรื่องนี้ทำไมเขาไม่ใช้พื้นที่หิมะนี้เล่า?
ทันใดนั้นปิงพูดกับติงเฉินทันที “ในลานหิมะกว้างใหญ่นี้ นอกจากพื้นที่ฝึก ยังมีสถานที่อื่นอีกไหม?”
ติงเฉินพยักหน้า “ถูกแล้ว ไม่ไกลจากค่ายฝึก ยังมีเมืองหนึ่งที่เรียกว่าเมืองหานกู่อยู่ภายใต้การดูแลของธิดาของอาจารย์นามว่าฟู่จือหง หลี่เหลียงชิวและคนอื่นเป็นทหารรักษาการณ์ในปกครองของแม่นางจือหง แม่นางจือหงเป็นคนดี ทุกคนเคารพนาง
“ที่นั่นมีอะไรถึงต้องใช้ทหารรักษาการณ์?” ปิงถาม
ติงเฉินสะดุ้งชั่วขณะ เขาส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้”
แต่ปิงตาเป็นประกายเนื่องจากเขาคิดบางอย่างได้
เสี่ยวเอ้อบิดร่มดวงดาวในมือของมันผลึกน้ำแข็งบนพื้นเริ่มถูกดูดทีละก้อนๆ บินตรงเข้าหาร่มที่กำลังปั่นหมุน ผลึกทุกก้อนปะทะกับร่มเปลี่ยนเป็นประกายและผงน้ำเงินโปร่งใสซึ่งถูกดูดซับเข้าไปในผิวของร่ม
หยาหยางงงวยไปชั่วขณะและเริ่มเพิ่มความเร็วในการดูดบ้าง แต่เมื่อเทียบกับเสี่ยวเอ้อแล้ว ผลงานของมันแย่กว่า
ร่มดวงดาวหยุดทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อมองดูหยาหยาอย่างว่างเปล่า
หยาหยาลืมตากว้างแสดงความไม่พอใจ หัวใจของมันเต็มไปด้วยความอิจฉาโดยไม่รู้ตัว
เสี่ยวเอ้อกวักมือเรียกหยาหยาทันที
หยาหยาอึ้งไปชั่วขณะและร้องด้วยความดีใจแทน มันก้าวขาพุ่งเข้าหาเสี่ยวเอ้อและในช่วงท้ายของการวิ่งมันบินขึ้นไปบนฟ้าตีลังกาสองสามรอบ
เสี่ยวเอ้อหันร่างมาโดยบังเอิญ
แปะ
หยาหยาแนบอยู่กับหลังที่เหมือนวุ้นของเสี่ยวเอ้อกอดคอเสี่ยวเอ้อและส่งเสียงร่าเริง
ร่างของเสี่ยวเอ้อยืนมั่นคงสีหน้าว่างเปล่าไร้อารมณ์ เขาเริ่มหมุนร่มดวงดาวอีกครั้ง
วูบ...เสี่ยวเอ้อเหมือนกับพายุหมุนน้ำเงินบินไปตามพื้น ทุกที่ซึ่งเขาผ่านไปผลึกน้ำแข็งจะถูกดูดซับเข้าร่มดวงดาวไปหมด ผลึกคลื่นเย็นที่หนาแน่นกลายเป็นหมอกเข้าไปในร่างพวกมันอย่างต่อเนื่อง
ปิงตาแดงเขาหยุดสูบบุหรี่และตะโกนแล้วพุ่งหาพายุหมุนทันที “เสี่ยวเอ้อ! ยังมีข้าอีกคน รอข้าด้วย....”
วูบบบพายุหมุนสีฟ้าเหมือนกับสะดุ้งลอยห่างออกไปชั่วครู่
“บัดซบ!พวกเจ้าไม่พาข้าไปด้วยจริง!พวกเจ้าอย่าให้ข้าจับได้ดีกว่า...” ปิงโวยวายด้วยความโกรธได้ยินแต่ไกล
ทุกคนมองหน้ากันเองภาพข้างหน้าพวกเขา ขุนพลวิญญาณเฒ่าที่คลุมเครือ เป็นขุนพลวิญญาณคนเดียวกันกับที่ให้ความรู้สึกมีอำนาจเหมือนเมื่อครู่นี้หรือเปล่า?
ถังเทียนเบือนหน้า เขาไม่สามารถทนดูได้
น่าเสียดายเขาไม่สามารถกินผลึกน้ำแข็งได้แต่เท่าที่ดูเสี่ยวเอ้อและหยาหยามองดูเหมือนกับมีความสุข...
หลังจากผ่านไปราวสิบนาทีเสี่ยวเอ้อก็หยุด ผลึกรอบตัวถูกกวาดเรียบ ร่างของเสี่ยวเอ้อและหยาหยาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ผิวของหยาหยากลายเป็นงดงามเรียบเนียนและธงที่ปักอยู่ที่บั้นท้ายของมันกลายเป็นสีน้ำเงิน สูทลินินของเสี่ยวเอ้อกลับดูประณีตงดงามมากและใบหน้าที่ละเอียดอ่อนแต่เดิมตอนนี้เรียบเนียนเหมือนตุ๊กตาลายครามตาสีดำขลับเป็นประกายด้ามร่มดวงดาวในมือของเขาเป็นประกายแสงและโปร่งใสเหมือนผลึกน้ำแข็งในระหว่างดวงดาวไม่มีที่สุด ตอนนี้มีชั้นสลัวๆ ของเนบิวลา
ผลึกน้ำแข็งโดยรอบถูกเก็บกวาดเรียบว่างเปล่า ถ้ามาจากด้านบน หิมะที่ปกคลุมด้วยจุดน้ำเงิน มีเพียงรอบๆถังเทียนและที่เหลือเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีจุดน้ำเงินเลย
“เสี่ยวเอ้อ เก็บผลึกน้ำแข็งรอบๆนี้และนำมาตรงนี้ ”ปิงรีบเตือน
คราวนี้เสี่ยวเอ้อเหมือนกับว่าจะฉลาดมากขึ้น อากาศมีลมพัดเป็นวังวนกวาดเอาผลึกคลื่นเย็นทั้งหมดน้ำมากองรวมกัน
ทันใดนั้นถังเทียนหูไว เขาตะโกนพอได้ยิน “มีคนมาที่นี่!”
เสี่ยวเอ้อหยาหยาและปิงหายไปทันที
ติงเฉินพูดเบาๆ“ให้ข้ารับสถานการณ์เอง ทุกคนใจเย็นไว้”
มีจุดสองสามจุดปรากฏอยู่ในท้องฟ้าในพริบตาเดียวพวกเขาก็ลงมาอยู่ต่อหน้าทุกคน หัวหน้าเป็นคนหน้าดำร่างใหญ่
หน้าของติงเฉินมีแววแปลกใจและร้องเสียงดัง“ผู้กล้า!”
บุรุษหน้าดำกวาดตามองดูทุกคนทุกคนอยู่ในสภาพเสียใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งประสบหายนะมาสีหน้ายังคงมีวี่แววสั่นด้วยความกลัว เขาพูดอย่างอ่อนโยน “ติงเฉินเจ้าโชคดีมากเลยนะ ดีแล้วที่เจ้ายังรอดชีวิตได้ เจ้าพาพวกเขาไปซ่อนอยู่ที่ไหน?”
ติงเฉินชี้ไปที่ถ้ำน้ำแข็งซึ่งพังทลายด้านหลังพวกเขา เสียงเขาสั่นเล็กน้อย “พวกท่านยังจำได้ไหมว่ามีถ้ำน้ำแข็งอยู่ตรงนี้? โชคดีที่เราอยู่ไม่ห่างจากถ้ำน้ำแข็งนัก ถ้าไม่อย่างนั้น....”
บุรุษหน้าดำคิดว่าติงเฉินกลัวเขาถอนหายใจกล่าว “นับว่าโชคดีจริงๆ”
เขามองดูถ้ำน้ำแข็งที่พังถล่ม คนจำนวนมากรู้จักถ้ำน้ำแข็งนี้ ปกติผู้คนที่ลาดตระเวนจะมาพักที่นี่เพื่อหลบลมและหิมะ
“เจ้าเห็นหน่วยของหลี่ฟู่บ้างไหม?”บุรุษหน้าดำถามขึ้นกระทันหัน
“ไม่เห็นเลย” ติงเฉินส่ายศีรษะเขาตื่นตัวเสียงสั่นทันที “เป็นไปได้ไหมว่าหน่วยของหลี่ฟู่...”
“หวังว่าเขาจะมีโชคเช่นกัน”บุรุษหน้าดำส่ายศีรษะถอนหายใจ จากนั้นเขากล่าว “เจ้าพาพวกเขาไปค่ายฝึกเถอะ ช่วงนี้จะสับสนวุ่นวายบ้างเราเองก็มีเวลาที่ลำบากอยู่เหมือนกัน ดังนั้นดีที่สุดพวกเจ้าจงอยู่ในค่ายฝึก ขนาดของคลื่นพลังเย็นครั้งนี้เกินคาดจริงๆ นายท่านและอาจารย์หลี่จะมาถึงพรุ่งนี้ รีบกลับไปซะ ข้าจะไปค้นหาต่อ”
ติงเฉินอุทาน “ขอบคุณท่าน”
เมื่อบุรุษหน้าดำหันหน้าและจากไปทันที ทุกคนถอนหายใจโล่งอก
ติงเฉินกล่าวเบาๆ “ท่านเมื่อครู่นี้ เขาเป็นทหารรักษาเมืองหานกู่ กับท่านหลงไห่หวี พวกเขาเป็นศิษย์ของอาจารย์และเป็นศิษย์พี่ของแม่นางที่ดูแลเมือง แข็งแกร่งมาก
ถังเทียนพยักหน้า “แม้ว่าจะแข็งแกร่งมากกว่าหลี่เหลียงชิว แต่ก็ยังมีนักสู้ระดับทองถึงสี่คนอยู่ข้างตัวเขา”
ปิงลอยออกมาและกล่าว “เราจะไปยังค่ายฝึกฝน”
“ทำไมล่ะ?เราจะไม่เข้าไปพื้นที่ฝึกฝนชั้นในหรือ? เรามีเวลาไม่มากแล้ว!” ถังเทียนงง
ปิงส่ายศีรษะ “ที่ราบหิมะดึกดำบรรพ์นี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน สองเซียนถึงกับมาที่นี่ เจ้าไม่พบว่ามันแปลกบ้างหรือ? การปรากฏตัวของหลี่รั่วเป็นเรื่องธรรมดา ลูกชายของเขาพบกับสถานการณ์ลำบาก แต่ฟู่จงซานเล่า?มาพบธิดาเขาอย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นเรื่องธรรมดาก็พอจะอภัยได้ แต่กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์มีความเคลื่อนไหวในมุมมืด ดังนั้นหลายคนเริ่มก่อกวน แล้วยังจะมีเวลาออกมาได้ยังไง?”
ปิงถามติงเฉินทันที “คลื่นพลังเย็นมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”
“จะมีคลื่นพลังเย็นทุกปี แต่ขนาดจะไม่ใหญ่ ครั้งนี้คลื่นพลังเย็นนับว่าใหญ่ที่สุดแล้วครั้งก่อนคลื่นลูกใหญ่ๆ ก็ต้องเมื่อหกปีก่อน ครั้งนั้นอาจารย์ทั้งสามก็มาเหมือนกัน” ติงเฉินพยายามระลึกถึง
ปิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น “สำนักฝึกฝนชั้นนอกเป็นที่แบบไหนกันถึงมีค่าพอให้นักสู้ชั้นเซียนทั้งสามคนมาที่นี่? ที่นี่ไม่มีอะไรที่ควรค่าแก่การมา นั่นเป็นเรื่องแปลก! อีกทั้งยังเป็นดินแดนกันดารรกร้างทำไมจึงต้องใช้ยอดฝีมือปกป้องเป็นจำนวนมาก? มีอะไรต้องปกป้องอยู่หรือ?”
ถังเทียนส่ายศีรษะ “แต่ สิ่งที่คุ้มค่าอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับ...”
ปิงขัดจังหวะ เขากลัวว่าเจ้าโง่ถังเทียนจะพูดคำว่าดวงตาเซกซ์แทนส์ออกมา เขาพูดอย่างจริงจัง “ไม่มีปัญหา เรายังไม่รีบร้อนในช่วงสองวันนี้ เราจะได้รับข่าวสารใหม่แน่”
เขาโบกมือขึ้นอย่างกระตือรือร้น “เสี่ยวเอ้อ หยาหยา รีบไปเก็บผลึกน้ำแข็งกัน!”